1.อิฐมอญ, อิฐดินเผา หรืออิฐแดงมีใช้กันมาเป็นร้อยๆปีมาแล้ว มีตัวอย่างให้เห็นจนมาถึงปัจจุบัน เราสามารถเรียนรู้จากอดีดได้ว่าความคงทนและความแข็งแรงของตัววัสดุนั้นเป็นอย่างไร แต่กับอิฐมวลเบานั้น บ้านเราอาจเริ่มมีใช้ซัก 20 ปีได้มั้ง ทั้งตัววัสดุเองที่สามารถใช้อุปกรณ์ง่ายๆเช่นเลื่อยไม้ตัด ผ่าก็ได้แล้ว ย่อมบงบอกถึงความแข็งแรง หรือแข็งแกร่งของตัววัสดุได้ประมาณหนึ่งแล้ว ซึ่งอุปกรณ์อย่างเช่นเลื่อยไม้ไม่สามารถนำมาใช้ตัดหรือผ่าวัสดุจำพวกอิฐมอญได้
2.อิฐแดงมีใช้ให้เห็นกันทั่วโลก มีใช้ทั้งแบบไม่ต้องฉาบปูน กับแบบฉาบปูน อายุการใช้งานก็ได้เป็นร้อยๆปี มีให้เห็นอยู่ทั่วๆไป จากประวัติศาสตร์ก็ทำให้เราได้เห็นแล้วเช่นการก่อสร้างปราสาทแถวยุโรป จะนิยมใช้หินก้อนมาก่อ ซึ่งมีอายุได้เป็นพันปี จนดำรงมาถึงปัจจุบัน รองลงมาก็พวกปราสาทเมืองเก่า, กำแพงเมืองเก่า ที่หันมาใช้อิฐศิลาแลง หรือพวกอิฐดินเผา ก็มีร่องรอยให้เห็นถึงการใช้งานของตัววัสดุเหล่านี้ ตั้งแต่อดีตจนถึงปัจจุบัน แต่สำหรับตัวอิฐมวลเบานั้น ยังไม่มีร่องรอยแสดงให้เห็นถึงความเก่าแก่หรือคุณค่าของความคงทนที่จะแสดง ยื่นยันให้เราท่านเห็นได้ว่า มันจะมีอายุการใช้งานที่คงทนเป็นแรมร้อยๆปี เหมือนยังกับวัสดุพวกอิฐดินเผาหรืออิฐแดง เป็นต้น
3.การเปรียบเทียบการใช้งานระหว่างอิฐมอญกับอิฐมวลเบานั้นส่วนใหญ่มักจะเทียบในแง่ 1.ต้นทุนการก่อสร้าง 2.ระยะเวลาการทำงานที่รวดเร็วกว่า 3.ทำให้บ้านร่มเย็นกว่า
ต้นทุนการก่อสร้าง ถ้าเทียบราคาตัวต่อตัวระหว่างอิฐมอญกับอิฐมวลเบาที่มีขนาดที่เท่ากันแล้ว อิฐมอญย่อมมีราคาที่ถูกกว่า แต่ส่วนใหญ่ที่มักจะนำมาอ้างเพื่อเป็นข้อมูลในการเปรียบเทียบนั้น มักจะบอกว่า ตัวอิฐมวลเบาสามารถก่อผนังได้เร็วกว่าเนื่องจากมีขนาดต่อก้อนอิฐที่ใหญ่กว่า เมื่อทำงานได้เร็วกว่าก็จะประหยัดค่าแรงช่างที่ต้องจ้างมาทำการก่อได้ถูกกว่า, จำนวนปริมาณปูนที่ใช้สำหรับก่ออิฐมวลเบาก็ใช้น้อยกว่า ทำให้ประหยัดต้นทุนปูนก่อได้มากกว่า ตัวอิฐมวลเบามีน้ำหนักที่น้อยกว่าทำให้ต้นทุนด้านรากฐานโครงสร้างถูกกว่า
