กระทู้นี้เป็นกระทู้แรกของจขกท. เหมาะสำหรับคนที่จะวางแผนไปเที่ยวเอง ดังนั้นจึงไม่เน้นรูปเยอะรูปสวย เพราะอยากมาแชร์ประสบการณ์ให้ฟัง ถ้ามีอะไรผิดพลาดก็ขออภัยด้วยนะคะ
จริงๆ จขกท.ได้ไปbackpackมาหลายประเทศแล้ว แต่ครั้งนี้เป็นครั้งแรกที่ได้ไปเที่ยวในกลุ่มประเทศอาหรับ เจอประสบการณ์แปลกใหม่จนอดใจไม่ไหวที่จะมาแชร์ให้ฟัง เพราะรีวิวประเทศอียิปต์ใน pantip ยังมีค่อนข้างน้อย ดังนั้นคนไทยส่วนใหญ่ยังตามไม่ทันเล่ห์เหลี่ยมของคนประเทศนี้แน่นอน รวมทั้งจขกท.ด้วยเช่นกัน ขนาดไปทั่วประเทศจีนมาแล้ว ไม่เคยโดนหลอก ยังไม่รอดเลย เรียกว่าระดับพี่จีนคือเตรียมอนุบาล ต้องมาเจอที่อียิปต์ก่อน จริงๆ แล้วคืออยากมาเล่าเรื่องที่ตัวเองโดนหลอกให้ฟังนั่นแหละ 555
1. เตรียมตัว
ตั๋วเครื่องบิน
ต้องรอจังหวะดีๆ จขกท.ได้ตั๋วโปร Egypt Air ในราคา 18,000 ไปเที่ยวช่วงปลายกพ.-ต้นมีค. เป็นช่วงปลายหนาวพอดี อุณหภูมิประมาณ 10-20 องศา อากาศกำลังดี แต่เพื่อนร่วมทริปที่มาซื้อทีหลัง ราคาพุ่งไป 28,000 โน่น
เครื่องแต่งกาย
เนื่องจากอุณหภูมิในช่วงกลางวันกับกลางคืนแตกต่างกันมาก กลางคืนอากาศเย็นถึงหนาว กลางวันถ้าอยู่ในร่มเย็นสบาย แต่ส่วนใหญ่เราต้องอยู่กลางแจ้งทั้งร้อนทั้งไหม้ ดังนั้น จึงต้องมีทั้งเครื่องกันแดดและกันหนาว
กลางวัน ควรเตรียมแว่นกันแดดคุณภาพดีไป แดดเปรี้ยงมาก ถ้ากลัวดำ ครีมกันแดดยี่ห้อไหนก็เอาไม่อยู่ค่ะ ใช้ผ้าปิดหน้าดีกว่า จขกท.สั่งซื้อผ้า Buff มาใช้คุ้มมาก ปิดได้หมดตั้งแต่หน้าถึงคอ แถมกันฝุ่นได้ด้วย แต่ช่วงหลังๆซื้อผ้าพันคอที่อียิปต์มาโพกตามเทรนด์ สวยไปอีกแบบ ส่วนเสื้อผ้าควรแขนยาวขายาว หรือใช้เป็นเสื้อคลุมตัวบางๆ สวมทับ มีฮู้ดคลุมหัวกันแดดได้ด้วย จะมาดำก็ตอนโพสท่าถ่ายรูปนี่แหละ หันหน้ารับแสงUVเต็มๆ
กลางคืน อากาศเย็นลงฉับพลัน ลมแรงและหนาว เปลี่ยนเป็นเสื้อกันหนาวตัวที่กันลมได้ กางเกงขายาวธรรมดาทนได้ แต่ถ้าคิดจะไปนอนทะเลทราย แนะนำให้ขน heattech ไปด้วย เพราะที่นั่นหนาวและลมแรงมากกกกกกกกกกกกก
หน้ากากกันฝุ่น
คนที่นั่นไม่มีใครมาสนใจฝุ่น PM2.5 แบบพี่ไทยหรอกค่ะ ถ้าเข้าเมืองเมื่อไหร่เตรียมเจอมลพิษทางอากาศได้เลย แย่ยิ่งกว่าที่ไทยอีก มีโรงงานปล่อยควันพิษรอบเมือง กลับที่พักจมูกดำทุกวัน ไม่เข้าใจว่าทำไมรถที่อียิปต์ไม่ชอบเปิดแอร์ เปิดหน้าต่างรับฝุ่นควันกันทุกคัน อากาศจะร้อนแค่ไหน ฝุ่นควันจะเยอะแค่ไหน เค้าไม่เปิดแอร์ ดังนั้นแนะนำให้เตรียมแมสไปด้วย ถึงแม้คนที่นั่นจะไม่มีใครใส่แมส เวลาเดินบนถนนจะมีสายตาแปลกๆมองมา แต่เราไม่แคร์ เรารักปอดของเรา
