ยังไม่ตัด

ยังไม่ตัด

.

.

.

               ความมืดยามค่ำคืนทวงความรื่นเริงคืนแด่แสงสีศิวิไลซ์ใจกลางย่านดังในมหานครกรุงเทพ มันคือช่วงเวลาแห่งการออกสเต็ปร่ายรำ ป้ายนีออนหน้าร้านประดับชื่อเธค "SPEED" ถูกปลุกเสกให้มีชีวิตชีวาขึ้นอีกครั้ง ประตูกระจกทึบบัดนี้ถูกเปิดอ้าต้อนรับเหล่าผู้แสวงบุญ บุญจำพวกบุญรอดบริวเวอรี่น้ำสีส้มเหลืองฟองฟู่มีสัตว์สิงห์พิทักษ์ข้างขวด หรือหากใครไม่ใคร่บุญนี้ก็ยังมีเครื่องดื่มหรรษาให้เลือกอีกหลายหลาก ไม่ว่าจะเป็นน้ำอมฤต ที่กลายร่างเป็นฝรั่งคลอสเตอร์ไปแล้ว หรือน้ำแม่โขง ไฮโซหน่อยก็ไอ้จิมไอ้แจ็ค สุดแท้แต่รสนิยมระคนไป

              ภายในอาคารเธคนั้นมืดไม่ต่างกับท้องฟ้าด้านนอก หากแต่แสงเส้นวูบวาบส่องวนกระจายจนถ้วนทั่วจากลูกบอลดิสโก้ --อันผ้ายเผยให้เห็นร่างรางของเหล่าบรรดาหนุ่มสาววัยโจ๋เด็กฮาร์ทที่กำลังเต้นกันอย่างลืมตายนั้น-- ช่วยสร้างบรรยากาศข้างในให้ครื้นเครงกว่ากันอักโข

             ตอนนี้คณะมหรสพ "เดอะพัพเพ็ท" กำลังวาดลวดลายดนตรีอันจัดจ้านแบบฟูลแบนด์ ณ เวทีด้านในสุด ความบันเทิงถูกประเคนให้กับสาวกอย่างจัดเต็ม เบสกระทุ้งตุ้บตั้บไม่มีหมกเม็ด กระเดื่องเก็บทุกเมล็ดข้าวสารในกระสอบ ข้างล่างคือฝูงศาสนิกชนผู้บูชาความมันส์ออกันแน่นหน้าเวที ต่างคนต่างซอยเท้าผงกหัวถูกจังหวะมั่งคร่อมจังหวะมั่ง แต่ในมือล้วนถือขวดถือแก้วกันอย่างมั่นคงที่สุดแบบน้ำไม่กระฉอกซักหยด เรียกได้ว่ารักษาไว้ยิ่งชีพ ส่วนกลุ่มที่รักสงบหน่อนจะนั่งประจำโต๊ะถัดไปจากโซนหน้าเวที พวกนี้โห่ฮาป่าขยับโยกกันพอแก้กระษัย

               ดนตรียังคงเล่นไป แต่มีเสียงฮือดังขึ้นมาจากกลุ่มชนด้านล่าง ร่างหนึ่งแทรกตัวแหวกเข้ามายังพื้นที่หน้าเวที กลุ่มคนตรงนั้นส่งเสียงซุบซิบอึงอลพร้อมกับถอยกรูดออกไปประมาณสองช่วงตัวเกิดเป็นพื้นที่วงกลม เผยให้เห็นเงาหนึ่งคนยืนเด่นตระหง่าน หัวโล้นเลี่ยนวาววับสะท้อนแสงลานแสดง ห่มคลุมด้วยผ้าสบงจีวรเปิดไหล่สะพายแล่ง โชว์ให้เห็นรอยสักรูปเสือเผ่นครึ่งตัวกระโจนออกมาจากผ้าสีเหลือง...พระสงฆ์ 

