สวัสดีค่ะ เมื่อวานรีวิวกระทู้รถไฟความเร็วสูงคุนหมิง-ลี่เจียงไปแล้ว แต่ยังไม่จบ ยังไม่ได้บอกทางไปโรงแรม Hanting Hotel วันนี้พอมีเวลามาตั้งกระทู้ต่อ
https://pantip.com/topic/38642648
ด้านบนกระทู้เดิมที่ค้างอยู่ค่ะ
วันนี้มาเล่าประสบการณ์นั่งรถไฟไปกลับลี่เจียงแบบไม่ต้องลงจากรถไฟ แถมได้นั่งกลับฟรีอีกต่างหาก (แต่สถานการณ์จริง ณ ตอนที่พาสปอร์ตหายไม่ได้รู้สึกชิล ๆ แบบนี้นะ) ขอลำดับเหตุการณ์ตั้งแต่เดินเข้าสถานีรถไฟ จนกระทั่งเดินกลับออกมา
07:00 น. เดินทางถึงสถานีรถไฟคุนหมิง แลกตั๋วจริงเดินเข้าสถานี มีการตรวจตั๋วพร้อมยื่นพาสปอร์ตตัวจริงกับจนท.
07.30 น. เดินเข้าไปรอจุด 7A เพื่อรอรถไฟความเร็วสูง ระหว่างนั้นแวะซื้อขนมให้ลูกที่ convenience store (ถือพาสอยู่ในมือทั้ง 3 เล่มอยู่ตลอดเวลา) ซื้อขนมเสร็จแวะเข้าห้องน้ำ เสร็จแล้วเดินออกมา แวะซื้อซาลาเปา เสร็จแล้วเดินไปหาเก้าอี้นั่งที่จุด wating area
08:00 น.ทางออกเปิดให้เดินผ่านขึ้นรถไฟ แต่คนเยอะเลยหยิบมือถือมาอัพเฟสก่อน แล้วเผลอวางพาสในมือไว้ที่เก้าอี้ (ซึ่งไม่รู้ตัวเลยว่าวางพาสไว้ตรงนั้น) พอคนเริ่มขยับจึงลุกขึ้นไปต่อแถวขึ้นรถไฟ
08:15 น.รถไฟออกเดินทาง
08:45 น. เจ้าหน้าที่เดินมาตรวจตั๋วพร้อมเรียกลูกออกไปวัดส่วนสูงว่าถ้าถึง 120 ซม.ต้องเสียเงินค่าตั๋วเด็ก แต่ลูกสูงฉิวเฉียดเลยไม่โดน
09:00 น. เริ่มสำรวจสมบัติที่ต้องดูแลคือกระเป๋าตังค์และพาสปอร์ต จึงพบว่าพาสปอร์ตหาย ใจหายแว้บ บอกสามีให้ช่วยกันหา ค้นทุกกระเป๋าไม่มี จึงหยิบคู่มือภาษาไทยจีนให้เจ้าหน้าที่บนรถไฟผู้หญิงคนเดียวกับที่เรียกลูกไปวัดส่วนสูงให้อ่านประโยคว่าพาสปอร์ตฉันหาย ซึ่งจนท.คนนี้คือคนที่ช่วยดูแลตลอดทั้งทริป
09:15 น. จนท.เริ่มปรึกษากับคนอื่นๆ บนรถไฟ พาเราไปคุยกับตำรวจและจนท.คนอื่น แต่คุยกันไม่ค่อยรู้เรื่องถึงแม้จะใช้กูเกิ้ลแปลภาษา จึงตัดสินใจโทรไลน์หาลุงที่นับถือซึ่งพูดจีนได้ แต่รถวิ่งเข้าอุโมงค์ตลอด ทำให้สัญญาณขาดหาย
09:30ระหว่างนั้นไลน์หาน้องที่ทำงานให้ช่วยค้นหาสำเนาพาส บัตรปชช. ทะเบียนบ้าน และเติมเงินเพื่อให้ใช้เน็ตได้เพิ่มขึ้น รวมทั้งหาข้อมูลทำพาสใหม่ที่สถานทูต น้องเค้าเนรมิตทุกอย่างให้ในพริบตา