เงิน
ค่าเข้าที่เที่ยวที่นี่ถือว่าแพง แถมมีเก็บค่าถ่ายรูปอีกคนละ 300 ปอนด์ บางที่ก็ไม่คุ้มที่จะเข้าเพราะไม่มีอะไรข้างใน
แนะนำให้ทำบัตรนักเรียน ISIC ไปด้วย ได้ลดค่าเข้าทุกที่ 50% ไม่เหมือนที่จีน ถึงจะมีบัตรนักเรียน แต่พอเห็นpassportต่างชาติก็ไม่ลดให้
จขกท.ทำบัตรไม่ทัน ไปเที่ยว 2 สัปดาห์ 4 คน เสียเงินกองกลางไปคนละ 2 หมื่นกว่าบาท ไม่รวมค่าเครื่อง ถ้ามีบัตรนักเรียนอีกจะถูกขนาดไหน
แนะนำให้แลกเงิน dollar จากไทยไป พอไปถึงสนามบินไคโร พุ่งไปหาร้านแลกเงินร้านแรกที่เจอเลย เพราะเลยจากนั้นไปอาจจะไม่มีร้านให้แลกอีก ในสนามบินพอออกจากตม. จะเจอ2ร้านอยู่ติดกัน มีคนต่อแถวอยู่หน้าร้าน เทียบrateว่าร้านไหนคุ้มกว่าก็แลกร้านนั้น แลก dollar เป็นปอนด์อียิปต์ นับเงินดีๆนะเพราะแบงค์เยอะมาก แลก 1 USD ได้ประมาณ 17.5 ปอนด์ (rateมีการเปลี่ยนแปลงตลอด) ช่วงนี้ค่าเงินไทยแข็งมาก 1.8 บาทเท่ากับ 1 ปอนด์ สำรองเงิน dollar ไว้ด้วย สำหรับจ่ายค่าที่พักหรือค่าทัวร์
ขากลับอย่าลืมแลกกลับเป็น dollar ให้หมด จขกท.ไปถึงสนามบินหาร้านแลกเงินไม่มี dollar ให้แลก พนง. ของร้านชี้ให้เข้าไปใน duty free ปรากฎว่าข้างในไม่มีร้านให้แลกแล้ว (กูโดนหลอก!!!) จะใช้ให้หมดก็เสียดายเพราะ dollar เหลือเยอะมาก และของฝากใน duty free ก็ราคาแพงมากกกก ทำใจซื้อไม่ได้ เลยต้องยอมขาดทุนขอแลกร้านขายของเล็กๆในrate 20 ปอนด์ต่อ 1 USD (จริงๆเค้าไม่ให้แลกนะ แอบๆเอา)
ทัวร์
อยากเที่ยวอย่างราชาก็ต้องใช้เงินเปย์ซื้อทัวร์ ถ้าซื้อจากหน้าเว็บบริษัทดีๆ ราคาจะแพงมาก ต่อราคาได้น้อย แต่ถ้าไปซื้อพวก one-day trip ที่ไคโรจะได้ราคาถูก ต่อได้เยอะ แต่ก็ต้องลุ้นคุณภาพเอาหน่อย เพราะหน้าร้านที่ขายก็ไปจ้างคนขับ จ้างไกด์อีกต่อนึง จขกท.ได้เจอทั้งดีทั้งแย่คละๆกัน
ถ้าจะซื้อทัวร์เองควรไปเริ่มที่ไคโร เพราะร้านเยอะสุด ราคาถูกสุด ไปพักแถว Egyptian museum รอบๆนั้นมีร้านขายทัวร์เต็มไปหมด ต่อราคาได้ตามใจชอบ จขกท.พลาดตรงไปจบทริปที่นั่น พอเห็นราคาแล้วเสียดายมาก ซื้อจากที่อื่นต่อราคาแทบตาย มาไคโร ราคาเริ่มต้นเท่ากับราคาที่เราต่อมาได้เลย