การที่บอกว่าสามารถจบงานได้ไว้กว่า ใช้ปูนก่อที่น้อยกว่า การลงทุนด้านรากฐานของตัวอิฐมวลเบานั้นถูกกว่าการลงทุนด้านรากฐานของตัวอิฐมอญ ด้านหนึ่งผมก็เห็นด้วยครับ แต่ทั้งหมดที่พูดมานั้น ประโยชน์มันตกอยู่กับผู้รับเหมาครับ ถ้าเราเป็นเจ้าของบ้าน การที่เราจะเลือกใช้วัสดุตัวใดกับบ้านเรานั้น เรามักจะพิจารณาความคงทนแข็งแรงของตัวบ้านของเรามากว่าการที่จะบอกกับเราว่าถ้าใช้เป็นอิฐมวลเบาก่อสร้างบ้านเราแล้วจะทำให้บ้านเราเสร็จก่อนการใช้อิฐแดงก่อสร้าง 1อาทิตย์ มันไม่ใช้ประเด็นหลักที่เจ้าของบ้านจะพิจารณา ความคงทนแข็งแรงเป็นส่วนสำคัญมากกว่าที่จะเป็นหัวข้อในการ พิจารณาครับ ส่วนด้านรากฐานเหรอ ถ้าการใช้อิฐมวลเบาสร้างบ้านแล้วจะทำให้ต้นทุนทางด้านรากฐานนั้นถูกกว่า ท่านคิดว่ามันจะถูกกว่ากันเยอะไหมครับ ทั้งๆที่การก่อสร้างบ้านตั้งแต่อดีตเป็นต้นมา เราก็ใช้น้ำหนักของอิฐมอญเป็นการคำนวณน้ำหนักของการที่จะกำหนดฐานรากของตัวบ้าน และถ้าการใช้อิฐมวลเบามันทำให้มีส่วนต่างทางด้านของฐานรากนั้นแล้ว ทางผู้รับเหมาจะลดราคาในส่วนนี้ให้กับทางเจ้าของบ้านไหมครับ หรือว่าจะเป็นส่วนเพิ่มของกำไรให้กับตัวผู้รับเหมา หรือไม่ก็บ้านในอนาคตอาจจะนิยมสร้างด้วยกระจกทั้งหลัง เพราะทำให้การก่อสร้างได้รวดเร็ว ประหยัดต้นทุนด้านฐานราก สามารถต่อเติมเพิ่มขยายได้ตั้งใจท่านเจ้าของบ้านด้วย
การที่อิฐมวลเบาใช้ปูนก่อและปูนฉาบน้อยกว่า การก่อการฉาบอิฐมอญก็อาจจะจริง แต่ราคาปูนที่ใช้สำหรับอิฐมวลเบาทั้งก่อและฉาบก็มีราคาสูงกว่าราคาของปูนที่ใช้สำหรับตัวอิฐมอญ และอาจจะเป็นเพราะลักษณะเฉพาะของการติดตั้งอิฐมวลเบาหรือเปล่าที่ทำให้การก่อและการฉาบผนังอิฐมวลเบานั้นสามารถใช้ปูนได้น้อยกว่าทางด้านของอิฐมอญ แต่เท่าที่เห็นหลายๆบ้านที่ใช้ปูนฉาบอิฐมวลเบา มาฉาบผนังอิฐมวลเบานั้น มักจะเจอปัญหารอยแตกร้าวของผนังในยามที่ฉาบผนังเสร็จได้ไม่นาน ประเด็นนี้ผมไม่แน่ใจว่าสาเหตุที่ทำให้ผนังร้าวนั้น อาจเกิดจากการทำงานของช่างที่ทำการฉาบที่ไม่ถูกต้องตามวิธีการและขั้นตอนที่ทางผู้ผลิตแนะนำมาหรือเปล่า หรือเป็นเพราะว่าการฉาบผนังที่มีความหนาของปูนฉาบบางมากๆนั้นเป็นสาเหตุที่ทำให้ผนัง