[CR] พาเที่ยว Furongzhen หมู่บ้านโบราณเล็กๆ ที่น่าสัมผัส

ช่วงต้นพย. ปีที่แล้ว มีโอกาสได้ไปเที่ยวเมืองจีน ในเส้นทางมาตรฐานอย่าง ฉางซา - อู่หลิงหยวน - จางเจียเจี้ย - เฟิ่งหวง ค่ะ
และพบว่ามีหมู่บ้านโบราณเล็กๆ ระหว่างเส้นทาง จางเจียเจี้ย ไป เฟิ่งหวง
เราตัดสินใจค้างที่นี่ 1 คืน (3-4 พย. 61)  เนื่องจากโดนรูปจากอากู๋ล่อลวงมา

ที่เลือกเขียนรีวิวเฉพาะเมืองนี้เนื่องจากเห็นว่าคนรีวิวยังน้อยอยู่ค่ะ
ส่วนรีวิวเมืองอื่นๆ เราเขียนไว้ใน blogger ของตัวเอง

Furongzhen 芙蓉鎮
เดิมเมืองแห่งนี้ถูกเรียกว่า Wancun แต่ถูกเปลี่ยนเพื่อเป็นเกียรติแก่ภาพยนตร์ Hibiscus Town ที่มาถ่ายทำในหมู่บ้านแห่งนี้ จนทำให้เมืองแห่งนี้มีชื่อเสียงโด่งดังไปทั่วโลก (แต่เราก็ยังเพิ่งมารู้จักอยู่ดี)

การเดินทาง
เราเริ่มการเดินทางจาก Zhangjiajie 张家界 นะคะ
มีรถตรงไป Furongzhen 芙蓉鎮 ค่ะ

ตอนเช้าไปเทียนเหมินซาน กลับมาถึง สถานีขนส่ง Zhangjiajie Central Bus Station 张家界中心汽车站 ประมาณ 15.00 น.

เดินเข้าประตูข้าง McDonald ไป
จะเจอเคาน์เตอร์จำหน่ายตั๋ว
ซื้อตั๋วไปฝูหรงเจิ้น Furongzhen 芙蓉鎮
ตอนซื้อต้องใช้ Passport ด้วยนะคะ

Zhangjiajie → Furongzhen
ค่าตั๋ว 32 หยวน (ค่ารถ 30 หยวน ค่าประกัน 2 หยวน)
รถออกเรื่อยๆ 7:30 - 17:00 ทุกชม.
โดยตั๋วที่ได้มาจะไม่ได้ระบุรอบที่ชัดเจนไว้

ซื้อเสร็จก็ไปแสกนกระเป๋า และไปรอที่จุดรอรถ
มองหารถที่มีป้ายเขียนว่าไป 芙蓉鎮 ค่ะ แล้วก็ยื่นตั๋วให้เจ้าหน้าที่ตรงประตูได้เลย

รถจะเป็นมินิบัส (รถตู้นั่นแหละ) คันเล็กๆ ค่ะ
พื้นที่ในรถก็ค่อนข้างแคบ
สำหรับคนที่เอากระเป๋าใบใหญ่ๆ ไปด้วยก็จะหาที่วางลำบากหน่อย
ซึ่งเราเอากระเป๋าใบ 25" ไป ยังดีที่ด้านหน้าวางกระเป๋าได้

รถใช้เวลาประมาณ 2 ชม. ไปถึงสถานีขนส่งฝูหรงเจิ้น Furong Bus Station 芙蓉镇汽车站
เป็นสถานีเล็กๆ ไม่มีอาคารท่ารถ ไม่จำเป็นต้องสแกนกระเป๋า
เวลาจะไปเมืองอื่น ก็ดูตามป้ายหน้ารถ แล้วซื้อตั๋วกับคนขับหรือกระเป๋ารถได้เลยค่ะ

พอลงจากรถปุ๊บ ยังไม่ใช่จุดหมายของเรา
เนื่องจากเมืองโบราณอยู่ห่างจากท่ารถไปอีก
ต้องต่อรถคันสีเหลืองทองเข้าไปคะ

