โทรทัศน์มือสอง

คลิกเพื่อดูคลิปวิดีโอ
                ท้องฟ้ามืดแล้ว  มองไปทางไหนก็เห็นแต่ไฟสลัวข้างถนนทั้งแถบ    ดูเป็นทางทอดยาวสลับกับเงาเคลื่อนไหวอะไรซักอย่าง   ดูวังเวงยิ่งนัก ลมเย็นปะทะร่างของรดาที่ยืนอยู่นอกบ้าน ....ขนลุกซู่...... ร่างกายรู้สึกเย็นวาบตั้งแต่ศีรษะยันเท้า รู้สึกตึงบนหนังศีรษะ ประหนึ่งมีใครมาดึงผมเธอ              ขึ้นพร้อมๆกันทั้งหัว อาการที่เรียกว่า   “ขนหัวลุก “    เป็นแบบนี้นี่เอง   เธอเป็นบ่อยไปเวลาอากาศเย็นยะเยือก

แม้จะไม่มีใครอยู่ตรงนั้น  แต่รู้สึกได้ว่ามีสายตาจ้องมองมา   พอหันขวับไปดูก็ไม่มีอะไรอยู่ตรงนั้นเลย    คิดไปเองใช่หรือไม่?
เปล่า....ไม่ได้คิดไปเอง เรื่องแบบนี้มันรู้สึกกันได้

"ได้เวลาเข้านอนแล้วสินะ”  รดาจูงลูกน้อยเข้าห้องนอนตามประสาคนเป็นแม่ และพรุ่งนี้ยังต้องตื่นแต่เช้ามารอตักบาตรอีกด้วย
“หนู ขอดูโทรทัศน์ก่อนนะแม่”  เสียงเจื้อยแจ้วของเด็กชายตัวน้อยร้องขอดูโทรทัศน์ก่อนที่จะอาบน้ำ ต่อรองรดาผู้เป็นแม่ให้ได้                        เธออ่อนใจ   “ให้เวลาดู 20 นาทีพอนะ พรุ่งนี้ต้องไปรร.”
“ค้าบ...” ลูกชายวัยเด็กอนุบาลร้องดีใจ   ที่ได้รับอนุญาตตามคำขอ   กระโดดโลดเต้น   ตามประสาเด็กผู้ชายที่ชอบดูการ์ตูน

“พรึ่บ ! “     ทีวีเปิดขึ้นตามสวิทซ์ที่เด็กชายกด
“พรึ่บ ! “      เครื่องเล่นดีวีดีเปิดตามเป็นครั้งที่สอง

“เปิดเสียงเบาๆนะลูก”       รดาร้องขอพลางมือไม้ต้องทำงานบ้านไปด้วย      ก็เธอเป็นแม่บ้านเลี้ยงลูกคนเดียว    งานบ้านก็เยอะ                        ไหนจะต้องพาลูกเข้านอน และพาอาบน้ำก่อนนอน ขอเวลาซักผ้าก็ดีเหมือนกันแฮะ

โทรทัศน์เก่าๆเครื่องนึง ที่เธอซื้อจากร้านซ่อมเครื่องใช้ไฟฟ้า   เพียงพอแล้วจะเติมเต็มความสุขของแม่ลูกสองคนในบ้านหลังเล็กๆ                  ที่มีเพียงห้องนอน   กระจัดกระจายไปด้วยของเล่นหลากสีสันและหลากหลายรูปร่าง   เล็กบ้างใหญ่บ้านตามประสาของเล่นเด็ก  หมอน                        ตุ๊กตาตัวเล็กใหญ่วางไม่เป็นระเบียบ    แต่ก็ทำให้รดากับลูกน้อยนอนกันในห้องนอนนี้ได้อย่างมีความสุข

หน้าต่างถูกเปิดไว้เพื่อรับลมเย็น   เพราะเธอกับลูกอยู่เพียงห้องเช่าเล็กๆ ชั้นที่หนึ่ง   เนื่องจากราคาถูกที่สุด   กลางคืนต้องทนฟังเสียง            หมาหอนบ้าง /แมวร้องบ้าง   สลับกับเสียงคุ้ยขยะ   ยังไงเธอก็คิดว่า   ชีวิตเธอดีกว่าหมาแมวจรจัดพวกนั้นเสียงอีก   ที่ต้องคอยเดินไม่มีทิศทางไปวันๆ    แล้วแต่ว่าจะนอนตรงไหนก็นอนได้    นี่ละวีถีชิวิตของหมาแมวจรจัด

                รดาคิดพลางมองไปที่โต๊ะวางโทรทัศน์ เธอถอนหายใจทุกครั้งที่มองอยู่ไกลๆ

“เฮ้อ...ทำไมไม่ไปเสียที”
“เหนื่อย...วันนี้ไม่มีเวลานั่งสมาธิหรอก”
“โอ๊ย...วันนี้ไม่มีเวลาอุทิศส่วนกุศลหรอก ยุ่งจะตายต้องเลี้ยงลูกทำงานหาเงิน”
“อะไรนักหนา “ อยากจะเติมคำว่า  วะ  ลงไปด้วยซ้ำ

ใช่แล้ว !  เวลารดาเดินผ่านโทรทัศน์เก่าเครื่องนี้ทีไร   เธอจะรับรู้ได้ถึงอาการขนลุกชันของศีรษะด้านซ้ายจนถึงท้ายทอย   ประหนึ่งมีมือ           มาดึงผมขึ้นทั้งแถบขึ้นพร้อมกัน    ดึงเพียงเบาๆ เพียงให้แค่เธอรู้สึกตัว

แรงเพียงแผ่วเบาเท่านั้นที่เธอรู้สึก    ไม่เร็วเกินไป    ไม่แรงเกินไป   ค่อยๆดึงผมทีละนิดให้เหมือนกับว่า   ผมของรดาถูกตั้งขึ้นเป็นเส้นตรง    ชี้ฟ้า   ตึง  ค้างอยู่แบบนั้น      จนว่าจะรู้สึกว่า    รดาควรหันมาสนใจเขาได้แล้ว

                                                                  ไม่ต้องตกใจ  ฉันมาดี

                ไม่น่าซื้อทีวีเก่าเครื่องนี้มาเลย     เธอพูดกับตัวเอง น่าจะเพิ่มเงินอีกซักหน่อยแล้วไปซื้อในห้างที่มีแอร์เย็นๆดีกว่า   ลูกหนอลูก                         ถ้าวันนั้นไม่ลงไปร้องไห้อยากได้จนลงไปดิ้นกับพื้น   แม่คงไม่ซื้อมันมาหรอก     ต้องคอยระแวงแบบนี้ตลอดตั้งแต่โทรทัศน์มือสองนี้อยู่ในบ้าน

(มีต่อ)
แก้ไขข้อความเมื่อ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่