เกิดรอยแตกร้าวได้ ถ้าเทียบกับการก่ออิฐมอญนั้น การใช้ปูนก่อที่มากกว่าที่ควรจะเป็นนั้น ด้านหนึ่งอาจจะบอกว่าเปลืองปูนก่อ แต่ในอีกด้านหนึ่งนั้นหมายถึงความแข็งแรงที่ได้เพิ่มขึ้นจากการที่ใช้ปูนก่อที่มากขึ้นด้วย ดังนั้นค่าใช้จ่ายที่มากขึ้นในจุดนี้ กลับเป็นส่วนดีที่จะสร้างความแข็งแรงให้กับตัวบ้านของท่าน
อีกส่วนหนึ่งที่ผมสังเกตได้ อาจเนื่องจากข้อดีของอิฐมวลเบาหรือเปล่า ที่มีขนาดใหญ่ มีความหนา เราจึงมักเห็นช่างใช้อิฐมวลเบาก่อผนังระเบียงตรงช่วงมุมรอยต่อ โดยไม่ต้องมีเสามารองรับ ไม่เหมือนกับงานที่ใช้อิฐมอญในการก่อ ที่ทุกช่วง ทุกมุมของผนังนั้น ตัวอิฐมอญจะต้องก่อให้ไปเชื่อมกับตัวเสา ซึ่งย่อมบ่งบอกถึงลักษณะของโครงสร้างที่สร้างได้แบบแข็งแรงกว่า
ส่วนด้านการกันความร้อนนั้นถ้าเปรียบเทียบตัวต่อตัวระหว่างอิฐมอญกับอิฐมวลเบาแล้ว การมีคุณสมบัติเป็นฉนวนกันความร้อนนั้นก็คงต้องยกให้ตัวอิฐมวลเบาเค้า แต่ผมอยากจะบอกว่าปัจจุบันตัวอิฐมอญนั้น ได้มีการออกแบบให้มีหลากหลายรูปทรง หลากหลายขนาดให้เลือกใช้ มีรูกรวงข้างในในตัวอิฐ ออกแบบมาเพื่อให้อิฐได้ถ่ายเทความร้อนได้ดีขึ้น ไม่ให้อมความร้อน และเปรียบเทียบคุณสมบัติของอิฐดินเผาในอดีต ที่ทุกๆบ้านจะมีเหยือกน้ำที่ทำจากดินเผานำมาใช้เป็นภาชนะใส่น้ำ หรือเป็นตุ่มน้ำที่วางไว้อยู่ตามหน้าบ้านเพื่อให้คนที่ผ่านมาได้ดื่มกิน โดยประวัติศาสตร์ก็ได้บอกไว้แล้วว่า การใช้ดินเผามาเก็บน้ำจะทำให้น้ำนั้นมีอุณหภูมิต่ำกว่าอุณหภูมิภายนอก ซึ่งถ้ามันเป็นเรื่องจริง การที่เรานำอิฐมอญหรือก็คืออิฐดินเผานั้นมาสร้างบ้าน ก็คงไม่ทำให้บ้านเราร้อนเหมือนกับที่หลายๆท่านได้เป็นห่วง ใช้ไหมละครับท่านทั้งหลาย หรือไม่ก็บ้านดิน ซึ่งบางท่านก็อาจจะเคยได้ยินคำๆนี้ ก็คือการนำดิน ฟาง และอื่นๆนำมาก่อสร้างเป็นบ้าน ซึ่งหลายๆท่านก็บอกว่าบ้านดินนั้นจะมีลักษณะเด่นคือ ต่อให้อากาศภายนอกนั้นร้อนอย่างไรก็ตาม แต่ภายในบ้านดินนั้นจะมีอากาศที่เย็นสบายกว่าอากาศที่ร้อนอบอ้าวของภายนอก จริงเท็จอย่างไรอันนี้ผมก็ไม่ยืนยันหรอกนะครับ เพียงแต่อยากจะบอกว่า