
Realme เป็นแบรนด์ที่ลุยตลาดในประเทศไทยมาไม่นานแต่สร้างกระแสได้แรงมากๆครับ ทั้งการที่เอารุ่นคุ้มๆเข้ามาหรือจะเป็นตัว Realme C1 ที่เข้ามาในราคาไม่ถึง 4000 และได้สเปคอะไรที่คุ้มค่ามากๆ หรือจะเป็นตระกูล 2 Pro ที่มีราคาพิเศษลดมาเหลือแค่ 5500 บาทในช่วงนั้นเรียกได้ว่าอัดเต็มจนเป็นแบรนด์ที่หลายๆคนเริ่มรู้จักกันมากขึ้นครับ และแน่นอนในปี 2019 ก็เตรียมจัดความคุ้มกันเข้ามาอีกแล้วโดยเริ่มกันก่อนเลยคือทาง Realme C1 2019 ที่หน้าตาเดิม เหมือนเดิม แต่เพิ่มเติมคือสีฟ้าใหม่ และ ความจุที่ อัพเกรดจาก 16GB เป็น 32 GB กันแล้ว ! ในราคาเท่าเดิม อันนี้คุ้มจริงครับ บอกเลยว่าน่าสนใจมากๆ และ สีฟ้าแบบใหม่สวย เรามาชมรีวิวกันหน่อยว่าจะมีอะไรเด่นๆบ้าง

RealMe C1 2019 เปิดตัวมาพร้อมกับชิปเซ็ต Qualcomm Snapdragon 450 Octa Core ความเร็ว 1.8 GHz พร้อม RAM 2GB + ROM 32 GB แบตเตอรี่ความจุ 4320 mAh มาพร้อมหน้าจอขนาด 6.2 นิ้ว ความละเอียด HD + พร้อมกล้องหลังคู่รองรับการถ่ายโบเก้ ในราคาจำหน่ายเพียง 3,990 บาท และ มาพร้อมกับสีฟ้าใหม่

สำหรับในรุ่นนี้เปิดราคามาเท่าเดิมเลยครับ มาพร้อมสีน้ำเงิน OCEAN BLUE แน่นอนว่า ราคาเดิม และ รุ่นเก่าสีดำนั้นที่มาพร้อม STORAGE 16GB ก็มีขายนะ แต่ราคาก็ลงมาที่ 3,590 บาทเท่านั้น !

UNBOX
รุ่นนี้หน้าตากล่องเปลี่ยนไปพอสมควรมาใช้โลโก้แบบใหม่ โทนสีใหม่แล้ว จากที่ก่อนหน้านี้ตอนแรกๆจะใช้เป็นธีมสีขาวดำทั้งหมด แต่ก็ได้มีการเปลี่ยนโลโก้ใหม่ โทนสีใหม่ สีประจำแบรนด์ใหม่ทั้งหมดครับเลยได้เป็นสีเหลืองเข้มแบบนี้และก็โลโก้ตัว R นั้นเหลี่ยมขึ้นชัดเจนในตัวกล่อง แต่บนมือถือยังไม่เปลี่ยน
- ตัวเครื่อง Realme C1
- สายชาร์จ Micro-USB 2.0
- คู่มือ ที่จิ้มซิม
- หัวชาร์จไฟเข้า 5V 1A
- เคสใส
- ฟิล์มกันรอย

ตัวเคสนั้นมาเป็นเคสใสแบบนิ่มเช่นเดิมนะครับ พร้อมกับการปกป้องโดยรวมทำได้ดีเลยแหละความหนาตรงบริเวณกล้องอะไรคลุมได้ดีครับ และส่วนหน้าจอก็ปกปิดได้พอสมควร แต่วัสดุแบบนี้เป็นปกติที่ใช้ไปนานๆจะมีเปลี่ยนสีอะไรบ้างครับแม้จะเป็นเคสแถม เคสซื้อแพงๆก็เจออาการแบบนี้ทั้งหมดแต่ก็ใช้งานแก้ขัดกันไปก่อนได้ครับไม่มีปัญหา

