สวัสดีทุกๆคน เราพึ่งเคยเขียนกระทู้เกี่ยวกับเรื่องราวแปลกๆแบบนี้เป็นครั้งแรก ผิดพลาดประการใดต้องขออภัยด้วยนะ
ปล.เรื่องที่จะนำมาเล่านั้นล้วนแล้วแต่เป็นสิ่งที่เกิดขึ้นจริงกับชีวิตของเรา มิใดปรุงแต่งแต่อย่างใด
เราก็เป็นเด็กม.ปลายในโรงเรียนชนบททั่วๆไปในโรงเรียนประจำอำเภอแห่งหนึ่งในจังหวัดนครราชสีมา
โรงเรียนนี้จะเป็นโรงเรียนขนาดกลางมีแค่ชั้น ม.1- ม.6 เราย้ายมาเรียนที่นี่ตอน ม.4 และนั่นก็เป็นจุดเริ่มต้นกับเรื่องราวแปลกๆในชีวิตเรา
เราออกตัวก่อนเลยนะว่าเราไม่ใช่ผู้ชาย และไม่ใช่ผู้หญิง 555 อันที่จริงเราเป็นกะเทย และมักจะมีสัมผัสพิเศษเกี่ยวกับสิ่งลี้ลับนี้ดีกว่าคนอื่นๆ
วันแรกที่เราได้เข้ามาเรียนในตอนเย็นทางโรงเรียนก็มีการจับฉลากแยกสีของกีฬาสีในแต่ละห้อง และยังให้นักเรียนเลือกเรียนชุมนุม เสรีตามความสมัครใจของแต่ละบุคคล
แน่นอนว่าเรานั้นมีความสามารถในด้านการแสดง การร่ายรำ จึงอยากเข้าชุมนุมนาฏศิลป์มาก แต่ติดที่ว่าเพื่อนในห้องนั้น ไม่มีใครถนัดเลย อีกทั้งเรานั้นก็ขี้อายอยู่พอตัว เมื่อไม่มีเพื่อนไปด้วยเราก็ไม่อยากไปและหวังจะเข้าชุมนุมอื่น แต่เพื่อนๆต่างก็เชียร์ว่าให้เข้าๆไปเถอะ เอาตามที่ถนัดเลยน่าจะดีกว่าการฝืนใจ เราจึงเข้าชุมนุมนั้นโดยที่ไม่มีเพื่อนสนิทเลยสักคน แต่ก็มีเพื่อนในห้องอีก2คนที่เป็นผู้หญิงที่อยู่ชุมนุมนี้มาตั้งแต่ ม.ต้นแล้ว เราจึงรู้สึกสบายใจ
หลังจากนั้นวันถัดๆมา เพื่อนๆที่เข้าชุมนุมเดียวกันก็บอกให้ไปเข้าชุมนุมทุกเที่ยง ไปซ้อมรำเพื่อแสดงในงานต่างๆจะได้ไม่ต้องซ้อมให้ยาก เราก็เลยไปซ้อมในทุกๆเที่ยง
ก้าวแรกที่ก้าวเข้าไปในห้องนี้มันอึดอัดมาก เหม็นกลิ่นธูปกลิ่ควัน ทั้งๆที่หน้าต่างก็ถูกเปิดระบายอากาศออก พัดลมก็เปิด แต่ห้องเป็นลักษณะทึบติดกระจกด้านขวาหากเดินเข้าไปจากประตู โต้ะหมู่บูชาจะหันหลังติดกระจกด้านข้างๆเพื่อที่จะได้มีพื้นที่ไว้ให้มองเห็นกระจกเวลาซ้อมรำบ้าง วันแรกคนในห้องก็เยอะมาก ขนาดที่ว่าแทบแน่นห้องเลยทีเดียว เข้ามาก็เฮฮากันดี เจอเพื่อนๆกระเทยอีกหลายๆห้องก็ได้พูดคุยกันดี ถึงเวลาซ้อมรำเราเห็นทุกคนยกมือไหว้เศียรพ่อแก่บนโต้ะหมู่บูชาก่อนซ้อม เราก็ไหว้ๆตามเขาไป แล้วก็ซ้อมรำไปตามๆเขาในเพลงมโหรีอีสาน ซึ่งก็ไม่ใช่เพลงที่เคยรำเลยในโรงเรียนเก่า เราก็ไหลๆเรื่อยๆตามเขาไป จนรำเป็น นานวันเข้าคนในชุมนุมก็ดูบางตาลง