เพิ่งไปสัมภาษณ์มาเมื่อวันจันทร์ค่ะ ไปรับพาสปอร์ตคืนที่รองเมืองได้ตั้งแต่สี่โมงเย็นของวันถัดมา ลุ้นมากเพราะต้องบินสัปดาห์หน้า
เป็นอย่างที่หลายท่านเคยได้ให้คำแนะนำไว้ เจ้าหน้าที่คงพิจารณาจากสิ่งที่กรอกใน DS-160 แล้วค่ะ เอกสารที่เตรียมไปเป็นสิบอย่างไม่โดนเรียกดูเลย แต่เตรียมไปก็อุ่นใจกว่า เผื่อจะโดนเรียก อย่างเรารอบนี้โดนขอรูปถ่ายค่ะ เคยมาทำครั้งก่อนหน้าสองรอบไม่เคยโดน
ตอนสัมภาษณ์ เราตอบเป็นภาษาอังกฤษค่ะ แปลเป็นไทยคร่าวๆ ประมาณนี้
Q จะไปทำอะไรที่อเมริกา
A ไปคอนเฟอเร้น
Q เป็นคอนเฟอเร้นเกี่ยวกับอะไร
A เกี่ยวกับ XX
Q มหาลัยจ่ายให้ใช่ไหม
A จ่ายเอง (เพิ่งเริ่มทำงาน ยังอยู่ช่วงทดลองงานค่ะ เลยขอเบิกไม่ได้)
Q ยังเรียนอยู่หรือจบแล้ว
A จบแล้ว ตอนนี้เป็นอาจารย์
Q โชคดีค่ะ
เราขอไปสี่วัน ได้มาสิบปีค่ะ ที่จริงเห็นกระทู้ก่อนหน้าหลายกระทู้ได้วีซ่ามาแบบไม่กี่วัน แถมระบุ annotation ว่าต้องเข้าที่เมืองไหน ในระยะเวลาไหน เราก็แอบทำใจไว้บ้างว่าอาจจะโดนเหมือนกัน ถือว่าเราโชคดีไปค่ะ
ตอนออกมาเจอคุณแม่ลูกสามที่โดนปฏิเสธวีซ่า ก็รู้สึกเห็นใจค่ะ เขาเล่าว่าโฮสออกค่าใช้จ่ายให้ลูกสาวเขาที่เคยไปแลกเปลี่ยน ได้ไปเยี่ยมช่วงซัมเมอร์ และเชิญทั้งครอบครัวไปด้วย ลูกสาวได้วีซ่าไปก่อนหน้าแล้ว แต่คุณแม่โดนปฏิเสธวีซ่า ในแง่ของเจ้าหน้าที่เขาก็คงต้องทำตามนโยบายสหรัฐที่พยายามป้องกันการโดดวีซ่า ทำให้หลายกรณีที่คนไม่คิดจะโดดก็อาจจะโดนปฏิเสธให้เสียความรู้สึกไป
สิ่งที่ระบุชัดเจนในเวบไซต์คือ
"ผู้สมัครวีซ่าชนิด B-1/B-2 จะต้องแสดงต่อเจ้าหน้าที่กงสุลว่าท่านมีคุณสมบัติที่จะได้รับวีซ่าตามพระราชบัญญัติตรวจคนเข้าเมืองและสัญชาติของสหรัฐฯ (INA) โดยมาตรา 214(b) ของ INA
จะสันนิษฐานว่าผู้สมัครวีซ่าชนิด B-1/B-2 นั้นมีเจตนาที่จะอาศัยอยู่ในสหรัฐอเมริกาอย่างถาวร ท่านต้องพิสูจน์หักล้างข้อสันนิษฐานทางกฎหมายดังกล่าวให้เป็นที่พอใจว่า:
-วัตถุประสงค์ของการเดินทางไปยังสหรัฐอเมริกานั้นเป็นการเยี่ยมเยียนชั่วคราวเช่น เพื่อธุรกิจ การพักผ่อน หรือการรักษาด้านการแพทย์
