หนาวนี้ที่เชียงใหม่ (5 - 9 ธันวาคม 2559)
รายละเอียดค่าใช้จ่าย :
- รถไฟฟรีขาไปและกลับวันที่ 5 = 0
- ค่ารถแดงเข้าตัวเมือง 2 คน คนล่ะ 40 = 80
- ห้องพักเช้าวันแรกที่เชียงใหม่วันที่ 6 = 450
- ค่าเช่ามอไซต์ 2 วัน วันล่ะ 300 = 600
- ค่าน้ำมัน = 250
- ค่ากางเต้นท์ม่อนแจ๋ม 2 คน คนล่ะ 100 = 200
- ค่าเข้าดอยอินทนนท์ 2 คน คนล่ะ 40 = 80
- ค่ากางเต้นท์ที่อุทยานดอยอินทนนท์วันที่ 7 อันนี้จำไม่ได้ตีไป 2 คน คนล่ะ 100 = 200
- ค่ารถแดงไปสถานีรถไฟ 2 คน คนล่ะ 40 = 80
- ค่าที่พักวันที่ 8 (แนะนำพักซอยตรงข้ามสถานีรถไฟเช้าตื่นมาเดินขึ้นรถกลับกรุงเทพได้เลย) = 450
รวม 2390 คนล่ะ 1195
เอาไป 2000 ที่เหลือกินกระจายครับ
---------- การเป็น Backpacker ต้องเจอเรื่องไม่คาดฝัน ----------
- เช้าวันที่ 5 ธันวา
ตื่นสายๆหน่อยนอนให้เต็มที่ไปเลย เตรียมตัวเสร็จก็เกือบ 11:30 น. ต้องนั่งรถเมล์ไปหัวลำโพงคงใช้เวลาประมาณ 1 ชม. รถไฟออก 13:45 น. หื่มเวลาเหลือเยอะเยะสบายๆ
แต่แล้ว..... รถติด!! รถติด!! รถติด!! รถติด!! รถติด!! รถติด!!
ทำไงดีฟ่ะเนี่ย !!! ตอนนี้ 13:30 น. รถยังติดอยู่แถวสะพานเหล็ก มองไปไกลๆยังไม่เห็นทางโล่งเลย เอาไงดีล่ะ อีก 15 นาทีรถไฟจะออก แล้วรถไฟมันมีรอบเดียวถ้าพลาดคือทริปนี้ล่มแน่ๆ
อยู่ไม่ได้แล้ว!! อยู่ไม่ได้แล้ว!!
ตัดสินใจลุกไปที่ประตูรถเมล์แล้วสบตากับพี่คนขับให้เปิดประตู กระโดดลงจากรถเมย์มองซ้ายมองขวาเจอวินมอไซต์พอดี กระโดดขึ้นแล้วบอกว่า "หัวลำโพงแบบเร็วสุดๆเลยพี่!!" มาถึงหัวลำโพงถามพี่เจ้าหน้าที่ "เชียงใหม่ขบวนไหนครับ" นิ้วชี้ไปที่รถไฟขบวนที่กำลังเคลื่อนตัวออกจากชานชลา เชี่ย!! วิ่งสิครับ 555 วิ่งตามไปกระโดดขึ้นท้ายขบวนได้ทันโล่งใจเลย เกือบไปแล้วไหมล่ะ --"
พอขึ้นมาถึงก็เดินหาที่นั่งตามเลขในตั๋วเลยครับ (ตั๋วต้องมารับก่อนวันไป 1 วันน่ะครับ ใช้ บัตรปชช. 1 ใบ ต่อตั๋ว 1 ใบ เอาไว้จองที่นั่ง)

- วาร์ปประมาณร้อยรอบก็มาถึงสถานีเชียงใหม่ 05:00 น. ของอีกวัน 555

- ความรู้สึกเหมือนมาอยู่อีกประเทศนึงเลย บรรยากาศ วัฒนธรรม ต่างจากเมืองกรุงมากๆ (ดีกว่า 555)
- หาข้อมูลหน่อย 5555 ทำเหมือนมาต่างประเทศเลยน่ะ แหม

- จากนั้นเดินมาหน่อยเราจะเนื้อหอมขึ้นทันที เพราะพี่ๆรถแดงจะพากันเรียกหาเรา ตรงนี้ก็แล้วแต่พรมลิขิต บุญกรรม วาสนา ที่ทำมาว่าจะให้เราไปได้ขึ้นคันไหน
- ราคาโดยประมาณจะอยู่ที่ 30 - 50 บาท แล้วแต่ต่อลอง หรือระยะทาง ส่วนเราขอไปลงประตูท่าแพ