ทัวร์ที่จขกท.ไปจะมีแนะนำอยู่ในสถานที่เที่ยว อันไหนที่ไม่ดีเราไม่แนะนำต่อ
***ใครอยากไปเที่ยวเพตราที่จอร์แดน อยากบอกว่าสามารถไปซื้อทริปที่ไคโรได้เลย visa on arrival จขกท.ไม่รู้ว่าทำได้ พลาดมาก เสียดายมาก มาเห็นเอาตอนวันสุดท้ายก่อนกลับไทย T^T
***เน้นย้ำว่าถ้าคิดจะไปเที่ยวเองแนะนำให้อ่านรีวิวไปเยอะๆ เพราะคนประเทศนี้เจ้าเล่ห์จริงๆ ไม่ต้องกลัวว่าจะโดนหลอก เพราะยังไงคุณก็ต้องโดนแน่นอนนน
ตั๋วรถไฟ
จขกท.ซื้อตั๋วขาไปจาก Cairo ไป Aswan ขากลับ Luxor ไป Giza
ราคารถไฟตู้นอนแพงมากเพราะเป็น rate ต่างชาติ แต่ก็ยังถูกกว่าตั๋วเครื่องบิน
ระหว่างจองเกิดข้อผิดพลาดกดจองผิดเดือน ตกใจมากเพราะวันที่กดจองใกล้มาก ถ้าจะ cancel ต้องก่อน 48 ชม. และโดนหัก 20% ของค่าตั๋ว จขกท. รีบส่งเมล์ไปหาจนท. ขอเลื่อนวัน เสียเงินไปอีกพันกว่าบาท (เค้าคิด 10% ของค่าตั๋ว)
วีซ่า
เป็นอีกเรื่องที่เพลียจริง เหนือฟ้ายังมีฟ้า อืดอาดโบราณยิ่งกว่าราชการไทย ต้องยกให้อียิปต์ คือต้องไปทั้งหมด 3 ครั้ง ใช้เวลาอนุมัติประมาณ 14 วันทำการ นานที่สุดเท่าที่เคยเจอมา ค่าวีซ่า 2,100 บาท ไม่รับส่งทางไปรษณีย์ ไม่มีการใช้เทคโนโลยีหรือสิ่งอำนวยความสะดวกใดๆ มาทดแทน
ครั้งแรกไปยื่นเอกสาร
ครั้งที่ 2 ไปยื่น passport
ครั้งที่ 3 ไปรับเล่ม
ให้ใครทำแทนก็ได้ เจ้าตัวไม่ต้องไป ไม่มีการเก็บ biometrics ใดๆ
เนื่องจากจขกท.ทำงานอยู่ต่างจังหวัดที่มีเพียงสายการบินเดียวผูกขาด ค่าเครื่องบินจึงแพงหูฉี่ แพงกว่าบินไปต่างประเทศอีก คำนวณดูแล้วไม่คุ้มวันลากับค่าเครื่องบิน เลยจ้างบริษัท v. world travel ทำแทน คิดคนละ 2,000 บาท ถือว่าแพงเพราะบางเว็บเขียน 1,500 แต่บริการประทับใจมากจริงๆ ติดต่อผ่านคุณมุ่ยเลยค่ะ
Sim card + wifi
จขกท.มี sim to fly ของ AIS อยู่เดิมยังไม่หมดอายุ เลยเสีย 800 บาท ได้ 5 GB สัญญาณ link กับค่าย Orange ของอียิปต์ ถ้าซื้อซิมใหม่ก็ 899
พอไปถึงสนามบินไคโร เจอขายซิมราคา 150 ปอนด์ เซ็งเลย
สรุปว่า orange สัญญาณห่วยมากกกก ไปที่ไหนก็ไม่มีสัญญาณ อย่าซื้อ sim to fly จบนะ (ค่ายอื่นไม่รู้ link กับอันไหน แต่มาซื้อที่อียิปต์นี่แหละถูกสุด ข้อเสียคือเค้าบอกว่าอาจจะใช้บาง app ของไทยไม่ได้)
ที่ถามไกด์มา สัญญาณดีสุดคือ vodaphone
