สวัสดีค่ะ สวัสดีมากค่ะ ทุกคน Say Hi !!! กันหน่อยเพื่อนๆกระทู้นี้เป็นการรีวิวการท่องเที่ยวประเทศนี้เป็นครั้งแรกของเรา แน่นอนค่ะ อะไรที่เป็นครั้งแรกมักจะตื่นเต้นเสมอ ก่อนจะไปรีวิวการท่องเที่ยวประเทศนี้ ทุกคนอาจสงสัยว่าประเทศนี้มีอะไรดี ทำไมคนไทยมักชอบไปเที่ยวสถานที่แห่งนี้ สำหรับเรา คิดว่ามันสะดวกทั้งการเดินทาง บรรยากาศ ความสะอาด และที่สำคัญเลย คือมันใกล้กับบ้านเรามาก เดินทางแค่ 2.25 ชม. เท่านั้นเอง ถ้าให้เปรียบเทียบกับการเที่ยวในประเทศไทยก็จะเหมือนเดินทางไปกลับ กรุงเทพ - ชลบุรี ได้เลย เพราะมันใช้เวลาเดินทางน้อยมาก น้อยจริงๆค่ะ งั้นไม่รอช้าเลยดีกว่าค่ะ ไปเริ่มกันเลยค่ะ ว่าเรา ไปเที่ยวที่ไหนกันมาบ้าง กับประเทศนี้เลย ประเทศ สิงคโปร์!!!!!
ลืมบอกเลย >> การเดินทางของเราใช้การเดินทางแบบประหยัดไปด้วยสายการบิน Thai Lion Air และกลับด้วย สายการบิน Scoot
เริ่มต้นวันที่ 1 >> จุด Check-in เริ่มต้นเลยสนามบิน ดอนเมือง เวลา 14.30 น. ระหว่างรอขึ้นเครื่อง ก็ถ่ายรูปชิคๆ กัน
ใน Gate สนามบินดอนเมือง เพื่อรอขึ้นเครื่อง 16.05 น. (ค่าตั๋วไป-กลับ 4,130THB. จองผ่าน Traveloka) เราไม่ได้ค่าโฆษณานะคะ 55+
>> Check-in ที่ 2 Singapore Changi Airport เวลา 19.30 น. เนื่องจากที่สิงคโปร์ เวลาจะเร็วกว่าเมืองไทย 1 ชั่วโมง
หลังจากที่มาถึงสนามบินชางฮี สิงคโปร์ แล้ว ยอมรับเลยค่ะ ว่าสนามบินที่นี้สวยงามมาก ดูอลังการงานสร้างมากบอกเลย หลังจากที่เราได้ชื่นชมสนามบินเสร็จแล้วเราก็ได้ทำการเดินทางไปยังที่พัก ด้วยความที่เราไม่รู้จะไปยังไง เลยเลือกขึ้นรถ Taxi ไปยังที่พัก ราคา Taxi ไปที่พัก ประมาณ
SG$24 คิดเป็นเงินไทยประมาณ 552 THB. ส่วนที่พักเราได้จองไว้ก่อนล่วงหน้าแล้วใน Expedia เราเลือกห้องที่ ราคาไม่แพงมาก และห้องก็ดูโอเคร เราเลือก โรงแรม Fragrance Hotel – Sapphire แถว Geylang ห่างจาก สนามบินประมาณ 16.6 กม. ราคา 2 คืน อยู่ที่ 2,886.06 THB.
(ต้องจองล่วงหน้านะคะ เพราะถ้ามาจองวันที่จะเข้าพักราคานี้ไม่ได้นะคะ จะตกวันละประมาณ 1,900 - 2,600 THB.)
