▼ กำลังโหลดข้อมูล... ▼
แสดงความคิดเห็น
คุณสามารถแสดงความคิดเห็นกับกระทู้นี้ได้ด้วยการเข้าสู่ระบบ
กระทู้ที่คุณอาจสนใจ
อ่านกระทู้อื่นที่พูดคุยเกี่ยวกับ
บันทึกนักเดินทาง
สถานที่ท่องเที่ยวต่างประเทศ
เที่ยวยุโรป
ประเทศอิตาลี
นักท่องเที่ยว
ซัมเมอร์นี้ ไปมโนว่าเป็นเจ้าหญิงในปราสาทที่อิตาลีกันมั้ย? (ฮันนี๋...เบบี๋ ไปด้วย)
เราเอาทริปที่ไปมาเมื่อพฤษาคมปีที่แล้วมาแชร์ เผื่อเพื่อนๆอยากจะวางแผนมาเที่ยวกัน
ทริปนี้สามีบอกอยากจะไปเยี่ยมเพื่อนที่อิตาลี เมืองอยู่ใกล้ๆหอเอนเมืองปิซ่า เราก็รีบบอกนางเลยว่าเคยเจอใน AirBNB ว่ามีปราสาทให้พักได้ (ซึ่งจริงๆแล้วปราสาทที่เอาไปโชว์นางไม่ได้ใกล้เมืองนี้เลยสักนิด ห่างออกไปอีกตั้ง 350 กม. อิอิ) ด้วยความอยากมโนว่าตัวเองเป็นเจ้าหญิงอาศัยอยู่ในปราสาทสักครั้งก็อ้อนสามีจนนางยอมไปค่ะ
แต่ก่อนจะถึงปราสาทของเรา ก็ต้องไปเยี่ยมเพื่อนนางก่อน...
ใครที่เคยไปเที่ยวหอเอนเมืองปิซ่ามาแล้วจะรู้ว่า ผู้คนช่างเยอะนัก และเราต้องมีความสามารถในการหามุมเพื่อแบกตึกได้อย่างแนบเนียบ มือไม่เกินเข้าไปในตึก หรือไม่ห่างออกจากตัวตึก และไม่ติดผู้คนมากนัก อิอิ
หอเอนเมืองปิซา ตั้งอยู่ที่เมืองปิซา ในจัตุรัสเปียซซา เดล ดูโอโม หอระฆังของศาสนาคริสต์นิกายโรมันคาทอลิก เป็นหอทรงกระบอก 8 ชั้น สร้างด้วยหินอ่อนสีขาว สูง 183.3 ฟุต (55.86 เมตร) น้ำหนักรวม 14,500 ตันโดยประมาณ มีบันได 293 ขั้น เอียง 3.97 องศา สร้างเสร็จเมื่อปี 1350 ใช้เวลาสร้างประมาณ 175 ปี ความน่าสนใจอีกอย่างของหอเอนปิซาแห่งนี้คือการมาตามรอยกาลิเลโอ นักวิทยาศาสตร์ชื่อดังของโลก เนื่องจากหอระฆังแห่งนี้นั้นเคยเป็นสถานที่ที่กาลิเลโอใช้ในการทดสอบเรื่องแรงโน้มถ่วงของโลก ซึ่งในขณะนั้นเขาเรียนอยู่ที่มหาลัยปิซา โดยการทดลองนั้นทำโดยการใช้ลูกบอล 2 ลูกที่มีน้ำหนักไม่เท่ากันทิ้งลงมาเพื่อพิสูจน์สมมุติฐานเกี่ยวกับแรงโน้มถ่วงของโลก ซึ่งบอล 2 ลูกนั้นก็ได้ตกลงถึงพื้นพร้อมกันตามที่กาลิเลโอคาดการณ์ไว้นั่นเอง และที่สำคัญหอเอนเมืองปิซ่า เป็น 1 ใน 7 สิ่งมหัศจรรย์ของโลกด้วย ขอบคุณข้อมูลจากวิกิพีเดีย สาระมีเท่านี้กระทู้เรา 555