จนครูเขาก็มาบอกว่า จะคัดเอานางรำคนที่รำสวยๆไว้ออกงานคนอื่นก็มาซ้อมเฉพาะวันมีเรียนชุมนุมก็พอ เผื่อตัวสำรอง วันนั้นเรารู้สึกดีใจอยู่เหมือนกัน เพราะ1ใน16ก็มีเราด้วย นึกในใจจะได้ออกงานได้แต่งตัวสวยๆเหมือนคนอื่นเขาแล้ว เย็นวันนั้นกลับบ้านมาด้วยความอัดฮึดกระอักกระอ่วนอยู่ในท้อง เหมือนจะอ้วกให้ได้ เพลียๆอยากนอนหลับ ก็เลยนอนหลับไปแล้วฝันว่ามีผู้หญิงใส่ชุดโขนตัวนางแต่ไม่ใส่ชฎา มายืนอยู่หน้าห้องนาฏศิลปที่โรงเรียนแล้วเขาก็พูดกับเราว่า ทำให้เต็มที่นะ แล้วชี้มาที่หน้าเราพร้อมกับวิ่งเข้ามาหาเรา เราตกใจตื่นแล้วในใจก็ระแวงแปลกๆ คิดว่าไม่มีอะไรคงคิดมากไปเองเลยนอนต่อ วันต่อมาก็ไปซ้อมรำอยู่ตามปกติ อาจารย์เดินมาแจ้งว่าอาทิตย์หน้าเอานักแสดงใหม่10คนไปฟ้อนมาลัยงานวันไหว้ครู แล้ว1ในนั้นก็มีเราด้วย 555ดีใจสิ งานแรกก็ได้แสดงเลยหรอตอนนั้นคือดีใจมาก แล้วอยู่ๆขนก็ลุกซู่ไม่รู้ทำไม
แล้วก็เริ่มซ้อมรำ 10คนก็จะจัดเป็นคู่ๆ เราได้อยู่คู่หลังสุดตรงกลางๆ เพราะตัวสูงที่สุด ก็ซ้อมไปเริ่มรู้สึกอึดอัดเหมือนมีคนมาคอยยืนเบียดๆเวลาซ้อม ทั้งๆที่ในห้องมีแค่11คน (รวมกับครูอีก1คน)
นางรำเซตนี้ใหม่เกือบทั้งเซต มีรุ่นพี่แค่3หรือ4คน จำไม่ได้ ทุกคนจึงปรับตัวเข้ากันได้ง่ายเพราะมาจากที่อื่นๆเกือบทั้งหมด จึงหยอกล้อแกล้งทำท่าทางล้อเลียนคนอื่นบ้างขณะซ้อมรำจนครูที่มาซ้อมให้ก็ได้บอกว่าอย่าทำเล่นจะถึงวันอยู่แล้ว เวลาซ้อมก็มีน้อย พวกนั้นก็จึงตั้งใจซ้อม ขณะที่กำลังซ้อมนั้นเรารู้สึกเจ็บข้อเท้าในขณะที่นั่งลง เหมือนมีใครเอาอะไรแข็งๆมาทุบที่ข้อเท้า เราจึงหันไปดู แต่ก็ไม่มีอะไร จึงซ้อมรำต่อ ครั้งนี้รู้สึกรุนแรงขึ้นอีกเหมือนเส้นที่ขามันพลิก เลยขอครูหยุดก่อน ครูก็ใจดีให้พักก่อน เพื่อนๆก็พากันออกไปซื้อน้ำไปเข้าห้องน้ำ พี่คนนึงมานั่งกับเรา แล้วถามว่าไหวไหม๊ เราบอกว่าไหว แค่เจ็บขานิดหน่อย พี่เขายิ้มๆแล้วมองหน้าครู เราก็มองตาม ครูเขาก็ไม่ได้พูดอะไร แค่ยื่นยาหม่องกระปุกใหญ่ๆมา ให้แล้วพูดลอยๆขึ้นมาเหมือนไม่ได้บอกเรา ว่า อีก1อาทิตย์เดี๋ยวก็จัดพิธีไหว้ครูแล้ว แล้วก็หันไปทางนอกห้องแล้วบ่นอะไรพึมพัมแล้วเดินออกไป ทีแรกเราคิดว่าครูพูดใส่เรา เราเลยรู้สึกอยากเปลี่ยนคนมาแสดงแทนเพราะบางทีครูอาจจะเห็นว่าเราเจ็บขากลัวการแสดงเสียหายรึเปล่าเลยเดินบ่นออกไปแบบนั้น