เรื่องราวแปลกๆของเด็กนาฏศิลป์

สวัสดีทุกๆคน​ เราพึ่งเคยเขียนกระทู้เกี่ยวกับเรื่องราวแปลกๆแบบนี้เป็นครั้งแรก​ ผิดพลาด​ประการใดต้องขออภัย​ด้วยนะ​
ปล.​เรื่องที่จะนำมาเล่านั้นล้วนแล้วแต่เป็นสิ่งที่เกิดขึ้นจริงกับชีวิตของเรา​ มิใดปรุงแต่งแต่อย่างใด​

เราก็เป็นเด็กม​.ปลายในโรงเรียนชนบททั่วๆไปในโรงเรียนประจำอำเภอแห่งหนึ่งในจังหวัด​นครราชสีมา​
โรงเรียนนี้จะเป็นโรงเรียนขนาดกลางมีแค่ชั้น​ ม.1- ม.6​  เราย้ายมาเรียนที่นี่ตอน​ ม.4​ และนั่นก็เป็นจุดเริ่มต้นกับเรื่องราวแปลกๆในชีวิตเรา

เราออกตัวก่อนเลยนะว่าเราไม่ใช่ผู้ชาย​ และไม่ใช่ผู้หญิง​ 555​ อันที่จริงเราเป็นกะเทย​ และมักจะมีสัมผัสพิเศษเกี่ยวกับสิ่งลี้ลับนี้ดีกว่าคนอื่นๆ
วันแรกที่เราได้เข้ามาเรียนในตอนเย็นทางโรงเรียนก็มีการจับฉลากแยกสีของกีฬาสีในแต่ละห้อง​ และยังให้นักเรียนเลือกเรียนชุมนุม​ เสรีตามความสมัครใจ​ของแต่ละบุคคล​
แน่นอนว่าเรานั้นมีความสามารถในด้านการแสดง​ การร่ายรำ​ จึงอยากเข้าชุมนุม​นาฏศิลป์มาก​ แต่ติดที่ว่า​เพื่อนในห้องนั้น​ ไม่มีใครถนัดเลย​ อีกทั้งเรานั้นก็ขี้อายอยู่พอตัว​ เมื่อไม่มีเพื่อนไปด้วยเราก็ไม่อยากไปและหวังจะเข้าชุมนุมอื่น​ แต่เพื่อนๆต่างก็เชียร์​ว่าให้เข้าๆไปเถอะ​ เอาตามที่ถนัดเลย​น่าจะดีกว่าการฝืนใจ​  เราจึงเข้าชุมนุมนั้นโดยที่ไม่มีเพื่อนสนิทเลยสักคน​ แต่ก็มีเพื่อนในห้องอีก2คนที่เป็นผู้หญิงที่อยู่ชุมนุมนี้มาตั้งแต่​ ม.ต้นแล้ว​ เราจึงรู้สึกสบายใจ​

หลังจากนั้นวันถัดๆมา​ เพื่อนๆที่เข้าชุมนุมเดียว​กันก็บอกให้ไปเข้าชุมนุมทุกเที่ยง​ ไปซ้อมรำ​เพื่อแสดงในงานต่างๆจะได้ไม่ต้องซ้อมให้ยาก​ เราก็เลยไปซ้อมในทุกๆเที่ยง
