กระทู้ที่ 2 แล้ว มาปีละกระทู้ ซึ่งก็หนีไม่พ้น อินเดีย อีกตามเคย
ปีที่แล้ว รีวิวเลห์ไป =>
https://pantip.com/topic/37658269
มาปีนี้ ยังคงวนเวียนอยู่ที่อินเดีย ก็ว่าจะไม่ทำรีวิวแล้ว แต่พอดี เราไปเมือง อัมริตสา ซึ่งรีวิวไม่เยอะ คงไม่ค่อยมีใครตั้งใจบินจากไทยเพื่อตั้งใจไปเมืองนี้แน่นอน พวกเราได้ Passion มาจากรายการ หนังพาไป คะ เอ็นดูน้องยอด น้องบอล เสียงออดอ้นของนาง ดูแล้วเกิดจะมาเห็นด้วยตาตัวเอง ความบรรลัยจึงเกิดขึ้นเมื่อเราจองตั๋วล่วงหน้าตั้งแต่ปีที่แล้ว กับ เจ็ท แอร์
ตั๋วเครื่องบิน => ด้วยความที่ตั้งใจไป อัมริตสา จึงบังคับว่าต้องมาลงเดลี เพื่อต่อเครื่องไป อัมริตสา เราจึงได้ตั๋วรอบนี้ 5 ไฟล์ท
1.กรุงเทพ - เดลี / ชัยปุระ - เดลี / เดลี - กรุงเทพ (เลือกแบบมัลติ เพราะจะไปชัยปุระด้วย) By Jet Airways ราคา 10555.- ต่อคน (รอ Refund)
2. เดลี - อัมริตสา By Air India ราคา 1075.- ต่อคน (ได้บินปกติ)
3. อัมริตสา - เดลี By Air India ราคา 1026.- ต่อคน (ได้บินปกติ)
Total 12656 บาทต่อคน 5 ไฟล์ท แฮปปี้ ราคารับได้ จองล่วงหน้าตั้งแต่ปีที่แล้ว เดินทาง 18-23 มีนาที่ผ่านมา
วันที่ 27 กุมภา 63 Jet แคนเซิลตั๋วในประเทศเราก่อน (ชัยปุระ - เดลี ที่อยู่ใน Multi ยอด 10555.- อะคะ) ทำให้เราซื้อตั๋วใหม่
4. ชัยปุระ - เดลี By Indigo ราคา 1640.-ต่อคน (เสียฟรี ไม่ได้บิน)
ความหฤหรรษ์บังเกิดตอนก่อนวันเดินทาง 10 วัน เราได้รับเมล์จาก Jet ว่ายกเลิก ไฟล์ทอินเตอร์ด้วย เชี่ยยยยยยยยย ไม่ยกเลิกมาทีเดียวอ่าาาา จะได้ไม่ซื้อตั๋วของ Indigo ใหม่ เราหาตั๋วไปกลับ ระหว่าง กรุงเทพ เดลี ใหม่ ได้ Air India ราคา 15785 ต่อคน น้ำตาแทบไหล แต่ต้อง Go on
ส่วนที่ว่า ทำไมต้องทิ้งตั๋ว Indigo ที่ซื้อใหม่ เพราะ เวลาต่อเครื่องไม่ทันแน่นอน เลยเปลี่ยนแพลนเป็นเหมารถแทน
จบเวลาแห่งความวุ่นวาย เรามาเริ่มทริปกับเมือง Amritsar กันดีกว่า เมืองแห่งชาวซิกข์ แคว้นปัฐจาบ เมืองนี้เราหารีวิวได้น้อยมาก เลยทำให้เราตัดสินใจเขียนรีวิวอินเดียอีกครั้ง
18 Mar 19 = > Day 1 เริ่มที่สุวรรณภูมิ ลง เดลี นอนรอสนามบิน (อีกแล้ววววว เริ่มคุ้นเคยเหมือนบ้านตัวเองละ) ปีที่แล้ว เดินออกมา ตม อยู่ฝั่งซ้ายมือเรา แต่ตอนนี้อยู่ ฝั่งขวาแล้ว คนเยอะขึ้น ฝรั่งเต็มเลย ทัวร์จีนก็มี สงสัยเพราะเทศกาลโฮลี นอนรอยาวๆไปจ้า ไฟล์ท ตี4 ครึ่งไป อัมริตสา