ส่วนที่โดนแดดส่วนแรกของตัวบ้านนั้นก็คือส่วนของหลังคาบ้าน ดังนั้นบ้านที่ดีควรจะมีบริเวณส่วนของหลังคาที่ใหญ่ กว้าง เพื่อจะได้เป็นส่วนที่ใช้ปกป้องแสงแดดไม่ให้ส่องหรือแพร่ความร้อนเข้ามาสู่ในตัวบ้าน ซึ่งในปัจจุบันบ้านส่วนใหญ่กับมีส่วนของหลังคาที่ยื่นออกจากตัวบ้านที่มีระยะสั้น ไม่ค่อยได้สามารถกันความร้อนที่แสงจะส่องผ่านความร้อนมายังตัวผนังบ้านได้มากนัก แล้วเราท่านก็เลือกที่จะหาวัสดุต่างๆ มาเพื่อใช้ปกป้องความร้อนให้เข้ามายังตัวบ้านให้น้อยที่สุด โดยมองข้ามส่วนที่ควรจะออกแบบให้หลังคาบ้านมีส่วนที่เรียกว่าชายคาบ้านให้กว้างออกไป
สุดท้ายที่ผมอยากจะพูดก็คือ ไม่ว่าจะเป็นอิฐมอญหรืออิฐมวลเบา มันก็คงมีข้อดี ข้อเด่นของตัวของมัน เพียงแต่เราจะเลือกมันมาใช้ให้ถูกกับวัตถุประสงค์ที่เราต้องการนั้นได้หรือเปล่า หรือว่าเราจะมัวแต่คิดว่า วัสดุที่เราเลือกใช้มันแล้ว มันดีที่สุดแล้ว ดังนั้นเราก็จะไม่เปิดทางเลือกให้กับตัววัสดุอย่างอื่นๆ แต่ที่แน่ๆปัจจุบันบ้านส่วนใหญ่จากโครงการ มักจะเลือกวัสดุที่เราเรียกกันว่า Pre-cast–wall ซึ่งก็คือผนังที่หล่อมาจากโรงงาน แล้วนำมาประกอบที่หน้างาน ซึ่งวัสดุตัวนี้มันก็มีข้อดีและข้อเสียของตัวมัน แต่ถ้าเลือกได้ผมขอใช้อิฐมอญในการเป็นวัสดุที่ใช้ในการสร้างบ้านผมครับ ขอบคุณครับ
ความคิดผมระหว่างการเลือกใช้อิฐมอญหรืออิฐมวลเบามาใช้ในการก่อสร้างบ้าน
2.อิฐแดงมีใช้ให้เห็นกันทั่วโลก มีใช้ทั้งแบบไม่ต้องฉาบปูน กับแบบฉาบปูน อายุการใช้งานก็ได้เป็นร้อยๆปี มีให้เห็นอยู่ทั่วๆไป จากประวัติศาสตร์ก็ทำให้เราได้เห็นแล้วเช่นการก่อสร้างปราสาทแถวยุโรป จะนิยมใช้หินก้อนมาก่อ ซึ่งมีอายุได้เป็นพันปี จนดำรงมาถึงปัจจุบัน รองลงมาก็พวกปราสาทเมืองเก่า, กำแพงเมืองเก่า ที่หันมาใช้อิฐศิลาแลง หรือพวกอิฐดินเผา ก็มีร่องรอยให้เห็นถึงการใช้งานของตัววัสดุเหล่านี้ ตั้งแต่อดีตจนถึงปัจจุบัน แต่สำหรับตัวอิฐมวลเบานั้น ยังไม่มีร่องรอยแสดงให้เห็นถึงความเก่าแก่หรือคุณค่าของความคงทนที่จะแสดง ยื่นยันให้เราท่านเห็นได้ว่า มันจะมีอายุการใช้งานที่คงทนเป็นแรมร้อยๆปี เหมือนยังกับวัสดุพวกอิฐดินเผาหรืออิฐแดง เป็นต้น