Wifi ที่พักอย่าไปคาดหวังมาก โหลดหนังแทบไม่ได้ โหลด nexflix มาเลยจากไทย มาโหลดที่นี่จะได้ดูพากย์อาหรับแทน
เสบียง
อาหารหลักของคนที่นี่คือแผ่นแป้งและขนมปัง คุณจะได้กินมันทุกมื้อ โดยเฉพาะมื้อเช้าโรงแรม ให้มากินวันละ3ก้อนจนหน้าจะเป็นขนมปัง ทาเนย ทาแยมวนๆไป เชื่อว่าพอพ้นอาทิตย์แรกไปจะเริ่มเบื่อ แต่ก็ต้องกินเพราะกลัวหิวตอนกลางวัน
ทริปนี้เป็นทริปลดน้ำหนักเพราะได้กินแค่วันละ2มื้อ มื้อเช้าที่โรงแรม ส่วนมื้อเที่ยงมื้อเย็นรวบไปกินมื้อเดียว ทำไมนะหรอ เพราะนอกเมืองหาร้านกินยาก และทัวร์ราคาประหยัดที่เราซื้อไปเค้าไม่เสียเวลาพาแวะกินข้าวหรอก ดังนั้น เราต้องเตรียมเสบียงไปเอง มาม่าเป็นอาหารหลัก อย่าลืมเอาถ้วยแบบพกพาไปด้วย เช่น ถ้วยซิลิโคนแบบพับได้ แล้วไปขอน้ำร้อนจากที่พักเอา ที่นี่เหนียวน้ำมาก ที่พักไม่มีน้ำขวดให้ฟรีเลย น้ำตู้กดก็ไม่มี มีแต่ชาร้อนให้กิน แต่ชาเค้าอร่อยนะ เป็นผงๆ ไม่ใช่ใบชา เวลาซดต้องกะดีๆ อย่าให้ผงชาเข้าปาก
KFCเป็นร้านที่เข้าบ่อยที่สุดเพราะมีเมนูภาษาอังกฤษ มีราคาเขียนเป็นเลขอารบิคชัดเจน กินไก่หลายมื้อมาก ขอเว้นไปอีกหลายเดือน 55
ผักที่นี่มีแค่แตงกวา มะเขือเทศ และพริกหยวก นานๆทีมีผักกะหล่ำปลีแทรกมาบ้าง สั่งสลัดก็มีผักอยุ่เท่านี้ แต่ไม่ต้องกลัวว่าจะท้องผูก ไม่รู้ทำไมเหมือนกัน ขับถ่ายสะดวกทุกวัน
ปากกา
พอเค้ารู้ว่าเรามาจากไทย สิ่งแรกที่ขอคือปากกา คนอียิปต์บอกว่าปากกาไทยเขียนดี (จริงๆเป็นหัวปากกาญี่ปุ่นนั่นแหละ) เวลาตรวจกระเป๋า เปิดเจอปากกาก็ขอ ใครมีปากกาเหลือใช้ขนไปเลยเป็นโหลๆ ใช้แจกแทนทิปได้ดีจริงๆ
ตัวเลข
ที่อียิปต์ใช้แต่ภาษาอาหรับ ตัวเลขบนป้ายทะเบียนรถ ป้ายราคา เป็นเลขอาหรับหมด ต้องหัดอ่านให้ได้ตั้งแต่วันแรกเพราะต้องเรียก uber มารับที่สนามบิน
เตรียมตัวยังไง...ถ้าจะไปเที่ยวอียิปต์ด้วยตัวเอง
จริงๆ จขกท.ได้ไปbackpackมาหลายประเทศแล้ว แต่ครั้งนี้เป็นครั้งแรกที่ได้ไปเที่ยวในกลุ่มประเทศอาหรับ เจอประสบการณ์แปลกใหม่จนอดใจไม่ไหวที่จะมาแชร์ให้ฟัง เพราะรีวิวประเทศอียิปต์ใน pantip ยังมีค่อนข้างน้อย ดังนั้นคนไทยส่วนใหญ่ยังตามไม่ทันเล่ห์เหลี่ยมของคนประเทศนี้แน่นอน รวมทั้งจขกท.ด้วยเช่นกัน ขนาดไปทั่วประเทศจีนมาแล้ว ไม่เคยโดนหลอก ยังไม่รอดเลย เรียกว่าระดับพี่จีนคือเตรียมอนุบาล ต้องมาเจอที่อียิปต์ก่อน จริงๆ แล้วคืออยากมาเล่าเรื่องที่ตัวเองโดนหลอกให้ฟังนั่นแหละ 555