สวัสดีค่ะ ขอใช้พื้นที่ตรงนี้นิดนึงนะคะ เพราะไม่สามารถปรึกษากับคนรอบข้างได้เลย อึดอัดใจมาจะ4ปีแล้วค่ะ ขออนุญาตเล่าย้อนไปถึงจุดเริ่มต้นนะคะ
เมื่อตอนอายุ16 โรงเรียนมอปลายที่เราศึกษาอยู่ในตอนนั้นมีนักเรียนจากต่างประเทศมาแลกเปลี่ยน เรามีหน้าที่ต้องดูแลเพื่อนคนนึงที่มาจากแถบตะวันตก ระยะเวลา 2 เทอม ในตอนนั้นมันมีกิจกรรมให้ทำเยอะนะคะ เพราะโซเชียลไม่ได้มีตัวตนเยอะอย่างทุกวันนี้ เราได้แลกเปลี่ยนภาษาการสอนการทำการบ้านในวิชาที่ต่างคนต่างถนัด แลกเปลี่ยนวัฒนธรรม เสาร์อาทิตย์ไปปั่นจักรยาน ไปเที่ยวพิพิธภัณฑ์ไปเดินห้างบ้าง มันเลยได้ความผูกพันมากกว่าการพิมพ์คุยกันค่ะ ตอนนั้นเรารู้แค่ว่าเราสองคนสนิทกัน 2 เทอมนั้นดิฉันแทบไม่ได้ไปไหนกับเพื่อนคนไทยเลย จนถึงวันที่เขาต้องกลับประเทศ เราได้ส่งเขาขึ้นรถของโรงเรียนที่โรงเรียนเท่านั้น ไม่ได้ไปส่งถึงสนามบิน ใจหายค่ะ แต่ก็รับมือได้
.... จน 2 ปีต่อมา ดิฉันได้เรียนต่อที่มหาลัยเล็กๆแห่งหนึ่งในกรุงเทพฯค่ะ ต่อในสายที่ฉันรัก เกี่ยวกับภาษาอย่างที่เคยขี้โม้กับเพื่อนคนนั้นไว้เมื่อ 2 ปีก่อน ฉันนึกถึงเขาตลอดค่ะ เอาเขาเป็นแรงบันดาลใจในการใช้ภาษาให้ถูกต้อง ก่อนเรียนจบดิฉันได้ไปฝึกงาน ที่บริษัทเอกชนแห่งหนึ่ง เป็นบริษัทที่มีพนักงานทั้งชาวไทยและชาวต่างชาติทำงานร่วมกันค่ะ เมื่อฉันสนิทกับใครฉันก็จะเล่าให้เขาฟังเกี่ยวกับเพื่อนคนนั้นของฉันเสมอ ช่วงนั้น Facebook กำลังเข้ามา พี่ๆในออฟฟิศเล่นกันหมดดิฉันก็เลยสมัครเล่นบ้าง จริงๆน่าจะเข้ามาสักพักแล้วตอนที่ดิฉันเรียนก็เคยได้ยินเพื่อนเล่นกันแต่ตอนนั้นดิฉันไม่ตื่นเต้นที่จะเล่นด้วยเลยค่ะจนได้มาฝึกงาน และการสมัคร Facebook ในวันนั้นก็ทำให้ฉันพบเขาอีกครั้ง
...เขาใช้ชื่อจริงในการเล่น facebook ดิฉันลองค้นหาเล่นๆแต่ดันเจอจริงๆ ยังจำความรู้สึกวันนั้นได้ดีค่ะ วันที่เขาทักมาประโยคแรก วันที่ดิฉันไม่ยอมไปพักเที่ยงกับพี่ๆเพราะอยากคุยกับเขา ในตอนนั้นเขาเรียนจบและทำงานแล้ว และเขายังโสด