ของใช้ภายในห้อง ก็จะมี มีแปรงสีฟัน+ยาสีฟัน , สบู่ , กระติกน้ำร้อน , ไดร์เป่าผม , เครื่องปรับน้ำอุ่น , แอร์+ทีวี , เครื่องดื่มชา+กาแฟ+น้ำเปล่า โดยภาพรวมแล้วทุกอย่างโอเครค่ะ และอีกอย่างแถวนี้ของกินเยอะมากเลยค่ะ
Check-in ที่ 4 เดินหาอะไรทานแถว Geylang ร้านอาหารแถวนี้ก็จะคล้ายๆเมืองไทย มีแตกต่างเรื่องรสชาติบ้าง และที่สำคัญอาหารส่วนมากจะค่อนข้างร้อน ร้อนในที่นี้ไม่ใช่รสชาติอาหารนะ แต่เป็นความร้อนของไก่ , กระดูก , น้ำซุป 55+ ค่าอาหารมื้อนี้ SG$16 คิดเป็นเงินไทยประมาณ 368 THB.
การเดินทางของเราครั้งนี้ ค้นพบว่าหากเดินทางด้วย Taxi คงหมดตัวแน่นอน เราสองคนเลยเลือกเดินทางแบบใช้รถเมล์ , รถไฟ , รถไฟฟ้า , MRT
ที่นี้ต้องใช้บัตรนะคะ แต่ข้อดีเลยคือบัตรเดียวขึ้นได้ทุกการเดินทางเลยค่ะ ยกเว้น Taxi เลย คือดีย์อะ
- ซื้อบัตรได้ทุกที่ เราเลยซื้อที่โรงแรม ราคา SG$14 คิดเป็นเงินไทยประมาณ 322 THB. จะมีเงินอยู่ในบัตรจำนวน SG$2
-เติมเงินเข้าบัตรที่ 7-11 ราคา SG$10 ค่าธรรมเนียม SG$1 คิดเป็นเงินไทยประมาณ 253 THB.
- การเดินทางต่อครั้งจะประมาณ SG$2-5 ขึ้นอยู่กับระยะทางค่ะ
>> เริ่มต้นเช้าวันที่ 2 เวลา 09.00 น. วันนี้เรามีแพลนเดินทางไป Universal Studios Singapore ด้วยรถเมล์ จากการสอบถาม พนักงานที่
โรงแรมพนักงานกล่าวว่าให้เราไปรอรถเมล์หน้า 7-11 รถเมล์ที่สามารถไป Universal Studios Singapore ได้ จะมีอยู่ด้วยกัน 2 สาย คือสาย 80
หรือ สาย100 และนั่งไปลง Vivo City (Sentosa) แล้วสามารถเดินเข้าไป ประมาณ 10 นาที หรือ จะเลือกนั่งรถไฟเข้าไปก็ได้ เราเลือกเดินค่ะ
(ไม่ใช่อะไรนะ ไม่รู้ว่ารถไฟฟ้าขึ้นตรงไหน) และกว่าเราจะเดินถึงก็ประมาณ 20 นาที ทำไมหร๋อคะ แวะถ่ายรูปประมาณ เกือบ 100 รูปเห็นจะได้
ก่อนเข้า Universal Studios Singapore ก็ต้องทำการซื้อบัตรกันก่อน เราเลือกซื้อบัตรตรง Sentosa บัตรนี้สามารถเข้าได้ 3 สถานที่ นั้นคือ