แต่สักครู่ครูเดินกลับเข้ามาแล้วบอกให้เราไปซ้อมต่อแต่ให้ไหว้พ่อแก่ก่อนซ้อม และถอดถุงเท้าด้วย เราก็ทำตาม แต่รอบนี้ไม่มีอะไรเกิดขึ้นจนต่อท่าจนจบ ก็ผ่านไปเรื่อยๆจนถึงคืนก่อนวันจริง ทุกคนจะต้องมานอนที่โรงเรียนเพื่อที่จะได้ตื่นเช้ามาแต่งหน้ารำในตอนเช้า แล้วในเย็นวันนั้นทุกคนจะต้องไปลองจุดในสถานที่จริงเพื่อให้รู้ตำแหน่งของการแสดง แต่ไม่มีใครหยิบแผ่นเพลงติดมือมาด้วย จึงต้องมีคนวิ่งไปเอาแผ่นที่ห้องนาฏศิลป์มาเพื่อใช้เปิดซ้อม และบุคคลผู้โชคดีคนนั้นก็คือเรากับเพื่อนกระเทยอีก1คน ก็พากันเดินไปเอาแผ่นเพลง ระยะทางที่ต้องเดินไปนั้นนับว่าไกลพอสมควรจากด้านหน้าโรงเรียนเดินไปถึงอาคารหลังสุดของโรงเรียน บรรยากาศก็โพล้เพล้ ใกล้มืดแล้ว ไฟในโรงเรียนก็ยังเปิดไม่หมดทุกดวง มันจะมืดๆแต่พอมองเห็นทางอยู่ ผ่านอาคารโรงฝึกงานก็เงียบ อาคารพยาบาลก็เงียบ อาคาร2ก็เงียบ เงียบมากเพราะไม่มีใครอยู่เลยนอกจากเรา2คน และภารโรงที่อยู่บ้านพักข้างหน้า พวกเรามุ่งหน้ากันไปแบบรีบๆจนถึงห้องนาฏศิลป์ แล้วจัดการเปิดไฟหาแผ่นเพลง ในใจตอนนี้คือด่วนมากๆ กลัวก็กลัว พลันทันใดนั้นกลิ่นธูปแรงมากลอยมาเตะจมูดใกเราเข้าอย่างจัง เราจึงถามเพื่อนว่าได้กลิ่นมั้ย เพื่อนทำหน้างงๆแล้วถามว่ากลิ่นพวงมาลัยหรอ พร้อมชี้ไปที่บนโต้ะที่มีมาลัยปลอมวางอยู่ แล้วหัวเราะเบาๆ เรามองหน้าเพื่อนแล้วไม่พูดต่อได้แต่เร่งหาแผ่นเพลง จนเจอ แล้วจู่ๆลมก็แรงจนทำให้บานพับหน้าต่างปิดตัวเข้ามาอย่างแรง "ตึ้ง" เราตกใจมาก เพื่อนอีกคนอุทานมาเต็มปากเต็มคำเป็นคำสบถหยาบๆ แล้วเดินไปปิดหน้าต่างพร้อมบ่นว่า ใครออกห้องคนสุดท้ายทำไมไม่ปิดหน้าต่าง มันก็เดินไปปิด แล้วมันก็ยืนนิ่งๆสักครู่ แล้วถามว่าเราว่า ได้กลิ่นอะไรหรอเมื่อกี้ แล้วหันหน้ามาทางเรา เราในตอนนี้ลืมเรื่องกลิ่นไปตอนไหนแล้วก็ไม่รู้ และไม่ได้กลิ่นธูปแล้วจึงแกล้งมันว่ากลิ่นพวงมาลัยไงพร้อมกับชี้ไปบนโต๊ะที่มีพวกมาลัยปลอมวางอยู่ แต่..... ไม่มีแม้กระทั่งกระดาษรึอะไรก็ตามที่จะวางอยู่บนนั้น ทั้งๆที่เมื่อกี้เราสองคนเห็นเหมือนกันว่ามีพวงมาลัยปลอมวางอยู่บนโต้ะ หันกลับไปหาเพื่อนตอนนี้มันหน้าเสียแล้ว เราจึงบอกมันว่า รีบไปกันเถอะ ครูคงรอนานแล้ว เราแล้วเพื่อนรู้กันจึงเดินมาเบียดๆกัน แล้วก้มหน้าเดินออกจากห้องนั้นไป ในขณะนี้มันก็มืดแล้วเราจึงเร่งฝีเท้ากันยกใหญ่ประมาณว่าแข่งเดินเร็วอะไรประมาณนั้นแต่ไม่มีใครกล้าวิ่ง