DESIGN
การออกแบบในรุ่นนี้ค่อนข้างสวยแม้จะไม่ใช้กระจกแต่วัสดุอะไรนั้นก็ทำออกมาดูดีใช้ได้ครับ ขนาดความหนาอะไรทั้งหลายโอเคเลย รวมถึงการใช้โทนสีฟ้าน้ำเงิน แบบใหม่ทั้งฝาหลังและขอบเครื่องทำได้ดูดีและสวยงามกว่าสีดำในรุ่นก่อนหน้าด้วยครับ หน้าจอมาพร้อมกับหน้าจอแบบมีติ่งรอยบากอยู่ตรงกลาง ขอบข้างๆนั้นก็ทำได้บางตามราคาครับ ถือว่าบางกว่าบางยี่ห้อด้วยนะเมื่อดูของจริง รุ่นนี้มีฟิลม์ติดมาให้ด้วยเลยจากโรงงาน รวมๆการออกแบบดูดีใช้ได้นะ

ด้านหน้าตัวเครื่องมาพร้อมกับหน้าจอ IPS LCD ขนาด 6.2 นิ้ว อัตราส่วน 19 : 9 มาพร้อมกับรอยบากรูปยกน้ำ ความละเอียด HD + ( 720 x 1520 พิกเซล ) Multi-Touch รองรับได้ 10 จุด ครอบทับด้วยกระจก 2.5D

เหนือหน้าจอตรงรอยบากมีกล้องหน้าความละเอียด 5 ล้านพิกเซล เทคโนโลยี AI Beauty 2.0 มีลำโพงสำหรับสนทนา ในส่วนของรอยบากสามารถปิดได้

ด้านล่างในจอแสดงผลจะมีปุ่มใช้งาน Recent Apps , ปุ่มโฮม และ ปุ่มย้อนกลับ สามารถสลับเปลี่ยน หรือซ่อนเพื่อใช้งานเเบบเต็มจอได้

สำหรับตัวเครื่องด้านล่าง : ด้านซ้ายเป็นลำโพงหลัก ถัดมามีพอร์ทเชื่อมต่อเเละชาร์จแบตเตอรี่แบบ Micro USB ด้านขวามีช่องไมโครโฟน เเละ รูเสียบหูฟังแบบ 3.5 มม

สำหรับตัวเครื่องด้านขวา มีปุ่มเปิด/ปิดเครื่อง และก็เรียบๆครับไม่มีอะไรเลยจะเห็นการใช้สีฟ้าพ่นแบบด้านก็สวยไปอีกแบบเวลาเจอแสงลงมาแบบนี้ครับ

สำหรับตัวเครื่องด้านช้าย มีช่องใส่ซิมแบบขนาด Nano Sim 2 ช่อง ติดกันมีช่องใส่ Micro-SD ที่สามารถรองรับได้สูงสุด 256GB รองรับการใช้งาน 4G ทั้ง 2 ซิม และ มีปุ่มเพิ่ม – ลดเสียง

สำหรับตัวเครื่องด้านบน ไม่มีรายละเอียดอะไรจะเห็นว่าวัสดุแบบเดียวกันหมดเป็นแบบด้านและกระจกหน้าจอแบบตัดตรงรวมถึงขอบหลังมีโค้งรับมือเล็กน้อยครับ

สำหรับตัวเครื่องด้านหลัง : มีการออกเเบบฝาหลังให้คล้ายกับกระจกเงาเหมือนเดิมแต่เป็นสีฟ้าสวยงามขึ้นครับ มาพร้อมกล้องหลังคู่ความละเอียด 13 + 2 ล้านพิกเซล รองรับการถ่ายภาพโบเก้ ( หน้าชัดหลังเบลอ )

ตัวกล้องหลัง ยังคงมีการเล่นขอบโครมเมี่ยมเงินมาให้ พร้อมกับ ไฟแฟลชครับ นูนออกจากฝาหลังไม่มากเท่าไรครับในส่วนกล้องหลังของรุ่นนี้ และ ไม่มีสแกนนิ้วด้านหลังมาให้นะครับ

SPEC
- Android 8.1 + ColorOS 5.1
- หน้าจอ ขนาด 6.2 นิ้ว ความละเอียด 1520 × 720 พิกเซล ครอบทับกระจก Gorilla Glass 3 แบบ 2.5D
- CPU Snapdragon 450
- GPU Adreno 506
- RAM 2GB
- STORAGE 32GB
- MicroSD Card สูงสุด 256GB
- Wi-Fi 802.11a/b/g/n 2.4GHz
- Bluetooth 4.2
- กล้องหลัง ความละเอียด 13MP (f/1.9) + ความละเอียด 2MP (f/2.4)
- กล้องหน้า ความละเอียด 5MP รูรับแสง f/2.2 พร้อมปรับสภาพผิว
- แบตเตอรี่ 4230mAh
- จะมีสองเฉดสีให้เลือก Ocean Blue และ Deep Black
- ราคาเท่าเดิม 3,990 บาท