-ท่านวางแผนที่จะอยู่ในสหรัฐอเมริกาเป็นการชั่วคราวตามที่ระบุไว้
-หลักฐานการเงินเพียงพอสำหรับการใช้จ่ายระหว่างอยู่ในสหรัฐอเมริกา
-ท่านมีที่อยู่อาศัยนอกสหรัฐอเมริกาและมีความผูกพันทางสังคมหรือเศรษฐกิจในด้านอื่นๆ ที่จะทำให้แน่ใจว่าผู้สมัครจะเดินทางกลับประเทศเมื่อการเยี่ยมเยียนสิ้นสุดลง"
http://www.ustraveldocs.com/th_th/th-niv-typeb1b2.asp
สิ่งที่คิดว่ามีผลให้เราได้วีซ่าง่ายคือ
-เคยได้วีซ่า J1 สองรอบ ตอนเรียนป.โทและป.เอกที่อเมริกา
-ตำแหน่งงานค่อนข้างมั่นคง แม้จะเงินเดือนแค่สามหมื่น (เงินเดือนยังไม่ออกเลยค่ะ)
-แต่งงานแล้ว
เรามีเงินเก็บแค่หนึ่งแสน (เพิ่งเปิดบัญชีได้สองเดือน) ค่าตั๋วเครื่องบินกับค่าโรงแรมก็แปดหมื่นแล้ว (ไม่กล้าซื้อล่วงหน้า กลัววีซ่าไม่ผ่าน ทุกอย่างก็เลยยิ่งแพงขึ้นอีก) โชคดีที่ไม่โดนเรียกดูสเตทเม้นเลยค่ะ
ดังนั้นจากประสบการณ์เราคิดว่าสิ่งสำคัญที่สุดคือเราต้องแสดงให้เห็นว่ามีความผูกพันบางอย่างกับประเทศไทยมากพอที่ทำให้เจ้าหน้าที่คิดว่าจะไม่โดดวีซ่าค่ะ เรื่องเงินในบัญชีคงเป็นเรื่องรอง
[CR] รีวิวสัมภาษณ์วีซ่าอเมริกา B1/B2 ปี 2019
เป็นอย่างที่หลายท่านเคยได้ให้คำแนะนำไว้ เจ้าหน้าที่คงพิจารณาจากสิ่งที่กรอกใน DS-160 แล้วค่ะ เอกสารที่เตรียมไปเป็นสิบอย่างไม่โดนเรียกดูเลย แต่เตรียมไปก็อุ่นใจกว่า เผื่อจะโดนเรียก อย่างเรารอบนี้โดนขอรูปถ่ายค่ะ เคยมาทำครั้งก่อนหน้าสองรอบไม่เคยโดน
ตอนสัมภาษณ์ เราตอบเป็นภาษาอังกฤษค่ะ แปลเป็นไทยคร่าวๆ ประมาณนี้
Q จะไปทำอะไรที่อเมริกา
A ไปคอนเฟอเร้น
Q เป็นคอนเฟอเร้นเกี่ยวกับอะไร
A เกี่ยวกับ XX
Q มหาลัยจ่ายให้ใช่ไหม
A จ่ายเอง (เพิ่งเริ่มทำงาน ยังอยู่ช่วงทดลองงานค่ะ เลยขอเบิกไม่ได้)
Q ยังเรียนอยู่หรือจบแล้ว
A จบแล้ว ตอนนี้เป็นอาจารย์
Q โชคดีค่ะ
เราขอไปสี่วัน ได้มาสิบปีค่ะ ที่จริงเห็นกระทู้ก่อนหน้าหลายกระทู้ได้วีซ่ามาแบบไม่กี่วัน แถมระบุ annotation ว่าต้องเข้าที่เมืองไหน ในระยะเวลาไหน เราก็แอบทำใจไว้บ้างว่าอาจจะโดนเหมือนกัน ถือว่าเราโชคดีไปค่ะ