19 Mar 19 = > Day 2
เรามาถึงประมาณ 6 โมงเช้า อากาศเย็นเลยทีเดียว ภายในสนามบินไม่ได้ถ่ายนะคะ เห็นมีทหารถือปีน กลัวจะเหลือนเลห์ที่ไม่ให้ถ่าย ก่อนออกนอกตัวอาคารจะมีเค้าเตอร์ Prapaid Taxi อยู่ ค่าบริการมายัง รร. Le Golden 600 รูปี แต่เค้าส่งแค่ทางเข้าอะ ให้เราต่อริคชอว์เข้าไปที่ รร อีกที เพราะถนนมันแคบมั้ง ในรูปคือทางเดินนอกออกอาคารเพื่อเดินไปขึ้นแทกซี่ที่ซื้อไว้

รถขับได้ฟาสเฟียสมาก ไม่นานเราก็ถึงทางเข้า ก็จะมีริคชอว์มาถามจะไปไหน ง้อไปแง้มา ก็ตกลงไปด้วย คิด 100 รูปี ไม่นานก็เจอ รร. ซึ่งรร อยู่ติดทางเข้า วิหารทองคำเลย ด้วยความที่มาเช้ามา รร. ยังไม่เข้าพักไม่ได้ เราจึงเดินเข้าไปที่วิหารทองคำก่อน โพกผ้าด้วยนะ เราเผลอทำผ้าตกบ่า มีคนเตือนทันที
เมืองอัมริตสา ตั้งอยู่ในรัฐปัญจาบ ซึ่งเป็นรัฐที่ตั้งอยู่ทางตะวันตกเฉียงเหนือของประเทศอินเดีย มีเขตติดต่อกับรัฐหิมาจัลประเทศทางตะวันออกเฉียงเหนือ ทางทิศตะวันตกติดกับประเทศปากีสถาน ส่วนทิศใต้ติดกับรัฐราชาสถาน ส่วนทางตะวันออกเฉียงใต้ ติดกับ รัฐหรยาณา ซึ่งรัฐหรยาณานี้เป็นดินแดนที่มีความสำคัญในประวัติศาสตร์ เป็นที่ตั้งของทุ่งกุรุเกษตรในมหาภารตะ รัฐปัญจาบมีเมืองหลวงชื่อจัณฑีครห์ มีประชากร ประมาณ 24 ล้านคน รัฐนี้ยังเป็นศูนย์กลางของชาวซิกข์
ที่มาของชื่อเมือง อัมฤต แปลว่า น้ำศักดิ์สิทธิ์ เนื่องจากที่นี่มีบ่อน้ำแร่ที่คนเจ็บป่วยได้อาบหรือดื่มกินจะหายจากโรคภัยไข้เจ็บ กิตติศัพท์ความศักดิ์สิทธิ์ของน้ำแร่จึงเลื่องลือไปไกล ผู้คนหลั่งไหลเดินทางมารักษาโรคเป็นประจำ เลยเรียกสถานที่แห่งนี้ว่า อัมริตสา
สถาปัตยกรรมที่ใช้ในการก่อสร้างวิหารทองคำแห่งนี้ แบบฮินดูผสมมุสลิม ตัววิหารชั้นแรกสร้างจากหินอ่อน ด้านในวิหารเป็นที่เก็บรักษาพระมหาคำภีร์ของศาสนาซิกข์ ซึ่งเราไม่ได้ต่อแถวเข้าไปชม เพราะแถวยาวทั้งเช้า ทั้งกลางคืนเลย