ยื่นชื่อ Furong Ancient Town  芙蓉古镇 ให้คนขับดู
ค่าโดยสารคนละ 2 หยวน ใช้เวลาประมาณ 15 นาที ไปถึงเมืองโบราณค่ะ
หรือถ้าใครติดต่อที่พักให้มารับได้ก็จะสะดวกมากขึ้น

รถจะมาจอดบริเวณที่จอดรถแห่งหนึ่ง
ให้มองไปบริเวณที่จอดรถ จะเห็นซอยเล็กๆ ขนาดพอให้รถยนต์เข้าออกได้

เดินลงเนินไปตามซอยจะเจอลานจอดรถด้านล่างอีกที ค่ะ 
ตรงนั้นเป็นลานจอดรถหน้าประตูทางเข้าเมืองเก่า และอยู่หน้า Tourist Infomation เลยค่ะ
สังเกตว่าจะมีรถกอล์ฟคันเขียวๆ จอดอยู่ด้วย

เมืองโบราณแห่งนี้ มีค่าเข้าเมืองด้วยนะคะ ราคา 100 กว่าหยวนแน่ะ

แต่ช้าก่อน!!
หากเราเข้าเมืองหลัง 18.00 น. จะสามารถเข้าเมืองได้ฟรี ค่ะ
เนื่องจาก เจ้าหน้าที่เลิกงานแล้วนั่นเอง ฮ่า

เรามาถึงประตูเมือง ก่อนหกโมงเล็กน้อย
จะเห็นว่ามีนักท่องเที่ยวมารอที่หน้าประตูเต็มไปหมด
ทุกคนรอเข้าเมืองฟรีนั่นเอง เฮ

ซึ่งตั๋วนี้ หลักๆ เอาไว้เข้าพวกพิพิธภัณฑ์ต่างๆ 
สำหรับคนที่อยากมาชมเมืองกับน้ำตก อย่างเดียว
เลือกช่วงหลังหกโมง จะประหยัดค่าใช้จ่ายไปได้เยอะเลยค่ะ
เห็นบางรร. ในจางเจียเจี้ย เค้าก็มีจัดทริปเที่ยวเมืองนี้เหมือนกัน
แต่ระยะทางไปกลับเกือบ 4 ชม. เราว่า มาพักที่นี่เลย สบายกว่า

ก่อนเข้าเมือง
เราแชทให้พนักงานรร. มารับค่ะ เพราะคงหารร. เองไม่เจอแน่ เนื่องจากเป็นเมืองเล็ก แผนที่ของเมืองไม่ละเอียด เปิด baidu map ก็ไม่ช่วยอะไร
พนักงานที่มารับเราเป็นเด็กสาวตัวเล็กๆ ค่ะ
พอมาถึงปุ๊บ ก็รอจนเจ้าหน้าที่หน้าประตูกลับถึงจะพาเราเข้าเมืองไป ฮ่าฮ่า

น้องบริการดีมากเลยค่ะ
พยายามแบกกระเป๋าหนักกว่า 10 กิโลของเรา ผ่านถนนหินของเมืองโบราณ
จนบางครั้งเราเกรงใจ ต้องขอมาแบกเอง แต่น้องเค้าคงเห็นว่า เจ้นี่ไม่ได้เรื่องอ่ะแบกให้ดีกว่า สรุปก็ผลัดกันแบก
(ใช้คำว่าแบก เพราะถนนสร้างความลำบากในการลากกระเป๋ามาก กลัวล้อจะพังซะก่อน ต้องแบกไป)

อันนี้เป็นเส้นทางไปโรงแรมแบบคร่าวๆ ค่ะ

จากประตูทางเข้า เดินตรงไปจะเจอลานกว้าง Tozhou Xizhou Square 溪州土司广场 (1)
ตรงไปอีกนิดจะมีรูปปั้นบอร์น Xizhou Bronze Pillar 溪州铜柱 (2)
เลี้ยวซ้ายไป จะเจอสะพาน Tuwang Bridge 土王桥 (3, 4)
ข้ามสะพานไป แล้วเลี้ยวขวา เดินต่ออีกนิด จนถึงทางโค้ง จะเจอ รร. อยู่ทางขวามือ