PERFORMANCE
สำหรับประสิทธิภาพในการทำงาน ตัวนี้มาพร้อม 32GB หน่วยความจำชนิด EMMC5.1 คะแนนก็ตามเรทของ CPU 450 และ Antutu ทำคะแนน 74,878 คะแนน และ Geekbench นั้นทำไปได้ 788 / 3724 ตามปกติของ CPU ครับ ส่วนในด้านความปลอดภัยนั้นก็มาพร้อม L3 เป็นปกติของค่ายนี้ ไม่สามารถดู Netflix HD พวกนั้นได้ในส่วน Sensor ที่ใส่มาหลักๆที่เราจะต้องใช้งานก็มีใส่มาให้เราครบรองรับ Multi-Touch รองรับได้ 10 จุด

SOFTWARE UI
ตัวระบบหน้าตาคุ้นเคยกันแน่นอน Colour OS 5.2.1 ในรุ่นนี้รันบนระบบปฏิบัติการ Android 8.1 Oreo มาเองเลยแหละใช้งานไม่ยากแน่นอนครับระบบที่คุ้นเคยกันดีหน้าตาดูสะอาดๆและลื่นไหล แต่บางทีแอบไม่ทันใจเท่าไรในช่วงที่แอดมินใช้งานไม่ได้ลื่นติดนิ้วมากนัก หน้าแอพต่างๆมีเลขแจ้งเตือนปกติ ไม่มี App drawer ครับ ส่วนการเด้งแจ้งเตือนทำได้ดีไม่มีปัญหาครับในเรื่องนี้ แม้หน้าตายะงคงแบบเดิมยังไม่เหมือนตัว Realme 3 แต่แน่นอนว่ามันจะมีอัพเดทเป็น 9.0 ตามรุ่นพี่แน่ๆเลย และจะได้หน้าตาสวยๆแบบนั้นเลย

หน้าตาทั้งตัว Quicksetting มาในโทนสีขาวเขียวทั้งหมด ปรับได้ค่อนข้างเยอะและอิสระในการปรับแต่งได้พอสมควรเลย การแบ่งหน้าจอนั้นทำได้หลากหลายวิธีครับ ทั้งลาก 3 นิ้วขึ้นไปบนแอพที่เราใช้งานอยู่ หรือจะกด เคลียแอพค้างไว้ ไอคอน สี่เหลี่ยม หรือจะ กดเคลียร์แอพ และลากหน้าต่างแอพลงมาและเลือกแบ่งหน้าจอก็ทำได้ครับผม

ทางด้าน แป้นพิมพ์นั้นเป็นของทาง Google และ ในการเปลี่ยนแปลงหลักๆนั้นจะเพิ่มมา มีความจุที่ 32 GB เหลือใช้งานได้ 23.0GB และ ในเรื่องของ RAM เท่าเดิมที่ 2GB นั้นใช้งานประมาณ 1.1 ครับ ถือว่าเพียงพอใช้งานทั่วๆไปได้สบายครับ

สำหรับฟีเจอร์ต่างๆทั้งเกี่ยวกับเกมหรือมีมาให้เกือบครบเหมือนกับในรุ่นพี่ Realme 2 Pro สามารถทำได้เช่นกัน พวกฟีเจอร์ช่วยเวลาขับรถต่ออะไรอัตโนมัติก็มีประโยชน์มากๆเลยนะ เราไม่ต้องไปต่ออะไรเองครับเดินขึ้นรถมันจะเชื่อมให้เองเลยสะดวกดีเหมือนกัน เปิดลำโพงให้เองถ้าเรารับสายแบบไม่มี Bluetooth อะไรพวกนี้ ตัดสายเองถ้าเราเปิดห้ามรบกวนอะไรแบบนี้ถือว่ามีประโยชน์ต่อการใช้งาน เเต่ในรุ่นนี้มีการตัดฟีเจอร์การโคลนแอพออกไปนะครับไม่สามารถโคลนแอพได้