จนท.ยังคงเรียกเราไปคุยเป็นระยะสอบถามจุดที่คิดว่าลืม ซึ่งเราคิดว่าลืมที่ร้านสะดวกซื้อ แต่เหมือนสื่อสารกันไม่เข้าใจ จนท.จึงไปตามคนจีนที่พูดอังกฤษได้มาคุย
หนุ่มจีนที่เป็นสื่อกลางให้บอกเราว่าถ้าเราจะนั่งรถไฟขบวนนี้กลับคุนหมิงทันที จนท.บนรถไฟจะให้นั่งกลับฟรีและช่วยดูแลเราให้ตอนกลับไป แต่ถ้าจะลงที่ลี่เจียง เค้าจะเรียกตำรวจขึ้นมาเพื่อซักถามรายละเอียด พร้อมทั้งหนุ่มจีนบอกเราว่าถ้าเราไม่ทีพาสตัวจริงเราจะเช็คอินโรงแรมที่จีนไม่ได้ และไม่รู้ว่าเราจะซื้อตั๋วเข้าอุทยานแห่งชาติได้หรือไม่ ระหว่างนั้นลุงที่นับถือช่วยโทรคุยภาษาจีนให้เป็นระยะเท่าที่สัญญาณจะมี ระหว่างนี้เรา add we chat กับหัวหน้าของจนท.หญิงคนนั้นไว้ด้วยเผื่อเจอตอนเราลงรถไฟไปแล้ว
11:18 น. รถไฟจอดที่ลี่เจียง ยังไม่มีใครพบพาสพวกเรา เราตัดสินใจนั่งขบวนเดิมกลับไปโดยไม่ลงไปที่สถานี เนื่องจากเกรงว่าถ้าเดินออกจากสถานีไปแล้ว เมื่อกลับเข้ามาเราไม่มีพาสปอร์ตแสดงตัว เราจะกลับเข้ามาไม่ได้ และจนท.แจ้งว่าขากลับรถเต็มไม่ทีที่นั่ง เราต้องยืนกลับ (น้ำตาจะไหล)

12:00 น.ระหว่างรออยู่บนขบวนรถ เราบอกจนท.ขอออกไปรอด้านนอกขบวนได้หรือไม่ จนท.พยักหน้า พวกเราเลยออกไปถ่ายรูปด้านนอกสูดความหนาว สักพักมีจนท.จีนผู้ชายใส่สูทเดินมาถามเรา แต่คุยกันไม่รู้เรื่อง เค้าจึงตามรปภ.หนุ่มน้อยมาพาพวกเราไป เราโทรหาลุงให้ช่วยคุย ลุงบอกว่าเราต้องซื้อตั๋วกลับ จนท.หนุ่มจีนพาเราไปหากลุ่มจนท.บนรถไฟที่ช่วยให้เรากลับฟรี จนท.หญิงอีกคนทำหน้าดุใส่เราแล้วสื่อสารกับหนุ่มจีน พร้อมไล่เรากลับไปอยู่บนขบวนรถไฟไม่ให้ลงไปโชว์ตัว พร้อมกับไม่ต้องซื้อตั๋ว (รูปด้านบนคือวิวภูเขาหิมะมังกรหยก ที่เราถ่ายไว้บนชานชาลาสถานี ได้เห็นแค่นี้จริงๆ )
12:10 น. จนท.หญิงจีนช่วยพาเรามานั่งที่หัวขบวน พร้อมบอกว่าให้นั่งเก้าอี้ crew only ได้ ถามว่ากินอาหารไหม ดูแลเราดีมาก
รูปล่าง สภาพตอนคนลงหมดแล้ว และเราต้องกลับเข้ามานั่งรอในขบวนรถ เลยต้องค้นกระเป๋าหามาม่ามากดน้ำร้อนบนรถไฟต้มกิน รอขบวนรถออก

