พาเที่ยวถ้ำเชลย ที่หลบภัยแห่งสงครามโลกครั้งที่สองและน้ำมหัศจรรย์

สวัสดีครับ
ขอแนะนำสถานที่ท่องเที่ยว  ที่น่าไปเที่ยวชมอีกแห่งของกาญจนบุรีนะครับ  คือ ถ้ำเชลย   ประวัติถ้ำแห่งนี้น่าสนใจมากครับ

ถ้ำเชลย CAPTIVE CAVE 
เมื่อ พ.ศ.2484 สมัยสงครามโลกครั้งที่ 2  ญี่ปุ่นได้ก่อสร้างทางรถไฟจากประเทศไทยไปยังพม่าและอินเดีย  เป็นระยะทางกว่า 400 กิโลเมตร  เพื่อใช้ขนส่งกองทหารและอาวุธยุทโธปกรณ์จากไทยไปยุโรป  ญี่ปุ่นได้จับเชลยศึกฝ่ายพันธมิตรได้ในประเทศสิงคโปร์ มาเลเซีย ซึ่งส่วนใหญ่เป็นชาวอังกฤษ ออสเตรเลย เนเธอแลนด์ และเกณฑ์พลเรือนแถบเอเชียกว่าสองแสนคน เพื่อสร้างทางรถไฟให้เสร็จภายใน 1 ปี ค่ายเชลยถูกสร้างขึ้นตลอดเส้นทางที่รถไฟตัดผ่าน   เชลยศึกต้องทนทุกข์ทรมานจากโรคภัยไข้เจ็บ ไข้ป่า หรือมาลาเรีย  โรคอหิวาต์ตายกันทุกวัน   ที่เหลือก็ถูกใช้งานอย่างหนัก  เพื่อเร่งสร้างทางรถไฟให้เสร็จภายใน 1 ปี

บริเวณนี้และพักอยู่นานเพื่อสร้างสะพานถ้ำกระแซที่ยากลำบาก  ระหว่างการก่อสร้าง เครื่องบินฝ่ายพันธมิตร บินมาทิ้งระเบิดบ่อยครั้งมาก  ทหารญี่ปุ่น พร้อมเชลยศึกต้องหาที่หลบภัย และถ้ำแห่งนี้เป็นสถานที่หนึ่งซึ่งเชลยได้วิ่งเข้ามาจนค้นพบและหลบภัย  จนรอดจากการถูกทิ้งระเบิดทำลายการก่อสร้างทางรถไฟ
Mr.John Cost เชลยศึกชาวออสเตรเลียที่รอดตายจากสงครามกลับมาเล่าว่า  ตนและเชลยศึกอีกหลายคนที่ขึ้นมาหลบระเบิดในถ้ำแห่งนี้ และป่ายเป็นไข้ป่าอย่างหนัก  จนหมดแรงกลับไปทำงานไม่ไหว ทหารญี่ปุ่นที่คุมเชลยในถ้ำแห่งนี้จึงปล่อยทิ้งไว้ให้ตาย  ไม่ให้อาหารและยา  และก็ไม่นำกลับไปค่ายด้านล่างด้วย  จะปล่อยให้ตายบนภูเขาแห่งนี้  ...  เชลยป่วยในส่วนที่ยังไม่ตายก็ได้หาอาหารประทังชีวิตด้วยน้ำผึ้งป่า ผลไม้ป่าเท่าที่หาได้  และอาศัยดื่มน้ำจากแอ่งหินภายในถ้ำ

แต่เกิดอัศจรรย์เมื่อดื่มกินน้ำจากแอ่งหินขนาดเล็กที่อยู่ภายในถ้ำ  ตักเท่าไหร่ก็ไม่แห้งหมดสักที  แล้วคนที่ป่วยเป็นไข้ป่าที่กินน้ำจากแอ่งหินนี้ก็หายป่วยหมดทุกคน  จนทำให้ทหารญี่ปุ่นที่เป็นทหารเวรเฝ้าเชลยแปลกใจเป็นอย่างมาก  ว่าเชลยที่ป่วยใกล้ตายอย่างหนักหายป่วยอย่างอัศจรรย์ทุกคน  Mr.John Cost ได้บอกกับทหารญี่ปุ่นว่าได้ดื่มกินน้ำจากแอ่งนี้  และทหารญี่ปุ่นก็ได้นำน้ำไปให้ทหารในกองทัพของฝ่ายลองกิน  และก็หายจากไข้ป่าเช่นเดียวกัน  ทหารญี่ปุ่นจึงเชื่อและได้ไว้วางใจ  Mr.John Cost และได้ให้เป็นหัวหน้างานและได้เป็นเชลยศึกผู้หนึ่งที่ได้รอดตายจากสงครามโลกครั้งที่สองนี้  ได้กลับมาเล่าประวัติของถ้ำเชลย  และถ้ำแห่งนี้ได้ถูกบันทึกไว้ในประวัติศาสตร์สมัยสงครามโลกครั้งสำคัญ และต่อมาจึงได้ตั้งชื่อถ้ำแห่งนี้ว่า "ถ้ำเชลย"