
สวัสดีครับทุกท่าน
ตามหลักแล้ว ค่าแรงขั้นต่ำ ไม่ควรจะขึ้นมากกว่าเงินเฟ้อ
จำนวนงานที่ทำได้เท่าเดิม ก็ควรจะมีมูลค่าเท่าเดิม
แต่ถ้าค่าแรงขึ้นไปแล้ว จะเกิดอะไรขึ้นบ้าง
สิ่งแรกเลย ที่เกิดขึ้นแน่ๆคือ ค่าใช้จ่ายจากการดำเนินการเพิ่มขึ้น
กำไรบริษัทจดทะเบียนจะลดลงทันที
บริษัทที่ไม่สามารถ ขึ้นราคาสินค้า หรือ
ผลักรายจ่ายส่วนนี้ไปให้ลูกค้าได้
กำไรจะลดลง หรือ ต้องเลิกกิจการไป

ต่อมา บริษัทที่ขึ้นราคาสินค้าได้
จะมีรายได้มากขึ้น ทำให้กำไรบริษัท เพิ่มขึ้น
กำไรเติบโต โดย บริษัทไม่ต้องเติบโต

อีกผลกระทบหนึ่งที่เกิดขึ้นคือ เงินเฟ้อ
เมื่อทุกคนมีเงินเพิ่ม ค่าสินค้าและบริการจะเพิ่มขึ้น
โดยมองว่า การใช้นโยบายทางการคลังของรัฐในช่วงที่ผ่านมา
ไม่สามารถไปถึงเป้าหมายเงินเฟ้อได้
ค่าเงินบาท จะอ่อนลง
อะไรที่มีเยอะ มูลค่าจะลดลง
เมื่อเงินบาทมีเยอะขึ้น เงินบาทจะอ่อนลง
ซึ่งน่าจะส่งผลดีต่อผู้ส่งออก
ดอกเบี้ยอาจขึ้น แต่คนตกงานอาจเพิ่มมากขึ้น
การลงทุนลดลงในธุรกิจใช้แรงงาน
แต่การลงทุนในระบบอัตโนมัติอาจเพิ่มมากขึ้น
วุ่นวายดีแท้...
แล้วนักลงทุน ควรทำอย่างไร?
ธุรกิจที่สามารถส่งผ่านราคา ไปที่ลูกค้าได้
จะกำไรเพิ่มขึ้น เช่น โรงพยาบาล อาหาร ค่าบริการอินเตอร์เน็ต
ดังนั้น จังหวะและเวลาในการลงทุน
จึงเป็นสิ่งสำคัญ
เพราะเริ่มต้น ทุกบริษัทจะกำไรลด
แต่มีเพียงบางบริษัท จะกลับมากำไรเพิ่ม

หน้าที่ของนักลงทุน คือ
การเลือกจังหวะในการลงทุนที่ดี
ในธุรกิจที่แข็งแกร่ง

ไม่ซื้อ... ไม่ขาดทุน
ค่าแรงขั้นต่ำ 400 บาท นักลงทุน ควรทำอย่างไร???
สวัสดีครับทุกท่าน
ตามหลักแล้ว ค่าแรงขั้นต่ำ ไม่ควรจะขึ้นมากกว่าเงินเฟ้อ
จำนวนงานที่ทำได้เท่าเดิม ก็ควรจะมีมูลค่าเท่าเดิม
แต่ถ้าค่าแรงขึ้นไปแล้ว จะเกิดอะไรขึ้นบ้าง
สิ่งแรกเลย ที่เกิดขึ้นแน่ๆคือ ค่าใช้จ่ายจากการดำเนินการเพิ่มขึ้น
กำไรบริษัทจดทะเบียนจะลดลงทันที
บริษัทที่ไม่สามารถ ขึ้นราคาสินค้า หรือ
ผลักรายจ่ายส่วนนี้ไปให้ลูกค้าได้
กำไรจะลดลง หรือ ต้องเลิกกิจการไป
ต่อมา บริษัทที่ขึ้นราคาสินค้าได้
จะมีรายได้มากขึ้น ทำให้กำไรบริษัท เพิ่มขึ้น
กำไรเติบโต โดย บริษัทไม่ต้องเติบโต
อีกผลกระทบหนึ่งที่เกิดขึ้นคือ เงินเฟ้อ
เมื่อทุกคนมีเงินเพิ่ม ค่าสินค้าและบริการจะเพิ่มขึ้น
โดยมองว่า การใช้นโยบายทางการคลังของรัฐในช่วงที่ผ่านมา
ไม่สามารถไปถึงเป้าหมายเงินเฟ้อได้
ค่าเงินบาท จะอ่อนลง
อะไรที่มีเยอะ มูลค่าจะลดลง
เมื่อเงินบาทมีเยอะขึ้น เงินบาทจะอ่อนลง
ซึ่งน่าจะส่งผลดีต่อผู้ส่งออก
ดอกเบี้ยอาจขึ้น แต่คนตกงานอาจเพิ่มมากขึ้น
การลงทุนลดลงในธุรกิจใช้แรงงาน
แต่การลงทุนในระบบอัตโนมัติอาจเพิ่มมากขึ้น
วุ่นวายดีแท้...
แล้วนักลงทุน ควรทำอย่างไร?
ธุรกิจที่สามารถส่งผ่านราคา ไปที่ลูกค้าได้
จะกำไรเพิ่มขึ้น เช่น โรงพยาบาล อาหาร ค่าบริการอินเตอร์เน็ต
ดังนั้น จังหวะและเวลาในการลงทุน
จึงเป็นสิ่งสำคัญ
เพราะเริ่มต้น ทุกบริษัทจะกำไรลด
แต่มีเพียงบางบริษัท จะกลับมากำไรเพิ่ม
หน้าที่ของนักลงทุน คือ
การเลือกจังหวะในการลงทุนที่ดี
ในธุรกิจที่แข็งแกร่ง
ไม่ซื้อ... ไม่ขาดทุน