13:05 น.รถไฟออกจากลี่เจียงกลับคุนหมิง คนจีนขึ้นมาเต็มขบวน แน่นจนต้องมีคนยืน แต่จนท.หญิงคนนั้นกันที่นั่งไว้ให้พวกเรานั่ง และเดินมาบอกเราเป็นระยะว่ายังหาพาสเราไม่เจอ ระหว่างนั่งไปก้อมีหนุ่มจีนบางคนยื่นช้อคโกแลตให้วุ้นวุ่นกินด้วย ช่างมีน้ำใจ
ระหว่างนี้ นั่งเช็คตั๋วเครื่องบินขากลับถ้าต้องอยู่วันจันทร์ พบว่าแอร์เอเชียมีบิน 13:30 น.ซึ่งอาจทำเอกสารไม่ทัน และวันอังคารไม่มีเที่ยวบินเลยน่าจะตั๋วเต็ม เลยลองโทรหาสถานทูต แต่ก้อโทรไม่ติด
สภาพที่นั่งเก้าอี้ของเจ้าหน้าที่ก่อนรถไฟออก แต่พอคนเดินเข้ามาครบแล้ว สภาพตรงนี้แออัดมาก เพราะมีคนที่ซื้อตั๋วยืนขึ้นมาทั้งนั่ง และยืนเต็มไปหมด เราถ่ายรูปตรงนี้ไม่ได้เลย เกรงใจคนอื่น

14:30 น.รถไฟจอดส่วคนที่ต้าลี่ประมาณ 20 นาที คนบนรถเริ่มเบาบางลง เจ้าหน้าที่หญิงจีนเดินมาส่งโทรศัพท์ที่แปลเป็นภาษาอังกฤษได้ว่า ยังคงหาพาสไม่เจอ เราลองโทรหาคนจีนที่นี่ซึ่งลุงให้เบอร์ไว้ คนจีนชื่อคุณหลินบอกเราว่าถ้าหาพาสไม่เจอ วันจันทร์จะช่วยส่งคนมาพาเราไปทำพาสที่สถานทูตไทยในคุนหมิง
16:41 น.รถไฟจอดที่คุนหมิง จนท.หญิงจีนส่งต่อเราให้จนท.ที่สถานีมาช่วยตามหา เราบอกเค้าว่าเราน่าจะลืมที่ร้านสะดวกซื้อ ระหว่างนี้เราโทรหาลุงให้ช่วยคุยกับจนท. ซึ่งจนท.พาเราไปถามที่จุด service center แต่จนท.จุดนั้นปฏิเสธว่าไม่มี เราลองเดินไปถามที่ร้านสะดวกซื้อ คนขายก้อบอกไม่มี ถ้ามีเค้าจะส่งไปที่ service center อยู่แล้ว ตอนนั้นเริ่มหมดหวัง ในขณะที่จนท.ก้เหมือนคุยโทรศัพท์ไปด้วย เราเลยถามว่าถ้าเราจะแจ้งความพาสหายที่ห้องที่มีตำรวจอยู่ในสถานีเลยได้หรือไม่
ระหว่างนั้นสับสนมาก พูดกันไม่รู้เรื่อง แล้วอยู่ดีๆ จนท.ก้อพาเรากลับไปจุด service center พร้อมกับจนท.ในนั้นโชว์สมุดลงทะเบียนให้ดูว่าเลขพาสปอร์ตที่เค้าจดไว้คือเลขของเราหรือไม่ เราเลยตอบว่าใช่ พร้อมโทรหาลุงไปด้วย ลุงแจ้งว่าเค้าเจอแล้ว แต่พาสเก็บไว้อีกที่นึง เด๋วจะมีจนท.ไปเอามาให้ เวลานั้นดีใจมาก รอดแล้วเรา หันไปบอกสามีและลูกที่ยืนรอหน้าห้องตำรวจ
เวลาจำไม่ได้ มีจนท.ถือพาสมาคืนเรา โดยแปะภาษาจีนมัดรวมไว้3 เล่ม เราใช้กูเกิ้ลแปลภาษาแปลได้ว่า ห้องโถงและเลขพาส จึงเดาได้ว่าเราคงลืมตอนนั่งรอรถไฟที่จุด wating area หลังจากได้เล่มคืน จนท.บอกว่ามีรถไฟเที่ยวนอนไปคืนนี้ถ้าเราต้องการ แต่เราคงไม่ไปละ เค้าเลยพาไปทำรีฟันด์ตั๋วกลับที่เราเคยจองไว้ของวันอาทิตย์นี้คืนที่จุดออกตั๋ว
17:30 น. เสร็จกระบวนการ ลากกระเป๋ามาพักโรงแรมเดิมใกล้สถานีรถไฟ โชคดีที่ไม่ได้จองโรงแรมที่ลี่เจียงไว้ล่วงหน้า
19:00 น. ทัก we chat ไปแจ้งจนท.บนรถไฟที่ช่วยเหลือเรา บอกว่าเราพบพาสปอร์ตแล้วพร้อมทั้งกล่าวขอบคุณทุกคน
นี่คือประสบการณ์พาสปอร์ตหายครั้งแรกในต่างแดนจริง ๆ ไปมาหลายประเทศทั้งเอเชีย และยุโรปไม่เคยทำหาย วิเคราะห์ตัวเองว่าทุกครั้งจะมีกระเป๋าสะพายด้านหน้าไว้เสมอเพื่อใส่พาสปอร์ตและกระเป๋าตังค์ แต่คราวนี้ไม่ได้ใช้กระเป๋าสะพายหน้า ใช้แต่เป้สะพายหลัง จึงทำให้การหยิบของสำคัญต้องเอาเป้มารูดซิป และมันไม่สะดวก เลยบอกสามีเอาพาสมาให้เราถือไว้ กะว่าจะเก็บหลังตรวจบัตรโดยสารรถไฟเสร็จแล้ว แต่ก็พลาดจนได้ โชคดีเจอคนมีน้ำใจช่วยเหลือค่ะ
หลังจากทริปลี่เจียงล่ม และเราเหลือเวลาอีก 2 วันในคุนหมิง ซึ่งเราเคยมาเที่ยวทั้งป่าหิน ถ้ำจิ่วเซียง ตำหนักทองแล้ว (เขาซีซานไม่ไปเพราะลูกซน กลัววิ่งตกเขา) เลยเสิร์ขหาที่เที่ยวในคุนหมิง จึงได้เจอกับทะเลสาปชุยหู และทะเลสาปเตียนฉือ เราเดินทางทั้งทริปด้วยการเรียกแท็กซี่ ซึ่งโอเคไม่โดนโกง
เราประทับใจทะเลสาปเตียนฉือมาก ดอกไม้สวย อากาศดี เดินเที่ยวได้ทั้งวัน เรียกว่าไม่เสียเที่ยวมาไปที่นั่นเลย ค่ารถแท็กซี่จากหน้าจินเจียงโฮเต็ลไปทะเลสาป ประมาณ 21 หยวน แต่ขากลับเราเรียกกลับมาได้ประมาณ 15 หยวน
ปิดท้ายด้วยภาพทะเลสาปเตียนฉือค่ะ
ประสบการณ์พาสปอร์ตหายในต่างแดน (คุนหมิง) แล้วได้คืน (กระทู้ต่อจากรีวิวรถไฟความเร็วสุงคุนหมิง-ลี่เจียง)
https://pantip.com/topic/38642648
ด้านบนกระทู้เดิมที่ค้างอยู่ค่ะ
วันนี้มาเล่าประสบการณ์นั่งรถไฟไปกลับลี่เจียงแบบไม่ต้องลงจากรถไฟ แถมได้นั่งกลับฟรีอีกต่างหาก (แต่สถานการณ์จริง ณ ตอนที่พาสปอร์ตหายไม่ได้รู้สึกชิล ๆ แบบนี้นะ) ขอลำดับเหตุการณ์ตั้งแต่เดินเข้าสถานีรถไฟ จนกระทั่งเดินกลับออกมา
07:00 น. เดินทางถึงสถานีรถไฟคุนหมิง แลกตั๋วจริงเดินเข้าสถานี มีการตรวจตั๋วพร้อมยื่นพาสปอร์ตตัวจริงกับจนท.