จนมาถึงหอประชุม ครูเห็นพวกเราสีหน้าไม่ดีเลยถามว่าเป็นอะไร พวกเราไม่ได้พูดอะไร พร้อมกับนั่งลง เพื่อนๆที่ซ้อมท่ากันอยู่เข้ามาถามแต่ไม่ทันที่จะได้ตอบอะไร เสียงโทรศัพท์ครูก็ดังขึ้น พร้อมกับครูก็รีบบอกว่าเดี๋ยวจะกลับมาไม่นานหรอก มีธุระด่วน แล้วให้พี่ ม.6 คุมไปก่อน พวกเราก็เลยซ้อมกันต่อ โดยขึ้นไปแสดงบนเวที บนเวทีจะมีจุดพักนักแสดงอยู่ด้านข้างสองฝั่ง เป็นที่ที่เอาไว้เก็บตัวนักแสดงก่อนออกมาแสดง เรารำไปก็ถึงท่าสุดท้ายที่แถวมันจะเฉียงเราได้อยู่หลังสุด ก็รำไปแต่รู้สึกว่ามีอีกคนมารำอยู่ด้านหลัง เราเริ่มใจไม่ดีอีกครั้ง ได้แต่ย่ำอยู่ที่เดิมไม่ยอมถอยออก จนเพื่อนกระเทยด้านหน้าเดินถอยมาชนเราแล้วมันก็นหันมาองเรา แล้วรีบหันกลับไปคืน เรารู้ตัวทันทีว่ามันเห็นอะไรแน่ๆ จึงร้องออกมาดังๆ แล้วทุกคนก็หยุดหันมาที่เรา ยกเว้นอีเพื่อนกะเทยคนนั้น ทุกคนคงสงสัยว่าเราเป็นอะไร เราไม่ได้แสดงท่าทีว่ากลัวอะไรแต่สีหน้ากับน้ำตามันคงฟ้อง พี่คนที่มานั่งถามเราในวันนั้นบอกให้พอก่อน ไปนั่งรอครู ครูออกไปเอาข้าวกล่องเดี๋ยวจะกลับมา แล้วเดินมาถามเรา2คนว่าเจออะไรพร้อมกับเพื่อนอีก3-4คนที่อยากรู้ก็มาฟังด้วย
เราเล่าพี่เขาไปว่าเมื่อกี้ตอนไปเอาแผ่นได้กลิ่นธูป และกำลังจะเล่าเรื่องพวกมาลัยนั่นด้วย เพื่อนกะเทยอีกคนก็แย่งเราพูดว่า เออ เมื่อกี้กูก็ได้กลิ่นธูปตอนเดินไปปิดหน้าต่าง แล้วก็เล่าเรื่องต่างๆที่เจอมาจนหมด เราจึงเล่าต่อว่า เมื่อกี้ตอนจะเดินออก รู้สึกเหมือนมีคนมาอยู่ด้านหลังเลยไม่กล้าถอยไป แต่เพื่อนอีกคนหันมา...... มันก็แย่งพูดอีกว่าเห็นผู้หญิงใส่ชุดไทยไม่มีชฎามายืนอยู่ด้านหลัง เลยหันกลับมาคืนเพราะตกใจ แล้วเราก็เลยร้องกรี้ดขึ้นมา
รุ่นพี่เห็นท่าไม่ดีแล้วเลยพาลงมาจากเวทีแล้วมานั่งรอครูกลับมาก่อน พอครูกลับมา ครูก็บอกว่าถ้าซ้อมแล้วก็พอก่อนคืนนี้ไปกินข้าวไปนอนพักพรุ่งนี้จะได้ตื่นมาแต่หน้ากันแต่เช้า แล้วเราก็เห็นรุ่นพี่คนนั้นเดินไปคุยกับครู ครูก็เลยบอกให้ทุกคนมาไหว้พระก่อนนอน
ก่อนนอนเราถามครูว่า มาลัยปลอมในห้องนี้มันอยู่ตรงไหน ครูบอกว่าห้องนี้ไม่ได้ใช้มาลัยปลอม พร้อมพาไปเปิดดูมาลัยจริงในตู้เย็น บอกว่าเอาไว้ใช้แสดงพรุ่งนี้เช้า เราก็ยืนอึ้งอยู่ครู่นึง จนครูบอกให้ไปนอน เราก็ไปนอน โชคเข้าข้าง ในคืนนี้เราไม่เจออะไรแปลกๆเลย
