FUJI-SAN ROADTRIP | ระหว่างทางจาก ‘ฮาโกเน่’ มุ่งหน้าสู่ ‘คาวากูจิโกะ’ ขับรถเที่ยวประเทศญี่ปุ่นในฤดูหนาว!

‘บนถนนที่ข้างทางถูกปกคลุมไปด้วยหิมะ พร้อมกับอากาศหนาวอุณหภูมิเลขตัวเดียว สลับกับวิวบ้านหลังเล็กๆ
และมีภูเขาไฟฟูจิซังที่คอยโผล่แวะมาทักทายบ้างเป็นครั้งคราวระหว่างทาง…’
.
นี่คืออีกหนึ่งประสบการณ์ที่เราอยากเอามาแบ่งปันและยืนยันกับทุกคนว่า มาญี่ปุ่นทั้งทีต้องลองมาโร๊ดทริปสักครั้งนะ เอาจริง!
ถึงแม้ว่านี่จะเป็นการขับรถสั้นๆแค่สามวันสองคืน แต่วิวข้างทางที่ได้เจอ ความชิลที่อยากจะไปไหนก็ไป หยุดแวะพักเมื่อไหร่ก็ได้ พร้อมกับค่าใช้จ่ายที่หารกันแล้วถูกลง คือมันคุ้มมากกกก! กระทู้นี้เลยจะแวะเอาวิวระหว่างทางมาอวดสักกะหน่อยว่ามันดีเบอร์นี้เลยแหละ
(จริง ๆ เดินทางตั้งแต่ช่วงมกราคม 61 แต่เพิ่งนำมาเขียนในพันทิปน้าาา)
__________________________________________________
การจอง และขับรถเช่าที่ญี่ปุ่น (เวอร์ชั่นกะทัดรัด) 
ง่ายมากกกกกพูดเลย เตรียมพร้อมสามสิ่งมาดังนี้ แค่นี้ก็สบ๊ายยย
● ข้อมูลการเดินทาง // ไปที่ไหน เมื่อไหร่ กี่วัน กี่คน เพื่อที่จะได้ทำการจองรถถูกว่าเราควรจะจองรถประเภทไหน สถานที่ที่เราไปช่วงนั้นจะมีหิมะรึเปล่า ( สำคัญนะบางที่ถ้ามีหิมะเราจะจำเป็นจะต้องจองยาง Snowtire เพิ่มล่วงหน้า ถ้าไม่มีเนี่ยอันตรายมากถนนมันลื่น แถมเขาบริษัทเช่าเขาก็จะไม่ยอมให้ออกเดินทางด้วยยย )
● ใบขับขี่สากล // นี่เป็นเอกสารสำคัญที่จะต้องมี! ไม่มีไม่ได้! เพราะต้องใช้แสดงกับเจ้าหน้าที่ตอนไปรับรถ อีกอย่างไม่มีตำรวจจับเด้อ ทำง่ายมาก พกพาสปอร์ต บัตรประชาชน รูปถ่าย ใบขับขี่กับตังค์ 505 บาทไปที่กรมขนส่งโลด
● เรียนรู้กฎจราจร และการใช้รถ // สำคัญมากกกกกก  แนะนำให้ควรศึกษาเบื้องต้นมาก่อน เพราะกฎหมายที่นั่นเข้มงวดมากก โทษปรับก็สูงด้วย เราแนะนำเพจ https://www.facebook.com/DrivingInJapan/  มีไฟล์ข้อมูลให้โหลดอ่าน อธิบายเรื่องการทำประกันรถ บัตรทางด่วน GPS ถ้าสงสัยอะไร ทักไปถามได้เลยตอบไวมากก
ส่วนบริษัทที่จอง เราเลือกจองผ่านเว็บ Toyota Rent-A-Car เพราะมีเว็บภาษาไทยเข้าใจง่ายแค่นั้นแหละ ฮ่าๆ จ่ายเงินสดตอนรับรถที่นู้นได้เลยแค่มีหมายเลขการจอง เบอร์ ชื่อและใบขับขี่สากลไปโชว์เขา ง่ายจริงอันนี้ทำเองได้สบ๊าย