ปุ่มควบคุม 3 ปุ่มด้านล่างนั้นสามารถเปลี่ยนตำแหน่งได้ หรือใช้งานแบบปัดๆไม่มีปุ่มเพื่อให้มันเต็มจอได้เช่นเดียวกัน ส่วนแถบด้านข้างอันนี้มีประโยชน์นะ มันจะเอาแอพที่เราใช้งานบ่อยๆ ชอตคัตง่ายๆมาใส่ไว้คือดีงาม และ ฟีเจอร์ในการรับสายแบบไม่ต้องกด คว่ำเพื่อเงียบ หรือ ยกขึ้นมาเพื่อปิดเสียงลำโพงพวกนี้ก็ทำได้เช่นเดียวกันครับ

Gesture ต่างๆทั้งเคาะเปิดหน้าจอ วาดตัวอักษรก็ยกมาครบครับ ในการใช้งานขณะปิดหน้าจอ รวมถึง ถ่ายหน้าจอแบบ 3 นิ้วก็มาจัดเต็มเลย และ ถ้าใครสัมผัสเล่นเกมแล้วแปลกๆแนะนำให้ปิดอันนี้ไปนะครับ เพราะบางทีเล่นเกมหลายๆนิ้วแล้วมันจะเป็นการเข้าจับภาพหน้าจอและทำให้สัมผัสนั้นไม่ได้ดีเท่าไร และสามารถสแกนใบหน้าได้ด้วย

SCREEN
เรื่องของหน้าจอแสดงผลในรุ่นนี้มาพร้อมกับหน้าจอชนิด IPS LCD พร้อมความละเอียด HD+ สีสันของหน้าจอถือว่าทำออกมาได้ดีตามราคา ไม่ว่าจะเป็นในเรื่องของความสว่างโทนสีที่เป็นธรรมชาติ เเต่ต้องเเจ้งก่อนว่าในส่วนของรอยบากไม่สามารถปิดได้นะครับ และ ด้วยการที่มันเป็นจอแบบ LCD เลยทำให้สู้แดดได้ยากไปหน่อย ส่วนการสัมผัสติดนิ้วพอๆกับตัวแรกครับและเล่นเกม ใช้งานอาจจะไม่ได้ติดนิ้วอะไรขนาดนั้น แต่บางท่านนั้นอาจจะเปลี่ยนฟิลม์ก็ช่วยได้นิดหน่อยครับ ถือว่าสัมผัสตามเรทราคาของมันแหละ อันนี้ก็พอเข้าใจได้ครับสำหรับเจ้า C1

ในเรื่องของมุมมองหลายๆด้านกันบ้างด้วยการที่เป็นจอ LCD มุมมองบางครั้งอาจจะไม่ได้โหดมากครับถ้าเจอฉากสีดำเยอะๆและเอียงมองจะออกไปทางสีเทาๆซะมากกว่ากว่าไม่ได้ดำสนิทครับ ส่วนเรื่องความดรอปลงในมุมมองอื่นๆนั้นก็เจอบ้างครับถ้าเป็นโทนสีเข้มจะดรอปลงพอสมควรครับ และความสว่างในมุมมองเอียงๆนั้นไม่เท่ากับมองตรงๆเท่าไร