3.การเปรียบเทียบการใช้งานระหว่างอิฐมอญกับอิฐมวลเบานั้นส่วนใหญ่มักจะเทียบในแง่ 1.ต้นทุนการก่อสร้าง 2.ระยะเวลาการทำงานที่รวดเร็วกว่า 3.ทำให้บ้านร่มเย็นกว่า
ต้นทุนการก่อสร้าง ถ้าเทียบราคาตัวต่อตัวระหว่างอิฐมอญกับอิฐมวลเบาที่มีขนาดที่เท่ากันแล้ว อิฐมอญย่อมมีราคาที่ถูกกว่า แต่ส่วนใหญ่ที่มักจะนำมาอ้างเพื่อเป็นข้อมูลในการเปรียบเทียบนั้น มักจะบอกว่า ตัวอิฐมวลเบาสามารถก่อผนังได้เร็วกว่าเนื่องจากมีขนาดต่อก้อนอิฐที่ใหญ่กว่า เมื่อทำงานได้เร็วกว่าก็จะประหยัดค่าแรงช่างที่ต้องจ้างมาทำการก่อได้ถูกกว่า, จำนวนปริมาณปูนที่ใช้สำหรับก่ออิฐมวลเบาก็ใช้น้อยกว่า ทำให้ประหยัดต้นทุนปูนก่อได้มากกว่า ตัวอิฐมวลเบามีน้ำหนักที่น้อยกว่าทำให้ต้นทุนด้านรากฐานโครงสร้างถูกกว่า
การที่บอกว่าสามารถจบงานได้ไว้กว่า ใช้ปูนก่อที่น้อยกว่า การลงทุนด้านรากฐานของตัวอิฐมวลเบานั้นถูกกว่าการลงทุนด้านรากฐานของตัวอิฐมอญ ด้านหนึ่งผมก็เห็นด้วยครับ แต่ทั้งหมดที่พูดมานั้น ประโยชน์มันตกอยู่กับผู้รับเหมาครับ ถ้าเราเป็นเจ้าของบ้าน การที่เราจะเลือกใช้วัสดุตัวใดกับบ้านเรานั้น เรามักจะพิจารณาความคงทนแข็งแรงของตัวบ้านของเรามากว่าการที่จะบอกกับเราว่าถ้าใช้เป็นอิฐมวลเบาก่อสร้างบ้านเราแล้วจะทำให้บ้านเราเสร็จก่อนการใช้อิฐแดงก่อสร้าง 1อาทิตย์ มันไม่ใช้ประเด็นหลักที่เจ้าของบ้านจะพิจารณา ความคงทนแข็งแรงเป็นส่วนสำคัญมากกว่าที่จะเป็นหัวข้อในการ พิจารณาครับ ส่วนด้านรากฐานเหรอ ถ้าการใช้อิฐมวลเบาสร้างบ้านแล้วจะทำให้ต้นทุนทางด้านรากฐานนั้นถูกกว่า ท่านคิดว่ามันจะถูกกว่ากันเยอะไหมครับ ทั้งๆที่การก่อสร้างบ้านตั้งแต่อดีตเป็นต้นมา เราก็ใช้น้ำหนักของอิฐมอญเป็นการคำนวณน้ำหนักของการที่จะกำหนดฐานรากของตัวบ้าน และถ้าการใช้อิฐมวลเบามันทำให้มีส่วนต่างทางด้านของฐานรากนั้นแล้ว ทางผู้รับเหมาจะลดราคาในส่วนนี้ให้กับทางเจ้าของบ้านไหมครับ หรือว่าจะเป็นส่วนเพิ่มของกำไรให้กับตัวผู้รับเหมา หรือไม่ก็บ้านในอนาคตอาจจะนิยมสร้างด้วยกระจกทั้งหลัง เพราะทำให้การก่อสร้างได้รวดเร็ว ประหยัดต้นทุนด้านฐานราก สามารถต่อเติมเพิ่มขยายได้ตั้งใจท่านเจ้าของบ้านด้วย