1. Universal (เครื่องเล่น) 2. Maritime Silk Route 3. Sentosa Merlion ราคา SG$240 คิดเป็นเงินไทยประมาณ 5,520 THB.
สถานที่แรกที่เราเดินเข้าไปเที่ยวชมคือ Maritime Silk Route ก็จะคล้ายๆ นิทรรศการประวัติศาสตร์เส้นทางสายไหมทางทะเล
และในนี้ก็จะมี S.E.A Aquarium Sentosa พิพิธภัณฑ์ฑ์สัตว์น้ำแห่งสิงคโปร์ ความสวยงามของ S.E.A Aquarium สัตว์ทะเลกว่า 100,000 ตัว
จาก 800 สายพันธุ์ อีกด้วย ถือว่าคุ้มค่ามากค่ะ
และหลังจากเดินเที่ยวชมฝูงปลาเสร็จแล้ว ก็ถึงเวลาตื่นเต้นของพวกเราแล้วค่ะ นั้นคือการไป เล่นเครื่องเล่นค่ะ หุหุ
ต่อด้วยการไปแวะชมวิว Sentosa Merlion ที่นี้จะได้รับเหรียญเป็นที่ระลึกกลับบ้านด้วยนาจา และที่สำคัญเลย มีเครื่องดื่มและวาฟเฟิล ฟรีให้ไป
รับประทานคนละ 1 ชุดด้วยจร้า
หลังจากหมดแรงในการท่องเที่ยวใน Universal Studios Singapore เราก็ได้ค้นพบการขึ้นรถไฟฟ้า นั่งไม่ถึง 10 นาที ก็ถึงห้าง Vivo City (Sentosa) พอถึงปุ๊บ ก็เช่นเคยค่ะ เราก็เดินเล่นเดินถ่ายรูป เดินหารถเมล์ มึนๆกันไป ทั้งสนุกทั้งมันเลยจะบอกให้ และก็ถึงเวลาเดินทางกลับห้องพักค่ะ
เราก็จะต้องเดินข้ามถนนเพื่อไปรอรถอีกฝั่งหนึ่งนะคะ ขึ้นรถสายเดิมค่ะ สาย 80 หรือ สาย 100 ค่ะ
รถเมล์ขากลับจะไม่ได้จอดป้ายเดิม แต่จะจอดป้ายก่อนหน้า 1 ซอย ซึ่งอาจจะงงเล็กน้อย แต่ดีที่เปิด Google Map ตลอดเลยรอด 55+
หลังจากถึงป้ายดังกล่าว ความหิวก็บังเกิด เลยแวะทาน ก๋วยเตี๋ยว คนละ จานก่อนเข้าห้องค่ะ
ลืมบอกเลย มาถึงที่ สิงคโปร์ อย่าลืมทานข้าวมันไก่กันนะคะ ที่นี้จัดว่าเด็ดเลยค่ะ
พอทานเสร็จปุ๊บหนังตาก็เริ่มหย่อน สำหรับวันนี้ราตรีสวัสดิ์ก่อนนะคะ พรุ่งนี้มาดูกันว่าเราจะไปไหนกันบ้าง อย่าเพิ่งเบื่อกันนะคะ ^______^
>> เริ่มต้นเช้าวันที่ 3 วันสุดท้ายของการอยู่ ประเทศ สิงคโปร์ เวลา 09.00 น. ก็ได้เวลา Check out พอทุกอย่างเรียบร้อยเราก็มีโปรแกรมจะเก็บสถานที่ทั้งหมดที่เรายังไม่ได้ไปภายในวันนี้ เริ่มต้นอย่างแรกเลย คือขึ้นรถเมล์สาย 80 สถานที่แรกที่เราจะไปก็คือ เมอร์ไลออน (Merlion) สัญลักษณ์ของสิงคโปร์ ไม่ไปไม่ได้เลยนะคะ เพราะเหมือนเรายังมาไม่ถึงสิงคโปร์เลย พอถึงก็ไม่รอช้าขอรับ ถ่ายรูป รั่วๆไปเลยจ้า
หลังจากนั้นก็ทำการเดิน ย้ำนะคะ คือเดินค่ะ เดินไปวัดTooth Relic Buddha Temple วัดพระเขี้ยวแก้ว ตอนแรกก็คิดว่ามันใกล้ๆ แต่พอเอาเข้าจริง
ไกลมากค่ะ แต่เราก็ไม่ยอมแพ้ ยังคงทำการเดินต่อไป และเราก็ยังคงใช้ Google Map ตามเคย เดินไปทางลัด ซอยค่อนข้างแคบมากๆ แต่ก็ยังคง
เดินกันต่อไป
จนมาถึงวัด วัดสวยมากค่ะ อลังการมาก คุ้มค่าที่เดินมาจริงๆค่ะ สาธุ วัดที่นี้จะติดกับ ย่านไชน่าทาวน์ (Chinatown) ซึ่งเหมาะกับการมาเดินเล่น