********---------------------**********
เดี๋ยวว่างๆจะมาเล่าต่อนะ
เรื่องราวแปลกๆของเด็กนาฏศิลป์
ปล.เรื่องที่จะนำมาเล่านั้นล้วนแล้วแต่เป็นสิ่งที่เกิดขึ้นจริงกับชีวิตของเรา มิใดปรุงแต่งแต่อย่างใด
เราก็เป็นเด็กม.ปลายในโรงเรียนชนบททั่วๆไปในโรงเรียนประจำอำเภอแห่งหนึ่งในจังหวัดนครราชสีมา
โรงเรียนนี้จะเป็นโรงเรียนขนาดกลางมีแค่ชั้น ม.1- ม.6 เราย้ายมาเรียนที่นี่ตอน ม.4 และนั่นก็เป็นจุดเริ่มต้นกับเรื่องราวแปลกๆในชีวิตเรา
เราออกตัวก่อนเลยนะว่าเราไม่ใช่ผู้ชาย และไม่ใช่ผู้หญิง 555 อันที่จริงเราเป็นกะเทย และมักจะมีสัมผัสพิเศษเกี่ยวกับสิ่งลี้ลับนี้ดีกว่าคนอื่นๆ
วันแรกที่เราได้เข้ามาเรียนในตอนเย็นทางโรงเรียนก็มีการจับฉลากแยกสีของกีฬาสีในแต่ละห้อง และยังให้นักเรียนเลือกเรียนชุมนุม เสรีตามความสมัครใจของแต่ละบุคคล
แน่นอนว่าเรานั้นมีความสามารถในด้านการแสดง การร่ายรำ จึงอยากเข้าชุมนุมนาฏศิลป์มาก แต่ติดที่ว่าเพื่อนในห้องนั้น ไม่มีใครถนัดเลย อีกทั้งเรานั้นก็ขี้อายอยู่พอตัว เมื่อไม่มีเพื่อนไปด้วยเราก็ไม่อยากไปและหวังจะเข้าชุมนุมอื่น แต่เพื่อนๆต่างก็เชียร์ว่าให้เข้าๆไปเถอะ เอาตามที่ถนัดเลยน่าจะดีกว่าการฝืนใจ เราจึงเข้าชุมนุมนั้นโดยที่ไม่มีเพื่อนสนิทเลยสักคน แต่ก็มีเพื่อนในห้องอีก2คนที่เป็นผู้หญิงที่อยู่ชุมนุมนี้มาตั้งแต่ ม.ต้นแล้ว เราจึงรู้สึกสบายใจ
หลังจากนั้นวันถัดๆมา เพื่อนๆที่เข้าชุมนุมเดียวกันก็บอกให้ไปเข้าชุมนุมทุกเที่ยง ไปซ้อมรำเพื่อแสดงในงานต่างๆจะได้ไม่ต้องซ้อมให้ยาก เราก็เลยไปซ้อมในทุกๆเที่ยง
ก้าวแรกที่ก้าวเข้าไปในห้องนี้มันอึดอัดมาก เหม็นกลิ่นธูปกลิ่ควัน ทั้งๆที่หน้าต่างก็ถูกเปิดระบายอากาศออก พัดลมก็เปิด แต่ห้องเป็นลักษณะทึบติดกระจกด้านขวาหากเดินเข้าไปจากประตู โต้ะหมู่บูชาจะหันหลังติดกระจกด้านข้างๆเพื่อที่จะได้มีพื้นที่ไว้ให้มองเห็นกระจกเวลาซ้อมรำบ้าง วันแรกคนในห้องก็เยอะมาก ขนาดที่ว่าแทบแน่นห้องเลยทีเดียว เข้ามาก็เฮฮากันดี เจอเพื่อนๆกระเทยอีกหลายๆห้องก็ได้พูดคุยกันดี ถึงเวลาซ้อมรำเราเห็นทุกคนยกมือไหว้เศียรพ่อแก่บนโต้ะหมู่บูชาก่อนซ้อม เราก็ไหว้ๆตามเขาไป แล้วก็ซ้อมรำไปตามๆเขาในเพลงมโหรีอีสาน ซึ่งก็ไม่ใช่เพลงที่เคยรำเลยในโรงเรียนเก่า เราก็ไหลๆเรื่อยๆตามเขาไป จนรำเป็น นานวันเข้าคนในชุมนุมก็ดูบางตาลง จนครูเขาก็มาบอกว่า