สวัสดีครับ เจอกับผม เต้ อีกแล้วนะครับ วันนี้ผมจะมีรีวิว Xiaomi Mi Mix 3 หลังจากที่ใช้งานมาเต็มๆ 1 เดือน แล้วผมเจออะไรมาบ้างและมีอะไรน่าสนใจซ่อนอยู่ ในรีวิวครั้งนี้อาจจะยาว(เหมือนเดิม หรือยาวกว่าเดิม 555+) รีวิวครั้งนี้ ผมจะไม่เจาะลึกเรื่องสเปกในกระดาษหรือตัวเลขจากโรงงาน เพราะผมว่า หลายคนคงรู้อยู่แล้วครับ ผมอาจจะกล่าวถึงฟีเจอร์ต่างๆ และสิ่งที่ผมพบเจอจากการใช้งานจริง เลยอยากเอามาแชร์ๆ กับเพื่อนๆ ครับ กระทู้ครั้งนี้อาจจะไม่เหมือนกระทู้อื่น เนื่องจาก Mix 3 ออกมาพักใหญ่แล้ว การรีวิวครั้งนี้จะพูดถึงประสบการณ์ใช้งานจริงมากกว่าครับผม ^^
Mi Mix 3 จะเป็นมือถือรุ่นที่ดีไซน์ค่อนข้างจะสวยและมีความแตกต่างจากตระกูล Mi เช่น Mi 8, Mi 9 ??? กว่ารีวิว Mix 3 ของผมจะออกนี่ก็ Mi 9 ก็กำลังมาพอดีเลยครับ 555+ ไม่รอช้าครับ ไปดูกันเลยดีกว่า
vvv
vv
v
ส่วนใครที่อยากดูเป็นวีดีโอก็ตามนี้เลยครับ
ตั้งแต่ตอนที่เห็นกล่อง Mix 3 ครั้งแรกก็รู้สึกชอบครับ สมกับเป็นตัวท็อป โดยที่ก่อนหน้านี้ผมไม่รู้ว่า Mix 2S ก็กล่องหน้าตาแบบนี้เหมือนกัน 555+
ตัวกล่องรอบข้างก็ไม่มีอะไรพิเศษครับ ด้านหลังก็จะมีรายละเอียดตัวเครื่องบอกนิดหน่อยครับ
เครื่องที่ผมได้มารีวิวนั้น เป็นสีดำ Ram 6GB Rom 128GB ครับ
สเปกตัวเครื่อง
หน่วยประมวลผล: Qualcomm Snapdragon 845 AIE Octa-core ความเร็ว 2.8 GHz
GPU: Adreno 630
RAM: 6/8/10GB
ROM :128/256 GB
Color : Black, Green, Blue
ในประเทศไทย เครื่องศูนย์ ผมยังเห็นแค่รุ่นเดียวและสีเดียวคือ 6/128GB สีดำ ในราคา 18,990 บาท (ถ้าข้อมูลตรงนี้ผิดพลาด ขอภัยครับ)
รองรับ 2 ซิมการ์ด ไม่รองรับ Micro SD Card
มาพร้อมกับ MIUI 10 บนพื้นฐาน Android 9.0
Wi-Fi รองรับ Dual Band
ในกล่อง Mi Mix 3
สิ่งที่มีมาให้ในกล่องอย่างแรกที่จะเจอเลยก็จะเป็นตัวเครื่อง
และชั้นต่อมาก็จะเจอกับข้อความจากคุณ Lei Jun CEO ของ Xiaomi นั้นเองครับ
ชั้นต่อมาก็จะเจอกับแท่นชาร์จแบบไร้สาย ตอนแรกผมก็คิดว่าของมันหมดแค่นี้แล้ว
แต่ยังครับ ใต้ที่ชาร์จไร้สายเป็นกล่อง ในกล่องก็จะมีที่จิ้มถาดซิม หัวแปลง Type-C เป็น 3.5
และก็มีคู่มือ และสุดท้ายก็จะเป็นเคสแบบแข็งแต่บาง เคสยืดหยุ่นได้นิดหน่อย (ไม่ได้ถ่ายรูปเคสมาครับ ขอโทษครับ ><; ) ตอนจับเคสครั้งแรกนี่เคสจะรู้สึกเหม็นนิดหน่อยครับ ไม่รู้เหม็นอะไร 555+
ภายนอก