การที่อิฐมวลเบาใช้ปูนก่อและปูนฉาบน้อยกว่า การก่อการฉาบอิฐมอญก็อาจจะจริง แต่ราคาปูนที่ใช้สำหรับอิฐมวลเบาทั้งก่อและฉาบก็มีราคาสูงกว่าราคาของปูนที่ใช้สำหรับตัวอิฐมอญ และอาจจะเป็นเพราะลักษณะเฉพาะของการติดตั้งอิฐมวลเบาหรือเปล่าที่ทำให้การก่อและการฉาบผนังอิฐมวลเบานั้นสามารถใช้ปูนได้น้อยกว่าทางด้านของอิฐมอญ แต่เท่าที่เห็นหลายๆบ้านที่ใช้ปูนฉาบอิฐมวลเบา มาฉาบผนังอิฐมวลเบานั้น มักจะเจอปัญหารอยแตกร้าวของผนังในยามที่ฉาบผนังเสร็จได้ไม่นาน ประเด็นนี้ผมไม่แน่ใจว่าสาเหตุที่ทำให้ผนังร้าวนั้น อาจเกิดจากการทำงานของช่างที่ทำการฉาบที่ไม่ถูกต้องตามวิธีการและขั้นตอนที่ทางผู้ผลิตแนะนำมาหรือเปล่า หรือเป็นเพราะว่าการฉาบผนังที่มีความหนาของปูนฉาบบางมากๆนั้นเป็นสาเหตุที่ทำให้ผนัง เกิดรอยแตกร้าวได้ ถ้าเทียบกับการก่ออิฐมอญนั้น การใช้ปูนก่อที่มากกว่าที่ควรจะเป็นนั้น ด้านหนึ่งอาจจะบอกว่าเปลืองปูนก่อ แต่ในอีกด้านหนึ่งนั้นหมายถึงความแข็งแรงที่ได้เพิ่มขึ้นจากการที่ใช้ปูนก่อที่มากขึ้นด้วย ดังนั้นค่าใช้จ่ายที่มากขึ้นในจุดนี้ กลับเป็นส่วนดีที่จะสร้างความแข็งแรงให้กับตัวบ้านของท่าน
อีกส่วนหนึ่งที่ผมสังเกตได้ อาจเนื่องจากข้อดีของอิฐมวลเบาหรือเปล่า ที่มีขนาดใหญ่ มีความหนา เราจึงมักเห็นช่างใช้อิฐมวลเบาก่อผนังระเบียงตรงช่วงมุมรอยต่อ โดยไม่ต้องมีเสามารองรับ ไม่เหมือนกับงานที่ใช้อิฐมอญในการก่อ ที่ทุกช่วง ทุกมุมของผนังนั้น ตัวอิฐมอญจะต้องก่อให้ไปเชื่อมกับตัวเสา ซึ่งย่อมบ่งบอกถึงลักษณะของโครงสร้างที่สร้างได้แบบแข็งแรงกว่า
ส่วนด้านการกันความร้อนนั้นถ้าเปรียบเทียบตัวต่อตัวระหว่างอิฐมอญกับอิฐมวลเบาแล้ว การมีคุณสมบัติเป็นฉนวนกันความร้อนนั้นก็คงต้องยกให้ตัวอิฐมวลเบาเค้า แต่ผมอยากจะบอกว่าปัจจุบันตัวอิฐมอญนั้น ได้มีการออกแบบให้มีหลากหลายรูปทรง หลากหลายขนาดให้เลือกใช้ มีรูกรวงข้างในในตัวอิฐ ออกแบบมาเพื่อให้อิฐได้ถ่ายเทความร้อนได้ดีขึ้น ไม่ให้อมความร้อน และเปรียบเทียบคุณสมบัติของอิฐดินเผาในอดีต ที่ทุกๆบ้านจะมีเหยือกน้ำที่ทำจากดินเผานำมาใช้เป็นภาชนะใส่น้ำ หรือเป็นตุ่มน้ำที่วางไว้อยู่ตามหน้าบ้านเพื่อให้คนที่ผ่านมาได้ดื่มกิน โดยประวัติศาสตร์ก็ได้บอกไว้แล้วว่า การใช้ดินเผามาเก็บน้ำจะทำให้น้ำนั้นมีอุณหภูมิต่ำกว่าอุณหภูมิภายนอก ซึ่งถ้ามันเป็นเรื่องจริง การที่เรานำอิฐมอญหรือก็คืออิฐดินเผานั้นมาสร้างบ้าน ก็คงไม่ทำให้บ้านเราร้อนเหมือนกับที่หลายๆท่านได้เป็นห่วง ใช้ไหมละครับท่านทั้งหลาย หรือไม่ก็บ้านดิน ซึ่งบางท่านก็อาจจะเคยได้ยินคำๆนี้ ก็คือการนำดิน ฟาง และอื่นๆนำมาก่อสร้างเป็นบ้าน ซึ่งหลายๆท่านก็บอกว่าบ้านดินนั้นจะมีลักษณะเด่นคือ ต่อให้อากาศภายนอกนั้นร้อนอย่างไรก็ตาม แต่ภายในบ้านดินนั้นจะมีอากาศที่เย็นสบายกว่าอากาศที่ร้อนอบอ้าวของภายนอก จริงเท็จอย่างไรอันนี้ผมก็ไม่ยืนยันหรอกนะครับ เพียงแต่อยากจะบอกว่า ส่วนที่โดนแดดส่วนแรกของตัวบ้านนั้นก็คือส่วนของหลังคาบ้าน ดังนั้นบ้านที่ดีควรจะมีบริเวณส่วนของหลังคาที่ใหญ่ กว้าง เพื่อจะได้เป็นส่วนที่ใช้ปกป้องแสงแดดไม่ให้ส่องหรือแพร่ความร้อนเข้ามาสู่ในตัวบ้าน ซึ่งในปัจจุบันบ้านส่วนใหญ่กับมีส่วนของหลังคาที่ยื่นออกจากตัวบ้านที่มีระยะสั้น ไม่ค่อยได้สามารถกันความร้อนที่แสงจะส่องผ่านความร้อนมายังตัวผนังบ้านได้มากนัก แล้วเราท่านก็เลือกที่จะหาวัสดุต่างๆ มาเพื่อใช้ปกป้องความร้อนให้เข้ามายังตัวบ้านให้น้อยที่สุด โดยมองข้ามส่วนที่ควรจะออกแบบให้หลังคาบ้านมีส่วนที่เรียกว่าชายคาบ้านให้กว้างออกไป
สุดท้ายที่ผมอยากจะพูดก็คือ ไม่ว่าจะเป็นอิฐมอญหรืออิฐมวลเบา มันก็คงมีข้อดี ข้อเด่นของตัวของมัน เพียงแต่เราจะเลือกมันมาใช้ให้ถูกกับวัตถุประสงค์ที่เราต้องการนั้นได้หรือเปล่า หรือว่าเราจะมัวแต่คิดว่า วัสดุที่เราเลือกใช้มันแล้ว มันดีที่สุดแล้ว ดังนั้นเราก็จะไม่เปิดทางเลือกให้กับตัววัสดุอย่างอื่นๆ แต่ที่แน่ๆปัจจุบันบ้านส่วนใหญ่จากโครงการ มักจะเลือกวัสดุที่เราเรียกกันว่า Pre-cast–wall ซึ่งก็คือผนังที่หล่อมาจากโรงงาน แล้วนำมาประกอบที่หน้างาน ซึ่งวัสดุตัวนี้มันก็มีข้อดีและข้อเสียของตัวมัน แต่ถ้าเลือกได้ผมขอใช้อิฐมอญในการเป็นวัสดุที่ใช้ในการสร้างบ้านผมครับ ขอบคุณครับ