07.30 น. เดินเข้าไปรอจุด 7A เพื่อรอรถไฟความเร็วสูง ระหว่างนั้นแวะซื้อขนมให้ลูกที่ convenience store (ถือพาสอยู่ในมือทั้ง 3 เล่มอยู่ตลอดเวลา) ซื้อขนมเสร็จแวะเข้าห้องน้ำ เสร็จแล้วเดินออกมา แวะซื้อซาลาเปา เสร็จแล้วเดินไปหาเก้าอี้นั่งที่จุด wating area
08:00 น.ทางออกเปิดให้เดินผ่านขึ้นรถไฟ แต่คนเยอะเลยหยิบมือถือมาอัพเฟสก่อน แล้วเผลอวางพาสในมือไว้ที่เก้าอี้ (ซึ่งไม่รู้ตัวเลยว่าวางพาสไว้ตรงนั้น) พอคนเริ่มขยับจึงลุกขึ้นไปต่อแถวขึ้นรถไฟ
08:15 น.รถไฟออกเดินทาง
08:45 น. เจ้าหน้าที่เดินมาตรวจตั๋วพร้อมเรียกลูกออกไปวัดส่วนสูงว่าถ้าถึง 120 ซม.ต้องเสียเงินค่าตั๋วเด็ก แต่ลูกสูงฉิวเฉียดเลยไม่โดน
09:00 น. เริ่มสำรวจสมบัติที่ต้องดูแลคือกระเป๋าตังค์และพาสปอร์ต จึงพบว่าพาสปอร์ตหาย ใจหายแว้บ บอกสามีให้ช่วยกันหา ค้นทุกกระเป๋าไม่มี จึงหยิบคู่มือภาษาไทยจีนให้เจ้าหน้าที่บนรถไฟผู้หญิงคนเดียวกับที่เรียกลูกไปวัดส่วนสูงให้อ่านประโยคว่าพาสปอร์ตฉันหาย ซึ่งจนท.คนนี้คือคนที่ช่วยดูแลตลอดทั้งทริป
09:15 น. จนท.เริ่มปรึกษากับคนอื่นๆ บนรถไฟ พาเราไปคุยกับตำรวจและจนท.คนอื่น แต่คุยกันไม่ค่อยรู้เรื่องถึงแม้จะใช้กูเกิ้ลแปลภาษา จึงตัดสินใจโทรไลน์หาลุงที่นับถือซึ่งพูดจีนได้ แต่รถวิ่งเข้าอุโมงค์ตลอด ทำให้สัญญาณขาดหาย
09:30ระหว่างนั้นไลน์หาน้องที่ทำงานให้ช่วยค้นหาสำเนาพาส บัตรปชช. ทะเบียนบ้าน และเติมเงินเพื่อให้ใช้เน็ตได้เพิ่มขึ้น รวมทั้งหาข้อมูลทำพาสใหม่ที่สถานทูต น้องเค้าเนรมิตทุกอย่างให้ในพริบตา
จนท.ยังคงเรียกเราไปคุยเป็นระยะสอบถามจุดที่คิดว่าลืม ซึ่งเราคิดว่าลืมที่ร้านสะดวกซื้อ แต่เหมือนสื่อสารกันไม่เข้าใจ จนท.จึงไปตามคนจีนที่พูดอังกฤษได้มาคุย
หนุ่มจีนที่เป็นสื่อกลางให้บอกเราว่าถ้าเราจะนั่งรถไฟขบวนนี้กลับคุนหมิงทันที จนท.บนรถไฟจะให้นั่งกลับฟรีและช่วยดูแลเราให้ตอนกลับไป แต่ถ้าจะลงที่ลี่เจียง เค้าจะเรียกตำรวจขึ้นมาเพื่อซักถามรายละเอียด พร้อมทั้งหนุ่มจีนบอกเราว่าถ้าเราไม่ทีพาสตัวจริงเราจะเช็คอินโรงแรมที่จีนไม่ได้ และไม่รู้ว่าเราจะซื้อตั๋วเข้าอุทยานแห่งชาติได้หรือไม่ ระหว่างนั้นลุงที่นับถือช่วยโทรคุยภาษาจีนให้เป็นระยะเท่าที่สัญญาณจะมี ระหว่างนี้เรา add we chat กับหัวหน้าของจนท.หญิงคนนั้นไว้ด้วยเผื่อเจอตอนเราลงรถไฟไปแล้ว