วิหารทองคำเคยเป็นสถานที่นองเลือดด้วย เพราะรัฐบาลอินเดีย โดย นางอินทิรา คานธี สั่งกวาดล้างขบวนการต่อสู้เพื่อความเป็นรัฐซิกข์อิสระ ซึ่งมาชุมนุมในวิหารเพราะคิดว่ารัฐบาลคงไม่กล้ากระทำการรุนแรงในสถานที่ศักดิ์สิทธิ์ ผลคือมีผู้เสียชีวิตกว่า 2,000 คน บางส่วนของวิหารทองคำ เสียหายยับเยิน เดือนกันยายน พ.ศ. 2527 รัฐบาลอินเดียเข้ามาทำการซ่อมแซมวิหารที่เสียหาย เพื่อปลุกขวัญและจิตวิญญาณแห่งซิกข์ขึ้นมาอีกครั้ง ในปี พ.ศ. 2529 ชาวซิกข์ได้รื้องานซ่อมแซมของรัฐบาลอินเดียทั้งหมดและลงมือสร้างใหม่ด้วยฝีมือช่างซิกข์ล้วนๆ จนสวยงามสมบูรณ์แบบดังที่เห็นอยู่ในปัจจุบัน

พวกเรานั่งฟังบทสวดจนแทบจะคล้อยหลับแล้ว ประมาณ 9 โมงเราก็เดินกลับ รร. กะจะนั่งพักที่โซฟา แต่ปรากฏ พนง ก็ให้ห้องเราเลย พวกเราจึงนอนเอาแรง มันทั้งเพลีย ทั้งเมื่อยตัว รอตอนบ่าย นัดคนขับรถที่ให้ รร จองให้ เพื่อไปเมือง อัตตารี ชมพิธีปิดด่าน / พิธีชักธงลง
13.30 น. โห้ยย ได้หลับตื่นนึงนี่ สดชื่นนนเลยจ้าาา ได้เวลาเดินทางไปเมืองอัตตารีกัน ... ตอนเราแพลนมาเมืองนี้อะ เราไม่รู้ด้วยซ้ำว่าจะมาดูพิธีปิดด่านได้ คือ เราเคยดูคลิปของน้องมิ้นท์ I roam alone อะ จำได้น้องอยู่ฝั่งลาฮอร์ ปากี ละแบบ อ้าว ชั้นมาที่นี่ชั้นดูจากฝั่งนี้ได้เหรอ ยิ้มมกว้างเลย
ถึงด่านเร็วมาก บ่าย 2 เอง ไม่รู้จะให้มาทำไมเร็วๆ ร้อนก็ร้อน แต่ก็ยังไม่มากเท่ากรุงเทพ ตรงด่านมีร้านอาหาร พวกเรายังไม่ทานอะไรจริงๆจังๆ เลย เลยจัดซะหน่อย แหมมมม มาถึงด่านอินเดีย ปากี ทั้งที นี่เลยยฮ่ะพิซซ่า...



อร่อยดี เฟรนฟรายก็ทอดมาดีไม่อมน้ำมัน

กินแบบอ้อยอิ่ง เริ่มเห็นคนอินเดียเข้าแถวเข้าจุดตรวจ รถบัสเริ่มมาลง พรึ่บๆๆ สัก 4 โมงเย็นเลยเข้าไปข้างใน

คือเราไม่ได้เอาพาสปอร์ตมา ไม่เป็นไรนะ โชว์รูปพาสปอร์ตในมือถือก็เข้าได้ ที่นี่เข้าไปดูฟรี ไม่เสียเงินนะ

เข้ามาข้างในยิ่งใหญ่อลังการกว่าที่คิด

อัฒจันทร์ ไม่มีที่บังแดดเลยจ้าาาา ร้อนไปอีกกก แต่ก็ร้อนแบบพอทน

พอพิธีจะเริ่มจะมี ผู้หญิงเดินลงมาเรียงแถวเพื่อ ผลัดกันวิ่งถือธงอินเดียโบกกัน คือ เหมือน เกิดมาชั้นฝันว่าต้องมาวิ่งถือธงโบกสะบัดที่นี่กันให้แล้วอะ ดูแฮปปี้กันจัง