จะคัดเอานางรำคนที่รำสวยๆไว้ออกงานคนอื่นก็มาซ้อมเฉพาะวันมีเรียนชุมนุมก็พอ เผื่อตัวสำรอง วันนั้นเรารู้สึกดีใจอยู่เหมือนกัน เพราะ1ใน16ก็มีเราด้วย นึกในใจจะได้ออกงานได้แต่งตัวสวยๆเหมือนคนอื่นเขาแล้ว เย็นวันนั้นกลับบ้านมาด้วยความอัดฮึดกระอักกระอ่วนอยู่ในท้อง เหมือนจะอ้วกให้ได้ เพลียๆอยากนอนหลับ ก็เลยนอนหลับไปแล้วฝันว่ามีผู้หญิงใส่ชุดโขนตัวนางแต่ไม่ใส่ชฎา มายืนอยู่หน้าห้องนาฏศิลปที่โรงเรียนแล้วเขาก็พูดกับเราว่า ทำให้เต็มที่นะ แล้วชี้มาที่หน้าเราพร้อมกับวิ่งเข้ามาหาเรา เราตกใจตื่นแล้วในใจก็ระแวงแปลกๆ คิดว่าไม่มีอะไรคงคิดมากไปเองเลยนอนต่อ วันต่อมาก็ไปซ้อมรำอยู่ตามปกติ อาจารย์เดินมาแจ้งว่าอาทิตย์หน้าเอานักแสดงใหม่10คนไปฟ้อนมาลัยงานวันไหว้ครู แล้ว1ในนั้นก็มีเราด้วย 555ดีใจสิ งานแรกก็ได้แสดงเลยหรอตอนนั้นคือดีใจมาก แล้วอยู่ๆขนก็ลุกซู่ไม่รู้ทำไม
แล้วก็เริ่มซ้อมรำ 10คนก็จะจัดเป็นคู่ๆ เราได้อยู่คู่หลังสุดตรงกลางๆ เพราะตัวสูงที่สุด ก็ซ้อมไปเริ่มรู้สึกอึดอัดเหมือนมีคนมาคอยยืนเบียดๆเวลาซ้อม ทั้งๆที่ในห้องมีแค่11คน (รวมกับครูอีก1คน)
นางรำเซตนี้ใหม่เกือบทั้งเซต มีรุ่นพี่แค่3หรือ4คน จำไม่ได้ ทุกคนจึงปรับตัวเข้ากันได้ง่ายเพราะมาจากที่อื่นๆเกือบทั้งหมด จึงหยอกล้อแกล้งทำท่าทางล้อเลียนคนอื่นบ้างขณะซ้อมรำจนครูที่มาซ้อมให้ก็ได้บอกว่าอย่าทำเล่นจะถึงวันอยู่แล้ว เวลาซ้อมก็มีน้อย พวกนั้นก็จึงตั้งใจซ้อม ขณะที่กำลังซ้อมนั้นเรารู้สึกเจ็บข้อเท้าในขณะที่นั่งลง เหมือนมีใครเอาอะไรแข็งๆมาทุบที่ข้อเท้า เราจึงหันไปดู แต่ก็ไม่มีอะไร จึงซ้อมรำต่อ ครั้งนี้รู้สึกรุนแรงขึ้นอีกเหมือนเส้นที่ขามันพลิก เลยขอครูหยุดก่อน ครูก็ใจดีให้พักก่อน เพื่อนๆก็พากันออกไปซื้อน้ำไปเข้าห้องน้ำ พี่คนนึงมานั่งกับเรา แล้วถามว่าไหวไหม๊ เราบอกว่าไหว แค่เจ็บขานิดหน่อย พี่เขายิ้มๆแล้วมองหน้าครู เราก็มองตาม ครูเขาก็ไม่ได้พูดอะไร แค่ยื่นยาหม่องกระปุกใหญ่ๆมา ให้แล้วพูดลอยๆขึ้นมาเหมือนไม่ได้บอกเรา ว่า อีก1อาทิตย์เดี๋ยวก็จัดพิธีไหว้ครูแล้ว แล้วก็หันไปทางนอกห้องแล้วบ่นอะไรพึมพัมแล้วเดินออกไป ทีแรกเราคิดว่าครูพูดใส่เรา เราเลยรู้สึกอยากเปลี่ยนคนมาแสดงแทนเพราะบางทีครูอาจจะเห็นว่าเราเจ็บขากลัวการแสดงเสียหายรึเปล่าเลยเดินบ่นออกไปแบบนั้น แต่สักครู่ครูเดินกลับเข้ามาแล้วบอกให้เราไปซ้อมต่อแต่ให้ไหว้พ่อแก่ก่อนซ้อม