11:18 น. รถไฟจอดที่ลี่เจียง ยังไม่มีใครพบพาสพวกเรา เราตัดสินใจนั่งขบวนเดิมกลับไปโดยไม่ลงไปที่สถานี เนื่องจากเกรงว่าถ้าเดินออกจากสถานีไปแล้ว เมื่อกลับเข้ามาเราไม่มีพาสปอร์ตแสดงตัว เราจะกลับเข้ามาไม่ได้ และจนท.แจ้งว่าขากลับรถเต็มไม่ทีที่นั่ง เราต้องยืนกลับ (น้ำตาจะไหล)
12:10 น. จนท.หญิงจีนช่วยพาเรามานั่งที่หัวขบวน พร้อมบอกว่าให้นั่งเก้าอี้ crew only ได้ ถามว่ากินอาหารไหม ดูแลเราดีมาก
รูปล่าง สภาพตอนคนลงหมดแล้ว และเราต้องกลับเข้ามานั่งรอในขบวนรถ เลยต้องค้นกระเป๋าหามาม่ามากดน้ำร้อนบนรถไฟต้มกิน รอขบวนรถออก
13:05 น.รถไฟออกจากลี่เจียงกลับคุนหมิง คนจีนขึ้นมาเต็มขบวน แน่นจนต้องมีคนยืน แต่จนท.หญิงคนนั้นกันที่นั่งไว้ให้พวกเรานั่ง และเดินมาบอกเราเป็นระยะว่ายังหาพาสเราไม่เจอ ระหว่างนั่งไปก้อมีหนุ่มจีนบางคนยื่นช้อคโกแลตให้วุ้นวุ่นกินด้วย ช่างมีน้ำใจ
ระหว่างนี้ นั่งเช็คตั๋วเครื่องบินขากลับถ้าต้องอยู่วันจันทร์ พบว่าแอร์เอเชียมีบิน 13:30 น.ซึ่งอาจทำเอกสารไม่ทัน และวันอังคารไม่มีเที่ยวบินเลยน่าจะตั๋วเต็ม เลยลองโทรหาสถานทูต แต่ก้อโทรไม่ติด
สภาพที่นั่งเก้าอี้ของเจ้าหน้าที่ก่อนรถไฟออก แต่พอคนเดินเข้ามาครบแล้ว สภาพตรงนี้แออัดมาก เพราะมีคนที่ซื้อตั๋วยืนขึ้นมาทั้งนั่ง และยืนเต็มไปหมด เราถ่ายรูปตรงนี้ไม่ได้เลย เกรงใจคนอื่น
14:30 น.รถไฟจอดส่วคนที่ต้าลี่ประมาณ 20 นาที คนบนรถเริ่มเบาบางลง เจ้าหน้าที่หญิงจีนเดินมาส่งโทรศัพท์ที่แปลเป็นภาษาอังกฤษได้ว่า ยังคงหาพาสไม่เจอ เราลองโทรหาคนจีนที่นี่ซึ่งลุงให้เบอร์ไว้ คนจีนชื่อคุณหลินบอกเราว่าถ้าหาพาสไม่เจอ วันจันทร์จะช่วยส่งคนมาพาเราไปทำพาสที่สถานทูตไทยในคุนหมิง
16:41 น.รถไฟจอดที่คุนหมิง จนท.หญิงจีนส่งต่อเราให้จนท.ที่สถานีมาช่วยตามหา เราบอกเค้าว่าเราน่าจะลืมที่ร้านสะดวกซื้อ ระหว่างนี้เราโทรหาลุงให้ช่วยคุยกับจนท. ซึ่งจนท.พาเราไปถามที่จุด service center แต่จนท.จุดนั้นปฏิเสธว่าไม่มี เราลองเดินไปถามที่ร้านสะดวกซื้อ คนขายก้อบอกไม่มี ถ้ามีเค้าจะส่งไปที่ service center อยู่แล้ว ตอนนั้นเริ่มหมดหวัง ในขณะที่จนท.ก้เหมือนคุยโทรศัพท์ไปด้วย เราเลยถามว่าถ้าเราจะแจ้งความพาสหายที่ห้องที่มีตำรวจอยู่ในสถานีเลยได้หรือไม่