SOUND
ในด้านของเสียงผ่านหูฟังตัวนี้มีรู 3.5มม. เสียงจาดที่ลองนั้น แน่นอนว่าตัวนี้ไม่มีหูฟังมาให้ครับ โดยความรู้สึกคล้ายของเดิมไม่ได้เด่นมากนักกำลังขับ เบส หรือ เสียงนั้นค่อนข้างธรรมดา เสียงที่ได้ออกมา จะค่อนข้างออกไปทางโทนแหลมสูง ส่วนใน เรื่องของมิติ เวที เสียงมากลางๆครับผม คล้ายๆกับของแบรนด์ realme ในรุ่นก่อนหน้ามากๆครับ รวมถึงตัวนี้หน้าตาการปรับเสียงสามารถปรับเสียงแล้วแต่แนวคนชอบได้และปรับ EQ ได้ 3 ย่านหลักๆครับ ถือว่าแอบน้อยไปนิดนึงนะ ปรับได้เท่าเดิมแต่เปลี่ยนหน้าตานิดหน่อยสำหรับใครที่ชอบปรับ EQ อาจจะต้องพึ่งแอพนอกแทน
[SR] รีวิว REALME C1 (2019) ตัวคุ้ม แบตอึด สีใหม่ อัพเกรดความจุ 32GB ในราคาเดิม !
Realme เป็นแบรนด์ที่ลุยตลาดในประเทศไทยมาไม่นานแต่สร้างกระแสได้แรงมากๆครับ ทั้งการที่เอารุ่นคุ้มๆเข้ามาหรือจะเป็นตัว Realme C1 ที่เข้ามาในราคาไม่ถึง 4000 และได้สเปคอะไรที่คุ้มค่ามากๆ หรือจะเป็นตระกูล 2 Pro ที่มีราคาพิเศษลดมาเหลือแค่ 5500 บาทในช่วงนั้นเรียกได้ว่าอัดเต็มจนเป็นแบรนด์ที่หลายๆคนเริ่มรู้จักกันมากขึ้นครับ และแน่นอนในปี 2019 ก็เตรียมจัดความคุ้มกันเข้ามาอีกแล้วโดยเริ่มกันก่อนเลยคือทาง Realme C1 2019 ที่หน้าตาเดิม เหมือนเดิม แต่เพิ่มเติมคือสีฟ้าใหม่ และ ความจุที่ อัพเกรดจาก 16GB เป็น 32 GB กันแล้ว ! ในราคาเท่าเดิม อันนี้คุ้มจริงครับ บอกเลยว่าน่าสนใจมากๆ และ สีฟ้าแบบใหม่สวย เรามาชมรีวิวกันหน่อยว่าจะมีอะไรเด่นๆบ้าง
RealMe C1 2019 เปิดตัวมาพร้อมกับชิปเซ็ต Qualcomm Snapdragon 450 Octa Core ความเร็ว 1.8 GHz พร้อม RAM 2GB + ROM 32 GB แบตเตอรี่ความจุ 4320 mAh มาพร้อมหน้าจอขนาด 6.2 นิ้ว ความละเอียด HD + พร้อมกล้องหลังคู่รองรับการถ่ายโบเก้ ในราคาจำหน่ายเพียง 3,990 บาท และ มาพร้อมกับสีฟ้าใหม่
สำหรับในรุ่นนี้เปิดราคามาเท่าเดิมเลยครับ มาพร้อมสีน้ำเงิน OCEAN BLUE แน่นอนว่า ราคาเดิม และ รุ่นเก่าสีดำนั้นที่มาพร้อม STORAGE 16GB ก็มีขายนะ แต่ราคาก็ลงมาที่ 3,590 บาทเท่านั้น !
UNBOX
รุ่นนี้หน้าตากล่องเปลี่ยนไปพอสมควรมาใช้โลโก้แบบใหม่ โทนสีใหม่แล้ว จากที่ก่อนหน้านี้ตอนแรกๆจะใช้เป็นธีมสีขาวดำทั้งหมด แต่ก็ได้มีการเปลี่ยนโลโก้ใหม่ โทนสีใหม่ สีประจำแบรนด์ใหม่ทั้งหมดครับเลยได้เป็นสีเหลืองเข้มแบบนี้และก็โลโก้ตัว R นั้นเหลี่ยมขึ้นชัดเจนในตัวกล่อง แต่บนมือถือยังไม่เปลี่ยน
- ตัวเครื่อง Realme C1
- สายชาร์จ Micro-USB 2.0
- คู่มือ ที่จิ้มซิม
- หัวชาร์จไฟเข้า 5V 1A
- เคสใส
- ฟิล์มกันรอย