- นั่งมาแปปเดียวก็ถึงแล้ว ประตูท่าแพ !!!
- ประตูท่าแพ ณ เวลา 05.30 แม้แต่หมายังไม่มี 555

- เวลานี้ง่วงมาก หาที่นอนก่อน แต่ๆ !! จะบอกว่าทริปนี้ไม่ได้มีการจองที่พัก รถ หรือ อะไรทั้งสิ้น
- ดีน่ะเรามีเพื่อนดี เลยหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาเปิดไปหาเพื่อนกู๋ (Google) 555 ค้นหาก็เจอห้องพักหลายที่ ค่อยๆเดินไล่ดูแต่ล่ะที่ช่วยใหญ่เต็มไม่ก่ปิด จนสุดท้ายได้ห้องพักตรงประตูท่าแพ ซอยข้างๆแมคโดนัล ราคา 450 บาท แอร์ด้วยครับ นอนพักยาวตื่นมาก็เที่ยง
- เช้าวันที่ 6 ธันวา
ตื่นมาเก็บของสะพายเป้ขึ้นหลังออกเดินต่อ หิวแล้ว

ไปหาของกินกัน

เป้าหมายคือ ร้านก๋วยเตี๊ยวต้มยำไข่หวานประตูสวนดอกซึ่งอยู่อีกฝั่งของประตูท่าแพ ห่างออกไป 2 กิโล นิดๆ เดินให้หิว ไปกินจะได้คุ้ม 555

- สุดท้ายฉันก็พ้ายแพ้....
- ถึงจะเป็นหน้าหนาว แต่แดดเมืองไทยไม่แพ้ใครอยู่แล้ว พอเห็นรถไอติมเหมือนโดนแรงดึงดูด 5555

- ชื่นนนนนนนน ใจ

- ในที่สุดก็ถึงแล้ว!! เดินออกซอยมาร้านจะอยู่ซ้ายมือตั้งอยู่ริมถนนพอดี คนเยอะอยู่เหมือนกัน แต่ยืนรอไม่ถึง 3 นาที ก็ได้โต๊ะล่ะครับ

- นั่งปุบเขียนปับ 555 หิวที่สุดในสามโลก
- เมนูก็มีมากมายครับเลือกตามชอบได้เลย ส่วนใหญ่จะเป็นเมนูต้มยำครับ

- 60 บาท !!

- อิ่มแล้วเราก็ออกลุยต่อ เป้าหมายต่อไปคือการไปเช่ารถมอเตอร์ไซต์ โดยเราได้หาข้อมูลร้านเช่ารถมอเตอร์ไซต์ที่ใกล้ที่สุด
โดยสุดท้ายเราได้ร้าน Bikky ร้านนี้มีข้อดีตรงไม่ต้องจ่ายเงินมัดจำ ซึ่งเหมาะกับ Backpacker คนจนอย่างเรา 555
- ร้านอยู่ห่างจากร้านก๋วยเตี๊ยวประมาน 2 กิโล อีกแล้วครับ !! 555 ตำแหน่งของร้านก็เปิด GPS เอาเลยครับ

- เหนื่อยไหม ??

- ไม่เลย !!

- ถึงร้านก็เลือกรถจ่ายตัง เลือกหมวก ออกลุยโล้ด !!!
- เปิด GPS ตั้งพิกัดที่ม่อนแจ่ม Go Go Go Go Go Go !!

- อากาศจะร้อนแค่แถวๆตัวเมือง ขับออกมาลมจะเย็นตลอดทางเลยครับ
- ชั่งโมงกว่าๆ ก็มาถึงที่หมาย

- หาที่กางเต้นท์แถวม่อนวิวงาม ตามป้ายขึ้นมาเลยครับ
- สำหรับคนที่ชอบ สงบๆ เห็นภูเขามากกว่ารีสอร์ท แนะนำที่กางเต้นท์ตรงนี้เลยครับ อยู่ซ้ายมือก่อนถึงม่อนวิวงาม เป็นลานทำเกษตรจะเปิดให้กางเต้นท์ช่วงฤดูหนาว เงียบสงบ วิวดี คนน้อยครับ มีห้องน้ำ มีหมูกระทะ มีมาม่า

- ค่ากางเต้นท์ คนล่ะ 100 หากเช่าเต้นท์ก็หลังล่ะ 600
- จัดรูปวิวหน้าเต้นท์ให้อิจฉากันไปสักหน่อย 555

