สงครามข้อมูลข่าวสาร หรือปฏิบัติการสงครามจิตวิทยามวลชน เป็นการสร้างเงื่อนไขด้วยการใช้ประโยชน์จากสื่อและข่าวสาร เพื่อยึดครองพื้นที่บนสื่อให้ได้มากที่สุด
เพราะการช่วงชิงมวลชนเอาไว้ในมือ ย่อมหมายถึงการชี้นำสังคมได้ ทุกอย่างจึงต้องดำเนินไปด้วยกระบวนการบิดเบือน สร้างข่าว ปล่อยข่าว ข่าวลือ ข่าวลวง ข่าวเท็จ ทำลายศัตรู จนนำไปสู่ความสับสน ขัดแย้ง เกลียดชัง และแตกแยก
ในยุคที่เรียกว่าดิจิทัลดิสรัปชั่นอย่างทุกวันนี้ การเดินทางของข้อมูลข่าวสารเป็นไปอย่างรวดเร็วและต่อเนื่อง ดังนั้น การสร้างเรื่องเท็จหรือเรื่องที่มีข้อมูลจริงอยู่เพียงน้อยนิด แต่ผสมข้อมูลเท็จเข้าไปเกือบทั้งหมด ยิ่งทำง่ายและทำให้ข่าวสารกระจายออกอย่างกว้างขวางในเวลาอันสั้น
ตามทฤษฎีแล้ว ปฏิบัติการข่าวสารมักจะไม่นำมาใช้กับคนในชาติบ้านเมืองเดียวกัน เพราะจะสร้างความชิงชังแตกแยก แต่ในทางปฏิบัติ เรากลับพบเห็นสิ่งนี้มากมาย จากการสร้างข่าว ปล่อยข้อมูล ในเชิงทำลายบุคคลหรือองค์กรใหญ่ ๆ ที่คนส่วนใหญ่รู้จักดี ซึ่งทันทีที่เห็นหรือได้ยินเรื่องไม่ดีไม่งามของผู้อื่น คนส่วนใหญ่ก็มักจะเชื่อและแชร์ไปตามนั้น โดยไม่ทันคิดถึงเหตุและผลก่อน
การเลือกตั้งที่ผ่านมาหมาด ๆ ก็มีปฏิบัติการสงครามข่าวสารอยู่มาก ที่เห็นชัด ๆ คือการเกิดขึ้นของวาทกรรมฝ่ายประชาธิปไตยกับฝ่ายเผด็จการ ซึ่งมุ่งหวังจะทำให้สังคมที่สงบสุขมาระยะหนึ่ง กลับไปสู่วงจรอุบาทว์ แบ่งฝักแบ่งฝ่ายแบบเดิม ๆ อีกครั้ง

ในภาคของสื่อมวลชน ซึ่งทำหน้าที่เสมือนเป็นตัวกลางในการส่งผ่านข้อมูลข่าวสาร มีส่วนอย่างมากในการกำหนดทิศทางการไหลไปของข้อมูลข่าวสารนั้น ๆ และด้วยสถานการณ์ของสงครามข้อมูลข่าวสารที่กำลังเข้มข้นและรุนแรงขึ้น จึงได้ถูกสะกิดให้ฉุกคิดว่า การทำหน้าที่สื่อที่ถูกต้องและเหมาะสมนั้น ควรจะสร้างสรรค์หรือทำลายสังคม
สมาคมนักข่าวนักหนังสือพิมพ์แห่งประเทศไทยจึงลุกขึ้นมาทำหน้าที่กระตุ้นเตือนพี่น้องสื่อมวลชน ที่อาจจะกำลังหลงอยู่ในวังวนของปฏิบัติการจิตวิทยามวลชนนี้ ด้วยการออกคำแนะนำการทำหน้าที่สื่อ ให้พึงระวังการนำเสนอข่าวสารที่แฝงวาทกรรมทางการเมืองที่สร้างความขัดแย้งและความเกลียดชัง เพื่อจะได้ไม่ต้องเป็นผู้ขยายความขัดแย้งให้กับสังคมเพิ่มขึ้นเสียเอง