ตอนออกมาเจอคุณแม่ลูกสามที่โดนปฏิเสธวีซ่า ก็รู้สึกเห็นใจค่ะ เขาเล่าว่าโฮสออกค่าใช้จ่ายให้ลูกสาวเขาที่เคยไปแลกเปลี่ยน ได้ไปเยี่ยมช่วงซัมเมอร์ และเชิญทั้งครอบครัวไปด้วย ลูกสาวได้วีซ่าไปก่อนหน้าแล้ว แต่คุณแม่โดนปฏิเสธวีซ่า ในแง่ของเจ้าหน้าที่เขาก็คงต้องทำตามนโยบายสหรัฐที่พยายามป้องกันการโดดวีซ่า ทำให้หลายกรณีที่คนไม่คิดจะโดดก็อาจจะโดนปฏิเสธให้เสียความรู้สึกไป
สิ่งที่ระบุชัดเจนในเวบไซต์คือ
"ผู้สมัครวีซ่าชนิด B-1/B-2 จะต้องแสดงต่อเจ้าหน้าที่กงสุลว่าท่านมีคุณสมบัติที่จะได้รับวีซ่าตามพระราชบัญญัติตรวจคนเข้าเมืองและสัญชาติของสหรัฐฯ (INA) โดยมาตรา 214(b) ของ INA จะสันนิษฐานว่าผู้สมัครวีซ่าชนิด B-1/B-2 นั้นมีเจตนาที่จะอาศัยอยู่ในสหรัฐอเมริกาอย่างถาวร ท่านต้องพิสูจน์หักล้างข้อสันนิษฐานทางกฎหมายดังกล่าวให้เป็นที่พอใจว่า:
-วัตถุประสงค์ของการเดินทางไปยังสหรัฐอเมริกานั้นเป็นการเยี่ยมเยียนชั่วคราวเช่น เพื่อธุรกิจ การพักผ่อน หรือการรักษาด้านการแพทย์
-ท่านวางแผนที่จะอยู่ในสหรัฐอเมริกาเป็นการชั่วคราวตามที่ระบุไว้
-หลักฐานการเงินเพียงพอสำหรับการใช้จ่ายระหว่างอยู่ในสหรัฐอเมริกา
-ท่านมีที่อยู่อาศัยนอกสหรัฐอเมริกาและมีความผูกพันทางสังคมหรือเศรษฐกิจในด้านอื่นๆ ที่จะทำให้แน่ใจว่าผู้สมัครจะเดินทางกลับประเทศเมื่อการเยี่ยมเยียนสิ้นสุดลง"
http://www.ustraveldocs.com/th_th/th-niv-typeb1b2.asp
สิ่งที่คิดว่ามีผลให้เราได้วีซ่าง่ายคือ
-เคยได้วีซ่า J1 สองรอบ ตอนเรียนป.โทและป.เอกที่อเมริกา
-ตำแหน่งงานค่อนข้างมั่นคง แม้จะเงินเดือนแค่สามหมื่น (เงินเดือนยังไม่ออกเลยค่ะ)
-แต่งงานแล้ว
เรามีเงินเก็บแค่หนึ่งแสน (เพิ่งเปิดบัญชีได้สองเดือน) ค่าตั๋วเครื่องบินกับค่าโรงแรมก็แปดหมื่นแล้ว (ไม่กล้าซื้อล่วงหน้า กลัววีซ่าไม่ผ่าน ทุกอย่างก็เลยยิ่งแพงขึ้นอีก) โชคดีที่ไม่โดนเรียกดูสเตทเม้นเลยค่ะ
ดังนั้นจากประสบการณ์เราคิดว่าสิ่งสำคัญที่สุดคือเราต้องแสดงให้เห็นว่ามีความผูกพันบางอย่างกับประเทศไทยมากพอที่ทำให้เจ้าหน้าที่คิดว่าจะไม่โดดวีซ่าค่ะ เรื่องเงินในบัญชีคงเป็นเรื่องรอง
CR - Consumer Review : กระทู้รีวิวนี้เป็นกระทู้ CR โดยที่เจ้าของกระทู้