- 14 องศา อากาศยังเด็กๆ

- เติมพลังหน่อยเช้าๆแบบมีต้องมาม่าร้อนๆเลย เหมาะที่สุดครับ
- เช้าวันที่ 7 ธันวา
ขับลงจากม่อนแจ่มมาระหว่างทางจะมีไร่สตรอเบอร์รี่ให้เราเก็บเอง มีอยู่หลายไร่เลือกตามชอบเลย ขีดล่ะ 40 บาท หากต้องการซื้อเยอะหรือเอาไปฝาก แนะนำในตัวเมือง แต่หากอยากลองเก็บเองก็ต้องที่นี้
- GPS ต่อไปดอยสุเทพ

- ทางขึ้นดอยสุเทพเส้นทางเป็นทางขึ้นเขาโค้งเยอะนิดนึง
- จุดชมวิวระหว่างทางขึ้นดอยสุเทพ

- ขึ้นมาไหว้พระทำบุญกันหน่อยครับ

- เสร็จแล้วไม่รอช้าตั้ง GPS ต่อไป ดอยอินทนนท์ ซึ้งต้องใช้เวลาเดินทาง 3 ชั่วโมงคืนนี้เราจะนอนที่อุทยานแห่งชาติดอยอินทนนท์
- แนะนำว่าอย่าชักช้า ยิ่งไปช้าจะยิ่งหนาว เราไปถึงทางขึ้นเขาประมาน 16:00 น. ยังมือชา แข็งจนขับไม่ไหวต้องจอดพักตลอดทาง
- ใครอยากไปดูพระอาทิตย์ตก ก็คำนวณเวลาออกเดินทางให้เวลากว่าเดิมน่ะครับ
เวลาพระอาทิตย์ตกจะประมาณ 17:30 - 18:00 น. ต้องลองเช็คเวลาเอาน่ะครับ