ฝ่ายสิทธิเสรีภาพและการปฏิรูปสื่อ สมาคมนักข่าวนักหนังสือพิมพ์แห่งประเทศไทย ได้ทำกิจกรรมออนไลน์รณรงค์ Stop Hate Speech หยุดวาทกรรมสร้างความเกลียดชัง ผ่านทางเว็บไซต์ www.tja.or.th และเฟซบุ๊กแฟนเพจ สมาคมนักข่าวนักหนังสือพิมพ์แห่งประเทศไทย
โดยเป็นการย้ำเตือนให้สื่อมวลชนตระหนักถึงการทำหน้าที่ในสถานการณ์ที่อาจจะนำไปสู่ขัดแย้งในอนาคต ที่ไม่มีใครอยากให้เกิดขึ้น ซึ่งรอบ 10 ปีที่ผ่านมา สื่อมวลชนเคยตกเป็นจำเลยสังคมในการส่งต่อวาทกรรม ข้อความที่สร้างความเกลียดชัง ขยายไปสู่ความขัดแย้งบานปลาย ดังนั้น สิ่งที่ดีที่สุดในการทำหน้าที่ขององค์กรวิชาชีพคือการกำกับดูแลกันเอง ด้วยการย้ำเตือนกันเอง เพื่อเป็นการตัดไฟตั้งแต่ต้นลม ไม่ให้เกิดปัญหาที่ต้องตามแก้ไขในอนาคต
สื่อมวลชนได้ออกมาทำหน้าที่ที่เหมาะที่ควรแล้ว เรา ๆ ท่าน ๆ ที่เป็นผู้เสพข้อมูลข่าวสาร ก็ควรจะร่วมกันทำหน้าที่พลเมืองที่ดี ด้วยการใช้สติพิจารณา ก่อนการเชื่อและการแชร์ข้อมูลที่ไม่สร้างสรรค์ เพื่อร่วมกันตัดตอนการสร้างความชิงชังแตกแยกในบ้านเมืองไปด้วยกัน
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้ส.นักข่าว รณรงค์ Stop hate speech ย้ำเตือนการไม่ส่งต่อความขัดแย้ง
http://www.tja.or.th/media-center-surveillance-threats/4932-2019-03-27-11-30-59
Stop Hate Speech : รู้ทันสงครามข้อมูลข่าวสาร ตัดตอนวาทกรรมสร้างความชิงชังแตกแยก
เพราะการช่วงชิงมวลชนเอาไว้ในมือ ย่อมหมายถึงการชี้นำสังคมได้ ทุกอย่างจึงต้องดำเนินไปด้วยกระบวนการบิดเบือน สร้างข่าว ปล่อยข่าว ข่าวลือ ข่าวลวง ข่าวเท็จ ทำลายศัตรู จนนำไปสู่ความสับสน ขัดแย้ง เกลียดชัง และแตกแยก
ในยุคที่เรียกว่าดิจิทัลดิสรัปชั่นอย่างทุกวันนี้ การเดินทางของข้อมูลข่าวสารเป็นไปอย่างรวดเร็วและต่อเนื่อง ดังนั้น การสร้างเรื่องเท็จหรือเรื่องที่มีข้อมูลจริงอยู่เพียงน้อยนิด แต่ผสมข้อมูลเท็จเข้าไปเกือบทั้งหมด ยิ่งทำง่ายและทำให้ข่าวสารกระจายออกอย่างกว้างขวางในเวลาอันสั้น
ตามทฤษฎีแล้ว ปฏิบัติการข่าวสารมักจะไม่นำมาใช้กับคนในชาติบ้านเมืองเดียวกัน เพราะจะสร้างความชิงชังแตกแยก แต่ในทางปฏิบัติ เรากลับพบเห็นสิ่งนี้มากมาย จากการสร้างข่าว ปล่อยข้อมูล ในเชิงทำลายบุคคลหรือองค์กรใหญ่ ๆ ที่คนส่วนใหญ่รู้จักดี ซึ่งทันทีที่เห็นหรือได้ยินเรื่องไม่ดีไม่งามของผู้อื่น คนส่วนใหญ่ก็มักจะเชื่อและแชร์ไปตามนั้น โดยไม่ทันคิดถึงเหตุและผลก่อน