ตัวเคสนั้นมาเป็นเคสใสแบบนิ่มเช่นเดิมนะครับ พร้อมกับการปกป้องโดยรวมทำได้ดีเลยแหละความหนาตรงบริเวณกล้องอะไรคลุมได้ดีครับ และส่วนหน้าจอก็ปกปิดได้พอสมควร แต่วัสดุแบบนี้เป็นปกติที่ใช้ไปนานๆจะมีเปลี่ยนสีอะไรบ้างครับแม้จะเป็นเคสแถม เคสซื้อแพงๆก็เจออาการแบบนี้ทั้งหมดแต่ก็ใช้งานแก้ขัดกันไปก่อนได้ครับไม่มีปัญหา
DESIGN
การออกแบบในรุ่นนี้ค่อนข้างสวยแม้จะไม่ใช้กระจกแต่วัสดุอะไรนั้นก็ทำออกมาดูดีใช้ได้ครับ ขนาดความหนาอะไรทั้งหลายโอเคเลย รวมถึงการใช้โทนสีฟ้าน้ำเงิน แบบใหม่ทั้งฝาหลังและขอบเครื่องทำได้ดูดีและสวยงามกว่าสีดำในรุ่นก่อนหน้าด้วยครับ หน้าจอมาพร้อมกับหน้าจอแบบมีติ่งรอยบากอยู่ตรงกลาง ขอบข้างๆนั้นก็ทำได้บางตามราคาครับ ถือว่าบางกว่าบางยี่ห้อด้วยนะเมื่อดูของจริง รุ่นนี้มีฟิลม์ติดมาให้ด้วยเลยจากโรงงาน รวมๆการออกแบบดูดีใช้ได้นะ
ด้านหน้าตัวเครื่องมาพร้อมกับหน้าจอ IPS LCD ขนาด 6.2 นิ้ว อัตราส่วน 19 : 9 มาพร้อมกับรอยบากรูปยกน้ำ ความละเอียด HD + ( 720 x 1520 พิกเซล ) Multi-Touch รองรับได้ 10 จุด ครอบทับด้วยกระจก 2.5D
เหนือหน้าจอตรงรอยบากมีกล้องหน้าความละเอียด 5 ล้านพิกเซล เทคโนโลยี AI Beauty 2.0 มีลำโพงสำหรับสนทนา ในส่วนของรอยบากสามารถปิดได้
ด้านล่างในจอแสดงผลจะมีปุ่มใช้งาน Recent Apps , ปุ่มโฮม และ ปุ่มย้อนกลับ สามารถสลับเปลี่ยน หรือซ่อนเพื่อใช้งานเเบบเต็มจอได้
สำหรับตัวเครื่องด้านล่าง : ด้านซ้ายเป็นลำโพงหลัก ถัดมามีพอร์ทเชื่อมต่อเเละชาร์จแบตเตอรี่แบบ Micro USB ด้านขวามีช่องไมโครโฟน เเละ รูเสียบหูฟังแบบ 3.5 มม
สำหรับตัวเครื่องด้านขวา มีปุ่มเปิด/ปิดเครื่อง และก็เรียบๆครับไม่มีอะไรเลยจะเห็นการใช้สีฟ้าพ่นแบบด้านก็สวยไปอีกแบบเวลาเจอแสงลงมาแบบนี้ครับ
สำหรับตัวเครื่องด้านช้าย มีช่องใส่ซิมแบบขนาด Nano Sim 2 ช่อง ติดกันมีช่องใส่ Micro-SD ที่สามารถรองรับได้สูงสุด 256GB รองรับการใช้งาน 4G ทั้ง 2 ซิม และ มีปุ่มเพิ่ม – ลดเสียง
สำหรับตัวเครื่องด้านบน ไม่มีรายละเอียดอะไรจะเห็นว่าวัสดุแบบเดียวกันหมดเป็นแบบด้านและกระจกหน้าจอแบบตัดตรงรวมถึงขอบหลังมีโค้งรับมือเล็กน้อยครับ
สำหรับตัวเครื่องด้านหลัง : มีการออกเเบบฝาหลังให้คล้ายกับกระจกเงาเหมือนเดิมแต่เป็นสีฟ้าสวยงามขึ้นครับ มาพร้อมกล้องหลังคู่ความละเอียด 13 + 2 ล้านพิกเซล รองรับการถ่ายภาพโบเก้ ( หน้าชัดหลังเบลอ )
ตัวกล้องหลัง ยังคงมีการเล่นขอบโครมเมี่ยมเงินมาให้ พร้อมกับ ไฟแฟลชครับ นูนออกจากฝาหลังไม่มากเท่าไรครับในส่วนกล้องหลังของรุ่นนี้ และ ไม่มีสแกนนิ้วด้านหลังมาให้นะครับ
SPEC
- Android 8.1 + ColorOS 5.1