               ใช่...พระสงฆ์ แถมไม่ใช่พระสงฆ์ธรรมดา เป็นพระสงฆ์ที่กำลังออกลวดลายร่ายรำอย่างสุดสวิงริงโก้ ผู้คนรอบข้างจากที่ยืนทึ่งเมื่อครู่กลับเริ่มร้องเฮ้วเชียร์ ลีลาส่ายสะโพกโยกเอวของหลวงพี่นี่จัดว่าเจนสนามเสียเหลือเกิน สบงไกวปลิวพลิ้วไปตามจังหวะเบส ทักษะไม่น้อยหน้าพวกนักเต้นระบำจ้ำบ๊ะเลยทีเดียว วงที่ถูกตีกรอบเริ่มแคบลง ความสุขถูกคืนสู่สังคมชาวเธค เสียงเฮฮากิ๊วก๊าวดังขึ้นทั่วสารทิศ ผู้คนกลับสู่ธุรกิจการเต้นคร่อมจังหวะดนตรีอีกครั้ง

               แม่สาวผมยาวชุดเดรสแดงเดินนวยนาดผละจากกลุ่มชนเข้ามาเต้นประจันหน้ากับหลวงพี่ ไฟสลัวของเธคบ่งใบ้ว่าเธอน่าจะสวยไม่หยอก ลีลาเอวแม่คุณนี่ก็ไม่เบาเหมือนกัน โยกย้ายเข้าขากับหลวงพี่เป็นปี่เป็นขลุ่ย 

              ทว่าหลวงพี่รักษาระยะห่างเอาไว้อย่างชัดเจน การแตะต้องโดนตัวสีกาต้องอาบัติ หลวงพี่ตระหนักถึงกฎข้อนี้ดี ด้วยความชำนาญงานแด้นซ์ทำให้แม้แต่ปลายสไบก็ไม่ปลิวโดนกัน ร่วมระบำซักพักจนถึงช่วงพักบรรเลงเพลงบัลลาด ผู้คนบางส่วนรวมถึงคู่พระนางของงานต่างก็แยกย้ายไปนั่งพัก แม่สาวเดรสแดงกลับไปนั่งรวมกลุ่มกับเพื่อนสาวอีกสองคน ส่วนพระสงฆ์เลือกที่นั่งหน้าบาร์เครื่องดื่มอันค่อนข้างโล่งหรอมแหรม ชาวเธควันนี้ส่วนใหญ่มากันเป็นหมู่คณะ

              หลวงพี่นั่งเท้าแขนกับโต๊ะบาร์ ออกปากสั่งเด็กบาร์ว่าเอามาร์ตินี่มาเสิร์ฟอาตมาแก้วนึง เด็กบาร์เจียมเนื้อเจียมตัวถามกลับไปอย่างสุภาพว่าเป็นพระภิกษุมาดื่มเหล้าดื่มสุราแบบนี้ไม่ผิดศีลหรือไร ทีนี้หลวงพี่ก็ขึ้นเลย อธิบายให้เด็กบาร์ฟังยกใหญ่ว่าโยมนี่ช่างไม่รู้อะไร..พับผ่าสิ นี่มันมาร์ตินี่ เป็นค็อกเทลไม่ใช่สุรา จัดเป็นน้ำปานะ ฉันนิดเดียว มันไม่เมาหรอก แค่พอกรึ่ม ๆ เข้าใจแล้วก็ไปเอามาเสิร์ฟให้อาตมาได้แล้ว เด็กบาร์โดนเทศน์ไปเป็นชุดได้แต่ค้อมหัวประลกตอบรับครับ ๆ แล้วเดินไปทำเครื่องดื่มให้แบบงง ๆ พึมพำกับตัวเองเบา ๆ ว่าก็เป็นพระนี่เนอะคงจะแม่นกฎอยู่แหละ

               มาร์ตินี่พร้อมมะนาวฝานวางแขวนข้างขอบแก้วคูปขนาดกลางถูกเสิร์ฟให้กับพระสงฆ์ ที่ฐานดูเหมือนจะมีผ้าสีส้มรองอยู่พร้อมกับมือเด็กบาร์จับปลายผ้าไว้สองข้าง มันเป็นผ้าที่เด็กบาร์ง่วนหาอยู่พักใหญ่ เพื่อจะเลียนแบบการถวายของให้พระตามที่เคยเห็นในทีวี สุดท้ายก็ได้ผ้าเช็ดซิงค์ที่เอามาจากห้องส้วมมาใช้แทน 

