[SR] รีวิว ร้านอาหารฟิวชั่น "Tanwa the food Project" ย่านบางบัวทอง

 

 

 

 

 

 

ในส่วนของที่จอดรถก็จะมีโซนที่จอดรถด้านข้างร้าน คอยรองรับลูกค้าที่เข้ามาทานอาหารในร้าน

 

 

สำหรับลูกค้าที่ต้องการสูบบุหรี่ จะมี Area สำหรับสูบบุหรี่ด้านนอกร้านค่ะ

 

เมื่อเข้ามาด้านในร้านก็จะมีของน่ารัก ๆ จำหน่าย ทั้งเสื้อผ้าเด็กอ่อน ถ้วยชาม แก้วเซรามิค  ต้นกระบองเพชร

เป็นเหมือนทั้งสินค้าจำหน่าย และของตกแต่งร้านไปในตัว

 

 

เสื้อผ้าเด็ก

 

 

ถ้วยชามเซรามิค

 

ต้นกระบองเพชร น่ารัก ๆ

 

เสื้อผ้าผู้ใหญ่ก็มีจำหน่ายนะคะ จะออกโทนสี ขาว สีดำซะส่วนใหญ่ เรียบ ๆ สไตล์มินิมอล

 

โซนห้องครัว ดูเรียบ ๆ แต่มีสไตล์ ป้ายชื่อร้าน มีนาฬิกา อยู่ตรงตัว อักษร O ด้วยค่ะ ดูเก๋ดี

 

 

 

 

เริ่มที่ เมนูแรก  เป็น Epresso ร้อน มาในแก้วเซรามิคน่ารัก ๆ ใช้ กาแฟอราบิก้าแท้ 100% กลิ่นกาแฟหอมกรุ่น รสชาติเข้มข้นเข้าถึงรสกาแฟ เสริฟพร้อมกับแก้วด้านข้าง แก้วทางขวาเป็น น้ำผึ้งจากเชียงใหม่ ออแกนิค 100%  ส่วนทางซ้าย เป็นน้ำตาลทรายแดงค่ะ ใครไม่ได้ชอบหวานมาก แนะนำให้เติมแค่น้ำผึ้งจากแก้วทางด้านขวาก็ได้รสหวานเพียงพอแล้วค่ะ

 

ราคา : 60 บาท 

 

 

เมนูที่ 2 เป็น เครื่องดื่มสายสุขภาพ Yogurt Perfait ตัวนี้ เขาทำมาแบ่งเป็น 3 Layer ค่ะ ด้านล่างจะเป็น กีวีหั่น ตามด้วย โยเกิร์ตธรรมชาติ ผสมน้ำผึ้งออแกนิคของทางร้าน ตามด้วยครีมสตรอเบอรี่ และตบท้าย ด้วย มะพร้าวกรอบ ด้านบน ค่ะ ส่วนตัวแก้วนี้ชอบ ที่ ครีมสตรอเบอรี่ หอมหวาน และมะพร้าวกรุบกรอบที่โรยด้านบนค่ะ แต่สำหรับตัวโยเกิร์ตที่ผสมน้ำผึ้งยังไม่ค่อยถูกปากเราเท่าไร อาจด้วยเราไม่ได้เป็นสายเฮลตี้ สำหรับสาว ๆ รักสุขภาพ แก้วนี้ถือว่าตอบโจทย์ค่ะ ที่สำคัญถ่ายรูปสวยด้วย

 

ราคา : 120 บาท

 

เมนูที่ 3 เป็น ของคาวกันบ้าง ค่ะ ถือเป็นออเดิร์ฟ จานแรกด้วย ทอดมันกุ้ง 6 ชิ้นเล็ก เสียบไม้ดูน่ารัก ๆ มีเลมอนมาให้บีบเพิ่มรสชาติ ทานคู่กับซอสรสชาติไม่เหมือนใคร โดยมี  2 รสชาติให้เลือกคือ ซอสทงคัตสึ (อารมณ์เหมือนซอสหมูทอดทงคัตสึ) กับอีกซอส เป็นซอสทรัฟเฟิล คล้าย ๆ กับซอสบ๊วยที่ปกติเราทานคู๋กับทอดมันกุ้งทั่วไป ค่ะ แต่ตัวนี้ให้รสชาติค่อนข้างละมุนดีค่ะ

 

