"กระซิบฮัก...รักน่าน" ดูดาว / เข้าป่า / นอนนา / เที่ยวเมือง

“น่าน”….เมืองเล็กๆที่มีมนต์เสน่ห์ เต็มไปด้วยศิลปะ ภาษา วัฒนธรรม
วิถีชีวิตการเป็นอยู่ และธรรมชาติ ผมนั้งหาข้อมูลอยู่นาน….
เกี่ยวกับจังหวัดน่าน เมืองเล็กๆที่เป็นเมืองรอง จะไปมีอะไร?
แต่พอได้อ่านได้หาข้อมูล ยิ่งอ่านยิ่งลงลึก ยิ่งอ่านยิ่งน่าสัมผัส
ทุกอย่างมันดูอบอวล และละมุนอย่างบอกไม่ถูก ชวนให้ค้นหาด้วยตาตัวเอง…”
 
สุดท้ายแล้ว "การเดินทางเท่านั้น คือคำตอบ"
เราบินด้วยตั๋วเครื่องบินราคาประหยัด จากเจ้านกเหลือง มุ่งหน้าจากดอนเมือง สู่สนามบินน่านนคร
เริ่มออกเดินทางตั้งแต่ 9.00 น. ไปถึงสนามบินน่านนคร 10.10 น. ใช้เวลาเดินทางประมาน 1 ชั่วโมง 10 นาที
 
ซึ่งในการเดินทางครั้งนี้ เรามีสมาชิกผู้ร่วมเดินทาง 6 คน "วัยรุ่นหนุ่มสาว ผู้รักการผจญภัย" 
บอกก่อนเลยว่า ถ้าคุณอยากจะเที่ยวน่านให้ครบ แนะนำมาเป็นกลุ่มจะดีที่สุด เพราะเราต้องการตัวหารค่าใช้จ่าย
เพราะการเดินทางไปแต่ละที่นั้นใช้เวลา ถึงจะห่างกันไม่ไกล แต่ส่วนใหญ่จะขับขึ้นเขา เช่ารถขับเองดีกว่า สำหรับผม 6 คน
เป็นอะไรที่พอดีและเพอร์เฟ็ก เมื่อถึงสนามบินน่านนคร เราได้โทรหารถที่จองไว้(เบอร์ติดต่ออยู่ด่านล่างสุดนะจ๊ะ)
เป็นรถฟอร์จูนเนอร์ 7 ที่นั้ง มากัน 6 คนนั้งสบาย แถมเก็บกระเป๋าได้อย่างปลอดภัย ไม่ต้องเก็บไว้หลังกระบะตากฝน
แถมแอร์เย็นจนแม่คะนิ้งเกาะเหงือกอีกต่างหาก....ว่าแล้ว เรามาเริ่มเดินทางกันดีกว่า
 
แน่นอนครับ ตามความเชื่อของคนไทย ต่างบ้าน ต่างเมือง ไปไหนมาไหน ที่แรกที่ไป...ต้องเข้า "วัด"
เอาฤกษ์เอาชัย ไหว้พระขอพร ทำตัวดีมีชัยไปกว่าครึ่ง ซึ่งเรามุ่งหน้าสู่ "วัดมิ่งเมือง"  เป็นสถานีแรก 
 
วัดมิ่งเมืองนั้น ตั้งอยู่ไม่ไกลจากสนามบิน ซึ่งเป็นอีกหนึ่งวัดที่เก่าแก่ของจังหวัดน่าน ไม่เพียงแต่เป็นวัดเท่านั้น
ยังมีเสาหลักเมืองให้เราได้กราบไหว้สักการะขอพรอีกด้วย มาที่เดียว ได้พรสองชั้น...
 
ซึ่งการกราบไหว้ศาลหลักเมืองนั้น เราจะต้องร่วมทำบุญ โดยแต่ละคนก็จะได้รับดอกไม้ธูปเทียน
เครื่องบูชาเป็นผ้าผูกคนละสีกัน แล้วแต่วันเกิดของแต่ละคน โดยชุดนึง ราคาเพียงไม่กี่บาท
ซึ่งเราขอพรให้เดินทางปลอดภัย ไร้อุปสรรค เพี้ยง!!! เพราะแว่วๆมาว่า ถนนหนทางแอบเสียวอยู่นิดนึง...
 
ศิลปะการตกแต่งไม่ว่าจะลวดลาย การปั้น หรือจิตรกรรมต่างๆ จะเป็นศิลปะเชียงแสนดั้งเดิมขนานแท้
วิจิตรบรรจง อ่อนช้อยสวยงาม สมคำร่ำลือ..
 