               ฝ่ายหลวงพี่รับรู้แต่ทำเป็นไม่มอง ก้มหน้าก้มตาเขียนอะไรสักอย่างลงบนกระดาษใบเล็ก เขียนเสร็จก็ยื่นให้กับคนที่เอาค็อกเทลมาเสิร์ฟ เด็กบาร์รับมาอ่านทวน "แอนตี้คริสต์ - สเลเยอร์"  ..มันคือใบขอเพลง หลวงพี่พูดสำทับอีกว่าลัดคิวโต๊ะอื่นให้ด้วย อาตมารีบมีนัดต่อ เด็กบาร์คนซื่อผงกหัวรับคำครับ ๆ ก่อนที่จะเดินเอากระดาษไปส่งต่อให้ศิลปินบนเวที พร้อมกับเอามือป้องปากซุบซิบแล้วชี้มาทางพระสงฆ์ที่นั่งลอยหน้าลอยตา ถือแก้วมาร์ตินี่วนไปมาในมือ

               เด็กบาร์เดินกลับมาประจำการที่เดิมพร้อมบอกกับหลวงพี่ว่าได้ทำตามที่กำชับไว้เรียบร้อย หลวงพี่เพ่งเขม็งไปทางด้านหลังคอของเจ้าหนุ่มแล้วสั่งให้เด็กบาร์ยืนนิ่ง ๆ เขาลุกขึ้นจากเก้าอี้ วางแก้วลง และโน้มตัวเข้ามาหาเด็กบาร์ก่อนที่จะ... 

              ป้าบบ!! หลวงพี่เอามือตบเข้าที่ต้นคอเจ้าหนุ่มนั่นเต็มแรง แบมือยื่นให้เด็กบาร์ดูซากยุงตัวเขื่องนอนจมกองเลือดติดอุ้งมือหลวงพี่ ในเธคแสงไฟสลัวเช่นนี้ การมองเห็นยุงตัวจิ๋วนี่เป็นเรื่องที่แทบจะเป็นไปไม่ได้เลย คงมีแต่ผู้รู้แจ้งเห็นจริงเท่านั้นที่สัมผัสได้ หลวงพี่นี่คือผู้รู้แจ้งเห็นจริงอย่างไม่ต้องสงสัย รู้ตำแหน่งจริง ๆ เห็นยุงจริง ๆ ตัวเป็น ๆ ด้วยสองตา

             แบ๊งค์เขียวที่เหน็บอยู่ในประคดเอวถูกยื่นให้กับเด็กบาร์คนซื่อ "ค่าทำขวัญ" หลวงพี่นิยามมันว่างั้นพร้อมกับหย่อนก้นลงนั่งที่เดิม เจ้าหนุ่มไหว้ปะลก ๆ รับเงินมาประนมไว้ที่หน้าผาก หลวงพี่เห็นเข้าก็ขำท้องแข็งก่อนจะพูดขึ้นว่า ไหว้พระเถอะพ่อหนุ่ม 

             ตื้อตือดึดดือ .. เสียงกีตาร์หยาบกร้านบรรเลงขึ้นต้น มาแล้วเพลงที่พระสงฆ์ขอ "แอนตี้คริสต์" บทเพลงของคณะศิลปินแทรชเมทัลเมืองมะกันหน้าใหม่นาม "สเลเยอร์" บรรยากาศเนิบนาบจากดนตรีบัลลาดแปรสภาพกลับมามีกำลังวังชาขึ้นอีกครั้ง เหล่าแมงเม่าเท้าไฟกรูกันเข้าไปดิ้นเป็นไส้เดือนโดนน้ำร้อนลวกด้านหน้าเวที ถ้านึกสภาพไส้เดือนโดนน้ำร้อนลวกไม่ออก โปรดหันกลับมาดูยังบริเวณบาร์ จะเห็นภาพหัวโล้นเลี่ยนผงกยุกยิกขึ้นลง ตัวสั่นหงึกหงัก ๆ เป็นเจ้าเข้าตามจังหวะกระเดื่อง มันคือท่าที่บรรยายความมันส์แบบถึงแก่น ซาบซึ้งถึงรสพระทำที่ทำขึ้นเองกับมือ