ระหว่างนั้นสับสนมาก พูดกันไม่รู้เรื่อง แล้วอยู่ดีๆ จนท.ก้อพาเรากลับไปจุด service center พร้อมกับจนท.ในนั้นโชว์สมุดลงทะเบียนให้ดูว่าเลขพาสปอร์ตที่เค้าจดไว้คือเลขของเราหรือไม่ เราเลยตอบว่าใช่ พร้อมโทรหาลุงไปด้วย ลุงแจ้งว่าเค้าเจอแล้ว แต่พาสเก็บไว้อีกที่นึง เด๋วจะมีจนท.ไปเอามาให้ เวลานั้นดีใจมาก รอดแล้วเรา หันไปบอกสามีและลูกที่ยืนรอหน้าห้องตำรวจ
เวลาจำไม่ได้ มีจนท.ถือพาสมาคืนเรา โดยแปะภาษาจีนมัดรวมไว้3 เล่ม เราใช้กูเกิ้ลแปลภาษาแปลได้ว่า ห้องโถงและเลขพาส จึงเดาได้ว่าเราคงลืมตอนนั่งรอรถไฟที่จุด wating area หลังจากได้เล่มคืน จนท.บอกว่ามีรถไฟเที่ยวนอนไปคืนนี้ถ้าเราต้องการ แต่เราคงไม่ไปละ เค้าเลยพาไปทำรีฟันด์ตั๋วกลับที่เราเคยจองไว้ของวันอาทิตย์นี้คืนที่จุดออกตั๋ว
17:30 น. เสร็จกระบวนการ ลากกระเป๋ามาพักโรงแรมเดิมใกล้สถานีรถไฟ โชคดีที่ไม่ได้จองโรงแรมที่ลี่เจียงไว้ล่วงหน้า
19:00 น. ทัก we chat ไปแจ้งจนท.บนรถไฟที่ช่วยเหลือเรา บอกว่าเราพบพาสปอร์ตแล้วพร้อมทั้งกล่าวขอบคุณทุกคน
นี่คือประสบการณ์พาสปอร์ตหายครั้งแรกในต่างแดนจริง ๆ ไปมาหลายประเทศทั้งเอเชีย และยุโรปไม่เคยทำหาย วิเคราะห์ตัวเองว่าทุกครั้งจะมีกระเป๋าสะพายด้านหน้าไว้เสมอเพื่อใส่พาสปอร์ตและกระเป๋าตังค์ แต่คราวนี้ไม่ได้ใช้กระเป๋าสะพายหน้า ใช้แต่เป้สะพายหลัง จึงทำให้การหยิบของสำคัญต้องเอาเป้มารูดซิป และมันไม่สะดวก เลยบอกสามีเอาพาสมาให้เราถือไว้ กะว่าจะเก็บหลังตรวจบัตรโดยสารรถไฟเสร็จแล้ว แต่ก็พลาดจนได้ โชคดีเจอคนมีน้ำใจช่วยเหลือค่ะ
หลังจากทริปลี่เจียงล่ม และเราเหลือเวลาอีก 2 วันในคุนหมิง ซึ่งเราเคยมาเที่ยวทั้งป่าหิน ถ้ำจิ่วเซียง ตำหนักทองแล้ว (เขาซีซานไม่ไปเพราะลูกซน กลัววิ่งตกเขา) เลยเสิร์ขหาที่เที่ยวในคุนหมิง จึงได้เจอกับทะเลสาปชุยหู และทะเลสาปเตียนฉือ เราเดินทางทั้งทริปด้วยการเรียกแท็กซี่ ซึ่งโอเคไม่โดนโกง
เราประทับใจทะเลสาปเตียนฉือมาก ดอกไม้สวย อากาศดี เดินเที่ยวได้ทั้งวัน เรียกว่าไม่เสียเที่ยวมาไปที่นั่นเลย ค่ารถแท็กซี่จากหน้าจินเจียงโฮเต็ลไปทะเลสาป ประมาณ 21 หยวน แต่ขากลับเราเรียกกลับมาได้ประมาณ 15 หยวน
ปิดท้ายด้วยภาพทะเลสาปเตียนฉือค่ะ