ทานอาหาร และ ซื้อของฝากมากค่ะ หลังจากไหว้พระเป็นศิริมงคลกันแล้ว เราก็ได้เดินต่อไปอีก 1 วัด เพราะมันไม่ไกลกันมาก และอีกอย่างเราเดินไม่ไหวแล้ว เนื่องจากกระเป๋าหนักมาก และวัดที่เราพูดถึงนั้นคือวัด Sri Mariamman Temple วัดฮินดูโบราณที่เก่าแก่ที่สุดของสิงคโปร์
หลังจากการไหว้พระก็ถึงเวลาที่เราต้องเดินทางไปสนามบิน ไปยังไงนั้นหรอคะ เราก็ไปด้วย MRT ค่ะ
MRT ที่เราจะขึ้นคืออยู่ไม่ไกลเลยค่ะ นั้นคือ สถานี ไชน่าทาวน์ (Chinatown) และอีกอย่าง MRT ที่นี้ สามารถนั่งไปถึง สนามบินได้เลย สุดยอดอะ แต่เนื่องจาก เงินในบัตรเรามีเงินไม่พอทางเจ้าหน้าที่เลยให้เราสองคนเติมเงินเข้าไป จำนวนเงิน คนละ SG$10 สองคนก็ SG$20 คิดเป็นเงินไทยประมาณ 460 THB. และบอกเราว่า หากใช้ไม่หมดสามารถแลกคืนได้ที่สนามบิน เราเลยเติมกันโดยไม่ลังเล พอไปถึง สนามบินเงินก็เหลือ เลยไปแลกตามที่เจ้าหน้าที่บอก แต่ก็ไม่สามารถแลกคืนได้ แต่สามารถใช้แทนเงินสดได้ตามร้านค้าที่มีเครื่องหมาย NETS FlashPay เราก็รีบแลกเลยค่ะ
มีอะไรบ้างอะหรอที่เราใช้แลกนั้นก็คือ ของกินค่ะ 55+ และนี้คือ Jjampong SG$ 12.90 และ Kpop Chicken SG$ 2
ละแล้วเวลาสนุกก็หมดลง ถึงเวลาต้องเดินทางกลับบ้านแล้ว เราก็ขอทำการ เข้าไปรอใน Gate ที่สนามบินชางฮี ของประเทศสิงคโปร
อยากจะบอกว่าข้างในนี้ สวยมากทั้งที่พักรอขึ้นเครื่อง มีทั้งเตียงนอน ทั้งที่นั่งรอ ที่ชาร์จแบตเตอรี่ คือ ดีย์งามมาก
สุดท้ายเราก็ได้เดินทางกลับมาถึงประเทศไทยโดย สวัสดิภาพค่ะ และพบกันใหม่กับสถานที่ต่อไป จะเป็นที่ไหนยังไม่รู้ ติดตามชมกันด้วยนะคะ
รีวิว Singapore 2019 แบบงบประหยัด ไม่เกิน 10,000 บาท 3 วัน 2 คืน กันเลยจ้า
ลืมบอกเลย >> การเดินทางของเราใช้การเดินทางแบบประหยัดไปด้วยสายการบิน Thai Lion Air และกลับด้วย สายการบิน Scoot
ใน Gate สนามบินดอนเมือง เพื่อรอขึ้นเครื่อง 16.05 น. (ค่าตั๋วไป-กลับ 4,130THB. จองผ่าน Traveloka) เราไม่ได้ค่าโฆษณานะคะ 55+
>> Check-in ที่ 2 Singapore Changi Airport เวลา 19.30 น. เนื่องจากที่สิงคโปร์ เวลาจะเร็วกว่าเมืองไทย 1 ชั่วโมง
หลังจากที่มาถึงสนามบินชางฮี สิงคโปร์ แล้ว ยอมรับเลยค่ะ ว่าสนามบินที่นี้สวยงามมาก ดูอลังการงานสร้างมากบอกเลย หลังจากที่เราได้ชื่นชมสนามบินเสร็จแล้วเราก็ได้ทำการเดินทางไปยังที่พัก ด้วยความที่เราไม่รู้จะไปยังไง เลยเลือกขึ้นรถ Taxi ไปยังที่พัก ราคา Taxi ไปที่พัก ประมาณ
SG$24 คิดเป็นเงินไทยประมาณ 552 THB. ส่วนที่พักเราได้จองไว้ก่อนล่วงหน้าแล้วใน Expedia เราเลือกห้องที่ ราคาไม่แพงมาก และห้องก็ดูโอเคร เราเลือก โรงแรม Fragrance Hotel – Sapphire แถว Geylang ห่างจาก สนามบินประมาณ 16.6 กม. ราคา 2 คืน อยู่ที่ 2,886.06 THB.
