สุดยอดความคิดเห็น
ความคิดเห็นที่ 2
คห.1
จริงครับ ตอบโจทย์อย่างเป็นสากลเลยล่ะ เพียงแต่ว่า ใครจะมีสติปัญญามองเห็นไหม
ไม่ใช่แค่ใช้อคติ เชื่อคำบิดเบือนสาดโคลน ฟังไม่ได้ศัพท์จับไปกระเดียด
โรฮิงญา ธนาธรเสนอความคิดแก้ปัญหาที่ต้นตอ คือสร้างประชาธิปไตยในพื้นที่เพื่อนบ้าน
หากเพื่อนบ้านหมดปัญหา เราก็ไม่ต้องยุ่งยากกับการอพยพ
เรื่องปัญหาสามจังหวัดชายแดนใต้ มีปมเงื่อนเรื่องทางศาสนาอยู่ด้วย และเป็นปมเงื่อนกันแก้ยากซะด้วย
ประเทศไทย ไม่จำเป็นเลยที่ต้องให้รัฐบาลอุปถัมภ์ศาสนาใดศาสนาหนึ่ง เพราะเราใช้การปกครองตามหลักเสรีภาพ
ทุกคนมีสิทธิ์ในการนับถือศาสนา อยู่ร่วมกันอย่างสันติได้บนความแตกต่างในทุกด้าน
ความรู้สึกเหมือนขาดการเหลียวแลจากรัฐ เป็นความรู้สึกที่ถูกกระตุ้นให้เป็นปฏิปักษ์กับรัฐได้ง่าย
การใช้แนวทางให้รัฐถูกมองว่าเป็นธรรมเป็นกลาง จึงเป็นแนวทางการแก้ไขปัญหาปมเงื่อนอันควรทำ
อย่าไปยึดติด ติดยึดกับคำว่า พุทธ จนเกิดไป จนบ้านเมืองแก้ไขปัญหาหลายเรื่องไม่ได้ หลงทาง
และกลายเป็นเครื่องมือทางอำนาจและทางเศรษฐกิจของกลุ่มคนที่ใช้คำว่าเมืองพุทธบังหน้า
เรื่องยกเลิก EEC https://www.khaosod.co.th/election-2019/news_2232236
"ในทางเศรษฐกิจและอุตสาหกรรม ผมอาจไม่เห็นด้วยกับหลายๆ ท่านในที่นี้ ในเรื่องวิธีคิดการดึง FDI วิธีคิดเรื่องบีโอไอ และอีอีซี มันอยู่ในกรอบเดิม ที่คิดว่าประเทศไทยเป็นฐานการผลิต การที่ประเทศไทยเป็นฐานการผลิต 40-50 ปีที่ผ่านมาได้พิสูจน์ว่าเราเป็นฐานการผลิตให้กับทุนต่างชาติ ไม่ทำให้ประเทศไทยหลุดออกจากการติดกับดักรายได้ปานกลางได้ (Middle Income Trap)
ข้อเสนอของพรรคอนค.คือต้องสร้างอุตสาหกรรมภายในประเทศให้ได้ ประเทศไทยเป็นประเทศที่กำลังพัฒนา ต้องพูดกันตรงๆว่าใช้มาร์เก็ต แม็กคะนิซึม คือปล่อยไปตามกลไกตลาดก็จะไม่เกิดบริษัทที่เป็น National Champion คือแชมเปี้ยนของคนไทยในการผลักดันไปข้างหน้าก็จะไม่เกิด ด้วยเงื่อนไขที่เราเป็นประเทศกำลังพัฒนา ใช้การตลาดอย่างเดียวไม่ได้ รัฐต้องเข้าไปอุดหนุนและส่งเสริมให้เกิดเนชั่นนัลแชมเปี้ยนให้ได้..."
ชัดไหม ?
จริงครับ ตอบโจทย์อย่างเป็นสากลเลยล่ะ เพียงแต่ว่า ใครจะมีสติปัญญามองเห็นไหม
ไม่ใช่แค่ใช้อคติ เชื่อคำบิดเบือนสาดโคลน ฟังไม่ได้ศัพท์จับไปกระเดียด
โรฮิงญา ธนาธรเสนอความคิดแก้ปัญหาที่ต้นตอ คือสร้างประชาธิปไตยในพื้นที่เพื่อนบ้าน
หากเพื่อนบ้านหมดปัญหา เราก็ไม่ต้องยุ่งยากกับการอพยพ
เรื่องปัญหาสามจังหวัดชายแดนใต้ มีปมเงื่อนเรื่องทางศาสนาอยู่ด้วย และเป็นปมเงื่อนกันแก้ยากซะด้วย
ประเทศไทย ไม่จำเป็นเลยที่ต้องให้รัฐบาลอุปถัมภ์ศาสนาใดศาสนาหนึ่ง เพราะเราใช้การปกครองตามหลักเสรีภาพ
ทุกคนมีสิทธิ์ในการนับถือศาสนา อยู่ร่วมกันอย่างสันติได้บนความแตกต่างในทุกด้าน
ความรู้สึกเหมือนขาดการเหลียวแลจากรัฐ เป็นความรู้สึกที่ถูกกระตุ้นให้เป็นปฏิปักษ์กับรัฐได้ง่าย
การใช้แนวทางให้รัฐถูกมองว่าเป็นธรรมเป็นกลาง จึงเป็นแนวทางการแก้ไขปัญหาปมเงื่อนอันควรทำ
อย่าไปยึดติด ติดยึดกับคำว่า พุทธ จนเกิดไป จนบ้านเมืองแก้ไขปัญหาหลายเรื่องไม่ได้ หลงทาง