และที่สำคัญคือ เช็คทุกอย่างให้เรียบร้อยก่อนวันไปรับรถนะจ๊ะ! เช่น จองถูกวัน ถูกที่มั้ย จะไปที่ที่มีหิมะได้จองยางพิเศษไว้รึเปล่า ยกตัวอย่างประสบการณ์ตรง เราจองไปสองคันรับรถที่สนามบิน คันนึงจองแบบมียางพิเศษ อีกคันลืม สรุปเขาไม่มีรถสำรองไว้ให้ เพราะเราไปถึงดึกแล้วด้วย พัง พังพินาศ แผนเปลี่ยนกะทันหันหมดเลย (โง่จริง ไม่มีแสตนด์อินจ้า)
__________________________________________________
HAKONE : ฮาโกเน่ เป็นเมืองที่อยู่ทางทิศตะวันตกเฉียงใต้ของโตเกียว ขับรถตรงมาจากสนามบินนาริตะ ใช้เวลาประมาณสองชั่วโมงเท่านั้น เมืองนี้อัดแน่นไปด้วยความอุดมสมบูรณ์ของธรรมชาติ และออนเซ็น
ไฮไลท์ของที่นี่เห็นทีจะหนีไม่พ้นไข่ดำที่ต้มจากหุบเขาโอวาคุดานิ หุบเขาที่เกิดขึ้นจากการระเบิดของภูเขาไฟเมื่อสามพันปีก่อน ทำให้จะมีควันคอยพุ่งออกมาจากรอยแยกของแผ่นดินอยู่ตลอดเวลาจนได้ชื่อว่าเป็นหุบเขานรกกันเลยแหละ เขาว่ากันว่ากินไขดำที่นี่หนึ่งฟองจะอายุยืนขึ้นไปอีกเจ็ดปีเลยนะเอ้ออออ ( นี่ลองมาแล้วรสชาติไข่ต้มดีๆนี่เอง )
การเดินทาง : นั่งกระเช้า Hakone Ropeway ไปลงที่สถานที Owakudani Station แต่สำหรับคนมีรถเช่าแบบเราแล้วน้านน ขอแนะนำให้ขับรถไปขึ้นจากสถานี Ubako ไปแทน เพราะหนึ่งประหยัดค่ากระเช้า และสองวิวอลังมาก หรือถ้าใครอยากจะขับรถไปที่สถานีโอวาคุดานิก็ได้เลยนะ ไม่มีปัญหา ไม่เสียตังค์ด้วย
 
จริงๆบนกระเช้าที่เรานั่งมาเนี่ย ถือว่าเป็นจุดชมวิวภูเขาไฟฟูจิที่ติดอันดับเลยนะ
เพราะว่าจากกระเช้า เราจะสามารถมองคุณฟูจิซังได้แบบเต็มๆตาชัดๆกันไปเลยถ้าไม่มีเมฆบัง แต่บังเอิ๊ญญวันที่เราไปนั้นบุญมี แต่กรรมที่มาในรูปแบบของเมฆน้านนนดันมาบังมิด ไม่เหลือแม้แต่โครง แต่ไม่เป็นไรวิวข้างบนก็ดีไม่แพ้กัน ภูเขาที่ถูกปกคลุมไปด้วยหิมะบางๆ พร้อมฉากหลังที่มีควันลอยอยู่จางๆ
นอกจากนี้ ฮาโกเน่เขายังมีที่ท่องเที่ยวอีกเย๊อะะะเลยนะ
ไม่ว่าจะเป็นล่องเรือโจรสลัดที่ทะเลสาบอาชิ แถวๆโมโตฮาโกเน่ก็ยังมีร้านกาแฟ ร้านพิซซ่าน่ารักๆอีกด้วย ไม่มีร้านไหนมาแนะนำเป็นพิเศษ แต่อยากให้ลองเดินสุ่มๆเอา ชอบร้านไหนก็เข้าเลยไม่ผิดหวังหรอก
