บันทึกเหงาๆ จาก คนต่างแดน ตอน บันทึกของพ่อ

     สวัสดีครับ เพื่อนๆ พี่ๆน้องๆ ในพันทิป วันนี้ ผมมีนิทานชีวิต จะมาเล่าให้ฟังครับ เป็นเรื่องที่ผมเขียนขึ้นมา ช่วงที่ผมอยู่ ประเทศ อังกฤษ.  ตอนนี้ผมเป็นเด็กหนุ่ม อายุ 22 ปีครับ....

     ....มองย้อนกลับไปสมัยยังหนุ่ม ชีวิตผมมีครบครับ ครอบครัวที่อบอุ่น พ่อ แม่ น้อง มีบ้าน มีรถ ผมเรียนจบ ม.6 โรงเรียนบดินทรเดชา (สิงห์ สิงหเสนี)๔ แล้วมาเข้าม.รังสิต ผมเรียนสาขาการท่องเที่ยวครับ เรียนไปได้ครึ่งเทอม ก็มีเหตุไม่คาดคิดเกิดขึ้น พ่อผมมาเสียชีวิตด้วยโรคหัวใจ จากไปอย่างกะทันหัน ตอนนั้นผมอายุ 18 ปี ให้พูดตามตรงหลังจากที่พ่อเสียชีวิตแล้ว ใจผมไม่ได้อยู่ที่การเรียนเลยครับ ใจอยากจะออกมาทำงานอย่างเดียว จนแล้วจนเล่า..ถึงวันสอบกลางเทอม ด้วยความที่ผมต้องขับรถแท็กซี่หลังเลิกเรียน ทำให้ผมไม่ได้อ่านหนังสือ แล้วก็ทำข้อสอบไม่ได้ ผมจึงลุกออกจากห้องสอบ ทันใดนั้นเอง อาจารย์ก็ถามว่าจะไปไหน ผมบอกผมจะไปเข้าห้องน้ำครับ..และหลังจากนั้นเพื่อนๆที่ม.รังสิต ก็ไม่ได้เห็นหน้าผมอีกเลย..

   -ชีวิตผกผันมารับราชการทหารได้อย่างไร??
     เนื่องด้วยแม่ผม อยากให้ผมมีงานทำเป็นหลักเป็นฐาน และมั่นคง เลยให้ผมไปสอบรับราชการ ของทหารอากาศ ซึ่งใจผมตอนนั้น ก็ไม่รู้จะสอบไปเพื่ออะไร คนสอบ 6000 ถึง 7000 คน รับ300 ถึง 400 คน ส่วนตัว เรารู้ตัวเราเองว่าเรามีความสามารถแค่ไหน แต่ก็ทนไปสอบให้แม่สบายใจ พอไปเจอข้อสอบจริงๆมันพอเข้าทางเราบ้าง ไหนจะคะแนนที่เราเรียนร.ด.ช่วยบ้าง และคงมีคนที่ช่วยเหลือเราบ้างในวันนั้น. พอถึงวันประกาศผลก็มีชื่อเราติดในบอร์ดตัวจริง ไปทดสอบสมรรถภาพร่างกายและสัมภาษณ์ ทุกอย่างราบรื่นปกติ จนได้รับการติดยศ จ่าอากาศตรี และแต่งชุดเครื่องแบบ เป็นข้าราชการ อย่างเต็มตัว.

     >> เรื่องนี้ก็เป็นข้อคิดเล็กๆให้กับชีวิตของผมได้ คือ เราอย่าพึ่งดูถูกตัวเอง และคิดว่าทำไม่ได้ ถ้ายังไม่ได้ทำ.

   -ก่อนอื่นเลย ผมต้องขอท้าวความถึงเรื่องที่ผม ลาออกจากรับราชการทหาร เนื่องจากปัจจุบัน ทั้งญาติผู้ใหญ่และคนรู้จักรอบตัวผมยังไม่เข้าใจ เหตุผลที่ถ่องแท้ ด้วยความที่ผมเป็นลูกคนโตและผมมีน้องสาวหนึ่งคน ซึ่งผมคิดวางแผนอนาคตไว้ว่าผมอยากจะมีบ้านให้ครอบครัว อีกซักหลังนึงก่อน เพราะไอด้วยความคิดที่ว่า กว่าน้องมันจะเรียนจบ ทำงานเก็บเงิน กู้ธนาคาร ป่านนั้นราคาบ้านคงจะไปอยู่ที่ราคา เท่าไหร่แล้วไม่รู้..เพราะเหตุนี้ผมเลยไม่ลังเลที่จะเขียนใบลาออก เพราะการที่ผมลาออกจากราชการ และผมได้เงินเดือนจำนวนหนึ่งต่อเดือน ซึ่งมากพอที่จะผ่อนบ้านแต่ละเดือนได้โดยไม่ต้องควักเนื้อ นี่ก็เป็นเหตุผลที่สองที่ทำให้ผมไม่ต้องลังเล ถึงแม้ตอนนี้ผมจะเป็นข้าราชการเบี้ยหวัดแล้ว. ผมก็ยังรู้สึกโอเค ที่หาบ้านเป็นของครอบครัวเราเอง ได้อีก1หลัง ให้น้องให้แม่ ได้มีอยู่.. ผมไม่ได้กลัวตัวผมจะลำบาก แต่ผมกลัวคนข้างหลังผมสองคนจะลำบากมากกว่า...

    แต่ถ้าถามว่า เสียดายไหมเอาความจริง ก็เสียดายครับ แต่...ผมต้องเลือกทางที่ดีกว่า. ผมขอยกตัวอย่างเหตุผลคร่าวๆ แค่สองตัวอย่าง เพื่อนๆ ก็น่าจะพอมองเห็นภาพออกกันนะครับ. -

     -จุดเริ่มต้นการมาทำงานต่างประเทศ(อังกฤษ) ด้วยความที่พ่อจากไปไวนี่แหละครับ ทำให้ผมทั้งรักทั้งคิดถึงพ่อ พ่อผมเคยมาทำงานที่ประเทศอังกฤษเมื่อปีพ.ศ. 2551 หรือเมื่อ 10 ปีที่แล้วนี่เองครับ มันทำให้ผมอยากรู้อยากลองจุดเริ่มต้นก็คือว่า ผมไปอ่านไดอารี่เล่มเล็กของพ่อ คือเล่ม 365 นี่เองครับ หรือเมื่อ 10 ปีที่แล้ว นี่เองครับ มันทำให้ผมอยากรู้อยากลอง สมัยนั้นไม่มี LINE ไม่มี Facebook ครับ คงเข้าใจถึงความเหงากันดีนะครับ พ่อผมจดเกือบทุกอย่างไว้ในนั้นการใช้ชีวิตความเป็นอยู่ สายรถเมล์ที่เคยขึ้น ชื่อร้าน และเมืองที่เคยอยู่. นี่แหละครับคือจุดเริ่มต้นของผม....

และบ้านที่ผมได้มาจากเว็บแห่งนึง ในราคาไม่แพงมากครับ
สมัยเรียน  ก็เป็นนักศึกษา ล่าปริญญา. ค้นหาตัวเองกันไป ในสมัยวัยรุ่นครับ

แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่