เราคุยกันเยอะมาก จนฉันมั่นใจว่าตลอดระยะเวลาที่ผ่านมาฉันคิดถึงเขามากจริงๆ วีดีโอคอลหากันหลังเลิกงาน คุยกันทุกเช้าหลังจากตื่นนอน มันเป็นแบบนี้อยู่เกือบปี เราเฝ้าดูพัฒนาการของชีวิตกันและกัน จนวันที่แย่ที่สุดสำหรับฉัน คือวันที่เขามาปรึกษาปัญหาหัวใจ ฉันให้คำปรึกษาแบบน้ำตาตกใน ตอนนั้นฉันยังพูดได้ไม่เต็มปากหรอกว่าฉันรักเขา แต่ความรู้สึกคือมันจุกในอกมากๆ มันอยากอยู่ตรงนั้น อยากถามเขาว่ามีฉันในสายตาบ้างไหม แล้วเราก็ค่อยๆห่างกันไป จนไม่ได้คุยกันเลย ....... ข้อความแรกจากเขาจากที่เราไม่คุยกัน คือวันที่ฉันเรียนจบ เขาทักมาแสดงความยินดี วันที่เราได้คุยกันอีกครั้งหลังจากที่หายจากกันไปแบบงงๆ เขาบอกฉันว่าเขาไม่มีใคร ใจบางอีกแล้ว..ครั้งที่แล้วเขาก็บอกว่าโสด
แต่ก็คุยกับเขานะ ครั้งนี้คุยไม่นาน สารภาพรักแล้วก็ตกลงเป็นแฟนกัน มันมีความสุขที่สุดเลย เราคบกันได้ 1 ปี 8 เดือน 12 วัน แล้วเราก็เลิกกัน ด้วยเรื่องเวลา ระยะทาง เราไม่ได้อยู่ข้างๆกันในวันที่อีกฝ่ายอ่อนแอ
ตอนนี้เราเลิกกันมา อีก 1 เดือนก็จะครบ 4 ปีแล้วค่ะ เราต่างคนต่างมีแฟนใหม่แล้ว ฉันไม่รู้ว่าเขาคิดเหมือนฉันไหม แต่ฉันยังคิดถึงเขาในทุกๆลมหายใจ ทุกๆอย่างที่เคยคุย เมื่อคนใหม่พูดขึ้นมาฉันจะนึกถึงเขาเป็นคนแรกตลอด ฉันยังเรียกชื่อเขาในวันแย่ๆของชีวิตอยู่เลย
เรายังเป็นเพื่อนกันในเฟซ ฉันดูเขาทุกความเคลื่อนไหวทุกๆการเปลี่ยนแปลงในชีวิตเขาฉันรับรู้มันมาโดยตลอด ฉันถามใถ่เขาถามผ่านพี่สาวของเขา เขามีความสุขกับแฟนใหม่ของเขามาก ทั้งที่เขากับแฟนใหม่ของเขาก็อยู่คนละเมือง ดิฉันเคยแคปข้อความที่เราคุยกันหวานๆส่งให้เพื่อนของฉันดู 4 ปีแล้วที่ฉันยังเข้าไปในแชทของเพื่อนฉันเพื่อไปย้อนดูข้อความนั้นซ้ำๆ ฉันต้องแกล้งดูหนังเศร้า เพื่อที่จะเปิดเพลงเพลงนึงถึงเขาโดยที่ไม่ให้แฟนคนปัจจุบันของฉันรู้สึกไม่สบายใจ ตอนนี้กลายเป็นฉันเองที่รู้สึกไม่สบายใจมากๆค่ะ แฟนคนปัจจุบันของฉันเขาดีทุกอย่าง เป็นพี่ที่ดีคอยให้คำปรึกษา เป็นเพื่อนที่ดีไปไหนไปกัน เป็นคนรักที่ดีทั้งทางสังคมและครอบครัว
ฉันจึงอยากได้วิธี ที่จะลืมความรักครั้งนั้น โดยไม่ต้องนึกถึงเขาอีกแล้ว 2 ปีก่อนฉันเคยปรึกษาเรื่องนี้กับเพื่อน คำตอบคือเพื่อนด่าว่าฉันงมงายกับรักครั้งแรกมากเกินไป แต่มันจุกแน่นในใจฉันเหลือเกิน
ทุกๆวันที่ 17 ของทุกเดือน ฉันยังจำมันได้ตลอดว่าถ้าวันนี้เราคบกันอยู่มันจะเป็นวันครบรอบกี่ปีกี่เดือนของเรากันนะ
ทุกๆวันที่ 29 ของทุกเดือน ฉันยังจำได้ตลอดว่ามันคือวันที่เราเลิกกันอย่างเป็นทางการแล้ว ฉันจะรู้สึกดาวน์มากๆในทุกๆวันที่ 29
