สวัสดีครับวันนี้รอบๆข้างบรรยากาศมันทำให้นึกถึงเรื่องราวเก่าๆที่มีทั้งสุขที่สุดและทุกที่สุด เลยอยากมาแชร์ความรักที่ผ่านมา กระทู้แรกของผมหากข้ามไปข้ามมาก็ขออภัยด้วยครับ นามแฝง ผมชื่อไอ แล้วกันนะครับอายุ 25 ปี ผมเคยคบกับ ผญ คนนึ่งชื่อยู อายุก็เป็นพี่ผม1ปีได้ เราเลิกกันมาได้ประมาณ1 ปีครับ เราคบกันตั้งแต่สมัยมัธยม แบบป๊อบปี้เลิฟสุด^^ 5555555 นึกถึงแล้วมีความสุขดีนะ ในมุมรุ่นน้องที่แอบปลื้มรุ่นพี่ ผมชอบเค้ามาตั้งแต่เด็กเลยครับ ม.1 อย่างเปรี้ยววว 55555 (กลิ่นตัว) ซึ่งเค้าเป็นคนที่ค่อนข้างป๊อบหนุ่มๆตามจีบเพียบ ซึ่งผมก็ไม่เคยคิดที่จะไปบอกเค้าหรืออะไรนะครับ เพราะคิดว่ายังไงเค้าคงไม่สนใจก็ได้แต่ชอบเงียบๆ จนประมาณ ม.3 ได้ มีเพื่อนสนิทผมด้วยความเป้งเหมือนกัน 55555 ระหว่างเล่นฟุตบอลอยู่มันถามผมว่าเห้ยจะจบแล้วไม่ชอบใครบ้างหรอวะ (จบม.3ผมไปต่ออาชีวะครับ) ซึ่งยู ก็นั่งอยู่แถวขอบสนามฟุตบอลผมก็ชี้ไปโดยที่ไม่ได้พูดอะไร เช้าวันต่อมามันยื่นกระดาษเล็กๆแผ่นนึ่งให้ แล้วบอกว่าเบอร์โทรพี่ยู ใจผมนี้เต้นแทบจะหลุด แต่ก็ไม่กล้าโทรนะครับ เก็บไว้แบบนั้นจนสักเดือนได้เพื่อนผมได้ถามว่าโทรไปยัง ผมส่ายหัวงึกๆ5555 แล้วเพื่อนผมก็โทรไปให้ครับ จังหวะนั้นโคตรสุด ผมคุยโดยผ่านเพื่อนครับประมาณ3ครั้งได้โดยโทรตู้ แล้วเราก็คุยกันทุกวันจนผมได้ย้ายไปเรียนอาชีวะช่วงปวช.และเราก็ได้คบกัน ตลอดเวลามันดีมากครับแต่เค้ามักจะมีหนุ่มตามจีบตลอด ยูเป็น ผญตัวเล็กๆ คิ้วดก หน้าคม ผิวไม่ขาวมาก ยิ่งตอนมหาลัยนี้ผมกระวนกระวายสุดๆแต่ก็ผ่านมาได้ด้วยความไว้ใจกันตลอดครับ. เมื่อผมได้ไปต่อหมาลัยเราก็มีโอกาสได้อยู่ด้วยกันมันมีความสุขมากๆ แล้วเราต่างวางแผนอนาคตด้วยกันหลายอย่าง ซึ่งตอนนั้นก็ยังไร้เดียงสาแหละครับ ซึ่งเค้าเป็นคนที่ซับพอตผมมาตลอดนะครับพูดง่ายๆว่าทุกเรื่องในชีวิตเค้ารู้หมด ด้วยตลอดเวลาตอนทีผมเรียนที่มหาลัยคณะที่ผมเรียนจะค่อนข้างไม่มีเวลา แล้วตอนนั้นถือว่าดื่มหนักมาก เราเริ่มมีความไม่สนใจกัน เริ่มเฉยชา แต่เราก็พยามจูนกันมาตลอดแต่ไม่สำเร็จครับด้วยหลายเหตุการณ์ แต่ยูเค้าก็เป็นคนค่อนข้างชอบเที่ยวร้านเหล้านะครับต่างคนต่างไปแบบให้เกียรติกันเราไว้ใจกัน แต่มันไม่ใช่ทางที่ดีที่สุดครับ