แถมใกล้ๆกันก็ยังมีศาลเจ้าฮาโกเน่ ที่ที่มีเสาโทริอิตั้งอยู่กลางน้ำไว้ให้แวะไปถ่ายรูป ซึ่งเอาอีกแล้วว้อยยย ตอนเราไปดันปิดซ่อมพอดีเลย แต่ก็ยังมีพิพิธภัณฑ์ศิลปะกลางแจ้งเอย ออนเซนเอย สถานีโกราเอยด้วยนะ เอาเป็นว่าชอบแบบไหนก็วางแผนขับรถไปได้เลย หลายๆที่ไม่ไกลกันมาก
หลังจากนี้เราจะพาทุกคนมุ่งหน้าสู่ทะเลสาบคาวากูจิโกะกัน แต่ขับไปยังไม่ทันถึงยี่สิบนาที ทุ่งหญ้าสีทองตัดกับหิมะสีขาวโพลนข้างทาง ทำให้พวกเราก็ต้องหยุดรถกันอีกรอบ ถึงแม้ว่าอากาศข้างนอกจะปาไปที่สององศาก็ตาม แต่ก็บ่ยั่นจ้า แวะซื้อดังโงะกะนมร้อนกินข้างทาง แล้ววิ่งข้ามฟากไปถ่ายรูปแบบท้าลมหนาวกันทีเดียวเชียว (คนขายกรุบกริบๆมาก)
หลังจากกลับมา เราเพิ่งรู้ว่าที่ตรงบริเวณเชิงเขาไดกาทาเกะนี้ คือทุ่งหญ้าเซ็นโกคุฮาระ (Sengokuhara Susuki prairie) ซึ่งมันเป็นทุ่งหญ้าที่ติดอันดับหนึ่งในห้าสิบจุดชมวิวที่ดีที่สุดอีกด้วยเว้ย บ้าไปล้าว แต่เอาจริงๆช่วงไฮไลท์ของมันคือช่วงฤดูใบไม้ร่วงนะ ข้อมูลในเว็บเขาบอกว่าทุ่งหญ้าจะกลายเป็นสีขาวพริ้วๆ ตัดกับต้นไม้ที่เป็นสีเขียวชอุ่ม คนฮิตกันมากกก แต่สำหรับเราแค่ฤดูหนาวตอนนี้ก็กินขาดแล้วอ่ะ แถมคนไม่มีเลยด้วย
KAWAGUCHIKO : คาวากูจิโกะ
ใช้เวลาขับรถประมาณหนึ่งชั่วโมงเท่านั้น เราก็จะมาถึงทะเลสาบคาวากูจิโกะ หนึ่งในทะเลสาบทั้งห้าที่รายล้อมรอบภูเขาไฟฟูจิอยู่ แต่จริงๆแล้วระหว่างทางที่เราผ่านมาเนี้ย เรายังสามารถแวะทะเลสาบยามานากาโกะได้ด้วยนะ ที่นั่นจะมีทั้งหงส์ แล้วก็ทางเดินริมทะเลสาบให้เดินเล่นด้วย รู้ดีขนาดนี้ ถามว่าได้ไปมามั้ยย ตอบเลยว่าไม่จ้า อ่านรีวิวมาทั้งน้านนน ฮ่าๆ
ตอนแรกก็แพลนมาว่าจะไป แต่เวลาดันไม่พอเลยต้องรีบมุ่งหน้าไป Ogino Supermarket เพื่อแวะซื้อซูชิ เนื้อสัตว์ และเบียร์ สำหรับมาปิ้งย่างคืนนี้ที่ที่พักกัน (ใช่ค่ะ ของกินต้องมาก่อน!) ตรงบริเวณลานจอดรถที่ห้างคือเห็นวิวฟูจิด้วย เป็นช่วงพระอาทิตย์ใกล้ตกดินพอดี แสงละมุนมากกกก
Kawaguchiko Country Cottage Ban
