สวัสดีครับ หลังจากห่างหายจากการท่องเที่ยวไปนานเกือบปี ครั้งนี้เลยถึงเวลาที่ต้องแอบหนีงานประจำไปเที่ยวอีกคราหนึ่ง ซึ่งจริงๆแล้วชีวิตคนเราต้องหาเวลาออกไปพักบ้าง เพื่อให้ใจและกายเราได้เติมพลังหลังจากที่ได้ทุ่มเทกับการงานไปอย่างหนักหน่วง ซึ่งนอกจากจะทำให้เรารู้สึกเหมือนได้ชาร์จแบตแล้ว ยังเป็นการเปิดโอกาสให้ชีวิตเราได้เจอสิ่งใหม่ๆ เพื่อนใหม่ และประสบการณ์ใหม่ๆ ทำให้ชีวิตเราไม่ราบเรียบจนน่าเบื่อเกินไป การเดินทางครั้งนี้ของผมเป็นการเที่ยวในภูมิภาคโทโฮคุเป็นหลัก แต่เนื่องจากฤดูใบไม้ผลิใกล้เข้ามา เลยคิดว่าน่าจะดีกว่าถ้าได้นำรูปดอกซากุระ full bloom มาเรียกน้ำย่อยก่อนที่เพื่อนๆจะเดินทางมาชมในช่วงปลายมีนาคมถึงเดือนเมษายนครับ
เมืองที่จะพาไปชมในครั้งนี้คือเมือง Kawazu ซึ่งตั้งอยู่ในคาบสมุทร Izu ของประเทศญี่ปุ่น ซึ่งจะเริ่มบานในต้นเดือนกุมภาพันธ์ ก่อนจะค่อยๆผลิบานอย่างช้าๆจน full bloom ในช่วงสัปดาห์ที่ 3-4 ของเดือนกุมภาพันธ์ (ต่างจากซากุระพันธ์ุอื่นๆที่ตั้งแต่เริ่มบานจนกระทั่งร่วงใช้เวลาเพียง 2 สัปดาห์เท่านั้น) อย่างไรก็ตามขึ้นกับสภาพอากาศในแต่ละวันด้วยนะครับ ซึ่งสามารถติดตามข่าวสารในปีถัดๆไปได้ทาง website : http://www.kawazuzakura.net ครับ ในเว็บไซต์มีบล็อกที่แสดงให้เห็นการบานของดอกซากุระแบบวันต่อวัน ทำให้สามารถใช้ในการวางแผนวันเวลาที่จะไปชมได้ครับ

Kawazu-Sakura Festival 2019 จัดเป็นครั้งที่ 29 แล้ว โดยตลอดทางเดินเลียบแม่น้ำเกือบ 4  กิโลเมตรนี้ จะมีต้นซากุระเรียงรายกว่า 8,000 ต้น นอกจากดอกซากุระยังมีนาโนฮานะ (Rape Seed) ดอกสีเหลืองบานอยู่ใต้ต้นซากุระ และในช่วงกลางคืนก็จะมีเปิดไฟ "Light up" เวลา 18.00-21.00 น. ที่บริเวณสะพานโฮเซนบาชิ และบริเวณสะพานยาคาตะบาชิ ที่อยู่ไม่ไกลจากสถานีคาวาซึ งานนี้มีผู้ชมเยี่ยมชมทั้งคนญี่ปุ่นและต่างชาติถึง 1-2 ล้านคน ปีนี้เริ่มตั้งแต่วันที่ 10 กุมภาพันธ์ – 10 มีนาคม 2019 ครับ และสามารถ download แผนที่การท่องเที่ยวในเมือง Kawazu ได้จาก http://www.kawazu-onsen.com/eng/img/sakura/Kawazu-zakuraCherryBlossomFestival.pdf (website ภาษาไทย ที่ http://www.kawazu-onsen.com/thai/)

ข้อแนะนำส่วนตัวในการไปชมซากุระที่เมือง Kawazu
1. ช่วง full bloom พยายามเลี่ยงการท่องเที่ยววันหยุด เพราะคนในรถไฟจะเยอะมาาาาาากกกกกกกกกกกกกกก

