เมื่อวันที่ 11 มี.ค.62 รัฐบาลได้แถลงข่าวแบบตราสัญลักษณ์พระราชพิธีบรมราชาภิเษก พุทธศักราช 2562 ซึ่งสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทรงพระกรุณาปรุงแบบตราสัญลักษณ์พระราชพิธีบรมราชาภิเษก พุทธศักราช 2562 ด้วยพระองค์เอง และพระราชทานแบบตราสัญลักษณ์พร้อมความหมายเพื่อใช้ในการเผยแพร่งานพระราชพิธีบรมราชาภิเษก พุทธศักราช 2562
รายละเอียดของ
ตราสัญลักษณ์พระราชพิธีบรมราชาภิเษก พุทธศักราช 2562 ประกอบด้วย
อักษรพระปรมาภิไธย วปร อยู่ตรงกลาง
พื้นอักษรสีขาวขอบเดินทอง อันเป็น
สีของวันจันทร์ซึ่งเป็น วันพระบรมราชสมภพ ภายใน
อักษรประดับเพชร ตามความหมายแห่งพระนามมหาวชิราลงกรณ อักษร "วปร" อยู่บน
พื้นสีขาบ (น้ำเงินเข้ม) อันเป็นสีของขัตติยกษัตริย์ ภายใน
กรอบพุ่มข้าวบิณฑ์สีทองสอดสีเขียว อันเป็น
สีซึ่งเป็นเดชแห่งวันพระบรมราชสมภพ
กรอบทรงพุ่มข้าวบิณฑ์ อัญเชิญมาจาก
กรอบที่ประดิษฐานพระมหาอุณาโลม อันเป็นพระราชลัญจกรประจำพระองค์พระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลกมหาราช ปฐมกษัตริย์แห่งพระบรมราชจักรีวงศ์ แวดล้อมด้วย เครื่องเบญจราชกกุธภัณฑ์อันเป็น เครื่องประกอบพระบรมราชอิสริยยศของพระมหากษัตริย์และเป็นเครื่องหมายแห่งความเป็นสมเด็จพระบรมราชาธิราช ได้แก่
- พระมหาพิชัยมงกุฎ พร้อมอุณาโลมประกอบเลขมหามงคลประจำรัชกาล อยู่เบื้องบน
- พระแสงขรรค์ชัยศรี กับ พระแส้จามรี ทอดไขว้อยู่เบื้องขวา ธารพระกรกับพัดวาลวิชนี ทอดไขว อยู่เบื้องซ้าย และฉลองพระบาทเชิงงอน อยู่เบื้องล่าง
พระมหาพิชัยมงกุฎ หมายถึง ทรงรับพระราชภาระอันหนักยิ่งของแผ่นดินเพื่อประโยชน์สุขของประชาชน
พระแสงขรรค์ชัยศรี หมายถึง ทรงรับพระราชภาระปกป้องแผ่นดินให้พ้นจากภยันตราย
ธารพระกร หมายถึง ทรงดำรงราชธรรมเพื่อค้ำจุนบ้านเมืองให้ผาสุกมั่นคง
พระแส้ จามรีกับพัดวาลวิชนี หมายถึง ทรงขจัดปัดเป่าความทุกข์ยากเดือดร้อนของอาณาประชาราษฎร์
ฉลองพระบาทเชิงงอน หมายถึง ทรงทำนุบำรุงปวงประชาทั่วรัฐสีมาอาณาจักร
เบื้องหลังพระมหาพิชัยมงกุฎประดิษฐาน
พระมหาเศวตฉัตรอันมีระบายขลิบทอง จงกลยอดฉัตรประกอบรูปพรหมพักตร์อันวิเศษสุด ระบายชั้นล่างสุดห้อยอุบะจำปาทอง แสดงถึงพระบารมีและพระบรมเดชานุภาพที่ปกแผ่ไปทั่วทิศานุทิศ เบื้องล่าง กรอบอักษรพระปรมาภิไธยมีแถบแพรพื้นสีเขียว ถนิมทอง ขอบขลิบทอง มีอักษรสีทองความว่า
“พระราชพิธีบรมราชาภิเษก พุทธศักราช ๒๕๖๒” ปลายแถบแพรเบื้องขวามี
รูปคชสีห์กายม่วงอ่อน ประคองฉัตร 7 ชั้น หมายถึง
ข้าราชการฝ่ายทหาร เบื้องซ้ายมี
รูปราชสีห์กายขาวประคองฉัตร 7 ชั้น หมายถึง
ข้าราชการฝ่ายพลเรือน ผู้ปฏิบัติราชการสนองงานแผ่นดินอยู่ด้วยกัน ข้างคันฉัตรด้านในทั้งสองข้างมี
ดอกลอยกนกนาค แสดงถึงปีมะโรงนักษัตรอันเป็นปีพระบรมราชสมภพ สีทองหมายถึง
ความเจริญรุ่งเรืองยิ่งของประเทศชาติและประชาชน
------------
Royal Coronation Emblem 2019
The Royal Emblem marked the upcoming Coronation of His Majesty King Vajiralongkorn (Rama X) which will be held on 4-6 May 2019, contains the King’s monogram in the white trimmed with gold in the centre. The Royal Cypher is decorated with diamonds which denote the origin from which his name is derived, whilst the gold trimming of the cypher represents the colour of Monday when he was born, according to the Thai traditional colours of the day.