เกลียดตัวเองทุกครั้งที่คิดถึงเขาค่ะ......ฉันควรทำยังไงดี
จะงัดคนๆหนึ่งออกจากใจ ต้องทำยังไงดีคะ
เมื่อตอนอายุ16 โรงเรียนมอปลายที่เราศึกษาอยู่ในตอนนั้นมีนักเรียนจากต่างประเทศมาแลกเปลี่ยน เรามีหน้าที่ต้องดูแลเพื่อนคนนึงที่มาจากแถบตะวันตก ระยะเวลา 2 เทอม ในตอนนั้นมันมีกิจกรรมให้ทำเยอะนะคะ เพราะโซเชียลไม่ได้มีตัวตนเยอะอย่างทุกวันนี้ เราได้แลกเปลี่ยนภาษาการสอนการทำการบ้านในวิชาที่ต่างคนต่างถนัด แลกเปลี่ยนวัฒนธรรม เสาร์อาทิตย์ไปปั่นจักรยาน ไปเที่ยวพิพิธภัณฑ์ไปเดินห้างบ้าง มันเลยได้ความผูกพันมากกว่าการพิมพ์คุยกันค่ะ ตอนนั้นเรารู้แค่ว่าเราสองคนสนิทกัน 2 เทอมนั้นดิฉันแทบไม่ได้ไปไหนกับเพื่อนคนไทยเลย จนถึงวันที่เขาต้องกลับประเทศ เราได้ส่งเขาขึ้นรถของโรงเรียนที่โรงเรียนเท่านั้น ไม่ได้ไปส่งถึงสนามบิน ใจหายค่ะ แต่ก็รับมือได้
.... จน 2 ปีต่อมา ดิฉันได้เรียนต่อที่มหาลัยเล็กๆแห่งหนึ่งในกรุงเทพฯค่ะ ต่อในสายที่ฉันรัก เกี่ยวกับภาษาอย่างที่เคยขี้โม้กับเพื่อนคนนั้นไว้เมื่อ 2 ปีก่อน ฉันนึกถึงเขาตลอดค่ะ เอาเขาเป็นแรงบันดาลใจในการใช้ภาษาให้ถูกต้อง ก่อนเรียนจบดิฉันได้ไปฝึกงาน ที่บริษัทเอกชนแห่งหนึ่ง เป็นบริษัทที่มีพนักงานทั้งชาวไทยและชาวต่างชาติทำงานร่วมกันค่ะ เมื่อฉันสนิทกับใครฉันก็จะเล่าให้เขาฟังเกี่ยวกับเพื่อนคนนั้นของฉันเสมอ ช่วงนั้น Facebook กำลังเข้ามา พี่ๆในออฟฟิศเล่นกันหมดดิฉันก็เลยสมัครเล่นบ้าง จริงๆน่าจะเข้ามาสักพักแล้วตอนที่ดิฉันเรียนก็เคยได้ยินเพื่อนเล่นกันแต่ตอนนั้นดิฉันไม่ตื่นเต้นที่จะเล่นด้วยเลยค่ะจนได้มาฝึกงาน และการสมัคร Facebook ในวันนั้นก็ทำให้ฉันพบเขาอีกครั้ง
...เขาใช้ชื่อจริงในการเล่น facebook ดิฉันลองค้นหาเล่นๆแต่ดันเจอจริงๆ ยังจำความรู้สึกวันนั้นได้ดีค่ะ วันที่เขาทักมาประโยคแรก วันที่ดิฉันไม่ยอมไปพักเที่ยงกับพี่ๆเพราะอยากคุยกับเขา ในตอนนั้นเขาเรียนจบและทำงานแล้ว และเขายังโสด
เราคุยกันเยอะมาก จนฉันมั่นใจว่าตลอดระยะเวลาที่ผ่านมาฉันคิดถึงเขามากจริงๆ วีดีโอคอลหากันหลังเลิกงาน คุยกันทุกเช้าหลังจากตื่นนอน มันเป็นแบบนี้อยู่เกือบปี เราเฝ้าดูพัฒนาการของชีวิตกันและกัน จนวันที่แย่ที่สุดสำหรับฉัน คือวันที่เขามาปรึกษาปัญหาหัวใจ ฉันให้คำปรึกษาแบบน้ำตาตกใน ตอนนั้นฉันยังพูดได้ไม่เต็มปากหรอกว่าฉันรักเขา