(ต้องจองล่วงหน้านะคะ เพราะถ้ามาจองวันที่จะเข้าพักราคานี้ไม่ได้นะคะ จะตกวันละประมาณ 1,900 - 2,600 THB.)
ของใช้ภายในห้อง ก็จะมี มีแปรงสีฟัน+ยาสีฟัน , สบู่ , กระติกน้ำร้อน , ไดร์เป่าผม , เครื่องปรับน้ำอุ่น , แอร์+ทีวี , เครื่องดื่มชา+กาแฟ+น้ำเปล่า โดยภาพรวมแล้วทุกอย่างโอเครค่ะ และอีกอย่างแถวนี้ของกินเยอะมากเลยค่ะ
Check-in ที่ 4 เดินหาอะไรทานแถว Geylang ร้านอาหารแถวนี้ก็จะคล้ายๆเมืองไทย มีแตกต่างเรื่องรสชาติบ้าง และที่สำคัญอาหารส่วนมากจะค่อนข้างร้อน ร้อนในที่นี้ไม่ใช่รสชาติอาหารนะ แต่เป็นความร้อนของไก่ , กระดูก , น้ำซุป 55+ ค่าอาหารมื้อนี้ SG$16 คิดเป็นเงินไทยประมาณ 368 THB.
การเดินทางของเราครั้งนี้ ค้นพบว่าหากเดินทางด้วย Taxi คงหมดตัวแน่นอน เราสองคนเลยเลือกเดินทางแบบใช้รถเมล์ , รถไฟ , รถไฟฟ้า , MRT
ที่นี้ต้องใช้บัตรนะคะ แต่ข้อดีเลยคือบัตรเดียวขึ้นได้ทุกการเดินทางเลยค่ะ ยกเว้น Taxi เลย คือดีย์อะ
- ซื้อบัตรได้ทุกที่ เราเลยซื้อที่โรงแรม ราคา SG$14 คิดเป็นเงินไทยประมาณ 322 THB. จะมีเงินอยู่ในบัตรจำนวน SG$2
-เติมเงินเข้าบัตรที่ 7-11 ราคา SG$10 ค่าธรรมเนียม SG$1 คิดเป็นเงินไทยประมาณ 253 THB.
- การเดินทางต่อครั้งจะประมาณ SG$2-5 ขึ้นอยู่กับระยะทางค่ะ
>> เริ่มต้นเช้าวันที่ 2 เวลา 09.00 น. วันนี้เรามีแพลนเดินทางไป Universal Studios Singapore ด้วยรถเมล์ จากการสอบถาม พนักงานที่
โรงแรมพนักงานกล่าวว่าให้เราไปรอรถเมล์หน้า 7-11 รถเมล์ที่สามารถไป Universal Studios Singapore ได้ จะมีอยู่ด้วยกัน 2 สาย คือสาย 80
หรือ สาย100 และนั่งไปลง Vivo City (Sentosa) แล้วสามารถเดินเข้าไป ประมาณ 10 นาที หรือ จะเลือกนั่งรถไฟเข้าไปก็ได้ เราเลือกเดินค่ะ
(ไม่ใช่อะไรนะ ไม่รู้ว่ารถไฟฟ้าขึ้นตรงไหน) และกว่าเราจะเดินถึงก็ประมาณ 20 นาที ทำไมหร๋อคะ แวะถ่ายรูปประมาณ เกือบ 100 รูปเห็นจะได้
ก่อนเข้า Universal Studios Singapore ก็ต้องทำการซื้อบัตรกันก่อน เราเลือกซื้อบัตรตรง Sentosa บัตรนี้สามารถเข้าได้ 3 สถานที่ นั้นคือ