จนผมเรียนได้ประมาณปี4 เป็นช่วงที่วุ่นสุดๆโปรเจคอะไรหลายอย่างยูเค้าก็ทำงาน เค้าก็ได้งานใกล้ๆกับที่เราอยู่นั้นแหละ ผมคิดว่าเวลาที่เราอยู่กับเรื่องเรียนคือก็สนใจเต็มที่ครับ เพราะคิดว่ากลับห้องไปยังไงก็เจอเค้าและก็เค้าน่าจะเข้าใจ แต่ไม่เป็นแบบนั้นครับผมเข้าใจเค้านะที่อาจจะทำให้เค้าเหงาบ้างเพราะบ้างวันผมก็กลับดึก ไม่ค่อยมีเวลาให้เค้า แต่ก็นั้นแหละผมก็ได้สังเกตยูเริ่มเปลี่ยนไปเรื่อยๆ จนผมอดคิดไม่ได้ว่าเค้าคุยกับคนอื่นหรือเปล่า สำหรับผมการคิดแบบนี้เท่ากับเราไม่มีความไว้ใจในคนรักแล้วครับ ผมเลยตัดสินใจถามเค้าตรงๆก็นั้นแหละครับคำตอบเราไม่ได้คุยนะ เธอคิดมากหรือเปล่า 555555 โอเคผมก็ไม่ได้เร้าหรืออะไร จบวันนั้น สองอาทิตย์ต่อมาคุยโทรศัพท์ทุกวันครับ ช่วงเวลาสัก ตี1 ได้วันนั้นเค้าคิดว่าผมหลับไปแล้ว ผมได้เดินไปกอดเค้าข้างหลังแล้วบอกเค้าว่า เลิกคุยได้ไหม ยูบอกผมว่า เราไม่ได้คุยกับใครนะเราคุยกับเพื่อน ซึ่งประโยคนี้ดังในหัวมาก (เพื่อนพ่องซิ) อ่ะ ไม่ยอมรับผมก็ปล่อยผ่านอีกครับ จนวันนึ่งผมค่อนข้างมั่นใจว่าเค้าต้องคุยกันแน่ๆช่วงเวลานี้ที่ผมต้องคุยทุกครั้งเค้าจะใช้ผมไปซื้อของทุกวันย้ำทุกวันนะครับ เป็นว่าสองอาทิตย์ได้โดยเค้าอ้างว่าวันนี้เหนื่อย ไอไปซื้อของให้ยูหน่อยได้ไหม ครับผมก็ไม่ขัดมันเริ่มผิดสังเกต ผมได้ลองเอามือถือเปิดอัดเสียงไว้ใต้ผ้าห่มบ้าง วางที่โต๊ะบ้าง ทั่วห้องแหละครับมันต้องมีสักครั้งซิวะ ที่ต้องได้ยินบ้างแล้ววันที่ผมอยากรู้ก็ได้รู้ครับ มันเป็นลักษณะการคุยที่บ่งบอกว่า เค้าไปเจอกันแล้วทุกอย่างชัด โดยที่ผมไม่ได้พูดออกไปมันจุกที่คอมาก ช่วงนั้นผมจบแล้วพอดี ผมเลยบอกว่าไอจะกลับไปอยู่บ้าน ผมออกมาจากยูโดยที่ผมไม่ได้เอ่ยถามเค้าสักคำ วันที่ยูย้ายออกผมก็ไปช่วยเค้าย้ายด้วยนะครับ55555 พอดีผมจะไปเอาของตัวเองที่ยังเหลือค้างไว้ ยูมีคนใหม่ได้รวดเร็วมากครับจากวันนั้นผมก็ยังไม่สามารถมีใครได้อีกเลย คบกันมาร่วมๆ10 ปี มันก็เหมือนส่วนนึ่งในชีวิตเลยที่หายไป พอเราจบกันไปเค้าก็เป็นคนทักมาบ้างแต่ผมก็พยายามตัดทุกช่องทาง มันมีบางเรื่องที่ผมไม่สามมารถเป็นเพื่อนกับเค้าได้จริงๆ
ทำไมคนที่เราคิดว่ารู้จักเค้าดี กลับกลายเป็นคนที่เหมือนว่าเราไม่เคยรู้จักมาก่อนเลย ?