ก้าวแรกที่ก้าวเข้าไปในห้องนี้มันอึดอัดมาก​ เหม็นกลิ่นธูปกลิ่ควัน​ ทั้งๆที่หน้าต่างก็ถูกเปิดระบายอากาศออก​ พัดลมก็เปิด​ แต่ห้องเป็นลักษณะ​ทึบ​ติดกระจก​ด้านขวาหากเดินเข้าไปจากประตู​ โต้ะหมู่บูชาจะหันหลังติดกระจกด้านข้างๆเพื่อที่จะได้มีพื้นที่ไว้ให้มองเห็นกระจกเวลาซ้อมรำบ้าง​   วันแรกคนในห้องก็เยอะมาก​ ขนาดที่ว่าแทบแน่นห้องเลยทีเดียว​ เข้ามาก็เฮฮากันดี​ เจอเพื่อนๆกระเทยอีกหลายๆห้องก็ได้พูดคุยกันดี​ ถึงเวลาซ้อมรำเราเห็นทุกคนยกมือไหว้เศียร​พ่อแก่บนโต้ะ​หมู่บูชาก่อนซ้อม​ เราก็ไหว้ๆตามเขาไป​ แล้วก็ซ้อมรำไปตามๆเขาในเพลงมโหรีอีสาน​ ซึ่งก็ไม่ใช่เพลงที่เคยรำเลยในโรงเรียนเก่า​ เราก็ไหลๆเรื่อยๆตามเขาไป​ จนรำเป็น​ นานวันเข้าคนในชุมนุมก็ดูบางตาลง​ จนครูเขาก็มาบอกว่า​ จะคัดเอานางรำคนที่รำสวยๆไว้ออกงานคนอื่นก็มาซ้อมเฉพาะวันมีเรียนชุมนุมก็พอ​ เผื่อตัวสำรอง​  วันนั้นเรารู้สึกดีใจอยู่เหมือนกัน​ เพราะ1ใน16ก็มีเราด้วย​  นึกในใจจะได้ออกงานได้แต่งตัวสวยๆเหมือนคนอื่นเขาแล้ว​   เย็นวันนั้นกลับบ้านมาด้วยความอัดฮึด​กระอักกระอ่วนอยู่ในท้อง​ เหมือนจะอ้วกให้ได้​ เพลียๆอยากนอนหลับ​ ก็เลยนอนหลับไปแล้วฝันว่ามีผู้หญิงใส่ชุดโขนตัวนางแต่ไม่ใส่ชฎา​ มายืนอยู่หน้าห้องนาฏศิลป​ที่โรงเรียนแล้วเขาก็พูดกับเราว่า​ ทำให้เต็มที่นะ​ แล้วชี้มาที่หน้าเราพร้อมกับวิ่งเข้ามาหาเรา​  เราตกใจตื่นแล้วในใจก็ระแวงแปลกๆ​  คิดว่าไม่มีอะไรคงคิดมากไปเองเลยนอนต่อ​  วันต่อมาก็ไปซ้อมรำอยู่ตามปกติ​ อาจารย์​เดินมาแจ้งว่าอาทิตย์หน้าเอานักแสดงใหม่10คนไปฟ้อนมาลัยงานวันไหว้ครู​ แล้ว1ในนั้นก็มีเราด้วย​ 555ดีใจสิ​ งานแรกก็ได้แสดงเลยหรอตอนนั้นคือดีใจมาก​ แล้วอยู่ๆขนก็ลุกซู่​ไม่รู้ทำไม​

แล้วก็เริ่มซ้อมรำ​ 10คนก็จะจัดเป็นคู่ๆ​ เราได้อยู่คู่หลังสุดตรงกลางๆ​ เพราะตัวสูงที่สุด​ ก็ซ้อมไปเริ่มรู้สึกอึดอัดเหมือนมีคนมาคอยยืนเบียดๆเวลาซ้อม​ ทั้งๆที่ในห้องมีแค่11คน​ (รวมกับครูอีก1คน)