และถอดถุงเท้าด้วย เราก็ทำตาม แต่รอบนี้ไม่มีอะไรเกิดขึ้นจนต่อท่าจนจบ ก็ผ่านไปเรื่อยๆจนถึงคืนก่อนวันจริง ทุกคนจะต้องมานอนที่โรงเรียนเพื่อที่จะได้ตื่นเช้ามาแต่งหน้ารำในตอนเช้า แล้วในเย็นวันนั้นทุกคนจะต้องไปลองจุดในสถานที่จริงเพื่อให้รู้ตำแหน่งของการแสดง แต่ไม่มีใครหยิบแผ่นเพลงติดมือมาด้วย จึงต้องมีคนวิ่งไปเอาแผ่นที่ห้องนาฏศิลป์มาเพื่อใช้เปิดซ้อม และบุคคลผู้โชคดีคนนั้นก็คือเรากับเพื่อนกระเทยอีก1คน ก็พากันเดินไปเอาแผ่นเพลง ระยะทางที่ต้องเดินไปนั้นนับว่าไกลพอสมควรจากด้านหน้าโรงเรียนเดินไปถึงอาคารหลังสุดของโรงเรียน บรรยากาศก็โพล้เพล้ ใกล้มืดแล้ว ไฟในโรงเรียนก็ยังเปิดไม่หมดทุกดวง มันจะมืดๆแต่พอมองเห็นทางอยู่ ผ่านอาคารโรงฝึกงานก็เงียบ อาคารพยาบาลก็เงียบ อาคาร2ก็เงียบ เงียบมากเพราะไม่มีใครอยู่เลยนอกจากเรา2คน และภารโรงที่อยู่บ้านพักข้างหน้า พวกเรามุ่งหน้ากันไปแบบรีบๆจนถึงห้องนาฏศิลป์ แล้วจัดการเปิดไฟหาแผ่นเพลง ในใจตอนนี้คือด่วนมากๆ กลัวก็กลัว พลันทันใดนั้นกลิ่นธูปแรงมากลอยมาเตะจมูดใกเราเข้าอย่างจัง เราจึงถามเพื่อนว่าได้กลิ่นมั้ย เพื่อนทำหน้างงๆแล้วถามว่ากลิ่นพวงมาลัยหรอ พร้อมชี้ไปที่บนโต้ะที่มีมาลัยปลอมวางอยู่ แล้วหัวเราะเบาๆ เรามองหน้าเพื่อนแล้วไม่พูดต่อได้แต่เร่งหาแผ่นเพลง จนเจอ แล้วจู่ๆลมก็แรงจนทำให้บานพับหน้าต่างปิดตัวเข้ามาอย่างแรง "ตึ้ง" เราตกใจมาก เพื่อนอีกคนอุทานมาเต็มปากเต็มคำเป็นคำสบถหยาบๆ แล้วเดินไปปิดหน้าต่างพร้อมบ่นว่า ใครออกห้องคนสุดท้ายทำไมไม่ปิดหน้าต่าง มันก็เดินไปปิด แล้วมันก็ยืนนิ่งๆสักครู่ แล้วถามว่าเราว่า ได้กลิ่นอะไรหรอเมื่อกี้ แล้วหันหน้ามาทางเรา เราในตอนนี้ลืมเรื่องกลิ่นไปตอนไหนแล้วก็ไม่รู้ และไม่ได้กลิ่นธูปแล้วจึงแกล้งมันว่ากลิ่นพวงมาลัยไงพร้อมกับชี้ไปบนโต๊ะที่มีพวกมาลัยปลอมวางอยู่ แต่..... ไม่มีแม้กระทั่งกระดาษรึอะไรก็ตามที่จะวางอยู่บนนั้น ทั้งๆที่เมื่อกี้เราสองคนเห็นเหมือนกันว่ามีพวงมาลัยปลอมวางอยู่บนโต้ะ หันกลับไปหาเพื่อนตอนนี้มันหน้าเสียแล้ว เราจึงบอกมันว่า รีบไปกันเถอะ ครูคงรอนานแล้ว เราแล้วเพื่อนรู้กันจึงเดินมาเบียดๆกัน แล้วก้มหน้าเดินออกจากห้องนั้นไป ในขณะนี้มันก็มืดแล้วเราจึงเร่งฝีเท้ากันยกใหญ่ประมาณว่าแข่งเดินเร็วอะไรประมาณนั้นแต่ไม่มีใครกล้าวิ่ง จนมาถึงหอประชุม