ผมยืนมองอยู่นาน...ด้วยรายละเอียดต่างๆ ความบรรจง ความปราณีต
บ่งบอกถึงความตั้งใจและความใส่ใจของช่างได้อย่างชัดเจน...เวรี่ กู๊ดดดดดดดดดดดดดด
 
 
อ่าาาาาา............เที่ยงแล้วสินะ ไส้สั่นแล้ววววววว!!!!
เรามาหาของอร่อยๆ กินกันดีกว่า ได้ยินมาว่า ก๋วยเตี๋ยวไร้เทียมทาน แห่งน่านนคร
ชื่อเสียงโด่งดังยิ่งนัก เปิดGPSปุ๊บ เด้งขึ้นมาปั๊บ.....ลุยสิครับบบบบ
 
เมื่อถึงร้าน แป่ว!!!!! ร้านปิด น้ำตาไหลพราก แต่เราจะไม่ยอม ตั้งใจจะกินก๋วยเตี๋ยวแล้วก็ต้องหาให้ได้
ขับวนไปสิครับ ชะแว้บบบบบ!!!!!!!!!!! เจอแล้ว ป้ายร้านแสนสะดุดตา ร้าน "ญิ๋ง-จาย ก๋วยเตี๋ยวกะลาโบราณ"
ร้านเล็กๆ ริมทาง สูตรสำเร็จของการเสี่ยงดวงแห่งความอร่อย อย่าถามครับว่าร้านอยู่ตรงไหน
ขับวนไปวนมาเหมือนกัน เพราะฉะนั้น อากู๋..เกิ้ล ช่วยคุณได้..
 
ร้านตกแต่งสไตล์ล้านนา...เพื่อให้ลูกค้าได้สัมผัสถึงกลิ่นอายของภาคเหนือ (มั้ง!!!! 555)
 
ที่นี้มีเมนูเยอะครับ ไม่ใช่แค่ก๋วยเตี๋ยว อาหารตามสั่งก็มี แต่เราอยากกินเตี๋ยวก็ต้องสั่งก๋วยเตี๋ยวสิ
 
น่าตาดูดี น่ารับประทานเลยทีเดียว รสชาติสำหรับผม ถือว่าอร่อยครับ
เข้มข้น กลิ่นหอม ลูกชิ้นดี หมูนุ่ม แถมราคาถูก เอาไปเลย 8/10 คะแนน
 
กินอิ่มแล้วชีพจรลงเท้าพร้อมออกเดินทาง..เตรียมเสบียงกันให้พร้อม
เพราะคืนแรก...เราจะเปิดหัวด้วย "ดอยเสมอดาว"
แวะเซเว่น ร้านค้า มีแรงแบกมาเท่าไหร่แบกให้หมด ขนม มาม่า หรือว่าเครื่องดื่ม เตรียมให้พร้อม.....
เราใช้เวลาเดินทางจากตัวเมืองน่าน มายังดอยเสมอดาวประมาน2ชั่วโมง ก่อนเข้าดอยเสมอดาว
เราแวะเอาเต็นท์เช่าก่อน ซึ่งที่ผมเช่าไปเองเพราะการโทรจองกับเจ้าหน้าที่ของดอยเสมอดาว โทรติดยากมากกกก
(กอ ไก่ ล้านตัววว) เลยตัดสินใจเช่าข้างนอกไปกางเองดีกว่า...ดีกว่าไปนั้งลุ้นหน้างาน
 
เอาเต็นท์เสร็จ...ก่อนถึงดอยเสมอดาว ก็มีที่เที่ยวให้แวะตลอดทาง แต่เราเลือกแวะ "เสาดินนาน้อย" 
สถานที่ยอดฮิต ติดอันดับ อินสตาแกรม ใครมาน่านต้องแวะ...แล้วเราจะพลาดได้ไง
 
เสียค่าเข้าคนละ25บาท แต่เราเสียครั้งเดียว เราสามารถเที่ยวอุทยานแถวนั้นได้หมดเลย เหมือนราคาเหมาๆ เพียงแค่แสดงบัตร...
 
ตามชื่อสถานที่เลยครับ เสาดินนาน้อย ภาพที่เห็นก็คือ ที่กว้างโล่งๆ ที่เต็มไปด้วยเสาดินที่โผล่ขึ้นมาเต็มไปหมด
เป็นอีกหนึ่งความอะเมซิ่งของธรรมชาติ อารมณ์คล้ายๆหินย้อยในถ้ำแต่อันนี้ย้อยขึ้นฟ้า
 
แสงดี เงาได้ เลือกมุมได้ตามสบาย..
 
บางพื้นที่ก็เป็นหลุมเป็นบ่อ พอให้ลงไปยืนถ่ายภาพได้...
 