The cypher lies on a dark blue background which is the colour of righteous kingship, contained within a lotus bud frame marked out in gold and green. The mixture of which two colours signifies the power and might of the King’s day of birth. The lotus bud frame begets inspiration from the shape of its foremost predecessor – which enclosed the Great Unalome insignis of the Royal Seal of State which belonged to King Buddha Yodfa Chulaloke (Rama I the Great). Surrounding the outer parts of the frame are the Five Royal Regalia, deemed to embody the symbol of Kingship itself, which contains:
- The Great Crown of Victory, represents the great burden bearing down on the King for the sake of his people’s happiness.
- The Sword of Victory, symbolises the King’s responsibility to protect the Kingdom from all harms threatening.
- The Royal Sceptre, signifies the King’s virtues to bring forth peace and stability to the Kingdom.
- The Royal Whisk and Royal Fan, symbolise the King’s righteousness as a ruler in relieving the suffering and hardship of his duties.
- The Royal Slippers, represent the King’s care in fostering the sustenance and welfare throughout the Kingdom.
The Great Crown of Victory with the Unalome insignia includes within the sequence of number of this reign. The sword and whisk lie on the right, while the scepter and fan on the left. And below the cypher rest the royal slippers.
Standing behind the Crown is the Great Umbrella of State trimmed with bands of gold. The nine-tiered umbrella has the lotus bud finial showing Brahma Faces on top, while the lowest tier is decorated with golden Champa bouquets representing the extension in all directions yonder of his writ and authority. On the lowest part stretches of green-gold ribbon, trimmed in gold, bearing the Thai language phrase which is translated as: “The Coronation, 2562 B.E. (2019 A.D.)”.
At the right tip of the ribbon stands the purple Kojasi lion, holding up the seven-tiered umbrella representing the Armed Forces, while the white Ratchasi lion holds the same but represents the Civil Service. Altogether represent the two pillars of public service. Inside the shafts of both umbrellas have golden Naga snake traceries denoting the year of the dragon, which defines the King’s birthyear according to the traditional belief. The golden colour of Naga traceries signifies the prosperity of the nation and her people.
ในหลวงรัชกาลที่ 10 โปรดเกล้าฯ แบบตราสัญลักษณ์พระราชพิธีบรมราชาภิเษก
อักษรพระปรมาภิไธย วปร อยู่ตรงกลาง พื้นอักษรสีขาวขอบเดินทอง อันเป็นสีของวันจันทร์ซึ่งเป็น วันพระบรมราชสมภพ ภายในอักษรประดับเพชร ตามความหมายแห่งพระนามมหาวชิราลงกรณ อักษร "วปร" อยู่บนพื้นสีขาบ (น้ำเงินเข้ม) อันเป็นสีของขัตติยกษัตริย์ ภายในกรอบพุ่มข้าวบิณฑ์สีทองสอดสีเขียว อันเป็นสีซึ่งเป็นเดชแห่งวันพระบรมราชสมภพ
กรอบทรงพุ่มข้าวบิณฑ์ อัญเชิญมาจากกรอบที่ประดิษฐานพระมหาอุณาโลม อันเป็นพระราชลัญจกรประจำพระองค์พระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลกมหาราช ปฐมกษัตริย์แห่งพระบรมราชจักรีวงศ์ แวดล้อมด้วย เครื่องเบญจราชกกุธภัณฑ์อันเป็น เครื่องประกอบพระบรมราชอิสริยยศของพระมหากษัตริย์และเป็นเครื่องหมายแห่งความเป็นสมเด็จพระบรมราชาธิราช ได้แก่
- พระมหาพิชัยมงกุฎ พร้อมอุณาโลมประกอบเลขมหามงคลประจำรัชกาล อยู่เบื้องบน
- พระแสงขรรค์ชัยศรี กับ พระแส้จามรี ทอดไขว้อยู่เบื้องขวา ธารพระกรกับพัดวาลวิชนี ทอดไขว อยู่เบื้องซ้าย และฉลองพระบาทเชิงงอน อยู่เบื้องล่าง
พระมหาพิชัยมงกุฎ หมายถึง ทรงรับพระราชภาระอันหนักยิ่งของแผ่นดินเพื่อประโยชน์สุขของประชาชน
พระแสงขรรค์ชัยศรี หมายถึง ทรงรับพระราชภาระปกป้องแผ่นดินให้พ้นจากภยันตราย
ธารพระกร หมายถึง ทรงดำรงราชธรรมเพื่อค้ำจุนบ้านเมืองให้ผาสุกมั่นคง
พระแส้ จามรีกับพัดวาลวิชนี หมายถึง ทรงขจัดปัดเป่าความทุกข์ยากเดือดร้อนของอาณาประชาราษฎร์