จนผมเรียนได้ประมาณปี4 เป็นช่วงที่วุ่นสุดๆโปรเจคอะไรหลายอย่างยูเค้าก็ทำงาน เค้าก็ได้งานใกล้ๆกับที่เราอยู่นั้นแหละ ผมคิดว่าเวลาที่เราอยู่กับเรื่องเรียนคือก็สนใจเต็มที่ครับ เพราะคิดว่ากลับห้องไปยังไงก็เจอเค้าและก็เค้าน่าจะเข้าใจ แต่ไม่เป็นแบบนั้นครับผมเข้าใจเค้านะที่อาจจะทำให้เค้าเหงาบ้างเพราะบ้างวันผมก็กลับดึก ไม่ค่อยมีเวลาให้เค้า แต่ก็นั้นแหละผมก็ได้สังเกตยูเริ่มเปลี่ยนไปเรื่อยๆ จนผมอดคิดไม่ได้ว่าเค้าคุยกับคนอื่นหรือเปล่า สำหรับผมการคิดแบบนี้เท่ากับเราไม่มีความไว้ใจในคนรักแล้วครับ ผมเลยตัดสินใจถามเค้าตรงๆก็นั้นแหละครับคำตอบเราไม่ได้คุยนะ เธอคิดมากหรือเปล่า 555555 โอเคผมก็ไม่ได้เร้าหรืออะไร จบวันนั้น สองอาทิตย์ต่อมาคุยโทรศัพท์ทุกวันครับ ช่วงเวลาสัก ตี1 ได้วันนั้นเค้าคิดว่าผมหลับไปแล้ว ผมได้เดินไปกอดเค้าข้างหลังแล้วบอกเค้าว่า เลิกคุยได้ไหม ยูบอกผมว่า เราไม่ได้คุยกับใครนะเราคุยกับเพื่อน ซึ่งประโยคนี้ดังในหัวมาก (เพื่อนพ่องซิ) อ่ะ ไม่ยอมรับผมก็ปล่อยผ่านอีกครับ จนวันนึ่งผมค่อนข้างมั่นใจว่าเค้าต้องคุยกันแน่ๆช่วงเวลานี้ที่ผมต้องคุยทุกครั้งเค้าจะใช้ผมไปซื้อของทุกวันย้ำทุกวันนะครับ เป็นว่าสองอาทิตย์ได้โดยเค้าอ้างว่าวันนี้เหนื่อย ไอไปซื้อของให้ยูหน่อยได้ไหม ครับผมก็ไม่ขัดมันเริ่มผิดสังเกต ผมได้ลองเอามือถือเปิดอัดเสียงไว้ใต้ผ้าห่มบ้าง วางที่โต๊ะบ้าง ทั่วห้องแหละครับมันต้องมีสักครั้งซิวะ ที่ต้องได้ยินบ้างแล้ววันที่ผมอยากรู้ก็ได้รู้ครับ มันเป็นลักษณะการคุยที่บ่งบอกว่า เค้าไปเจอกันแล้วทุกอย่างชัด โดยที่ผมไม่ได้พูดออกไปมันจุกที่คอมาก ช่วงนั้นผมจบแล้วพอดี ผมเลยบอกว่าไอจะกลับไปอยู่บ้าน ผมออกมาจากยูโดยที่ผมไม่ได้เอ่ยถามเค้าสักคำ วันที่ยูย้ายออกผมก็ไปช่วยเค้าย้ายด้วยนะครับ55555 พอดีผมจะไปเอาของตัวเองที่ยังเหลือค้างไว้ ยูมีคนใหม่ได้รวดเร็วมากครับจากวันนั้นผมก็ยังไม่สามารถมีใครได้อีกเลย คบกันมาร่วมๆ10 ปี มันก็เหมือนส่วนนึ่งในชีวิตเลยที่หายไป พอเราจบกันไปเค้าก็เป็นคนทักมาบ้างแต่ผมก็พยายามตัดทุกช่องทาง มันมีบางเรื่องที่ผมไม่สามมารถเป็นเพื่อนกับเค้าได้จริงๆ