พลาดไม่ได้กับแอ็คชั่นยอดฮิต....อารมณ์เหมือนลอยอยู่บนดาวอังคาร
 
หรือจะเป็นมุมจูราสิคปาร์ค อารมณ์เหมือนมาสำรวจฟอสซิลไดโนเสาร์ก็ยังได้
 
ห๊ะ....อะไรนะ ใครเรียก!!!!
 
พอยังเธอ...แดดมันร้อนนนนนนนนน
 
เดินถ่ายกันไปเรื่อย อ้าว!!!! นึกขึ้นได้ จะเย็นแล้ว เดี๋ยวไม่ทันกางเต็นท์ รีบเร่งเดี๋ยวจะไม่ได้มุมเทพ
 
ขับเลยมาไม่กี่ร้อยเมตร ก็ถึงที่หมายคืนแรกของเรา "ดาวเสมอดอย เอ้ย!! ดอยเสมอดาว"
คนน้อย...คือลาภอันประเสริฐ ที่เราเลือกที่นี้เป็นคืนแรก เพราะวันที่เราไปมันตรงกับวันพฤหัส
ซึ่งเป็นวันธรรมดา ซึ่งคนไม่น่าจะเยอะซักเท่าไหร่ และก็เป็นอย่างที่เราคิดเอาไว้..ไม่วุ่นวาย จอแจ ดีเยี่ยม
 
เดินเล่น หาเหลี่ยมหามุมกางเต็นท์กันไปเรื่อย มุมด้านหลังซึ่งเป็นจุดกางเต็นท์ไม่ใช่ของอุทยาน
แต่เป็นที่ของชาวบ้านและผู้ประกอบการต่างๆ มีหลายเจ้าให้เลือกใช้บริการ ผมก็พึ่งมารู้ที่นี่เหมือนกัน...
 
วิวด้านหลังอีกเช่นกัน ฟ้าโปร่ง มีหมอกนิดๆยามเย็น พอให้มองเห็น
 
เดินกลับมาด้านหน้า เพื่อหาจุดกางเต็นท์ต่อ จนมาเจอวิวช่องเขา แถมพื้นก็เรียบ
พระอาทิตย์ขึ้นฝั่งตรงข้าม ตอนเช้าจะได้ไม่ร้อน นอนได้ยาวๆ เหมาะสำหรับกางเต็นท์พอดี..ภารกิจกางเต็นท์ เริ่ม!!!
 
ชะแว็บ!!!...กางเรียบร้อยราวกับมืออาชีพ เต็นท์ตึงเปรี้ยะ อยากจะบอกว่า เต็นท์ที่เช่ามาดีมาก
เป็นเต็นท์ใหญ่นอนได้4คน แต่เรานอนแค่2คน เหยียดแข้ง เหยียดขาสบาย ตีลังกาก็ยังได้ อุปกรณ์ครบ เต็นท์ใหม่
ไม่เหม็นไม่อับชื้น อุปกรณ์เครื่องนอนก็ครบครัน ราคาเช่าเพียง วันละ 350 บาท ถือว่าคุ้มค่ามากๆ(ราคาแพงกว่าอุทยานไม่กี่สิบบาท)
แถมเลือกจุดกางได้เอง เหมาะสำหรับคนที่เช่ารถใหญ่แบบพวกเรานะครับ เพราะตอนเอามามันพะรุงพะรังมาก
รัดเชือกมากับแล็คหลังคา (เบอร์เช่าเต็นท์อยู่ด้านล่าง)
 
กางเต็นท์ของเราเสร็จ ก็ขอเดินดูเต็นท์ของทางอุทยานบ้าง ซึ่งเต็นท์ดีเช่นกันครับ
ราคาถูกกว่าเช่าข้างนอกนิดหน่อย แถมไม่ต้องกางเอง เหมาะสำหรับคนที่ไม่ถนัดกางเต็นท์
หรือไม่สะดวกในการขน และยังดวงดีในการโทรจอง(โทรติดยากมาก ด้วยจำนวนผู้ใช้บริการเยอะ)
แนะนำเลยว่าดีไม่ต่างกัน เพียงแต่จะถูกจัดเป็นโซนให้นอนติดๆกัน ซึ่งไม่เหมาะกับเรา สายบันเทิงยิ่งนัก...
 
ถึงเวลาเดินขึ้นมาชมวิวด้านบนบ้าง อากาศสดชื่น เลยยืนฟอกปอด..
 
ไว้มาต่ออีกนะครับ......
 
 
แสดงความคิดเห็น
อ่านกระทู้อื่นที่พูดคุยเกี่ยวกับ  เที่ยวภูเขา Backpack ดอยเสมอดาว โฮมสเตย์ Slow Life
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่