2. การเดินทางจากโตเกียวใช้เวลาพอสมควร ประมาณ 2.5 ชั่วโมง ใช้ JR pass ได้ มีรถไฟพิเศษแบบหน้าต่างกว้างชมวิวทะเล Superview Odoriko ซึ่งต้องจองที่นั่งก่อน หากเดินทางจาก Kawaguchiko จะยากนิดหนึ่งคือต้องต่อรถบัสมาลงที่ สถานี Mishima - (JR สายหลักโทไกโด / 15นาที) - สถานี Atami - (สาย Itou/ สาย Izukyu : ประมาณ 1ชม. 20 นาที / 80นาที) - สถานี Kawazu (ประมาณ 3ชม. 35 นาที) เพราะฉะนั้นการมาที่เมืองนี้ต้องเผื่อเวลาและวางแผนดีๆครับถ้าต้องการไปหลายที่

3. ถ้าจะค้างคืนที่เมืองนี้ เนื่องจากติดทะเล ที่พักจึงค่อนข้างแพง แนะนำจองผ่อน air bnb ครับ ผมพักที่ guesthouse 403 ประมาณ 2,xxx บาทต่อคืน (no meal) ซึ่งส่วนตัวก็คิดว่าแพงครับ แต่ขี้เกียจเดินทางเยอะเลยยอมเปย์ไป

4. อย่าลืมพกร่มไปครับ เราเอาแน่เอานอนกับฝนไม่ได้เลย

เมื่อพร้อมแล้วก็ไปชมซากุระกันเล้ยย!

เมื่อเดินออกจากสถานี ก็จะพบซากุระเรียงรายตามถนน ให้เพื่อนๆเดินไปทางแม่น้ำคาวาซุครับ แล้วเราก็จะพบต้นซากุระเรียงรายสุดลูกหูลูกตาตลอดแม่น้ำ ในวันที่อากาศดีจะเหมาะกับการเดินเล่นชิวๆมาก
ซากุระพันธ์ุคาวาซุจะมีสีชมพูที่เข้มกว่าพันธุ์อื่นๆครับ ส่วนตัวชอบพันธุ์นี้มากกว่าเพราะทำให้บรรยากาศดูสดใสกว่ามาก
ไฮไลท์อีกจุดคือ ซากุระที่ขึ้นเรียงรายขนาบทางรถไฟ ซึ่งมีช่างภาพและนักท่องเที่ยวหลายคนให้ความสนใจยืนรอถ่ายกันมาก เพื่อนๆสามารถใช้ app hyperdia เพื่อกะเวลาที่รถไฟจะเคลื่อนผ่านได้ครับ
หากเพื่อนๆหิวก็ไม่ต้องเป็นห่วงเรื่องของกินครับ เพราะตลอดรายทางจะมีร้านรวงจำหน่าย steet food, เครื่องดื่ม (เบียร์สดอร่อยมากและไม่แพง) สินค้าอื่นๆ เปิดตั้งแต่เช้าจนถึงเย็นเลยครับ
และเมื่อเดินตามแม่น้ำขึ้นไปเรื่อยๆ จะมีช่วงที่สามารถเดินลงไปถ่ายตรงทางน้ำได้ครับ นอกจากนี้ยังมีจุดชมซากุระต้นแรกด้วย แต่เนื่องจากระยะทางไกลและผมมัวแต่ถ่ายรูปจนเพลิน เลยไม่ได้เดินไปชมครับ
มองไปทางไหนก็มีแต่ความสีชมพูละลานตามากกกกกกกก
นอกจากซากุระแล้ว ที่เมือง Kawazu นี้ยังมีออนเซน น้ำตก เส้นทางเดินป่าซึ่งสามารถมาเที่ยวได้ทุกฤดูอีกด้วย อยากให้เพื่อนๆได้มาชมความสวยงามของเมืองเล็กๆแห่งนี้กันนะครับ

โดยสรุป การเดินทางมาเที่ยวเมืองนี้ถือว่าคุ้มค่ามาก เพราะนอกจากจะได้ชมซากุระที่แรกของญี่ปุ่นแล้ว ยังได้เดินชายทะเลอีกด้วย ถึงแม้การเดินทางมาจะใช้เวลาค่อนข้างนานแต่ก็ถือว่าควรอย่างยิ่งที่จะมาเที่ยวชมครับ

รอบหน้าจะพาไปที่ไหนต่อ รอติดตามนะครับ