ตัวเครื่องภายนอกเป็นบอดี้แบบเซรามิกซ์ ทำให้การสัมผัสและน้ำหนักตัวเครื่อง ต่างจากมือถือที่เป็นบอดี้แบบโลหะแบบรู้สึกได้ครับ เมื่อเทียบกับ Mi 8 Pro ที่เป็นบอดี้ภายนอกที่ดูเหมือนจะเหมือนๆ กัน แต่ต่างกันครับ เมื่อลองเทียบดูแล้ว โดยเฉพาะฝาหลัง Mix 3 ที่พอกระทบกับแสงแล้วจะสะท้อนทำให้ดูเหมือนเป็นโครเมียม แต่พอไม่กระทบกับแสงก็จะเห็นเป็นสีดำเงา ก็สวยไปอีกแบบครับ
ด้านหน้าตัวเครื่องของ Mix 3 ผมถือว่าเป็นจุดเด่นมาเลยครับ คือเป็นจอแบบเต็ม ไม่มีติ่งมารบกวน ด้วยขนาดหน้าจอ 6.39 นิ้ว จอแบบ AMOLED 19.5:9 ความละเอียด Full HD+ 2340x1080 พิกเซล ความละเอียดหน้าจอ 403 PPI ด้วยขนาดจอขนาดนี้ และไม่มีติ่ง ทำให้การใช้มือถือด้วยมือเดียวอาจจะมีเอื้อมนิ้วกันบางครับ ^^;
ชิ้นส่วนขอบจอของ Mix 3 นั้นจะเป็นพลาสติก เพราะฉะนั้นสิ่งที่ผมเจอก็คือ เคสที่แถมมากับเครื่อง เวลาสไลด์หน้าจอขึ้นลง นานๆ ไปขอบที่ว่านั้นเป็นรอยครับ!!! ผมขอทำตัวหนาๆ เลยครับว่าเคสที่ให้มา ผมไม่แนะนำให้ใส่เลยครับ
และที่สำคัญ ผมเห็นหลายคนถามเรื่องหน้าจอ ที่มันมีบางจังหวะที่ดูหลวมๆ บ้าง เวลากดแถวขอบจอแล้วมีเสียงบ้างหรือรู้สึกหลวมๆ นึกถึงมือถือสมัย Nokia จอสไลด์อะครับ หลักการทำงานหน้าจอสไลด์ Mix 3 ก็แทบไม่ต่างกันครับ มันต้องทำให้จอมันให้ตัวได้นิดนึงครับ มันจะทำมาแน่นสนิทเลย มันไม่ได้ครับ ตัวผมเองก็ได้ไปจับ Mix 3 ของคนในกลุ่ม Xiaomi มาหลายเครื่องแล้ว ก็เป็นเหมือนกันหมดครับ ปกติ!!!!! ไม่ต้องกังวลครับ ^^
และแน่นอนว่ามือถือรุ่นนี้มากับหน้าจอสไลด์ ที่เป็นจุดเด่นของ Mix 3 และเคลมไว้ว่าสามารถสไลด์ได้มากกว่า 3 แสนครั้ง!!! สไลด์เท่าไหร่ก็ไม่พัง(แต่ก็ไม่แน่นะครับ...) ด้านบน เมื่อสไลด์ลงมาก็จะเจอกับกล้องหน้าคู่ กล้องหลักใช้เซ็นเซอร์ SONY IMX576 ความละเอียด 24 ล้านพิกเซล ไม่มี Auto Focus และกล้องรองใช้เซนเซอร์ OC0A10 ความละเอียด 2 ล้านพิกเซล ที่ไว้ใช้วัดความลึก ช่องว่างระหว่างจอกับตัวเครื่องอาจจะมีฝุ่นเข้าได้ง่าย ผมแนะนำให้ใช้ปากเป่าฝุ่นออกแทนที่จะเช็ดครับ
และต่อมาก็จะเป็นลำโพงสนทนา ที่ให้เสียงสนทนาได้ดีกว่ารุ่นอื่นๆ ของ Xiaomi เท่าที่ผมเคยรีวิวมาเลยครับ อาจจะเป็นเพราะว่าเมื่อสไลด์ปิดไปแล้วกลัวจะไปบังเสียงเค้าเลยทำออกมาให้เสียงดังฟังชัด ผมบอกเลยว่าพอสไลด์ปิดแล้ว เสียงยังดังชัดเจนกว่า Mi 8 ของผมซะอีก 555+ สุดท้ายก็จะเป็นแฟลชกล้องหน้าครับ