ฉลองพระบาทเชิงงอน หมายถึง ทรงทำนุบำรุงปวงประชาทั่วรัฐสีมาอาณาจักร
เบื้องหลังพระมหาพิชัยมงกุฎประดิษฐาน พระมหาเศวตฉัตรอันมีระบายขลิบทอง จงกลยอดฉัตรประกอบรูปพรหมพักตร์อันวิเศษสุด ระบายชั้นล่างสุดห้อยอุบะจำปาทอง แสดงถึงพระบารมีและพระบรมเดชานุภาพที่ปกแผ่ไปทั่วทิศานุทิศ เบื้องล่าง กรอบอักษรพระปรมาภิไธยมีแถบแพรพื้นสีเขียว ถนิมทอง ขอบขลิบทอง มีอักษรสีทองความว่า “พระราชพิธีบรมราชาภิเษก พุทธศักราช ๒๕๖๒” ปลายแถบแพรเบื้องขวามีรูปคชสีห์กายม่วงอ่อน ประคองฉัตร 7 ชั้น หมายถึง ข้าราชการฝ่ายทหาร เบื้องซ้ายมีรูปราชสีห์กายขาวประคองฉัตร 7 ชั้น หมายถึง ข้าราชการฝ่ายพลเรือน ผู้ปฏิบัติราชการสนองงานแผ่นดินอยู่ด้วยกัน ข้างคันฉัตรด้านในทั้งสองข้างมีดอกลอยกนกนาค แสดงถึงปีมะโรงนักษัตรอันเป็นปีพระบรมราชสมภพ สีทองหมายถึงความเจริญรุ่งเรืองยิ่งของประเทศชาติและประชาชน
------------
Royal Coronation Emblem 2019
The Royal Emblem marked the upcoming Coronation of His Majesty King Vajiralongkorn (Rama X) which will be held on 4-6 May 2019, contains the King’s monogram in the white trimmed with gold in the centre. The Royal Cypher is decorated with diamonds which denote the origin from which his name is derived, whilst the gold trimming of the cypher represents the colour of Monday when he was born, according to the Thai traditional colours of the day.
The cypher lies on a dark blue background which is the colour of righteous kingship, contained within a lotus bud frame marked out in gold and green. The mixture of which two colours signifies the power and might of the King’s day of birth. The lotus bud frame begets inspiration from the shape of its foremost predecessor – which enclosed the Great Unalome insignis of the Royal Seal of State which belonged to King Buddha Yodfa Chulaloke (Rama I the Great). Surrounding the outer parts of the frame are the Five Royal Regalia, deemed to embody the symbol of Kingship itself, which contains:
- The Great Crown of Victory, represents the great burden bearing down on the King for the sake of his people’s happiness.
- The Sword of Victory, symbolises the King’s responsibility to protect the Kingdom from all harms threatening.
- The Royal Sceptre, signifies the King’s virtues to bring forth peace and stability to the Kingdom.
- The Royal Whisk and Royal Fan, symbolise the King’s righteousness as a ruler in relieving the suffering and hardship of his duties.
- The Royal Slippers, represent the King’s care in fostering the sustenance and welfare throughout the Kingdom.
The Great Crown of Victory with the Unalome insignia includes within the sequence of number of this reign. The sword and whisk lie on the right, while the scepter and fan on the left. And below the cypher rest the royal slippers.
Standing behind the Crown is the Great Umbrella of State trimmed with bands of gold. The nine-tiered umbrella has the lotus bud finial showing Brahma Faces on top, while the lowest tier is decorated with golden Champa bouquets representing the extension in all directions yonder of his writ and authority. On the lowest part stretches of green-gold ribbon, trimmed in gold, bearing the Thai language phrase which is translated as: “The Coronation, 2562 B.E. (2019 A.D.)”.
At the right tip of the ribbon stands the purple Kojasi lion, holding up the seven-tiered umbrella representing the Armed Forces, while the white Ratchasi lion holds the same but represents the Civil Service. Altogether represent the two pillars of public service. Inside the shafts of both umbrellas have golden Naga snake traceries denoting the year of the dragon, which defines the King’s birthyear according to the traditional belief. The golden colour of Naga traceries signifies the prosperity of the nation and her people.