เราภายนอกคือดูปรกติ ไปทำงานหัวเราะมีความสุข แต่ในใจมันรู้สึกเหมือนฝนจะตกตลอดเวลา
เราไม่ได้มีปัญหากับงานที่ทำ ตื่นเช้าคืออยากไปทำงานแต่ไม่อยากเจอหน้าผู้คน รู้สึกเหนื่อยที่ต้องพูดต้องฝืนยิ้ม บางทีคุยกับผู้ร่วมงานหัวเราะกันอยู่ดีๆก็ซึมกระทันหันต้องรีบหันหน้าหนีปาดน้ำตา
เวลาที่คนรู้จักเสียชีวิต เรากลับไม่เศร้านะ รู้สึกเห้ยดีว่ะ ทรมานอยู่ดีๆก็ปิดสวิตซ์ตัวเองไปง่ายๆเลย ความตายมันง่ายขนาดนี้เลยเหรอ
ทั้งๆที่ชีวิตเราไม่เหนื่อยนะ งานสบายนั่งออฟฟิศทั้งวัน แต่แค่นั่งหายใจก็เหนื่อยแล้ว วิตกกังวลว่าจะทำงานพลาดทั้งๆที่ก็เป็นงานที่ทำมาจะสิบปีจนชิน
หวาดระแวงไปหมด กลัวว่าแฟนจะนอกใจ กลัวว่าเพื่อนจะแอบนินทาจะเลิกคบ
กลางคืนก็หลับๆตื่นๆ กินยานอนหลับสลับกับยาต้านเศร้า
ปวดหัวทุกวัน ท้องเสียทุกวัน ตรวจแล้วก็ไม่เจอมะเร็ง ผอมลงไปเกือบ7โลในครึ่งปี
ไปกินอาหารหรูในภัตตาคารก็ไม่อร่อย หากิจกรรมอื่นทำเบี่ยงเบนความวิตกจริตก็หายเป็นพักๆ แล้วก็หน่ายกับชีวิตเหมือนเดิม รู้สึกอยากมีชีวิตอยู่แค่อายุ50หรือเกิดอุบัติเหตุตายไปแบบรวดเร็วไม่ทรมาน เหมือนการปิดสวิตซ์ตัวเอง
แฟนก็พยายามพูดคุยด้วย แต่รู้สึกไม่อยากคุย เหนื่อยจะคุย มันจะวนไปวนมาแค่ว่า “ชีวิตเธอดีอยู่แล้วยังต้องการอะไรอีก” บางทีก็ไม่ได้อยากจะแย่แบบนี้ ถ้ามีปุ่มปิดสวิตช์ได้ก็ปิดไปแล้ว
รู้สึกเป็นภาระกับคนรอบข้างเวลาใช้ชีวิตจัง เราก็บอกทุกคนนะว่าเราซึมเศร้า คือมันเป็นจริงๆแต่พอบอกไปทุกคนก็ทำตัวเหมือนเราเปราะบาง ฮิสทีเรีย เรียกร้องความเห็นใจ ตอนที่ไม่ซึมแค่เงียบไปทุกคนก็จะอึดอัดไม่กล้าคุยด้วย เพราะคิดว่าเรากำลังอาการกำเริบ เราเลยไม่อยากคุย อยากปลีกวิเวกทันที
อยากปิดสวิตซ์จริงๆ เหนื่อยใจนี่มันหนักหนากว่าเหนื่อยกายเหลือเกิน
เคยอยากให้ตัวเองมีปุ่มปิดสวิซต์มั้ยคะ?
เราไม่ได้มีปัญหากับงานที่ทำ ตื่นเช้าคืออยากไปทำงานแต่ไม่อยากเจอหน้าผู้คน รู้สึกเหนื่อยที่ต้องพูดต้องฝืนยิ้ม บางทีคุยกับผู้ร่วมงานหัวเราะกันอยู่ดีๆก็ซึมกระทันหันต้องรีบหันหน้าหนีปาดน้ำตา
เวลาที่คนรู้จักเสียชีวิต เรากลับไม่เศร้านะ รู้สึกเห้ยดีว่ะ ทรมานอยู่ดีๆก็ปิดสวิตซ์ตัวเองไปง่ายๆเลย ความตายมันง่ายขนาดนี้เลยเหรอ
ทั้งๆที่ชีวิตเราไม่เหนื่อยนะ งานสบายนั่งออฟฟิศทั้งวัน แต่แค่นั่งหายใจก็เหนื่อยแล้ว วิตกกังวลว่าจะทำงานพลาดทั้งๆที่ก็เป็นงานที่ทำมาจะสิบปีจนชิน
หวาดระแวงไปหมด กลัวว่าแฟนจะนอกใจ กลัวว่าเพื่อนจะแอบนินทาจะเลิกคบ
กลางคืนก็หลับๆตื่นๆ กินยานอนหลับสลับกับยาต้านเศร้า
ปวดหัวทุกวัน ท้องเสียทุกวัน ตรวจแล้วก็ไม่เจอมะเร็ง ผอมลงไปเกือบ7โลในครึ่งปี
ไปกินอาหารหรูในภัตตาคารก็ไม่อร่อย หากิจกรรมอื่นทำเบี่ยงเบนความวิตกจริตก็หายเป็นพักๆ แล้วก็หน่ายกับชีวิตเหมือนเดิม รู้สึกอยากมีชีวิตอยู่แค่อายุ50หรือเกิดอุบัติเหตุตายไปแบบรวดเร็วไม่ทรมาน เหมือนการปิดสวิตซ์ตัวเอง
แฟนก็พยายามพูดคุยด้วย แต่รู้สึกไม่อยากคุย เหนื่อยจะคุย มันจะวนไปวนมาแค่ว่า “ชีวิตเธอดีอยู่แล้วยังต้องการอะไรอีก” บางทีก็ไม่ได้อยากจะแย่แบบนี้ ถ้ามีปุ่มปิดสวิตช์ได้ก็ปิดไปแล้ว
รู้สึกเป็นภาระกับคนรอบข้างเวลาใช้ชีวิตจัง เราก็บอกทุกคนนะว่าเราซึมเศร้า คือมันเป็นจริงๆแต่พอบอกไปทุกคนก็ทำตัวเหมือนเราเปราะบาง ฮิสทีเรีย เรียกร้องความเห็นใจ ตอนที่ไม่ซึมแค่เงียบไปทุกคนก็จะอึดอัดไม่กล้าคุยด้วย เพราะคิดว่าเรากำลังอาการกำเริบ เราเลยไม่อยากคุย อยากปลีกวิเวกทันที
อยากปิดสวิตซ์จริงๆ เหนื่อยใจนี่มันหนักหนากว่าเหนื่อยกายเหลือเกิน