ซูเปอร์โนว่า....โรงงานธาตุแห่งจักรวาล

โลกของเราที่เต็มไปด้วยแร่ธาตุ ไม่สมควรจะดำรงอยู่ 
ความลับจากพลังที่อยู่ด้านหลังของจักรวาล
พลังทำลายที่จะฉีกทำลายดวงดาวออกเป็นชิ้นๆ
ธาตุที่เบากว่า อย่างคาร์บอน ออกซิเจน และฮีเลียมนั้น มันดำรงอยู่ด้วยพลังงานมหาศาล ทีบีบอัดโฟตอนข้างในดวงดาว
แต่ธาตุอย่างโคบอลท์ นิกเกิล และทองแดง รวมถึง ไอโอนดีน และซีนอน รวมถึงยูเรเนียม และพลูโตเนียม มันหนักเกินไป
ที่จะเกิดขึ้นมาด้วยกระบวนการฟิวชั่นโดยปกติ แม้แต่แกนของดาวฤกษ์ที่หนักและทรงพลังที่สุดก็ยังยากจะสร้างแร่ธาตุที่หนักกว่าเหล็กขึ้นมาได้
แต่แร่ธาตุเหล่านั้นกลับพบได้จำนวนมากในจักรวาล มันเป็นไปไม่ได้ที่มันจะกำเนิดจากความว่างเปล่านะ

คำตอบในอดีต และคลาสสิกก็คือ ซูเปอร์โนวา การระเบิดที่ฉีกดวงดาวออกมาเป็นเสี่ยงๆ และจบชีวิตของมันลงพร้อมกับเกิดปฏิกิริยา
เคมี อำนาจแห่งการระเบิดอันนี้ จะต้องเผาผลาญดวงดาวจนกลายเป็นเถ้าธีลี พลังงานที่มหาศาลที่ทำให้พุ่งทะยานขึ้นมา
จะเพียงพอกับการที่ทำให้ธาตุหนักได้รับการหลอมเหลว และก่อตัว ทฤษฏีนี้ทำให้แร่ธาตุเกิดการก่อตัวในวงกว้าง
แรงระเบิดอันรุนแรงของซูเปอร์โนว่า เหวี่ยงแร่ธาตุไปทั่วจักรวาล ฉีกแร่ธาตุออกมาในระดับส่วนย่อยด้วยแรงดัน
และหลอมสสารให้มันหนักขึ้นมายิ่งกว่าเหล็ก ที่คือกระบวนการที่นักวิทยาศาสตร์ในอดีตเชื่อ

แต่องค์ความรู้ใหม่เกี่ยวกับศาสตร์ของไหล มันบอกว่าสิ่งที่เกิดขึ้นมานั้นมันผิดทั้งหมด
"ในความต้องการที่จะดำเนินกระบวนการดังกล่าวนี้ให้มันสำเร็จ เราต้องการแหล่งพลังงานบางแหล่งมาช่วย"
ผู้เขียนบทวิจัย  ซนีศฮานะ อัซบานี เอ่ย นักวิทยาศาสตร์จากมหาวิทยาลัยออสเตรเลียง่าย ระบุเอาใว้
"หลายๆ คนเชื่อมาตลอดว่ากระบวนการหลอมธาตุนี้ เกิดขึ้นด้วยความรวดเร็วและรุนแรง ซึ่งมันน่าอัศจรรย์มาก"

แต่ Abarzhi และผู้เขียนร่วมของเธอพัฒนาแบบจำลองของของเหลวในซูเปอร์โนวาที่แนะนำสิ่งอื่น - บางอย่างที่เล็กกว่า - อาจเกิดขึ้น พวกเขานำเสนอสิ่งที่ค้นพบเมื่อต้นเดือนที่ผ่านมาในการประชุมที่บอสตันของกลุ่ม American Physical Society March และตีพิมพ์ผลการวิจัยของพวกเขาในวันที่ 26 พฤศจิกายน 2018 ในวารสาร Proceedings ของ National Academy of Sciences

ในซูเปอร์โนวาวัสดุที่เกิดขึ้นมาในดวงดาวจะระเบิดออกจากแกนกลางของดาวฤกษ์ด้วยความเร็วสูง แต่วัสดุทั้งหมดนั้นไหลออกไปด้านนอกด้วยความเร็วเท่ากัน ดังนั้นเมื่อเปรียบเทียบกับโมเลกุลอื่นในกระแสของวัสดุที่เป็นชิ้นส่วนทำให้เกิดดวงดาวจะไม่เคลื่อนที่อย่างรวดเร็ว แม้ว่าอาจมีระลอกคลื่นความปั่นป่วนแบบต่างๆเป็นครั้งคราว แต่ก็ยังมีความวุ่นวายไม่เพียงพอที่จะสร้างโมเลกุลที่หนักกว้าเหล็กผ่านมาบนตารางธาตุ

Abarzhi และทีมของเธอพบว่าฟิวชั่นน่าจะเกิดขึ้นในจุดร้อนที่แยกตัวได้ภายในซูเปอร์โนวา

เมื่อดาวระเบิดเธออธิบายการระเบิดนั้นไม่สมมาตรอย่างสมบูรณ์ ดาวฤกษ์เองนั้นมีความหนาแน่นไม่สม่ำเสมอในช่วงเวลาก่อนที่จะเกิดการระเบิดและแรงระเบิดที่แยกออกจากกันนั้นก็เป็นสิ่งที่ผิดปกติเช่นกัน

ความผิดปกติเหล่านั้นก่อให้เกิดบริเวณที่มีคลื่นอุลตร้าโซนิคสูงเป็นพิเศษภายในของเหลวที่ร้อนจัดของดาวระเบิด แทนที่จะเป็นระลอกคลื่นการระเบิดสั้นๆที่สั่นสะเทือนดาวทั้งดวงอย่างรุนแรงต่อ มวลทั้งหมด แรงกดดันและพลังงานของซูเปอร์โนวาจะถูกบีบอัดจนเข้มข้นป็นพิเศษในส่วนเล็ก ๆ ของมวลระเบิด บริเวณที่ได้รับแรงดันเหล่านี้เอาเหล่านี้กลายเป็นโรงงานเคมีสั้น ๆ ที่ทรงพลังกว่าสิ่งใดก็ตามที่มีอยู่ในดาวฤกษ์ทั่วไป

และนั่นคือสิ่งที่ Abarzhi และทีมของเธอแนะนำนั่นคือที่มาขององค์ประกอบที่ของสสารหนักหน่วงในจักรวาล

คำเตือนขนาดใหญ่ที่นี่คือว่านี่เป็นผลลัพธ์เดียวและ งานวิจัย เพื่อไปที่นั่นนักวิจัยอาศัยงานปากกาและกระดาษรวมถึงแบบจำลองคอมพิวเตอร์ Abarzhi กล่าว เพื่อยืนยันหรือหักล้างผลลัพธ์เหล่านี้นักดาราศาสตร์จะต้องจับคู่กับหลักฐานทางเคมีที่แท้จริงของซุปเปอร์โนวาในเอกภพ - เมฆก๊าซและส่วนที่เหลือจากการระเบิดของดาวฤกษ์

แต่ดูเหมือนว่านักวิทยาศาสตร์จะเข้าใจสิ่งที่อยู่รอบตัวเรารวมทั้งภายในร่างกายของเราเองมากขึ้น

เครดิต
https://www.livescience.com/25300-periodic-table.html
https://www.space.com/supernovas-mystery-possibly-solved.html
https://www.livescience.com/32698-what-are-supernovas-and-what-do-scientists-learn-from-them.html
แก้ไขข้อความเมื่อ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่