1. Universal (เครื่องเล่น) 2. Maritime Silk Route 3. Sentosa Merlion ราคา SG$240 คิดเป็นเงินไทยประมาณ 5,520 THB.
สถานที่แรกที่เราเดินเข้าไปเที่ยวชมคือ Maritime Silk Route ก็จะคล้ายๆ นิทรรศการประวัติศาสตร์เส้นทางสายไหมทางทะเล
และในนี้ก็จะมี S.E.A Aquarium Sentosa พิพิธภัณฑ์ฑ์สัตว์น้ำแห่งสิงคโปร์ ความสวยงามของ S.E.A Aquarium สัตว์ทะเลกว่า 100,000 ตัว
จาก 800 สายพันธุ์ อีกด้วย ถือว่าคุ้มค่ามากค่ะ
และหลังจากเดินเที่ยวชมฝูงปลาเสร็จแล้ว ก็ถึงเวลาตื่นเต้นของพวกเราแล้วค่ะ นั้นคือการไป เล่นเครื่องเล่นค่ะ หุหุ
ต่อด้วยการไปแวะชมวิว Sentosa Merlion ที่นี้จะได้รับเหรียญเป็นที่ระลึกกลับบ้านด้วยนาจา และที่สำคัญเลย มีเครื่องดื่มและวาฟเฟิล ฟรีให้ไป
รับประทานคนละ 1 ชุดด้วยจร้า
หลังจากหมดแรงในการท่องเที่ยวใน Universal Studios Singapore เราก็ได้ค้นพบการขึ้นรถไฟฟ้า นั่งไม่ถึง 10 นาที ก็ถึงห้าง Vivo City (Sentosa) พอถึงปุ๊บ ก็เช่นเคยค่ะ เราก็เดินเล่นเดินถ่ายรูป เดินหารถเมล์ มึนๆกันไป ทั้งสนุกทั้งมันเลยจะบอกให้ และก็ถึงเวลาเดินทางกลับห้องพักค่ะ
เราก็จะต้องเดินข้ามถนนเพื่อไปรอรถอีกฝั่งหนึ่งนะคะ ขึ้นรถสายเดิมค่ะ สาย 80 หรือ สาย 100 ค่ะ
รถเมล์ขากลับจะไม่ได้จอดป้ายเดิม แต่จะจอดป้ายก่อนหน้า 1 ซอย ซึ่งอาจจะงงเล็กน้อย แต่ดีที่เปิด Google Map ตลอดเลยรอด 55+
หลังจากถึงป้ายดังกล่าว ความหิวก็บังเกิด เลยแวะทาน ก๋วยเตี๋ยว คนละ จานก่อนเข้าห้องค่ะ
ลืมบอกเลย มาถึงที่ สิงคโปร์ อย่าลืมทานข้าวมันไก่กันนะคะ ที่นี้จัดว่าเด็ดเลยค่ะ
พอทานเสร็จปุ๊บหนังตาก็เริ่มหย่อน สำหรับวันนี้ราตรีสวัสดิ์ก่อนนะคะ พรุ่งนี้มาดูกันว่าเราจะไปไหนกันบ้าง อย่าเพิ่งเบื่อกันนะคะ ^______^
>> เริ่มต้นเช้าวันที่ 3 วันสุดท้ายของการอยู่ ประเทศ สิงคโปร์ เวลา 09.00 น. ก็ได้เวลา Check out พอทุกอย่างเรียบร้อยเราก็มีโปรแกรมจะเก็บสถานที่ทั้งหมดที่เรายังไม่ได้ไปภายในวันนี้ เริ่มต้นอย่างแรกเลย คือขึ้นรถเมล์สาย 80 สถานที่แรกที่เราจะไปก็คือ เมอร์ไลออน (Merlion) สัญลักษณ์ของสิงคโปร์ ไม่ไปไม่ได้เลยนะคะ เพราะเหมือนเรายังมาไม่ถึงสิงคโปร์เลย พอถึงก็ไม่รอช้าขอรับ ถ่ายรูป รั่วๆไปเลยจ้า