- หน้าจอ ขนาด 6.2 นิ้ว ความละเอียด 1520 × 720 พิกเซล ครอบทับกระจก Gorilla Glass 3 แบบ 2.5D
- CPU Snapdragon 450
- GPU Adreno 506
- RAM 2GB
- STORAGE 32GB
- MicroSD Card สูงสุด 256GB
- Wi-Fi 802.11a/b/g/n 2.4GHz
- Bluetooth 4.2
- กล้องหลัง ความละเอียด 13MP (f/1.9) + ความละเอียด 2MP (f/2.4)
- กล้องหน้า ความละเอียด 5MP รูรับแสง f/2.2 พร้อมปรับสภาพผิว
- แบตเตอรี่ 4230mAh
- จะมีสองเฉดสีให้เลือก Ocean Blue และ Deep Black
- ราคาเท่าเดิม 3,990 บาท
PERFORMANCE
สำหรับประสิทธิภาพในการทำงาน ตัวนี้มาพร้อม 32GB หน่วยความจำชนิด EMMC5.1 คะแนนก็ตามเรทของ CPU 450 และ Antutu ทำคะแนน 74,878 คะแนน และ Geekbench นั้นทำไปได้ 788 / 3724 ตามปกติของ CPU ครับ ส่วนในด้านความปลอดภัยนั้นก็มาพร้อม L3 เป็นปกติของค่ายนี้ ไม่สามารถดู Netflix HD พวกนั้นได้ในส่วน Sensor ที่ใส่มาหลักๆที่เราจะต้องใช้งานก็มีใส่มาให้เราครบรองรับ Multi-Touch รองรับได้ 10 จุด
SOFTWARE UI
ตัวระบบหน้าตาคุ้นเคยกันแน่นอน Colour OS 5.2.1 ในรุ่นนี้รันบนระบบปฏิบัติการ Android 8.1 Oreo มาเองเลยแหละใช้งานไม่ยากแน่นอนครับระบบที่คุ้นเคยกันดีหน้าตาดูสะอาดๆและลื่นไหล แต่บางทีแอบไม่ทันใจเท่าไรในช่วงที่แอดมินใช้งานไม่ได้ลื่นติดนิ้วมากนัก หน้าแอพต่างๆมีเลขแจ้งเตือนปกติ ไม่มี App drawer ครับ ส่วนการเด้งแจ้งเตือนทำได้ดีไม่มีปัญหาครับในเรื่องนี้ แม้หน้าตายะงคงแบบเดิมยังไม่เหมือนตัว Realme 3 แต่แน่นอนว่ามันจะมีอัพเดทเป็น 9.0 ตามรุ่นพี่แน่ๆเลย และจะได้หน้าตาสวยๆแบบนั้นเลย
หน้าตาทั้งตัว Quicksetting มาในโทนสีขาวเขียวทั้งหมด ปรับได้ค่อนข้างเยอะและอิสระในการปรับแต่งได้พอสมควรเลย การแบ่งหน้าจอนั้นทำได้หลากหลายวิธีครับ ทั้งลาก 3 นิ้วขึ้นไปบนแอพที่เราใช้งานอยู่ หรือจะกด เคลียแอพค้างไว้ ไอคอน สี่เหลี่ยม หรือจะ กดเคลียร์แอพ และลากหน้าต่างแอพลงมาและเลือกแบ่งหน้าจอก็ทำได้ครับผม
ทางด้าน แป้นพิมพ์นั้นเป็นของทาง Google และ ในการเปลี่ยนแปลงหลักๆนั้นจะเพิ่มมา มีความจุที่ 32 GB เหลือใช้งานได้ 23.0GB และ ในเรื่องของ RAM เท่าเดิมที่ 2GB นั้นใช้งานประมาณ 1.1 ครับ ถือว่าเพียงพอใช้งานทั่วๆไปได้สบายครับ
สำหรับฟีเจอร์ต่างๆทั้งเกี่ยวกับเกมหรือมีมาให้เกือบครบเหมือนกับในรุ่นพี่ Realme 2 Pro สามารถทำได้เช่นกัน พวกฟีเจอร์ช่วยเวลาขับรถต่ออะไรอัตโนมัติก็มีประโยชน์มากๆเลยนะ เราไม่ต้องไปต่ออะไรเองครับเดินขึ้นรถมันจะเชื่อมให้เองเลยสะดวกดีเหมือนกัน เปิดลำโพงให้เองถ้าเรารับสายแบบไม่มี Bluetooth อะไรพวกนี้ ตัดสายเองถ้าเราเปิดห้ามรบกวนอะไรแบบนี้ถือว่ามีประโยชน์ต่อการใช้งาน เเต่ในรุ่นนี้มีการตัดฟีเจอร์การโคลนแอพออกไปนะครับไม่สามารถโคลนแอพได้