ครูเห็นพวกเราสีหน้าไม่ดีเลยถามว่าเป็นอะไร พวกเราไม่ได้พูดอะไร พร้อมกับนั่งลง เพื่อนๆที่ซ้อมท่ากันอยู่เข้ามาถามแต่ไม่ทันที่จะได้ตอบอะไร เสียงโทรศัพท์ครูก็ดังขึ้น พร้อมกับครูก็รีบบอกว่าเดี๋ยวจะกลับมาไม่นานหรอก มีธุระด่วน แล้วให้พี่ ม.6 คุมไปก่อน พวกเราก็เลยซ้อมกันต่อ โดยขึ้นไปแสดงบนเวที บนเวทีจะมีจุดพักนักแสดงอยู่ด้านข้างสองฝั่ง เป็นที่ที่เอาไว้เก็บตัวนักแสดงก่อนออกมาแสดง เรารำไปก็ถึงท่าสุดท้ายที่แถวมันจะเฉียงเราได้อยู่หลังสุด ก็รำไปแต่รู้สึกว่ามีอีกคนมารำอยู่ด้านหลัง เราเริ่มใจไม่ดีอีกครั้ง ได้แต่ย่ำอยู่ที่เดิมไม่ยอมถอยออก จนเพื่อนกระเทยด้านหน้าเดินถอยมาชนเราแล้วมันก็นหันมาองเรา แล้วรีบหันกลับไปคืน เรารู้ตัวทันทีว่ามันเห็นอะไรแน่ๆ จึงร้องออกมาดังๆ แล้วทุกคนก็หยุดหันมาที่เรา ยกเว้นอีเพื่อนกะเทยคนนั้น ทุกคนคงสงสัยว่าเราเป็นอะไร เราไม่ได้แสดงท่าทีว่ากลัวอะไรแต่สีหน้ากับน้ำตามันคงฟ้อง พี่คนที่มานั่งถามเราในวันนั้นบอกให้พอก่อน ไปนั่งรอครู ครูออกไปเอาข้าวกล่องเดี๋ยวจะกลับมา แล้วเดินมาถามเรา2คนว่าเจออะไรพร้อมกับเพื่อนอีก3-4คนที่อยากรู้ก็มาฟังด้วย
เราเล่าพี่เขาไปว่าเมื่อกี้ตอนไปเอาแผ่นได้กลิ่นธูป และกำลังจะเล่าเรื่องพวกมาลัยนั่นด้วย เพื่อนกะเทยอีกคนก็แย่งเราพูดว่า เออ เมื่อกี้กูก็ได้กลิ่นธูปตอนเดินไปปิดหน้าต่าง แล้วก็เล่าเรื่องต่างๆที่เจอมาจนหมด เราจึงเล่าต่อว่า เมื่อกี้ตอนจะเดินออก รู้สึกเหมือนมีคนมาอยู่ด้านหลังเลยไม่กล้าถอยไป แต่เพื่อนอีกคนหันมา...... มันก็แย่งพูดอีกว่าเห็นผู้หญิงใส่ชุดไทยไม่มีชฎามายืนอยู่ด้านหลัง เลยหันกลับมาคืนเพราะตกใจ แล้วเราก็เลยร้องกรี้ดขึ้นมา
รุ่นพี่เห็นท่าไม่ดีแล้วเลยพาลงมาจากเวทีแล้วมานั่งรอครูกลับมาก่อน พอครูกลับมา ครูก็บอกว่าถ้าซ้อมแล้วก็พอก่อนคืนนี้ไปกินข้าวไปนอนพักพรุ่งนี้จะได้ตื่นมาแต่หน้ากันแต่เช้า แล้วเราก็เห็นรุ่นพี่คนนั้นเดินไปคุยกับครู ครูก็เลยบอกให้ทุกคนมาไหว้พระก่อนนอน
ก่อนนอนเราถามครูว่า มาลัยปลอมในห้องนี้มันอยู่ตรงไหน ครูบอกว่าห้องนี้ไม่ได้ใช้มาลัยปลอม พร้อมพาไปเปิดดูมาลัยจริงในตู้เย็น บอกว่าเอาไว้ใช้แสดงพรุ่งนี้เช้า เราก็ยืนอึ้งอยู่ครู่นึง จนครูบอกให้ไปนอน เราก็ไปนอน โชคเข้าข้าง ในคืนนี้เราไม่เจออะไรแปลกๆเลย
********---------------------**********
เดี๋ยวว่างๆจะมาเล่าต่อนะ