หลังจากนั้นก็ทำการเดิน ย้ำนะคะ คือเดินค่ะ เดินไปวัดTooth Relic Buddha Temple วัดพระเขี้ยวแก้ว ตอนแรกก็คิดว่ามันใกล้ๆ แต่พอเอาเข้าจริง
ไกลมากค่ะ แต่เราก็ไม่ยอมแพ้ ยังคงทำการเดินต่อไป และเราก็ยังคงใช้ Google Map ตามเคย เดินไปทางลัด ซอยค่อนข้างแคบมากๆ แต่ก็ยังคง
เดินกันต่อไป
จนมาถึงวัด วัดสวยมากค่ะ อลังการมาก คุ้มค่าที่เดินมาจริงๆค่ะ สาธุ วัดที่นี้จะติดกับ ย่านไชน่าทาวน์ (Chinatown) ซึ่งเหมาะกับการมาเดินเล่น
ทานอาหาร และ ซื้อของฝากมากค่ะ หลังจากไหว้พระเป็นศิริมงคลกันแล้ว เราก็ได้เดินต่อไปอีก 1 วัด เพราะมันไม่ไกลกันมาก และอีกอย่างเราเดินไม่ไหวแล้ว เนื่องจากกระเป๋าหนักมาก และวัดที่เราพูดถึงนั้นคือวัด Sri Mariamman Temple วัดฮินดูโบราณที่เก่าแก่ที่สุดของสิงคโปร์
หลังจากการไหว้พระก็ถึงเวลาที่เราต้องเดินทางไปสนามบิน ไปยังไงนั้นหรอคะ เราก็ไปด้วย MRT ค่ะ
MRT ที่เราจะขึ้นคืออยู่ไม่ไกลเลยค่ะ นั้นคือ สถานี ไชน่าทาวน์ (Chinatown) และอีกอย่าง MRT ที่นี้ สามารถนั่งไปถึง สนามบินได้เลย สุดยอดอะ แต่เนื่องจาก เงินในบัตรเรามีเงินไม่พอทางเจ้าหน้าที่เลยให้เราสองคนเติมเงินเข้าไป จำนวนเงิน คนละ SG$10 สองคนก็ SG$20 คิดเป็นเงินไทยประมาณ 460 THB. และบอกเราว่า หากใช้ไม่หมดสามารถแลกคืนได้ที่สนามบิน เราเลยเติมกันโดยไม่ลังเล พอไปถึง สนามบินเงินก็เหลือ เลยไปแลกตามที่เจ้าหน้าที่บอก แต่ก็ไม่สามารถแลกคืนได้ แต่สามารถใช้แทนเงินสดได้ตามร้านค้าที่มีเครื่องหมาย NETS FlashPay เราก็รีบแลกเลยค่ะ
มีอะไรบ้างอะหรอที่เราใช้แลกนั้นก็คือ ของกินค่ะ 55+ และนี้คือ Jjampong SG$ 12.90 และ Kpop Chicken SG$ 2
ละแล้วเวลาสนุกก็หมดลง ถึงเวลาต้องเดินทางกลับบ้านแล้ว เราก็ขอทำการ เข้าไปรอใน Gate ที่สนามบินชางฮี ของประเทศสิงคโปร
อยากจะบอกว่าข้างในนี้ สวยมากทั้งที่พักรอขึ้นเครื่อง มีทั้งเตียงนอน ทั้งที่นั่งรอ ที่ชาร์จแบตเตอรี่ คือ ดีย์งามมาก
สุดท้ายเราก็ได้เดินทางกลับมาถึงประเทศไทยโดย สวัสดิภาพค่ะ และพบกันใหม่กับสถานที่ต่อไป จะเป็นที่ไหนยังไม่รู้ ติดตามชมกันด้วยนะคะ