และแล้วเรื่องราวของseries Romance Is a Bonus Book ก็ได้มาสู่ตอนจบ
เป็นseriesที่ดูแล้วอิ่มเอมใจ รู้สึกได้ถึงภายในของเรื่องที่แทรกเข้ามาในแต่ละอีพี
เป็นseriesที่ไม่มีเรื่องชิงรักหักสวาทแก้แค้นใดๆ เป็นเรื่องราวของคนทำงานแต่ใน
มุมของคนทำหนังสือ แต่สะท้อนให้เห็นถึงความสัมพันธ์ของเพื่อนร่วมงาน มิตรภาพ
ความรัก ความจริงใจ และมุมของความสัมพันธ์ของคนที่รักไม่ว่าจะเป็นพ่อนักเขียนคัง
กับลูกจีซอจุนหรือคนที่ดูแลเปรียบเหมือนลูกอีกคนก็คืออึนโฮ หรือจะเป็นความรักในแบบคู่รัก
พระเอกคืออึนโฮกับคังดันอีที่เปรียบเสมือนหนังสือเล่มเก่าของดันอีแต่ยิ่งเปิดอ่านกับต้อง
ยิ่งอ่านซ้ำและขีดเส้นใต้ซ้ำกับคำสำคัญในระะหว่างประโยค ซาบซึ้งจริงๆ จบแบบสวยงาม
ชื่นชอบในมิตรภาพของคนทำงานร่วมกัน เป็นseriesน้ำดีอีกเรื่องจริงๆ
ขอย้อนไปใน Ep.15 อึนโฮได้ดูแลนักเขียนคังบยองจุนเปรียบเสมือนพ่อมากว่าจะแค่เป็นศิษย์
กับอาจารย์ เนื่องจากนักเขียนคังป่วยเป็นโรคอัลไซเมอร์ทำให้ความจำเริ่มเลือนลาง ซึ่งหนังสือ
เล่มสุดท้ายที่แต่งไว้คือ 23 เมษา เป็นวันเกิดของลูกชายคือจีซอจุน ด้วยความที่แม่จีซอจุนเลิกกับ
นักเขียนคังแต่ได้ตั้งท้องเลยไม่ได้บอกนักเขียนคัง


อึนโฮดูแลนักเขียนคังมาตลอด และพยายามปิดเรื่องที่นักเขียนป่วยอยู่ ซึ่งนักเขียนคังได้พูดไว้กับอึนโฮ
"นายจะทำให้ฉันตายไปในฐานะนักเขียนไม่ใช่ในฐานะตาแก่ความจำเสื่อม" จึงเป็นเหตุผลให้อึนโฮต้อง
ปิดความลับเรื่องนี้ไว้ สุดท้ายจีซอจุนซึ่งไม่รู้ความจริงคิดว่าอึนโฮหรือสำนักพิมพ์กักขังพ่อเขาเอาไว้แล้ว
เอาลิขสิทธิ์หนังสือของพ่อมาขาย และคงคิดในใจว่าพ่อไม่ได้ตามหาเขาหรือแม่เลย จีซอจุนจึงแต่ง
หนังสือวีรบุรุษซึ่งเป็นหนังสือที่นักเขียนคังกะไว้ว่าจะแต่งเป็นเรื่องสุดท้าย ส่งไปให้สำนักพิมพ์กยอรู
ทำให้เป็นที่มาที่ทำให้อึนโฮ คังดันอี และซงแฮรินรู้ว่าใครเป็นคนแต่งเรื่องนี้ และได้ไปหาพ่อแม้ว่าจะ
เป็นในช่วงเวลาสุดท้ายก็ตาม
EP.สุดท้าย ตอนจบ ให้ภาพมันเล่าเรื่อง

มีเรื่องราวเกิดขึ้นมากมาย ชอบบทพูดที่นักเขียนคังได้กล่าวไว้ "ฉันไม่เชื่อว่าหนังสือเล่มหนึ่งจะสามารถ
เปลี่ยนโลกได้ แต่ฉันก็หวังว่ามันจะทิ้งความอบอุ่นเอาไว้ภายในหัวใจใครสักคน" จบแล้วทำให้อยากไปปัดฝุ่น
หนังสือที่วางไว้ในหิ้งที่ยังอ่านไม่จบมาอ่านต่อ การอ่านหนังสือสำหรับเราคิดว่าบางครั้งเป็นการทบทวนความคิด
การพูดคุยกับตัวเองกับหนังสือ ในโลกของความเป็นจริงอาจไม่ว่าจะการเรียน การทำงานในชีวิตจริงอาจจะไม่
ได้สวยหรู แต่เราทุกคนเป็นเหมือนหนังสือ รอให้ใครสักคนมาหามาเจอ แล้วเปิดอ่านเนื้อหาข้างใน...



