เราอ่านแล้วเราจุก ไม่ใช่เพราะหดหู่ แต่เป็นเพราะมันเหมือนเรื่องราวของเราเลย
สถานการณ์อาจไม่ทาบทับกัน 100% แต่เราเข้าใจความรู้สึกน้องเขาเต็มๆ
เลยกลายเป็นว่าแทนที่เราจะรู้สึกเป็นห่วงเป็นใย อยากให้น้องกลับคืนสู่ครอบครัวไวๆ
เรากลับรู้สึกดีแทนน้อง เหมือนน้องเขาปลดปล่อยอะไรบางอย่างได้
เป็นความรู้สึกโล่งอกโล่งใจว่ามันจะจบเสียที
เราคงโยงเรื่องของน้องเข้ากับชีวิตและปัญหาของเรา
ถ้าเป็นเรา เราคงไม่อยากกลับไปหาครอบครัว
เราเดินเข้าบ้านเราก็ทะเลาะกับพ่อกับแม่ ทำเขาร้องไห้ได้ทุกวัน
เรารู้ว่าพ่อแม่รักเรา แต่เราเหมือนโดนรัด เราเกลียดตัวเองมากขึ้นทุกวันๆ ที่อยู่ที่บ้าน
การเดินเข้าบ้านมันไม่มีความสุขหรอกนะ ไม่ใช่เราไม่พยายาม แต่เราไม่มีแรงแล้ว
แต่เราก็ไม่กล้าทำอะไร เรากลัวเจ็บ เรากลัวป่วย เรากลัวตาย
อีกนัยหนึ่ง กลายเป็นเรารู้สึกอิจฉาน้องที่เขาตัดสินใจได้
ในภาวะที่ไร้ทางออก อย่างน้อยเขายังเห็นสิ่งนี้เป็นทางออก
เขายังมีทางออกที่เขาเลือกได้ แม้ว่าใครๆ จะไม่เห็นดพ้วย
ดีกว่าคนที่ไม่กล้าตัดสินใจแบบเรา ไม่กล้าทำ กลัวตาย
แบบนี้ ไม่มีทางออกสักทาง มืดไปหมด
แม้แต่ตายยังไม่กล้าตาย มันแย่กว่าไหม?
จากกระทู้จดหมายลาของน้อง มันอาจจะดีกว่าสิ่งที่เราเป็นรึเปล่า
สถานการณ์อาจไม่ทาบทับกัน 100% แต่เราเข้าใจความรู้สึกน้องเขาเต็มๆ
เลยกลายเป็นว่าแทนที่เราจะรู้สึกเป็นห่วงเป็นใย อยากให้น้องกลับคืนสู่ครอบครัวไวๆ
เรากลับรู้สึกดีแทนน้อง เหมือนน้องเขาปลดปล่อยอะไรบางอย่างได้
เป็นความรู้สึกโล่งอกโล่งใจว่ามันจะจบเสียที
เราคงโยงเรื่องของน้องเข้ากับชีวิตและปัญหาของเรา
ถ้าเป็นเรา เราคงไม่อยากกลับไปหาครอบครัว
เราเดินเข้าบ้านเราก็ทะเลาะกับพ่อกับแม่ ทำเขาร้องไห้ได้ทุกวัน
เรารู้ว่าพ่อแม่รักเรา แต่เราเหมือนโดนรัด เราเกลียดตัวเองมากขึ้นทุกวันๆ ที่อยู่ที่บ้าน
การเดินเข้าบ้านมันไม่มีความสุขหรอกนะ ไม่ใช่เราไม่พยายาม แต่เราไม่มีแรงแล้ว
แต่เราก็ไม่กล้าทำอะไร เรากลัวเจ็บ เรากลัวป่วย เรากลัวตาย
อีกนัยหนึ่ง กลายเป็นเรารู้สึกอิจฉาน้องที่เขาตัดสินใจได้
ในภาวะที่ไร้ทางออก อย่างน้อยเขายังเห็นสิ่งนี้เป็นทางออก
เขายังมีทางออกที่เขาเลือกได้ แม้ว่าใครๆ จะไม่เห็นดพ้วย
ดีกว่าคนที่ไม่กล้าตัดสินใจแบบเรา ไม่กล้าทำ กลัวตาย
แบบนี้ ไม่มีทางออกสักทาง มืดไปหมด
แม้แต่ตายยังไม่กล้าตาย มันแย่กว่าไหม?