- ในที่สุดก็เจอเลขตัวเดียว 555
- นอนที่อุทยานจะค่อนข้างเสียงดังนิดนึง เพราะมีเด็กๆมาเป็นครอบครัวอยู่หลายเต้นท์ ยังไม่ทันสว่างก็วิ่งเล่นกันรอบเต้นท์แล้วครับ (รอบเต้นท์คนอื่นน่ะ 555)
- เช้าวันที่ 8 ธันวา
- เช้ามาทุกคนจะรีบตื่นกันเพื่อขึ้นไปดูเพราะอาทิตย์ที่ กิ๋วแม่ปาน คนจะเยอะหน่อยต้องรีบไปจับจองที่นั่งกันน่ะครับ
- เก็บข้าวของเตรียมกลับตัวเมืองเชียงใหม่ครับ รถไฟฟรีไปกรุงเทพมีรอบเดียวคือ 5:45 น. แนะนำให้ไปหาที่นอนคืนสุดท้ายในตัวเมืองเอาใกล้ๆสถานีรถไฟยิ่งดีครับ เดินๆหาตามซอยแถวสถานีดูครับมีเยอะเยอะ
- เช้าวันที่ 9 ธันวา
ตื่นมาขึ้นรถไฟฟรี เตรียมตัวกลับกรุงเทพ รถไฟจะถึงกรุงเทพประมาณ 21:45 น. ก็น่ะ 555
จบทริปแล้วน่ะครับ
- ทริปนี้เป็นทริปที่ผมรู้สึกมีความสุขมากๆ ถึงแม้จะต้องเหนื่อยนั่งรถไฟฟรี ไป-กลับ 30 ชั่วโมงได้ แต่ก็รู้สึกว่าได้พบได้เจอเรื่องราวชีวิตของผู้คนมากมาย
ผมคงอธิบายคงให้เข้าใจไม่ได้ว่าทำไหมการเดินทางแบบนี้ทำให้ "มีความสุขและประทับใจ" มากๆ
คงต้องลองกำเงิน 2000 และออกไปสัมผัสเองน่ะครับ
Backpack กระโดดขึ้นรถไฟ มุ่งไปเชียงใหม่ 5 วัน 4 คืน งบ 2000 บาท
- รถไฟฟรีขาไปและกลับวันที่ 5 = 0
- ค่ารถแดงเข้าตัวเมือง 2 คน คนล่ะ 40 = 80
- ห้องพักเช้าวันแรกที่เชียงใหม่วันที่ 6 = 450
- ค่าเช่ามอไซต์ 2 วัน วันล่ะ 300 = 600
- ค่าน้ำมัน = 250
- ค่ากางเต้นท์ม่อนแจ๋ม 2 คน คนล่ะ 100 = 200
- ค่าเข้าดอยอินทนนท์ 2 คน คนล่ะ 40 = 80
- ค่ากางเต้นท์ที่อุทยานดอยอินทนนท์วันที่ 7 อันนี้จำไม่ได้ตีไป 2 คน คนล่ะ 100 = 200
- ค่ารถแดงไปสถานีรถไฟ 2 คน คนล่ะ 40 = 80
- ค่าที่พักวันที่ 8 (แนะนำพักซอยตรงข้ามสถานีรถไฟเช้าตื่นมาเดินขึ้นรถกลับกรุงเทพได้เลย) = 450
รวม 2390 คนล่ะ 1195
เอาไป 2000 ที่เหลือกินกระจายครับ
ตื่นสายๆหน่อยนอนให้เต็มที่ไปเลย เตรียมตัวเสร็จก็เกือบ 11:30 น. ต้องนั่งรถเมล์ไปหัวลำโพงคงใช้เวลาประมาณ 1 ชม. รถไฟออก 13:45 น. หื่มเวลาเหลือเยอะเยะสบายๆ
แต่แล้ว..... รถติด!! รถติด!! รถติด!! รถติด!! รถติด!! รถติด!!
ทำไงดีฟ่ะเนี่ย !!! ตอนนี้ 13:30 น. รถยังติดอยู่แถวสะพานเหล็ก มองไปไกลๆยังไม่เห็นทางโล่งเลย เอาไงดีล่ะ อีก 15 นาทีรถไฟจะออก แล้วรถไฟมันมีรอบเดียวถ้าพลาดคือทริปนี้ล่มแน่ๆ
อยู่ไม่ได้แล้ว!! อยู่ไม่ได้แล้ว!!
ตัดสินใจลุกไปที่ประตูรถเมล์แล้วสบตากับพี่คนขับให้เปิดประตู กระโดดลงจากรถเมย์มองซ้ายมองขวาเจอวินมอไซต์พอดี กระโดดขึ้นแล้วบอกว่า "หัวลำโพงแบบเร็วสุดๆเลยพี่!!" มาถึงหัวลำโพงถามพี่เจ้าหน้าที่ "เชียงใหม่ขบวนไหนครับ" นิ้วชี้ไปที่รถไฟขบวนที่กำลังเคลื่อนตัวออกจากชานชลา เชี่ย!! วิ่งสิครับ 555 วิ่งตามไปกระโดดขึ้นท้ายขบวนได้ทันโล่งใจเลย เกือบไปแล้วไหมล่ะ --"
พอขึ้นมาถึงก็เดินหาที่นั่งตามเลขในตั๋วเลยครับ (ตั๋วต้องมารับก่อนวันไป 1 วันน่ะครับ ใช้ บัตรปชช. 1 ใบ ต่อตั๋ว 1 ใบ เอาไว้จองที่นั่ง)
- ความรู้สึกเหมือนมาอยู่อีกประเทศนึงเลย บรรยากาศ วัฒนธรรม ต่างจากเมืองกรุงมากๆ (ดีกว่า 555)
- หาข้อมูลหน่อย 5555 ทำเหมือนมาต่างประเทศเลยน่ะ แหม
