ความคิดเห็นจาก Expert Account
ความคิดเห็นที่ 9
ไปหาคำตอบมาให้ (ด้วยความคันของตัวเองด้วยแหละ) ก็เลยไปถามผู้รู้มาครับ ได้ความว่าดังนี้ ถามทางธรรม ก็ต้องตอบทางธรรมนะ
1. ตัวอสุจิ เป็น กัมมปัจจัยอุตุชรูป
คือไม่มีชีวิต ไม่เป็นสัตว์ เพราะในตัวอสุจิไม่ประกอบด้วย นามชีวิต และรูปชีวิต
2. การเคลื่อนไหวของ ตัวอสุจิ เกิดจาก " อุตุสมุฏฐานวาโยธาตุ" เป็นปัจจัย ง่ายๆก็คือมันเคลื่อนไหวจากธาตุของมัน เหมือนเราคั่วป๊อบคอรนพอมันร้อนแล้วมันกระเด็น ก็ไม่ใช่เพราะว่าป๊อบคอรนมีชีวิต
3. การหลั่งน้ำอสุจิ ไม่เป็น " ป า ณ า ติ บ า ต "
เพราะจะผิดศีลข้อนี้ได้ สัตว์นั้นต้องมีชีวิต และเรามีเจตนาฆ่า ดังนั้นเมื่อน้องจิไม่มีชีวิต จึงไม่ถือว่าผิดศีลข้อนี้ครับ
แล้วทีนี้งั้นศาสนาพุทธก็ส่งเสริมสิ
ตอบ ไม่ใช่ครับ ศาสนาพุทธเราเน้นให้ตัดเรื่องกามฉันทะ หรือการติดในกาม การช่วยตัวเองมันก็เกิดการมีจิตคิด ว่าเรายังหลงไหลในรูป รส กลิ่น เสียงอยู่ ทำให้เกิดวงจรวัฏสงสารอีก ดังนั้นศาสนาจึงพยายามให้เราระงับและรู้เท่าทันครับ ว่ามันเป็นแค่อารมณ์ๆหนึ่ง มันเป็นสุขชั่วคราว ไม่เที่ยงแท้ เพียงแต่ว่าการจะละกามเด็ดขาดมันก็ไม่ใช่ง่ายๆ ขนาดพระอริยสงฆ์ถ้าไม่สำเร็จถึงขั้นพระอนาคามี จริงๆ ก็ยังมีข้อนี้อยู่ครับ เพียงแต่จะเบาบางลง ดังนั้นพระพุทธเจ้าท่านจึงมีข้อปฏิบัติตามลำดับขั้นของคนครับ
คือ
1.ฆราวาสทั่วไป แบบเราๆ ท่านๆ อันนี้ถือศีลห้า ข้อกาเม คือมีได้ ถ้าเป็นของตัวเอง ก็ไม่ผิด ไม่บาป แต่อย่าหมกมุ่น ละได้ก็ละ
2.อุบาสก อุบาสิกา อันนี้ถือศีลแปด อันนี้เริ่มผิดละครับ เพราะข้อ อพรัมจริยา อันนี้ไม่ควรคิดเรื่องกามราคะเลย ถ้าเผลอทำไปก็ต้องตีมือ เพราะอุตส่าห์ตั้งใจละดันมาหลุด
3.พระสงฆ์ อันนี้ผิดจริงจังครับ เพราะเมื่อตั้งใจจะเป็นสาวกของพระพุทธองค์และแสวงหาทางดับทุกข์แบบแก่นแท้แล้ว ข้อนี้ซีเรียสครับ ห้ามมีเลย ถ้าผิดต้องสังฆาธิเสส ต้องเข้าปริวาสเลยครับ
ก็ถามทางธรรมก็ต้องตอบทางธรรมนะครับ ส่วนหลักการของเพจนี้คือ หนทางเดินมันยาวไกล อย่างน้อยการถือศีลห้าให้เป๊ะ แล้วให้ความรู้เพื่อลูกเพจไม่ติดโรคตายจากศีลข้อสาม ก็ถือว่าบรรลุวัตถุประสงค์ของเพจแล้วหละ