แต่ความรู้สึกคือมันจุกในอกมากๆ มันอยากอยู่ตรงนั้น อยากถามเขาว่ามีฉันในสายตาบ้างไหม แล้วเราก็ค่อยๆห่างกันไป จนไม่ได้คุยกันเลย ....... ข้อความแรกจากเขาจากที่เราไม่คุยกัน คือวันที่ฉันเรียนจบ เขาทักมาแสดงความยินดี วันที่เราได้คุยกันอีกครั้งหลังจากที่หายจากกันไปแบบงงๆ เขาบอกฉันว่าเขาไม่มีใคร ใจบางอีกแล้ว..ครั้งที่แล้วเขาก็บอกว่าโสด
แต่ก็คุยกับเขานะ ครั้งนี้คุยไม่นาน สารภาพรักแล้วก็ตกลงเป็นแฟนกัน มันมีความสุขที่สุดเลย เราคบกันได้ 1 ปี 8 เดือน 12 วัน แล้วเราก็เลิกกัน ด้วยเรื่องเวลา ระยะทาง เราไม่ได้อยู่ข้างๆกันในวันที่อีกฝ่ายอ่อนแอ
ตอนนี้เราเลิกกันมา อีก 1 เดือนก็จะครบ 4 ปีแล้วค่ะ เราต่างคนต่างมีแฟนใหม่แล้ว ฉันไม่รู้ว่าเขาคิดเหมือนฉันไหม แต่ฉันยังคิดถึงเขาในทุกๆลมหายใจ ทุกๆอย่างที่เคยคุย เมื่อคนใหม่พูดขึ้นมาฉันจะนึกถึงเขาเป็นคนแรกตลอด ฉันยังเรียกชื่อเขาในวันแย่ๆของชีวิตอยู่เลย
เรายังเป็นเพื่อนกันในเฟซ ฉันดูเขาทุกความเคลื่อนไหวทุกๆการเปลี่ยนแปลงในชีวิตเขาฉันรับรู้มันมาโดยตลอด ฉันถามใถ่เขาถามผ่านพี่สาวของเขา เขามีความสุขกับแฟนใหม่ของเขามาก ทั้งที่เขากับแฟนใหม่ของเขาก็อยู่คนละเมือง ดิฉันเคยแคปข้อความที่เราคุยกันหวานๆส่งให้เพื่อนของฉันดู 4 ปีแล้วที่ฉันยังเข้าไปในแชทของเพื่อนฉันเพื่อไปย้อนดูข้อความนั้นซ้ำๆ ฉันต้องแกล้งดูหนังเศร้า เพื่อที่จะเปิดเพลงเพลงนึงถึงเขาโดยที่ไม่ให้แฟนคนปัจจุบันของฉันรู้สึกไม่สบายใจ ตอนนี้กลายเป็นฉันเองที่รู้สึกไม่สบายใจมากๆค่ะ แฟนคนปัจจุบันของฉันเขาดีทุกอย่าง เป็นพี่ที่ดีคอยให้คำปรึกษา เป็นเพื่อนที่ดีไปไหนไปกัน เป็นคนรักที่ดีทั้งทางสังคมและครอบครัว
ฉันจึงอยากได้วิธี ที่จะลืมความรักครั้งนั้น โดยไม่ต้องนึกถึงเขาอีกแล้ว 2 ปีก่อนฉันเคยปรึกษาเรื่องนี้กับเพื่อน คำตอบคือเพื่อนด่าว่าฉันงมงายกับรักครั้งแรกมากเกินไป แต่มันจุกแน่นในใจฉันเหลือเกิน
ทุกๆวันที่ 17 ของทุกเดือน ฉันยังจำมันได้ตลอดว่าถ้าวันนี้เราคบกันอยู่มันจะเป็นวันครบรอบกี่ปีกี่เดือนของเรากันนะ
ทุกๆวันที่ 29 ของทุกเดือน ฉันยังจำได้ตลอดว่ามันคือวันที่เราเลิกกันอย่างเป็นทางการแล้ว ฉันจะรู้สึกดาวน์มากๆในทุกๆวันที่ 29
เกลียดตัวเองทุกครั้งที่คิดถึงเขาค่ะ......ฉันควรทำยังไงดี