ผมขออธิบายนิดนึงครับ ในรูปอาจจะมองไม่ค่อยเห็น แต่จอด้านบนนั้นก็จะมีเซ็นเซอร์พื้นฐานมา ฝังอยู่ขอบจอด้านบนจนอาจจะดูไม่ออกกันเลยครับ ใต้ช่องลำโพงสนทนานั้นมีเซ็นเซอร์ที่ไว้ใช้ปิดหน้าจอเวลาเรากำลังคุยโทรศัพท์แล้วหน้าจอจะดับ อยู่ใต้ช่องลำโพงสนทนาครับ ถ้าไม่เอามือไปบังผมก็ไม่รู้หรอกครับว่ามันมีเซ็นเซอร์อยู่ในนั้น 555+ ถัดมาด้านขวาจะเป็นเซ็นเซอร์วัดแสงครับ และสุดท้ายก็จะเป็น LED สีขาว จะติดเวลามีแจ้งเตือนที่ยังไม่ได้อ่านและชาร์จแบตเตอรี่ครับ
และอีกอย่างคือระบบที่เวลาใส่กระเป๋าแล้วจอไม่ติดนั้น Mix 3 ไม่มีระบบนี้มา ทำให้บางทีเราใช้งานคู่กับการยกเครื่องขึ้นมาแล้วหน้าจอติด หรือการแจ้งเตือนบางแอพทำให้หน้าจอติดขึ้นมาขณะที่เราใส่มาในกระเป๋า อาจจะทำให้หน้าจอทัชเอง หรือกดรหัสเอง จนทำให้เครื่องล็อคเพราะใส่รหัสผิดเกินจำนวนครั้ง แต่เหตุการณ์เหล่านั้นสำหรับผมเกิดขึ้นไม่บ่อยครับ
แต่แอบเสียดายที่มันไม่มีฟีเจอร์นี้เหมือนรุ่นอื่นๆ หรืออาจะเป็นเพราะเซ็นเซอร์มันอยู่ในช่องลำโพงสนทนาเลยไม่มีฟีเจอร์นี้???
เมื่อสไลด์หน้าจอลงมา แล้วมาดูด้านหลังก็จะเจอกับด้านหลังที่มีการทำลวดลายไว้ก็ถือว่าเป็นอะไรที่ดีครับ ดีกว่าเป็นเรียบๆ เงาๆ ซึ่งอาจจะทำให้มีรอยได้ครับ
ด้านซ้ายของตัวเครื่องก็จะเป็นถาดใส่ซิมการ์ดที่ใส่ Nano Sim ได้ 2 ช่องครับ และไม่รองรับ Micro SD แอบเสียดายเหมือนกันครับ แต่พอคิดไปคิดมาแล้ว 128GB สำหรับใครหลายๆ คนก็น่าจะเพียงพอแล้วครับ
ถัดลงมาจากช่องใส่ซิม จะเป็นปุ่มเรียกผู้ช่วยอย่างอัจฉริยะ Google Assistant คล้ายกับ Samsung ที่มีปุ่มเรียก Bixby ที่ด้านซ้ายตัวเครื่องครับ ซึ่งถ้าเป็น Mix 3 รุ่นรอมจีน ก็จะเป็นปุ่มที่เรียกผู้ช่วยอัจฉริยะ ของ Xiaomi ที่เรียกว่า Xiao Ai ครับ ผมมองว่าเป็นฟีเจอร์ที่ดีครับ สำหรับบางคนที่ใช้ Google Assistant แล้ว MIUI ยังมีบัคเรื่องการเรียก Google Assistant ด้วยเสียงสำหรับบางรุ่น ปุ่มนี้ก็ช่วยแก้ปัญหาได้ครับ ตอนนี้ Mi 8 ได้อัพเดตแล้ว และสามารถเรียก Google Assistant ด้วย OK Google ได้แล้วครับ ดีใจมากครับ แต่ผมแก้ปัญหาโดยการซื้อ Google Home มาก่อนหน้านี้แล้วครับ 555+
ด้านขวาของตัวเครื่องก็จะมีปุ่ม เปิด-ปิดเครื่อง และปุ่มเพิ่มเสียง-ลดเสียงครับ
ด้านบนก็จะมีไมโครโฟนตัวที่สอง ไว้ตัดเสียงรบกวนขณะสนทนาครับ
[SR] รีวิว Xiaomi Mi Mix 3 ใช้งานจริง 1 เดือนเต็ม เจออะไรมาบ้าง มาดูกัน
SR - Sponsored Review : กระทู้รีวิวนี้เป็นกระทู้ SR โดยที่เจ้าของกระทู้