พอวิ่งสะบัดธงเสร็จ ก็ได้เวลาแดนซ?คร้า มันสอ่าาา ไม่ได้เตรียมตัวมา ไม่งั้นจะลงไปแดนซ์ด้วย คือกลัวเดินลงไปแล้วจบ เดินกลับมาหน้าแหก

สนุกกันพอสมควร ก็ได้เวลาของการประชันกันละ ส่วนใหญ่อัดคลิปเอา แต่อันที่จริง มันก็เหมือนที่ดูในยูทูปมา เค้าแสดงกันทุกวัน ตอนแรกคิดว่าจะไม่ได้ดูแล้ว เพราะปัญหาศึกชิงเวหาที่แคชเมียร์ แต่เราเมล์ถามที่ รร. เค้าตอบกลับมาว่าดูได้ สบายมาก


เอ็นดูฝั่งปากีจุง ดูคนน้อยๆ ใช้เวลา ครึ่ง ชม. ก็ชักธงลงเสร็จ เป็นอันจบ แยกย้ายกลับบ้าน เดินงงกลางดงแขก ไม่มีคนไทยเลย อ้อ จำพิกัดจุดจอดรถคันที่เราเหมามาด้วยนะฮ่ะ
วาร์ปกลับมาตอนกลางคืนของวิหารทองคำ โอ้ว มาย ก็อดดด สวยไปอีก สวยมากกกก สวยแบบสวยอะ ถ่ายยังไงให้สวยอะ ไม่เท่าตาเห็นจริงๆ