              หัวที่สั่นงันงกของหลวงพี่จู่ ๆ ก็หยุดกึกลงดื้อ ๆ สายตาจับจ้องไปยังที่นึง พระสงฆ์ผลุนลุกเดินไปยังโต๊ะตัวหนึ่งซึ่งว่างเปล่าไร้ผู้จับจอง หันซ้ายหันขวาล่อกแล่ก ก่อนที่จะก้มตัวลงมุดใต้โต๊ะ คว้าอะไรบางอย่างแล้วลุกขึ้นมา ในมือหลวงพี่มีแบ๊งค์สีม่วงใบนึง มันหล่นอยู่อย่างไร้เจ้าของ หลวงพี่เพียงแค่แสดงความเมตตา อุปถัมภ์เอ็นดูมันอย่างดีเท่านั้น ภายใต้ประคดเอวแห่งนี้คงทำให้มันอบอุ่นขึ้นไม่มากก็น้อย...ไม่โดดเดี่ยวอีกต่อไปแล้วนะเจ้าแบ๊งค์ม่วง

              หลวงพี่เดินกลับมานั่งที่บาร์อย่างอิ่มบุญที่ไม่ใช่บุญรอด เพลงที่ขอถูกเล่นจบไปแล้ว แต่เจ้าตัวก็ยังคงไม่มีท่าทีรีบร้อนไปไหน ยังคงค่อย ๆ ลิ้มละเมียดรสละมุนของมาร์ตินี่ที่แทบจะไม่พร่องลงไปเลยตั้งแต่สั่งมา เพลงแล้วเพลงเล่าถูกเล่นไป ผู้คนเริ่มทยอยเดินออกจากเธค บ้างกลับไปอย่างโดดเดี่ยว บ้างได้คู่กลับไปและคาดว่าคืนนี้คงมีไปต่อกันที่ร้านข้าวต้มรอบดึก 

              บ๋อยคนหนึ่งเดินตรงมายังที่ที่พระสงฆ์นั่งอยู่ แล้วบอกกับหลวงพี่ว่ามีข้อความจากโต๊ะนู้นฝากมาถึงท่าน พูดพลางมือชี้ไปทางโต๊ะตัวที่ว่า มันคือโต๊ะของสามสาว นำโดยสาวผมยาวในชุดเดรสแดงที่ร่วมเต้นเมื่อตอนเข้าร้าน ทั้งสามยิ้มกริ่มยกแก้วชูให้เมื่อรู้ว่าสายตาหลวงพี่จับจ้องมาทางนี้ บ๋อยคนเดิมแนบกระดาษข้อความเล็ก ๆ ส่งให้ หลวงพี่รับมาอ่าน ชะงักไปชั่วครู่หนึ่ง ก่อนจะกระดกมาร์ตินี่พรวดเดียวจนหมด และสั่งเช็คบิลทันที

             บนกระดาษมีรูปหัวใจวาดไว้ตรงหัวมุมล่างสามดวง ข้อความตรงกลางเขียนบรรจงตัวโตระบุไว้ว่า "ยังไม่ตัด"

...

             ถนนยามวิกาล ณ ใจกลางกรุงเทพฯ เวลานี้ลดความคึกคักลงไปมาก ทำให้ไฟประดับจากตึกรามดูเด่นขึ้นถนัดตา อย่างเช่นตึกนี้เป็นต้น ที่รถบีเอ็มดับบลิวอี 30 รุ่นล่าสุดพึ่งเลี้ยวเข้าไป เผยป้ายหน้าอาคารเป็นแสงนีออนสีม่วงสลับส้มแสดงชื่อ "แจ่มจันทร์โมเต็ล"

              รถบีเอ็มถอยจอดเข้าที่ซอง ผ้าม่านรูดปิดด้วยระบบอัตโนมัติ ประตูด้านคนขับเปิดออกโดยเจ้าของจีวรเหลืองหัวโล้น อีกสามประตูเปิดออกตามติดกัน สามสาวไหล่ผึ่งผายก้าวออกมาจากตัวรถคนละด้าน จังหวะจะก้าวเผยให้เห็นขนหน้าแข้งอันยุบยับปกครึ้มแข้งมัดกำยำของแต่ละนาง หนึ่งในนั้นสวมชุดเดรสสีแดงก่ำอมดำ สีนั้นแทบจะไม่ต่างกับสีใบหน้าของผู้คนทั้งสี่ตอนนี้เลย

            มันไม่เมาหรอก แค่พอกรึ่ม ๆ ...

                               

                                                        จบ.
_____________________________________

ขอบคุณผู้อ่านทุกท่านครับ สวัสดี.

แก้ไขข้อความเมื่อ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่