เดี๋ยวนี้มีเพจด้วยนะ http://www.facebook.com/sarikahappymen ฝากไปกดไลค์ให้ด้วยนะครับ
1. ตัวอสุจิ เป็น กัมมปัจจัยอุตุชรูป
คือไม่มีชีวิต ไม่เป็นสัตว์ เพราะในตัวอสุจิไม่ประกอบด้วย นามชีวิต และรูปชีวิต
2. การเคลื่อนไหวของ ตัวอสุจิ เกิดจาก " อุตุสมุฏฐานวาโยธาตุ" เป็นปัจจัย ง่ายๆก็คือมันเคลื่อนไหวจากธาตุของมัน เหมือนเราคั่วป๊อบคอรนพอมันร้อนแล้วมันกระเด็น ก็ไม่ใช่เพราะว่าป๊อบคอรนมีชีวิต
3. การหลั่งน้ำอสุจิ ไม่เป็น " ป า ณ า ติ บ า ต "
เพราะจะผิดศีลข้อนี้ได้ สัตว์นั้นต้องมีชีวิต และเรามีเจตนาฆ่า ดังนั้นเมื่อน้องจิไม่มีชีวิต จึงไม่ถือว่าผิดศีลข้อนี้ครับ
แล้วทีนี้งั้นศาสนาพุทธก็ส่งเสริมสิ
ตอบ ไม่ใช่ครับ ศาสนาพุทธเราเน้นให้ตัดเรื่องกามฉันทะ หรือการติดในกาม การช่วยตัวเองมันก็เกิดการมีจิตคิด ว่าเรายังหลงไหลในรูป รส กลิ่น เสียงอยู่ ทำให้เกิดวงจรวัฏสงสารอีก ดังนั้นศาสนาจึงพยายามให้เราระงับและรู้เท่าทันครับ ว่ามันเป็นแค่อารมณ์ๆหนึ่ง มันเป็นสุขชั่วคราว ไม่เที่ยงแท้ เพียงแต่ว่าการจะละกามเด็ดขาดมันก็ไม่ใช่ง่ายๆ ขนาดพระอริยสงฆ์ถ้าไม่สำเร็จถึงขั้นพระอนาคามี จริงๆ ก็ยังมีข้อนี้อยู่ครับ เพียงแต่จะเบาบางลง ดังนั้นพระพุทธเจ้าท่านจึงมีข้อปฏิบัติตามลำดับขั้นของคนครับ
คือ
1.ฆราวาสทั่วไป แบบเราๆ ท่านๆ อันนี้ถือศีลห้า ข้อกาเม คือมีได้ ถ้าเป็นของตัวเอง ก็ไม่ผิด ไม่บาป แต่อย่าหมกมุ่น ละได้ก็ละ
2.อุบาสก อุบาสิกา อันนี้ถือศีลแปด อันนี้เริ่มผิดละครับ เพราะข้อ อพรัมจริยา อันนี้ไม่ควรคิดเรื่องกามราคะเลย ถ้าเผลอทำไปก็ต้องตีมือ เพราะอุตส่าห์ตั้งใจละดันมาหลุด
3.พระสงฆ์ อันนี้ผิดจริงจังครับ เพราะเมื่อตั้งใจจะเป็นสาวกของพระพุทธองค์และแสวงหาทางดับทุกข์แบบแก่นแท้แล้ว ข้อนี้ซีเรียสครับ ห้ามมีเลย ถ้าผิดต้องสังฆาธิเสส ต้องเข้าปริวาสเลยครับ
ก็ถามทางธรรมก็ต้องตอบทางธรรมนะครับ ส่วนหลักการของเพจนี้คือ หนทางเดินมันยาวไกล อย่างน้อยการถือศีลห้าให้เป๊ะ แล้วให้ความรู้เพื่อลูกเพจไม่ติดโรคตายจากศีลข้อสาม ก็ถือว่าบรรลุวัตถุประสงค์ของเพจแล้วหละ
เดี๋ยวนี้มีเพจด้วยนะ http://www.facebook.com/sarikahappymen ฝากไปกดไลค์ให้ด้วยนะครับ
แสดงความคิดเห็น
การช่วยตัวเองผิดศีล5และเป็นบาปต่อตัวเองหรือเปล่า