โรงแรมชื่อ Baihe Matou Inn 芙蓉鎮白河碼頭客棧 ค่ะ
ราคาค่อนข้างสูง แต่เราเลือกมาเพราะสวย กับคะแนนรีวิวดี
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้https://earist-gui.blogspot.com/2018/11/1st-time-baihe-matou-inn.html

บรรยากาศยามค่ำคืน
ช่วงที่เราไปเป็นช่วง low season ค่ะ คนน้อยมากจริงๆ

รร. อยู่ใกล้กับน้ำตกค่ะ แต่ก็ต้องเดินอ้อมหน่อย กว่าจะไปทางลอดใต้น้ำตกได้
จากรร. เดินเลี้ยวขวา ตรงไปนิดนึงไม่ถึง 100 เมตร
จะเจอทางลงไปที่แม่น้ำ ทางขวามือ

เดินตรงไปเรื่อยๆ จะออกมาโผล่ที่ย่านการค้าค่ะ
เดินเลี้ยวซ้าย แล้วตรงไปเรื่อยๆ จะเจอบันไดทางลงเป็นพักๆ

บรรยากาศเงียบมาก แต่ร้านก็ยังเปิดกันอยู่

มีทางเข้าเล็กๆ เป็นทางลัดไปน้ำตกนะคะ แต่ตอนนั้นเราไม่รู้ เลยเดินตรงไปเรื่อยๆ จนถึงท่าเรือเลย

พอถึงท่าเรือก็เลี้ยวซ้าย เจอศาลาแบบนี้ก็เลี้ยวซ้ายอีกรอบค่ะ

เดินไปจนสุดทางจะเจอทางแยก ให้เลี้ยวขวา จะมีป้ายบอกทางไปน้ำตกค่ะ 
คนยังไม่คึกคักเท่าไหร่ จะมาเยอะๆ ตอนช่วง 2-3 ทุ่ม
ไฟจะเปลี่ยนสีไปเรื่อยๆ ค่ะ 

หลังจากเรายืนถ่ายรูปจนเมื่อยแล้ว
ก็ถึงคราวลอดท้องช้าง เอ้ย ลอดใต้น้ำตกกันบ้าง
ละอองน้ำแรงมาก เราต้องรีบๆ วิ่งเพราะกลัวกล้องเปียก
แล้วก็ไปหยุดอยู่ใต้น้ำตกพอดี

เดินลอดใต้น้ำตกมาจนถึงฝั่งตรงข้าม
ฝั่งนี้บรรยากาศจะคนละแบบกับอีกฝั่งเลยค่ะ
ค่อนข้างเงียบและมืดมาก มีจุดชมวิวน้ำตกอยู่เป็นระยะๆ

เดินไปเรื่อยๆ (ไม่ได้ถ่ายรูปนะคะ มันมืดมาก เราเลยต้องระวังตัวเป็นพิเศษ)
จนมาถึงลานกว้างอีกแห่ง

เดินไปนิดเดียว ไม่น่าเกิน 200 เมตรค่ะ
จากถนนที่มืดๆ ก็เริ่มมีบ้านคนแล้ว
เดินไปอีกนิด ก็พบจุดชมวิวอีกแห่งนึง ซึ่งน่าจะเป็นจุดชมวิวหลักของที่นี่ (มีกล้องส่องทางไกลด้วย)

จากนั้นก็เดินต่อไปอีกนิด และพบว่า โรงแรมอยู่ห่างจากจุดชมวิวนี้ไม่ถึง 100 เมตร
คือจุดชมวิวนี้ อยู่ถัดจาก ทางลงไปยังแม่น้ำที่เราเลี้ยวลงไปตอนแรกนั่นเอง (สบายล่ะ ตอนเช้าไม่ต้องเดินไกล)

สำหรับคนที่อยากเห็นวิวน้ำตกอีกมุมนึง ต้องไปที่ร้านฝั่งตรงข้ามค่ะ ฝั่งที่เป็นย่านการค้า
ซึ่งจะเป็นร้านอาหารและโรงแรม ตอนกลางคืนเสียงดังมาก ขนาดเราอยู่คนละฝั่ง ยังได้ยินเสียงเลย