คือที่พักของพวกเราสำหรับค่ำคืนนี้ ที่นี่มีบ้านและกระท่อมหลายหลังหลายสไตล์ตั้งสลับกันอยู่บ้านเนินเขา ซึ่งจากที่บ้านพักเนี่ย พอเราตื่นมาก็สามารถลุกขึ้นมาสบตากับมิสเตอร์ฟูจิซังได้แบบชัดๆกันเลยทีเดียว ไม่พอแค่นั้นเว้ย เขายังมีบริการให้เช่าเตาปิ้งย่างด้วย นั่งจิบเบียร์ท่ามกลางอากาศหนาวๆ และเนื้อย่างร้อนๆ ควันโขมงโฉงเฉง อุ่นกายสบายตัว (แต่หัวเหม็นฉึ่ง) จะมีอะไรดีไปกว่านี้อีกกกกกกกก
เรามากันทั้งหมดสิบเอ็ดคนค่ะ แต่ว่าจองไว้ตั้งแต่เนิ่นๆมั้ง เขาก็เลยให้หลังยี่สิบห้าคนมา คือแบบใหญ่มากกก ครบมาก ห้องน้ำห้องนอนห้องครัว อุปกรณ์เครื่องใช้ครบหมด ดีหมดทุกอย่างจริง ยิ้มแบบโครตคุ้ม ในราคาที่หารออกมาแล้วตกคนละพันกว่าบาทแค่นั้นเอง
ยัง ยังไม่พอแค่นี้ นอกจากห้องอาบน้ำฝักบัวสามห้องข้างล่างแล้วน้านน เราก็ยังมีนี่ด้วย แท่นแท๊นนนนน! อ่างอาบน้ำร้อนจากุซซี่ส่วนตัวชั้นบน ที่แช่ตอนกลางคืนก็สบายตัว แต่แช่ตอนเช้าคือที่สุดดดดดดดด คุณสามารถเปิดหน้าต่างรับอากาศหนาวศูนย์องศา ในขณะที่ตูดแช่อยู่ในอุณหภูมิที่สามสิบกว่า พร้อมวิวฟูจิซัง กับบ้านหลังๆเล็กที่ถูกหิมะปกคลุม โห้ยยยยที่สุดละอันนี้ โครตประทับใจจจจ
แต่ถ้ายังไม่จุใจพอ แถมอยากได้ฟิลแช่ออนเซนดั้งเดิมแบบคนญี่ปุ่นแล้วนั้น จัดไปจ้าา ที่พักมีบ่อออนเซ็นรวมทั้งในร่มและก็กลางแจ้งไว้ให้ด้วย แต่ต้องเสียเงินเพิ่มนะ (ครั้งละห้าร้อยเยน แต่ถ้าสองครั้งเหลือเจ็ดร้อนเยน) มีเวลาเปิดปิดสองรอบ ถ้าอยากไปแบบไม่มีคนก็แนะนำให้ไปเช้าๆ ไม่ก็มืดๆไปเลยยยย วิวมันก็จะดีเบอร์นี้เลยค่ะคุณณณณณณ อันนี้ไปตอนประมาณเก้าโมงเช้า (แอบสาย แต่ก็ไม่มีคนอยู่ดี)
ขอตบท้ายด้วยวิวจากหน้าต่างห้องนอน และจากลานหน้าบ้าน คือฟูจิแบบเต็มตามากๆว้อยยย นี่เดินไปกดโกโก้ร้อนจากตู้หยอดเหรียญมากินตอนเช้าด้วย อุ่นมาก กระป๋องละร้อยเยนเท่านั้น แต่ถ้าใครฟิตมาก อยากจะออกไปขี่จักรยานตอนเช้า ก็เดินไปเช่าที่เค้าท์เตอร์ได้เลยนะ ส่วนใครที่นั่งรถไฟมาเองจากโตเกียว หรือไม่ได้เช่ารถมาเอง ที่พักเขาก็มีบริการรถออกไปรับอยู่นะ บอกเวลาล่วงหน้าได้เลย แนะนำๆที่นี่ดี๊ดี พนักงานก็น่าร๊ากก
แก้ไขข้อความเมื่อ

แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่