ดูจบแล้วมาคุยกันจ้า
Romance Is a Bonus Book Ep.15-16 เราทุกคนเป็นเหมือนหนังสือ รอให้ใครสักคนมาเจอ (ตอนจบ) มีSpoil
เป็นseriesที่ดูแล้วอิ่มเอมใจ รู้สึกได้ถึงภายในของเรื่องที่แทรกเข้ามาในแต่ละอีพี
เป็นseriesที่ไม่มีเรื่องชิงรักหักสวาทแก้แค้นใดๆ เป็นเรื่องราวของคนทำงานแต่ใน
มุมของคนทำหนังสือ แต่สะท้อนให้เห็นถึงความสัมพันธ์ของเพื่อนร่วมงาน มิตรภาพ
ความรัก ความจริงใจ และมุมของความสัมพันธ์ของคนที่รักไม่ว่าจะเป็นพ่อนักเขียนคัง
กับลูกจีซอจุนหรือคนที่ดูแลเปรียบเหมือนลูกอีกคนก็คืออึนโฮ หรือจะเป็นความรักในแบบคู่รัก
พระเอกคืออึนโฮกับคังดันอีที่เปรียบเสมือนหนังสือเล่มเก่าของดันอีแต่ยิ่งเปิดอ่านกับต้อง
ยิ่งอ่านซ้ำและขีดเส้นใต้ซ้ำกับคำสำคัญในระะหว่างประโยค ซาบซึ้งจริงๆ จบแบบสวยงาม
ชื่นชอบในมิตรภาพของคนทำงานร่วมกัน เป็นseriesน้ำดีอีกเรื่องจริงๆ
ขอย้อนไปใน Ep.15 อึนโฮได้ดูแลนักเขียนคังบยองจุนเปรียบเสมือนพ่อมากว่าจะแค่เป็นศิษย์
กับอาจารย์ เนื่องจากนักเขียนคังป่วยเป็นโรคอัลไซเมอร์ทำให้ความจำเริ่มเลือนลาง ซึ่งหนังสือ
เล่มสุดท้ายที่แต่งไว้คือ 23 เมษา เป็นวันเกิดของลูกชายคือจีซอจุน ด้วยความที่แม่จีซอจุนเลิกกับ
นักเขียนคังแต่ได้ตั้งท้องเลยไม่ได้บอกนักเขียนคัง
อึนโฮดูแลนักเขียนคังมาตลอด และพยายามปิดเรื่องที่นักเขียนป่วยอยู่ ซึ่งนักเขียนคังได้พูดไว้กับอึนโฮ
"นายจะทำให้ฉันตายไปในฐานะนักเขียนไม่ใช่ในฐานะตาแก่ความจำเสื่อม" จึงเป็นเหตุผลให้อึนโฮต้อง
ปิดความลับเรื่องนี้ไว้ สุดท้ายจีซอจุนซึ่งไม่รู้ความจริงคิดว่าอึนโฮหรือสำนักพิมพ์กักขังพ่อเขาเอาไว้แล้ว
เอาลิขสิทธิ์หนังสือของพ่อมาขาย และคงคิดในใจว่าพ่อไม่ได้ตามหาเขาหรือแม่เลย จีซอจุนจึงแต่ง
หนังสือวีรบุรุษซึ่งเป็นหนังสือที่นักเขียนคังกะไว้ว่าจะแต่งเป็นเรื่องสุดท้าย ส่งไปให้สำนักพิมพ์กยอรู
ทำให้เป็นที่มาที่ทำให้อึนโฮ คังดันอี และซงแฮรินรู้ว่าใครเป็นคนแต่งเรื่องนี้ และได้ไปหาพ่อแม้ว่าจะ
เป็นในช่วงเวลาสุดท้ายก็ตาม
EP.สุดท้าย ตอนจบ ให้ภาพมันเล่าเรื่อง
มีเรื่องราวเกิดขึ้นมากมาย ชอบบทพูดที่นักเขียนคังได้กล่าวไว้ "ฉันไม่เชื่อว่าหนังสือเล่มหนึ่งจะสามารถ
เปลี่ยนโลกได้ แต่ฉันก็หวังว่ามันจะทิ้งความอบอุ่นเอาไว้ภายในหัวใจใครสักคน" จบแล้วทำให้อยากไปปัดฝุ่น
หนังสือที่วางไว้ในหิ้งที่ยังอ่านไม่จบมาอ่านต่อ การอ่านหนังสือสำหรับเราคิดว่าบางครั้งเป็นการทบทวนความคิด
การพูดคุยกับตัวเองกับหนังสือ ในโลกของความเป็นจริงอาจไม่ว่าจะการเรียน การทำงานในชีวิตจริงอาจจะไม่
ได้สวยหรู แต่เราทุกคนเป็นเหมือนหนังสือ รอให้ใครสักคนมาหามาเจอ แล้วเปิดอ่านเนื้อหาข้างใน...
ดูจบแล้วมาคุยกันจ้า