ราคา : 220 บาท 

 

 

 

 

เมนูที่ 4 เรียกว่าเป็นจานหลักสไตล์ฟิวชั่นค่ะ  กับเมนู ข้าวมันไก่ย่าง เสริฟพร้อมกับส้มตำไทย ใส่ข้าวโพดหวาน ที่ใช้มะม่วงหิมพานต์ แทนถั่วลิสง รสชาติ กลมกล่อม เปรี้ยวหวานกำลังดี รสจะออกกลาง ๆ ฝรั่งทานได้ จะไม่ได้รสชาติส้มตำรสจัด แบบอีสาน ตัวเนื้อไก่ย่างหมักรสชาติดี ย่างมาได้เกรียมกำลังดี หนังกรอบ เนื้อในนุ่ม สำหรับข้าวเป็นข้าวไรซ์เบอร์รี่ จากเชียงราย 

 

ราคา  : 240 บาท

 

 

เมนูที่ 5 ปลาทับทิมย่างต้มข่า เป็นอาหารสไตล์ฟิวชั่น อีกจาน เป็น เนื้อปลาทับทิมย่าง (เนื้อปลาสด ไม่คาว แล่มาเฉพาะส่วนที่เป็นเนื้อและหนังด้านบน ตักไปไม่เจอก้างเลย) เสริฟพร้อมน้ำต้มข่า ตัวน้ำต้มข่าจะออกรสชาติเปรี้ยวนำ เพื่อให้รสชาติไม่เลี่ยนเกินไป จึงมีน้ำพริกตาแดงมาตัด ทานคู๋กันกับ เห็ดผัดใบโหระพา เชฟบอกได้แรงบันดาลใจมาจากห่อหมก แต่ส่วนตัวคิดว่าไม่เหมือนห่อมหมกค่ะ อาจเพราะพอเอาโหระพาไปผัดกับเห็ด แล้ว กลิ่นเห็ด กลบกลิ่นโหระพา ทำให้รสชาติโหระพาดูอ่อนลง ด้านบนหนังปลาทับทิม โรยด้วย หอมทอดหั่นบาง ๆ 

 

ราคา : 240 บาท

 

 

สำหรับเมนูสุดท้าย เมนู Apple Crumble เรียกว่าเป็นเมนูที่เราชอบที่สุดค่ะ Recommend เพราะส่วนตัวสาว ๆ อย่างเรา ชอบทานของหวานค่ะ โดยเฉพาะไอศกรีม ทานแล้วรู้สึกสดชื่น ชื่นใจ หน้าตาก็จะคล้าย ๆ Honey Toast ค่ะ แต่ตัวขนมปัง คิดว่าไอเดียน่าจะมาจากขนมปังไอติมรถเข็น ที่จะใส่ข้าวเหนียวด้านล่าง และไอติมอยู่ด้านบน 3 ลูก เล็ก แต่อันนี้มาแบบขนมปังเนยกรอบ เป็น Toast ชิ้นใหญ่ เสริฟด้านใน Toast ด้วย เนื้อแอปเปิ้ล หวานเปรี้ยวกำลังดี ตามด้วยไอศกรีมให้ 2 ลูกใหญ่ มีน้ำผึ้งจากเชียงรายไว้โรย  สามารถเลือกรสชาติไอศกรีมได้ จากที่ฟังจากพนักงาน น่าจะมีประมาณเกือบ 10 รสชาติ เราเลือกกันเป็น ไอศกรีม ดับเบิ้ลช็อก และวนิลา  

 

ไอศกรีมดับเบิ้ลช็อก รสชาติเข้มข้น อร่อย ถูกใจคนชอบทานช็อกโกแลตแบบเรา

ไอศกรีมวนิลา หวานหอมกลิ่นวนิลา  แต่เทใจให้ดับเบิลช็อกมากกว่า

ด้านบนโรย Crumble กรอบอร่อยค่ะ

 

ราคา : 240 บาท

 

 

ขอจบปิดรีวิวไปด้วยภาพต้นไม้สวย ๆ ในห้องน้ำ  ที่นี่ห้องน้ำกว้างขวางดีค่ะ มีต้นกระบองเพชรให้มองเพลิน ๆ ระหว่างทำธุระส่วนตัวซะด้วย

บ๊ายบายยยย ไว้เจอกันใหม่รีวิวหน้านะคะ