การเลือกตั้งที่ผ่านมาหมาด ๆ ก็มีปฏิบัติการสงครามข่าวสารอยู่มาก ที่เห็นชัด ๆ คือการเกิดขึ้นของวาทกรรมฝ่ายประชาธิปไตยกับฝ่ายเผด็จการ ซึ่งมุ่งหวังจะทำให้สังคมที่สงบสุขมาระยะหนึ่ง กลับไปสู่วงจรอุบาทว์ แบ่งฝักแบ่งฝ่ายแบบเดิม ๆ อีกครั้ง
ในภาคของสื่อมวลชน ซึ่งทำหน้าที่เสมือนเป็นตัวกลางในการส่งผ่านข้อมูลข่าวสาร มีส่วนอย่างมากในการกำหนดทิศทางการไหลไปของข้อมูลข่าวสารนั้น ๆ และด้วยสถานการณ์ของสงครามข้อมูลข่าวสารที่กำลังเข้มข้นและรุนแรงขึ้น จึงได้ถูกสะกิดให้ฉุกคิดว่า การทำหน้าที่สื่อที่ถูกต้องและเหมาะสมนั้น ควรจะสร้างสรรค์หรือทำลายสังคม
สมาคมนักข่าวนักหนังสือพิมพ์แห่งประเทศไทยจึงลุกขึ้นมาทำหน้าที่กระตุ้นเตือนพี่น้องสื่อมวลชน ที่อาจจะกำลังหลงอยู่ในวังวนของปฏิบัติการจิตวิทยามวลชนนี้ ด้วยการออกคำแนะนำการทำหน้าที่สื่อ ให้พึงระวังการนำเสนอข่าวสารที่แฝงวาทกรรมทางการเมืองที่สร้างความขัดแย้งและความเกลียดชัง เพื่อจะได้ไม่ต้องเป็นผู้ขยายความขัดแย้งให้กับสังคมเพิ่มขึ้นเสียเอง
ฝ่ายสิทธิเสรีภาพและการปฏิรูปสื่อ สมาคมนักข่าวนักหนังสือพิมพ์แห่งประเทศไทย ได้ทำกิจกรรมออนไลน์รณรงค์ Stop Hate Speech หยุดวาทกรรมสร้างความเกลียดชัง ผ่านทางเว็บไซต์ www.tja.or.th และเฟซบุ๊กแฟนเพจ สมาคมนักข่าวนักหนังสือพิมพ์แห่งประเทศไทย
โดยเป็นการย้ำเตือนให้สื่อมวลชนตระหนักถึงการทำหน้าที่ในสถานการณ์ที่อาจจะนำไปสู่ขัดแย้งในอนาคต ที่ไม่มีใครอยากให้เกิดขึ้น ซึ่งรอบ 10 ปีที่ผ่านมา สื่อมวลชนเคยตกเป็นจำเลยสังคมในการส่งต่อวาทกรรม ข้อความที่สร้างความเกลียดชัง ขยายไปสู่ความขัดแย้งบานปลาย ดังนั้น สิ่งที่ดีที่สุดในการทำหน้าที่ขององค์กรวิชาชีพคือการกำกับดูแลกันเอง ด้วยการย้ำเตือนกันเอง เพื่อเป็นการตัดไฟตั้งแต่ต้นลม ไม่ให้เกิดปัญหาที่ต้องตามแก้ไขในอนาคต
สื่อมวลชนได้ออกมาทำหน้าที่ที่เหมาะที่ควรแล้ว เรา ๆ ท่าน ๆ ที่เป็นผู้เสพข้อมูลข่าวสาร ก็ควรจะร่วมกันทำหน้าที่พลเมืองที่ดี ด้วยการใช้สติพิจารณา ก่อนการเชื่อและการแชร์ข้อมูลที่ไม่สร้างสรรค์ เพื่อร่วมกันตัดตอนการสร้างความชิงชังแตกแยกในบ้านเมืองไปด้วยกัน