และกลายเป็นเครื่องมือทางอำนาจและทางเศรษฐกิจของกลุ่มคนที่ใช้คำว่าเมืองพุทธบังหน้า
เรื่องยกเลิก EEC https://www.khaosod.co.th/election-2019/news_2232236
"ในทางเศรษฐกิจและอุตสาหกรรม ผมอาจไม่เห็นด้วยกับหลายๆ ท่านในที่นี้ ในเรื่องวิธีคิดการดึง FDI วิธีคิดเรื่องบีโอไอ และอีอีซี มันอยู่ในกรอบเดิม ที่คิดว่าประเทศไทยเป็นฐานการผลิต การที่ประเทศไทยเป็นฐานการผลิต 40-50 ปีที่ผ่านมาได้พิสูจน์ว่าเราเป็นฐานการผลิตให้กับทุนต่างชาติ ไม่ทำให้ประเทศไทยหลุดออกจากการติดกับดักรายได้ปานกลางได้ (Middle Income Trap)
ข้อเสนอของพรรคอนค.คือต้องสร้างอุตสาหกรรมภายในประเทศให้ได้ ประเทศไทยเป็นประเทศที่กำลังพัฒนา ต้องพูดกันตรงๆว่าใช้มาร์เก็ต แม็กคะนิซึม คือปล่อยไปตามกลไกตลาดก็จะไม่เกิดบริษัทที่เป็น National Champion คือแชมเปี้ยนของคนไทยในการผลักดันไปข้างหน้าก็จะไม่เกิด ด้วยเงื่อนไขที่เราเป็นประเทศกำลังพัฒนา ใช้การตลาดอย่างเดียวไม่ได้ รัฐต้องเข้าไปอุดหนุนและส่งเสริมให้เกิดเนชั่นนัลแชมเปี้ยนให้ได้..."
ชัดไหม ?
แสดงความคิดเห็น
ธนาธรนี่ไงครับ คือคำตอบที่พวกคุณไม่เคยมองเห็น ................................................. โดย ตระกองขวัญ
วุ่นวนอยู่กับการ "โค่นทักษิณ"
กลุ่มการเมืองที่ต้องการโค่นทักษิณ หวังใช้พรรค ปชป. เป็นเครื่องมือในการโค่น
แต่ไม่สำเร็จ เสียของซ้ำซาก
มิไยที่ใคร ๆ จะบอกต่อ ปชป. ว่า ไม่ต้องอาศัยอำนาจนอกระบบ ไม่ต้องเล่นนอกสภาฯ
เพียงแค่ทำงานให้ดี มีนโยบายที่ประชาชนชื่นชอบ ทำงานให้เห็นเป็นรูปธรรม ศรัทธาก็จะมา
นั่นแหละ คนจะลืมทักษิณ แต่ ปชป. ไม่มีความสามารถที่จะทำได้
ดีแต่พูด
.
แล้วก็เลยเถิก เอ๊ย เลยเถิดกันไปสุดกู่
ทั้งบิดเบือนข้อกฎหมาย ทั้งใช้สิ่งที่เรียกว่าตุลาการภิวัตน์ จนเกิดความขัดแย้งทั้งทางสังคมและทางนิติรัฐ
ไม่ต้องสาธยายไปมากกว่านี้
ทุกคนคงนึกภาพออก
.
ธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ
คือ คำตอบทางการเมืองเรื่องโค่นทักษิณที่สังคมไทยควรจดจำเป็นแบบอย่าง
หากนำเสนอไอเดีย ผุดนโยบาย ที่ถูกใจประชาชน สร้างความหวัง มองเห็นรูปธรรม
ประชาชนจะศรัทธาเชื่อถือ และหากสามารถทำให้ไอเดียและนโยบายเป็นมรรคผลได้ ก็จะเป็นอย่างไทยรักไทยเคยเป็น
ธนาธรไม่มีอะไรมากเลยครับ เรียกได้ว่า เกือบจะโดดเดี่ยวทางการเมืองด้วยซ้ำ
แต่เพราะแนวทางของเขา ตอบโจทย์ประชาชน เหมือนที่ทักษิณใช้แค่คำว่า คิดใหม่ ทำใหม่ เมื่อเกือบยี่สิบปีก่อน
เกือบยี่สิบปี ที่กลุ่มคนเกลียดทักษิณ ไม่สามารถสร้างคนแบบธนาธรขึ้นมาได้
.
ปรากฎการณ์ธนาธร คือแนวทางที่ถูกต้อง คือการกลัดกระดุมเม็ดแรกที่ถูกรัง คือการเดินตามครรลอง
ไม่ต้องใช้แนวทางอันผิดทั้งวิธีการและระบบ แบบเผาบ้านเพื่อไล่หนู
การโค่นทักษิณ ก็คือการตอบโจทย์ประชาชน ไม่ใช่ตอบสนองความต้องการของคนต้องการโค่น
ผ่านวันนี้ไป จบการเลือกตั้งครั้งนี้
ถึงเวลาหรือยัง ที่ประเทศนี้จะหวนกลับไปทบทวนความผิดพลาดที่เป็นมา ติดกระดุมเม็ดแรกให้ถูกซะที
ด้วยการใช้ปรากฎการธนาธรเป็นบทเรียน
.
ฟังเพลงนี้ทีไร ขำทุกที
เพราะเพลงขึ้นต้นด้วยคำว่า ยามอยู่ในความเงียบเหงา....
มองเห็นภาพ รปภ. เดินกลางดึก