นางรำเซตนี้ใหม่เกือบทั้งเซต​ มีรุ่นพี่แค่3หรือ4คน​ จำไม่ได้​ ทุกคนจึงปรับตัวเข้ากันได้ง่ายเพราะมาจากที่อื่นๆเกือบทั้งหมด​ จึงหยอกล้อแกล้งทำท่าทางล้อเลียนคนอื่นบ้างขณะซ้อมรำ​จนครูที่มาซ้อมให้ก็ได้บอกว่าอย่าทำเล่นจะถึงวันอยู่แล้ว​ เวลาซ้อมก็มีน้อย​ พวกนั้นก็จึงตั้งใจซ้อม​ ขณะที่กำลังซ้อมนั้นเรารู้สึกเจ็บข้อเท้าในขณะที่นั่งลง​ เหมือนมีใครเอาอะไรแข็งๆมาทุบที่ข้อเท้า​ เราจึงหันไปดู​ แต่ก็ไม่มีอะไร​ จึงซ้อมรำต่อ​ ครั้งนี้รู้สึกรุนแรงขึ้นอีกเหมือนเส้นที่ขามันพลิก​ เลยขอครูหยุดก่อน​ ครูก็ใจดีให้พักก่อน​ เพื่อนๆก็พากันออกไปซื้อน้ำไปเข้าห้องน้ำ​ พี่คนนึงมานั่งกับเรา​ แล้วถามว่าไหวไหม๊​ เราบอกว่าไหว​ แค่เจ็บขานิดหน่อย​ พี่เขายิ้มๆแล้วมองหน้าครู​ เราก็มองตาม​ ครูเขาก็ไม่ได้พูดอะไร​ แค่ยื่นยาหม่องกระปุกใหญ่ๆมา ให้​แล้วพูดลอยๆขึ้นมาเหมือนไม่ได้บอกเรา​ ว่า​ อีก1อาทิตย์เดี๋ยวก็จัดพิธีไหว้ครูแล้ว​ แล้วก็หันไปทางนอกห้องแล้วบ่นอะไรพึมพัมแล้วเดินออกไป​   ทีแรกเราคิดว่าครูพูดใส่เรา​ เราเลยรู้สึกอยากเปลี่ยนคนมาแสดงแทนเพราะบางทีครูอาจจะเห็นว่าเราเจ็บขากลัวการแสดงเสียหายรึเปล่าเลยเดินบ่นออกไปแบบนั้น​ แต่สักครู่ครูเดินกลับเข้ามาแล้วบอกให้เราไปซ้อมต่อแต่ให้ไหว้พ่อแก่ก่อนซ้อม​ และถอดถุงเท้าด้วย​ เราก็ทำตาม​ แต่รอบนี้ไม่มีอะไรเกิดขึ้นจนต่อท่าจนจบ  ก็ผ่านไปเรื่อยๆจนถึงคืนก่อนวันจริง​ ทุกคนจะต้องมานอนที่โรงเรียนเพื่อที่จะได้ตื่นเช้ามาแต่งหน้า​รำในตอนเช้า​ แล้วในเย็นวันนั้นทุกคนจะต้องไปลองจุดในสถานที่จริงเพื่อให้รู้ตำแหน่งของการแสดง​ แต่ไม่มีใครหยิบแผ่นเพลงติดมือมาด้วย​ จึงต้องมีคนวิ่งไปเอาแผ่นที่ห้องนาฏศิลป​์มาเพื่อใช้เปิดซ้อม​ และบุคคลผู้โชคดีคนนั้นก็คือเรากับเพื่อนกระเทยอีก1คน​ ก็พากันเดินไปเอาแผ่นเพลง​ ระยะทางที่ต้องเดินไปนั้นนับว่าไกลพอสมควรจากด้านหน้าโรงเรียนเดินไปถึงอาคารหลังสุดของโรงเรียน​ บรรยากาศก็โพล้เพล้​ ใกล้มืดแล้ว​ ไฟในโรงเรียน​ก็ยังเปิดไม่หมดทุกดวง​ มันจะมืดๆแต่พอมองเห็นทางอยู่​ ผ่านอาคารโรงฝึกงานก็เงียบ​ อาคารพยาบาลก็เงียบ​ อาคาร2ก็เงียบ​ เงียบมากเพราะไม่มีใครอยู่เลยนอกจากเรา2คน​  และภารโรงที่อยู่บ้านพักข้างหน้า​   พวกเรามุ่งหน้ากันไปแบบรีบๆจนถึงห้องนาฏศิลป์​ แล้วจัดการเปิดไฟหาแผ่นเพลง​  ในใจตอนนี้คือด่วนมากๆ​ กลัวก็กลัว​  พลันทันใดนั้นกลิ่นธูปแรงมากลอยมาเตะจมูดใกเราเข้าอย่างจัง​ เราจึงถามเพื่อนว่าได้กลิ่นมั้ย​ เพื่อนทำหน้างงๆ​แล้วถามว่ากลิ่นพวงมาลัยหรอ​ พร้อมชี้ไปที่บนโต้ะที่มีมาลัยปลอมวางอยู่​ แล้วหัวเราะเบาๆ​ เรามองหน้าเพื่อนแล้วไม่พูดต่อได้แต่เร่งหาแผ่นเพลง​ จนเจอ  แล้วจู่ๆลมก็แรงจนทำให้บานพับหน้าต่างปิดตัวเข้ามาอย่างแรง​  "ตึ้ง" เราตกใจมาก​ เพื่อนอีกคนอุทานมาเต็มปากเต็มคำเป็นคำสบถหยาบๆ​ แล้วเดินไปปิดหน้าต่างพร้อมบ่นว่า​ ใครออกห้องคนสุดท้ายทำไมไม่ปิดหน้าต่าง​ มันก็เดินไปปิด​ แล้วมันก็ยืนนิ่งๆสักครู่​ แล้วถามว่าเราว่า​ ได้กลิ่นอะไรหรอเมื่อกี้​ แล้วหันหน้ามาทางเรา​  เราในตอนนี้ลืมเรื่องกลิ่นไปตอนไหนแล้วก็ไม่รู้​ และไม่ได้กลิ่นธูปแล้วจึงแกล้งมันว่ากลิ่นพวงมาลัยไงพร้อมกับชี้ไปบนโต๊ะที่มีพวกมาลัยปลอมวางอยู่​  แต่.....  ไม่มีแม้กระทั่งกระดาษรึอะไรก็ตามที่จะวางอยู่บนนั้น​ ทั้งๆที่เมื่อกี้เราสองคนเห็นเหมือนกันว่ามีพวงมาลัยปลอมวางอยู่บนโต้ะ​ หันกลับไปหาเพื่อนตอนนี้มันหน้าเสียแล้ว​ เราจึงบอกมัน​ว่า​ รีบไปกันเถอะ​ ครูคงรอนานแล้ว​ เราแล้วเพื่อนรู้กันจึงเดินมาเบียดๆกัน​ แล้วก้มหน้าเดินออกจากห้องนั้นไป​ ในขณะนี้มันก็มืดแล้วเราจึงเร่งฝีเท้ากันยกใหญ่ประมาณว่าแข่งเดินเร็วอะไรประมาณนั้นแต่ไม่มีใครกล้าวิ่ง​ จนมาถึงหอประชุม​ ครูเห็นพวกเราสีหน้าไม่ดีเลยถามว่าเป็นอะไร​ พวกเราไม่ได้พูดอะไร​ พร้อมกับนั่งลง​ เพื่อนๆที่ซ้อมท่ากันอยู่เข้ามาถาม​แต่ไม่ทันที่จะได้ตอบอะไร​ เสียงโทรศัพท์​ครูก็ดังขึ้น​ พร้อมกับครูก็รีบบอกว่าเดี๋ยว​จะกลับมาไม่นานหรอก​ มีธุระด่วน​ แล้วให้พี่​ ม.6​ คุมไปก่อน​ พวกเราก็เลยซ้อมกันต่อ​ โดยขึ้นไปแสดงบนเวที​ บนเวทีจะมีจุดพักนักแสดงอยู่ด้านข้างสองฝั่ง​ เป็นที่ที่เอาไว้เก็บตัวนักแสดงก่อนออกมาแสดง​ เรารำไปก็ถึงท่าสุดท้ายที่แถวมันจะเฉียงเราได้อยู่หลังสุด​ ก็รำไปแต่รู้สึกว่ามีอีกคนมารำอยู่ด้านหลัง​  เราเริ่มใจไม่ดีอีกครั้ง​ ได้แต่ย่ำอยู่ที่เดิมไม่ยอมถอยออก​ จนเพื่อนกระเทยด้านหน้าเดินถอยมาชนเราแล้วมันก็นหันมาองเรา​ แล้วรีบหันกลับไปคืน​ เรารู้ตัวทันทีว่ามันเห็นอะไรแน่ๆ​ จึงร้องออกมาดังๆ​ แล้วทุกคนก็หยุดหันมาที่เรา​ ยกเว้นอีเพื่อนกะเทยคนนั้น​  ทุกคนคงสงสัย​ว่าเราเป็นอะไร​ เราไม่ได้แสดงท่าทีว่ากลัวอะไรแต่สีหน้ากับน้ำตามันคงฟ้อง​ พี่คนที่มานั่งถามเราในวันนั้นบอกให้พอก่อน​ ไปนั่งรอครู​ ครูออกไปเอาข้าวกล่องเดี๋ยว​จะกลับมา​  แล้วเดินมาถามเรา2คนว่าเจออะไรพร้อมกับเพื่อนอีก3-4คนที่อยากรู้ก็มาฟังด้วย​

เราเล่าพี่เขาไปว่าเมื่อกี้ตอนไปเอาแผ่นได้กลิ่นธูป​ และกำลังจะเล่าเรื่องพวกมาลัยนั่นด้วย​ เพื่อนกะเทยอีกคนก็แย่งเราพูดว่า​  เออ​ เมื่อกี้กูก็ได้กลิ่นธูปตอนเดินไปปิดหน้าต่าง​ แล้วก็เล่าเรื่องต่างๆที่เจอมาจนหมด​ เราจึงเล่าต่อว่า​ เมื่อกี้ตอนจะเดินออก​ รู้สึกเหมือนมีคนมาอยู่ด้านหลังเลยไม่กล้าถอยไป​ แต่เพื่อนอีกคนหันมา......   มันก็แย่งพูดอีกว่าเห็นผู้หญิงใส่ชุดไทยไม่มีชฎามายืนอยู่ด้านหลัง​ เลยหันกลับมาคืนเพราะตกใจ​  แล้วเราก็เลยร้องกรี้ดขึ้นมา​

รุ่นพี่เห็นท่าไม่ดีแล้วเลยพาลงมาจากเวทีแล้วมานั่งรอครูกลับมาก่อน​ พอครูกลับมา​ ครูก็บอกว่าถ้าซ้อมแล้วก็พอก่อนคืนนี้ไปกินข้าวไปนอนพักพรุ่งนี้จะได้ตื่นมาแต่หน้ากันแต่เช้า​  แล้วเราก็เห็นรุ่นพี่คนนั้นเดินไปคุยกับครู​ ครูก็เลยบอกให้ทุกคนมาไหว้พระก่อนนอน
ก่อนนอนเราถามครูว่า​ มาลัยปลอมในห้องนี้มันอยู่ตรงไหน​  ครูบอกว่าห้องนี้ไม่ได้ใช้มาลัยปลอม​ พร้อมพาไปเปิดดูมาลัยจริงในตู้เย็น​  บอกว่าเอาไว้ใช้แสดงพรุ่งนี้เช้า​  เราก็ยืนอึ้งอยู่ครู่นึง​ จนครูบอกให้ไปนอน​ เราก็ไปนอน​   โชคเข้า​ข้าง​ ในคืนนี้เราไม่เจออะไรแปลกๆ​เลย​        


********---------------------**********
เดี๋ยว​ว่างๆจะมาเล่าต่อนะ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่