ถ่ายได้แค่นี้แหละ ทริปนี้ไม่พกกล้อง สนับสนุนภาพโดย Huawei Mate20Pro ล้วนๆ

บริเวณด้านหน้า มีที่เดินช๊อป กี๊บๆ ด้วยนะ อากาศก็เย็นสบายมาก จบแล้ว 1 วัน สำหรับเมือง อัมริตสา ไปเท่านี้เลยฮ่ะ อาจมองว่าไม่คุ้ม แต่สำหรับเรา มันคุ้ม ... เข้านอนได้ พรุ่งนี้วาร์ปกลับเดลี เพื่อ จุดหมายที่ชัยปุระ กับเทศกาล Holi Festivallllllllllllll
[CR] ทริป อมริตสา เดลี ชัยปุระ ( Holi Festival ) อักรา รอบนี้ค่าตั๋วพุ่งถึง 19526 เพราะ Jet Airways ทำพิษสาหัส
ปีที่แล้ว รีวิวเลห์ไป => https://pantip.com/topic/37658269
มาปีนี้ ยังคงวนเวียนอยู่ที่อินเดีย ก็ว่าจะไม่ทำรีวิวแล้ว แต่พอดี เราไปเมือง อัมริตสา ซึ่งรีวิวไม่เยอะ คงไม่ค่อยมีใครตั้งใจบินจากไทยเพื่อตั้งใจไปเมืองนี้แน่นอน พวกเราได้ Passion มาจากรายการ หนังพาไป คะ เอ็นดูน้องยอด น้องบอล เสียงออดอ้นของนาง ดูแล้วเกิดจะมาเห็นด้วยตาตัวเอง ความบรรลัยจึงเกิดขึ้นเมื่อเราจองตั๋วล่วงหน้าตั้งแต่ปีที่แล้ว กับ เจ็ท แอร์
ตั๋วเครื่องบิน => ด้วยความที่ตั้งใจไป อัมริตสา จึงบังคับว่าต้องมาลงเดลี เพื่อต่อเครื่องไป อัมริตสา เราจึงได้ตั๋วรอบนี้ 5 ไฟล์ท
1.กรุงเทพ - เดลี / ชัยปุระ - เดลี / เดลี - กรุงเทพ (เลือกแบบมัลติ เพราะจะไปชัยปุระด้วย) By Jet Airways ราคา 10555.- ต่อคน (รอ Refund)
2. เดลี - อัมริตสา By Air India ราคา 1075.- ต่อคน (ได้บินปกติ)
3. อัมริตสา - เดลี By Air India ราคา 1026.- ต่อคน (ได้บินปกติ)
Total 12656 บาทต่อคน 5 ไฟล์ท แฮปปี้ ราคารับได้ จองล่วงหน้าตั้งแต่ปีที่แล้ว เดินทาง 18-23 มีนาที่ผ่านมา
วันที่ 27 กุมภา 63 Jet แคนเซิลตั๋วในประเทศเราก่อน (ชัยปุระ - เดลี ที่อยู่ใน Multi ยอด 10555.- อะคะ) ทำให้เราซื้อตั๋วใหม่
4. ชัยปุระ - เดลี By Indigo ราคา 1640.-ต่อคน (เสียฟรี ไม่ได้บิน)
ความหฤหรรษ์บังเกิดตอนก่อนวันเดินทาง 10 วัน เราได้รับเมล์จาก Jet ว่ายกเลิก ไฟล์ทอินเตอร์ด้วย เชี่ยยยยยยยยย ไม่ยกเลิกมาทีเดียวอ่าาาา จะได้ไม่ซื้อตั๋วของ Indigo ใหม่ เราหาตั๋วไปกลับ ระหว่าง กรุงเทพ เดลี ใหม่ ได้ Air India ราคา 15785 ต่อคน น้ำตาแทบไหล แต่ต้อง Go on
ส่วนที่ว่า ทำไมต้องทิ้งตั๋ว Indigo ที่ซื้อใหม่ เพราะ เวลาต่อเครื่องไม่ทันแน่นอน เลยเปลี่ยนแพลนเป็นเหมารถแทน
จบเวลาแห่งความวุ่นวาย เรามาเริ่มทริปกับเมือง Amritsar กันดีกว่า เมืองแห่งชาวซิกข์ แคว้นปัฐจาบ เมืองนี้เราหารีวิวได้น้อยมาก เลยทำให้เราตัดสินใจเขียนรีวิวอินเดียอีกครั้ง
18 Mar 19 = > Day 1 เริ่มที่สุวรรณภูมิ ลง เดลี นอนรอสนามบิน (อีกแล้ววววว เริ่มคุ้นเคยเหมือนบ้านตัวเองละ) ปีที่แล้ว เดินออกมา ตม อยู่ฝั่งซ้ายมือเรา แต่ตอนนี้อยู่ ฝั่งขวาแล้ว คนเยอะขึ้น ฝรั่งเต็มเลย ทัวร์จีนก็มี สงสัยเพราะเทศกาลโฮลี นอนรอยาวๆไปจ้า ไฟล์ท ตี4 ครึ่งไป อัมริตสา
19 Mar 19 = > Day 2