- จากนั้นเดินมาหน่อยเราจะเนื้อหอมขึ้นทันที เพราะพี่ๆรถแดงจะพากันเรียกหาเรา ตรงนี้ก็แล้วแต่พรมลิขิต บุญกรรม วาสนา ที่ทำมาว่าจะให้เราไปได้ขึ้นคันไหน
- ราคาโดยประมาณจะอยู่ที่ 30 - 50 บาท แล้วแต่ต่อลอง หรือระยะทาง ส่วนเราขอไปลงประตูท่าแพ
- นั่งมาแปปเดียวก็ถึงแล้ว ประตูท่าแพ !!!
- ประตูท่าแพ ณ เวลา 05.30 แม้แต่หมายังไม่มี 555
- เวลานี้ง่วงมาก หาที่นอนก่อน แต่ๆ !! จะบอกว่าทริปนี้ไม่ได้มีการจองที่พัก รถ หรือ อะไรทั้งสิ้น
- ดีน่ะเรามีเพื่อนดี เลยหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาเปิดไปหาเพื่อนกู๋ (Google) 555 ค้นหาก็เจอห้องพักหลายที่ ค่อยๆเดินไล่ดูแต่ล่ะที่ช่วยใหญ่เต็มไม่ก่ปิด จนสุดท้ายได้ห้องพักตรงประตูท่าแพ ซอยข้างๆแมคโดนัล ราคา 450 บาท แอร์ด้วยครับ นอนพักยาวตื่นมาก็เที่ยง
- เช้าวันที่ 6 ธันวา
ตื่นมาเก็บของสะพายเป้ขึ้นหลังออกเดินต่อ หิวแล้ว
- ถึงจะเป็นหน้าหนาว แต่แดดเมืองไทยไม่แพ้ใครอยู่แล้ว พอเห็นรถไอติมเหมือนโดนแรงดึงดูด 5555
- เมนูก็มีมากมายครับเลือกตามชอบได้เลย ส่วนใหญ่จะเป็นเมนูต้มยำครับ
โดยสุดท้ายเราได้ร้าน Bikky ร้านนี้มีข้อดีตรงไม่ต้องจ่ายเงินมัดจำ ซึ่งเหมาะกับ Backpacker คนจนอย่างเรา 555
- ร้านอยู่ห่างจากร้านก๋วยเตี๊ยวประมาน 2 กิโล อีกแล้วครับ !! 555 ตำแหน่งของร้านก็เปิด GPS เอาเลยครับ
- เปิด GPS ตั้งพิกัดที่ม่อนแจ่ม Go Go Go Go Go Go !!
- ชั่งโมงกว่าๆ ก็มาถึงที่หมาย
- สำหรับคนที่ชอบ สงบๆ เห็นภูเขามากกว่ารีสอร์ท แนะนำที่กางเต้นท์ตรงนี้เลยครับ อยู่ซ้ายมือก่อนถึงม่อนวิวงาม เป็นลานทำเกษตรจะเปิดให้กางเต้นท์ช่วงฤดูหนาว เงียบสงบ วิวดี คนน้อยครับ มีห้องน้ำ มีหมูกระทะ มีมาม่า
- จัดรูปวิวหน้าเต้นท์ให้อิจฉากันไปสักหน่อย 555
ขับลงจากม่อนแจ่มมาระหว่างทางจะมีไร่สตรอเบอร์รี่ให้เราเก็บเอง มีอยู่หลายไร่เลือกตามชอบเลย ขีดล่ะ 40 บาท หากต้องการซื้อเยอะหรือเอาไปฝาก แนะนำในตัวเมือง แต่หากอยากลองเก็บเองก็ต้องที่นี้
- GPS ต่อไปดอยสุเทพ
- จุดชมวิวระหว่างทางขึ้นดอยสุเทพ
- แนะนำว่าอย่าชักช้า ยิ่งไปช้าจะยิ่งหนาว เราไปถึงทางขึ้นเขาประมาน 16:00 น. ยังมือชา แข็งจนขับไม่ไหวต้องจอดพักตลอดทาง
- ใครอยากไปดูพระอาทิตย์ตก ก็คำนวณเวลาออกเดินทางให้เวลากว่าเดิมน่ะครับ
เวลาพระอาทิตย์ตกจะประมาณ 17:30 - 18:00 น. ต้องลองเช็คเวลาเอาน่ะครับ
- นอนที่อุทยานจะค่อนข้างเสียงดังนิดนึง เพราะมีเด็กๆมาเป็นครอบครัวอยู่หลายเต้นท์ ยังไม่ทันสว่างก็วิ่งเล่นกันรอบเต้นท์แล้วครับ (รอบเต้นท์คนอื่นน่ะ 555)
- เช้ามาทุกคนจะรีบตื่นกันเพื่อขึ้นไปดูเพราะอาทิตย์ที่ กิ๋วแม่ปาน คนจะเยอะหน่อยต้องรีบไปจับจองที่นั่งกันน่ะครับ
- เก็บข้าวของเตรียมกลับตัวเมืองเชียงใหม่ครับ รถไฟฟรีไปกรุงเทพมีรอบเดียวคือ 5:45 น. แนะนำให้ไปหาที่นอนคืนสุดท้ายในตัวเมืองเอาใกล้ๆสถานีรถไฟยิ่งดีครับ เดินๆหาตามซอยแถวสถานีดูครับมีเยอะเยอะ
ตื่นมาขึ้นรถไฟฟรี เตรียมตัวกลับกรุงเทพ รถไฟจะถึงกรุงเทพประมาณ 21:45 น. ก็น่ะ 555
- ทริปนี้เป็นทริปที่ผมรู้สึกมีความสุขมากๆ ถึงแม้จะต้องเหนื่อยนั่งรถไฟฟรี ไป-กลับ 30 ชั่วโมงได้ แต่ก็รู้สึกว่าได้พบได้เจอเรื่องราวชีวิตของผู้คนมากมาย