ปุ่มควบคุม 3 ปุ่มด้านล่างนั้นสามารถเปลี่ยนตำแหน่งได้ หรือใช้งานแบบปัดๆไม่มีปุ่มเพื่อให้มันเต็มจอได้เช่นเดียวกัน ส่วนแถบด้านข้างอันนี้มีประโยชน์นะ มันจะเอาแอพที่เราใช้งานบ่อยๆ ชอตคัตง่ายๆมาใส่ไว้คือดีงาม และ ฟีเจอร์ในการรับสายแบบไม่ต้องกด คว่ำเพื่อเงียบ หรือ ยกขึ้นมาเพื่อปิดเสียงลำโพงพวกนี้ก็ทำได้เช่นเดียวกันครับ
Gesture ต่างๆทั้งเคาะเปิดหน้าจอ วาดตัวอักษรก็ยกมาครบครับ ในการใช้งานขณะปิดหน้าจอ รวมถึง ถ่ายหน้าจอแบบ 3 นิ้วก็มาจัดเต็มเลย และ ถ้าใครสัมผัสเล่นเกมแล้วแปลกๆแนะนำให้ปิดอันนี้ไปนะครับ เพราะบางทีเล่นเกมหลายๆนิ้วแล้วมันจะเป็นการเข้าจับภาพหน้าจอและทำให้สัมผัสนั้นไม่ได้ดีเท่าไร และสามารถสแกนใบหน้าได้ด้วย
SCREEN
เรื่องของหน้าจอแสดงผลในรุ่นนี้มาพร้อมกับหน้าจอชนิด IPS LCD พร้อมความละเอียด HD+ สีสันของหน้าจอถือว่าทำออกมาได้ดีตามราคา ไม่ว่าจะเป็นในเรื่องของความสว่างโทนสีที่เป็นธรรมชาติ เเต่ต้องเเจ้งก่อนว่าในส่วนของรอยบากไม่สามารถปิดได้นะครับ และ ด้วยการที่มันเป็นจอแบบ LCD เลยทำให้สู้แดดได้ยากไปหน่อย ส่วนการสัมผัสติดนิ้วพอๆกับตัวแรกครับและเล่นเกม ใช้งานอาจจะไม่ได้ติดนิ้วอะไรขนาดนั้น แต่บางท่านนั้นอาจจะเปลี่ยนฟิลม์ก็ช่วยได้นิดหน่อยครับ ถือว่าสัมผัสตามเรทราคาของมันแหละ อันนี้ก็พอเข้าใจได้ครับสำหรับเจ้า C1
ในเรื่องของมุมมองหลายๆด้านกันบ้างด้วยการที่เป็นจอ LCD มุมมองบางครั้งอาจจะไม่ได้โหดมากครับถ้าเจอฉากสีดำเยอะๆและเอียงมองจะออกไปทางสีเทาๆซะมากกว่ากว่าไม่ได้ดำสนิทครับ ส่วนเรื่องความดรอปลงในมุมมองอื่นๆนั้นก็เจอบ้างครับถ้าเป็นโทนสีเข้มจะดรอปลงพอสมควรครับ และความสว่างในมุมมองเอียงๆนั้นไม่เท่ากับมองตรงๆเท่าไร
SOUND
ในด้านของเสียงผ่านหูฟังตัวนี้มีรู 3.5มม. เสียงจาดที่ลองนั้น แน่นอนว่าตัวนี้ไม่มีหูฟังมาให้ครับ โดยความรู้สึกคล้ายของเดิมไม่ได้เด่นมากนักกำลังขับ เบส หรือ เสียงนั้นค่อนข้างธรรมดา เสียงที่ได้ออกมา จะค่อนข้างออกไปทางโทนแหลมสูง ส่วนใน เรื่องของมิติ เวที เสียงมากลางๆครับผม คล้ายๆกับของแบรนด์ realme ในรุ่นก่อนหน้ามากๆครับ รวมถึงตัวนี้หน้าตาการปรับเสียงสามารถปรับเสียงแล้วแต่แนวคนชอบได้และปรับ EQ ได้ 3 ย่านหลักๆครับ ถือว่าแอบน้อยไปนิดนึงนะ ปรับได้เท่าเดิมแต่เปลี่ยนหน้าตานิดหน่อยสำหรับใครที่ชอบปรับ EQ อาจจะต้องพึ่งแอพนอกแทน
SR - Sponsored Review : กระทู้รีวิวนี้เป็นกระทู้ SR โดยที่เจ้าของกระทู้