เรามาถึงประมาณ 6 โมงเช้า อากาศเย็นเลยทีเดียว ภายในสนามบินไม่ได้ถ่ายนะคะ เห็นมีทหารถือปีน กลัวจะเหลือนเลห์ที่ไม่ให้ถ่าย ก่อนออกนอกตัวอาคารจะมีเค้าเตอร์ Prapaid Taxi อยู่ ค่าบริการมายัง รร. Le Golden 600 รูปี แต่เค้าส่งแค่ทางเข้าอะ ให้เราต่อริคชอว์เข้าไปที่ รร อีกที เพราะถนนมันแคบมั้ง ในรูปคือทางเดินนอกออกอาคารเพื่อเดินไปขึ้นแทกซี่ที่ซื้อไว้
ที่มาของชื่อเมือง อัมฤต แปลว่า น้ำศักดิ์สิทธิ์ เนื่องจากที่นี่มีบ่อน้ำแร่ที่คนเจ็บป่วยได้อาบหรือดื่มกินจะหายจากโรคภัยไข้เจ็บ กิตติศัพท์ความศักดิ์สิทธิ์ของน้ำแร่จึงเลื่องลือไปไกล ผู้คนหลั่งไหลเดินทางมารักษาโรคเป็นประจำ เลยเรียกสถานที่แห่งนี้ว่า อัมริตสา
สถาปัตยกรรมที่ใช้ในการก่อสร้างวิหารทองคำแห่งนี้ แบบฮินดูผสมมุสลิม ตัววิหารชั้นแรกสร้างจากหินอ่อน ด้านในวิหารเป็นที่เก็บรักษาพระมหาคำภีร์ของศาสนาซิกข์ ซึ่งเราไม่ได้ต่อแถวเข้าไปชม เพราะแถวยาวทั้งเช้า ทั้งกลางคืนเลย
วิหารทองคำเคยเป็นสถานที่นองเลือดด้วย เพราะรัฐบาลอินเดีย โดย นางอินทิรา คานธี สั่งกวาดล้างขบวนการต่อสู้เพื่อความเป็นรัฐซิกข์อิสระ ซึ่งมาชุมนุมในวิหารเพราะคิดว่ารัฐบาลคงไม่กล้ากระทำการรุนแรงในสถานที่ศักดิ์สิทธิ์ ผลคือมีผู้เสียชีวิตกว่า 2,000 คน บางส่วนของวิหารทองคำ เสียหายยับเยิน เดือนกันยายน พ.ศ. 2527 รัฐบาลอินเดียเข้ามาทำการซ่อมแซมวิหารที่เสียหาย เพื่อปลุกขวัญและจิตวิญญาณแห่งซิกข์ขึ้นมาอีกครั้ง ในปี พ.ศ. 2529 ชาวซิกข์ได้รื้องานซ่อมแซมของรัฐบาลอินเดียทั้งหมดและลงมือสร้างใหม่ด้วยฝีมือช่างซิกข์ล้วนๆ จนสวยงามสมบูรณ์แบบดังที่เห็นอยู่ในปัจจุบัน
พวกเรานั่งฟังบทสวดจนแทบจะคล้อยหลับแล้ว ประมาณ 9 โมงเราก็เดินกลับ รร. กะจะนั่งพักที่โซฟา แต่ปรากฏ พนง ก็ให้ห้องเราเลย พวกเราจึงนอนเอาแรง มันทั้งเพลีย ทั้งเมื่อยตัว รอตอนบ่าย นัดคนขับรถที่ให้ รร จองให้ เพื่อไปเมือง อัตตารี ชมพิธีปิดด่าน / พิธีชักธงลง
13.30 น. โห้ยย ได้หลับตื่นนึงนี่ สดชื่นนนเลยจ้าาา ได้เวลาเดินทางไปเมืองอัตตารีกัน ... ตอนเราแพลนมาเมืองนี้อะ เราไม่รู้ด้วยซ้ำว่าจะมาดูพิธีปิดด่านได้ คือ เราเคยดูคลิปของน้องมิ้นท์ I roam alone อะ จำได้น้องอยู่ฝั่งลาฮอร์ ปากี ละแบบ อ้าว ชั้นมาที่นี่ชั้นดูจากฝั่งนี้ได้เหรอ ยิ้มมกว้างเลย
ถึงด่านเร็วมาก บ่าย 2 เอง ไม่รู้จะให้มาทำไมเร็วๆ ร้อนก็ร้อน แต่ก็ยังไม่มากเท่ากรุงเทพ ตรงด่านมีร้านอาหาร พวกเรายังไม่ทานอะไรจริงๆจังๆ เลย เลยจัดซะหน่อย แหมมมม มาถึงด่านอินเดีย ปากี ทั้งที นี่เลยยฮ่ะพิซซ่า...
พอวิ่งสะบัดธงเสร็จ ก็ได้เวลาแดนซ?คร้า มันสอ่าาา ไม่ได้เตรียมตัวมา ไม่งั้นจะลงไปแดนซ์ด้วย คือกลัวเดินลงไปแล้วจบ เดินกลับมาหน้าแหก
วาร์ปกลับมาตอนกลางคืนของวิหารทองคำ โอ้ว มาย ก็อดดด สวยไปอีก สวยมากกกก สวยแบบสวยอะ ถ่ายยังไงให้สวยอะ ไม่เท่าตาเห็นจริงๆ
CR - Consumer Review : กระทู้รีวิวนี้เป็นกระทู้ CR โดยที่เจ้าของกระทู้