ดูจำนวนคนซะก่อน ธรรมดาที่ไหนกัน แล้วพอดูแต่ละคนโพสท่าคนละมุม ก็ตลกดีเหมือนกัน อิอิ
ก็หอเอนเนี๊ยะเป็นแค่หอระฆัง แต่ดังกว่าตัวโบสถ์ที่เป็นสถานที่หลัก เพราะว่ามันเอนแล้วไม่ล้มค่ะ
เอาภาพอีก 2 อาคารหลักมาฝากด้วยค่ะ
Battistero – หอศีลจุ่มเอาไว้ประกอบพิธีล้างบาปสำหรับเด็กเกิดใหม่หรือผู้ที่ต้องการเข้าศาสนาคริสต์
มาถึงอิตาลีทั้งที ต้องไปกินพิซซ่าแบบดั้งเดิม เผาด้วยเตาถ่าน ร้านที่ไปเป็นร้านเล็กๆ ชือ IL Cappellaccio ถึงร้านจะเล็กแต่คนแน่นร้านมาก เห็นเพื่อนบอกว่าเป็นร้านดัง บางคนมาช้าถึงกับต้องต่อคิวเลยทีเดียว สิ่งที่น่าตกใจคือพิซซ่าถาดใหญ่มากกกกกก (ดูเทียบขนาดจากแก้วเบียร์ได้) มีขนาดเดียวไม่ต้องคิดมาก แต่ที่ตกใจยิ่งกว่าคือคนฝรั่งนี่เค้าไม่นิยมกินแชร์กัน เลยสั่งกันคนละถาด เราไปกัน 6 คน สั่ง 6 ถาด และก็กินไม่หมดตามคาด 555
ตลาดนัดที่นี่คล้ายกับที่ไทย ขายพวกเสื้อผ้า ข้าวของเครื่องใช้ กระเป๋าก๊อปเกรดเอ ต้นไม้ต่างๆ เราไม่ได้ซื้ออะไรมามากเพราะยังต้องเดินทางต่อ ไปแค่ดูบรรยากาศตลาดเค้าพอ แต่ก็ได้กระโปรงอินเดียมานะ สวยดี แต่ไม่ทน ซักไปสองทีขอบลุ่ยแล้ว ( T T )
ด้านนอกยิ่งใหญ่อลังการมาก เห็นเทวดาบนยอดมั้ย นั่นแหละอัครเทวดามีคาเอล
ขอแนะนำเมืองเก่าอีกเมือง เป็นเมืองเล็กๆ เล็กกว่าเมืองก่อนหน้า ไม่ค่อยมีนักท่องเที่ยว เมืองชื่อ La California ลา แคริฟอร์เนีย ถูกต้องแล้วค่า คนอ่านอาจจะงงนิดนึงว่านี่ยังอยู่อิตาลีใช่มั้ย ไม่ใช่อเมริกา ก็ถูกต้องอีก เรายังอยู่กันที่อิตาลีค่ะ แต่เมืองนี้ชื่อเหมือนแคลิฟอร์เนียที่อเมริกา เค้ามีเรื่องเล่าตลกๆที่มาของชื่อคือ ในสมัยก่อนคนจากตอนใต้ของอิตาลีต้องการจะเดินทางไปแคลิฟอร์เนีย แล้วเรือที่พามาก็ขึ้นฝั่งที่นี่ และคิดว่าที่นี่เป็นแคลิฟอร์เนียจริงๆ แต่มารู้ภายหลัง ก็ตั้งรกรากอยู่ที่นี่แล้วใช้ชื่อแคลิฟอร์เนียไปซะเลย
ดูประตูทางเข้าเมืองนึกว่าปราสาทอัศวิน อิอิ
บรรยกาศในเมืองก็น่ารักไม่แพ้เมืองแรกนะคะ และเหมือนว่าเมืองนี้จะปลูกดอกไม้มากกว่าเมืองแรกซะอีก
ขอต่อในคอมเม้นนะคะ เพราะรูปเยอะมาก 5555
อาจถ่ายรูปไม่สวยแต่เราชอบถ่ายรูป อิอิ