EEC - สถานการณ์พลิกเมื่อ JBIC ถามความคืบหน้ารถไฟความเร็วสูงเชื่อม 3 สนามบิน

ตลอดหลายสัปดาห์ที่ผ่านมา ผู้ที่ติดตามข่าวรถไฟความเร็วสูงเชื่อม 3 สนามบินคงสับสนไม่น้อยกับข่าวที่หลายฝ่ายออกมาให้ความเห็นว่าโครงการไฮสปีดส่อแววล่ม พร้อมข่าวลือต่างๆ ที่หลุดออกมาจากห้องประชุมทั้งที่ไม่ควรหลุดออกมา เช่น เงื่อนไขต่างๆ ที่มีรายละเอียดไม่ถูกต้อง กลับถูกนำออกมาวิพากษ์วิจารณ์ รวมถึงข่าวการเรียกบีทีเอสที่เสนอราคาสูงกว่ากรอบที่คณะรัฐมนตรีอนุมัติมาเสียบ ทั้งที่ผู้เสนอราคาต่ำกว่ายังอยู่ระหว่างการเจรจา

ทำเอาบรรดานักลงทุนจากต่างประเทศต้องเข้ามาสอบถาม สร้างความมั่นใจด้วยตัวเอง พร้อมย้ำในการสนับสนุนเครือเจริญโภคภัณฑ์ (ซีพี) เต็มที่ในการทำโครงการรถไฟความเร็วสูง เพราะแสดงให้เห็นความร่วมมือและสร้างความเจริญระดับภูมิภาค

ล่าสุดทางผู้ว่าการธนาคารเพื่อความร่วมมือระหว่างประเทศแห่งญี่ปุ่น (Japan Bank for International Cooperation - JBIC) ซึ่งเป็นพันธมิตรร่วมสนับสนุนทางการเงินของกลุ่มกิจการร่วมค้าบริษัทเจริญโภคภัณฑ์โฮลดิ้งจำกัด และพันธมิตร หรือ ซีพี เข้าพบพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) และดร.สมคิด จาตุศรีพิทักษ์ที่ตึกไทยคู่ฟ้า ทำเนียบรัฐบาล

นายทาดาชิ มาเอดะ ผู้ว่าการธนาคารเพื่อความร่วมมือระหว่างประเทศแห่งญี่ปุ่น (JBIC) กล่าวว่า
"โครงการต่าง ๆ ภายใต้ EEC เป็นโครงการที่เอกชนญี่ปุ่น และจีนสนใจที่จะร่วมกันลงทุน โดยเฉพาะในโครงการรถไฟความเร็วสูงเชื่อมโยง 3 สนามบินเป็นอย่างมาก ซึ่งโครงการนี้ถือว่าเป็นตัวอย่างของความร่วมมือของภาคเอกชนญี่ปุ่น – จีน ในประเทศที่สามเป็นโครงการแรก อีกทั้งผู้นำรัฐบาลญี่ปุ่นและจีนยังเห็นความสำคัญของโครงการ EEC เป็นอย่างมาก จะส่งผลให้ประเทศไทยและภูมิภาคเจริญรุ่งเรือง"

ด้านนายกรัฐมนตรีกล่าวขอบคุณ JBIC ที่มีบทบาทนำในด้านการพิจารณารูปแบบทางการเงินเพื่อผลักดันให้ความร่วมมือไทย – ญี่ปุ่น – จีน ในโครงการรถไฟความเร็วสูงเชื่อมโยง 3 สนามบินให้เกิดขึ้นได้จริงและเป็นรูปธรรม รัฐบาลไทยพร้อมให้สนับสนุนการดำเนินการโครงการดังกล่าว พร้อมย้ำว่า โครงการ EEC เป็นโครงการที่มีความสำคัญในระดับภูมิภาค ซึ่งจะเป็นศูนย์กลางของกระบวนการผลิต โดยยินดีที่ญี่ปุ่นเป็นนักลงทุนต่างประเทศรายใหญ่ที่สุดใน EEC พร้อมฝากถึงการพัฒนาทรัพยากรมนุษย์ และความร่วมมือด้านการศึกษา ซึ่งรัฐบาลไทยให้ความสำคัญอย่างมาก เพื่อรองรับอุตสาหกรรมเป้าหมาย โดยที่ผ่านมา ญี่ปุ่นให้ความร่วมมือในโครงการต่างๆ เป็นอย่างดี อาทิ การจัดตั้งสถาบันการศึกษาในไทย และคาดหวังให้สถาบันการศึกษาและสถาบันการวิจัยของญี่ปุ่นมาจัดตั้งสาขาในไทย และใน EEC เพิ่มเติมด้วย ทั้งนี้ในตอนท้าย ผู้ว่าการ JBIC กล่าวชื่นชมบทบาทนายกรัฐมนตรีในฐานะประธาน ASEAN
 
โดยนายกรัฐมนตรีหวังว่าญี่ปุ่นจะให้การสนับสนุน ASEAN และความร่วมมืออนุภูมิภาค อาทิ ACMECS และ CLMV
 

หากเป็นจริง ก็ถือได้ว่าเป็นครั้งแรกของโลกที่ทั้งประเทศญี่ปุ่น และจีน ที่มีรอยร้าว และไม่สามารถผสานความสัมพันธ์ได้มาหลายร้อยปี แต่ครั้งนี้ภาคเอกชนของทั้งสองประเทศสามารถมาร่วมมือกันได้สำเร็จ ความบาดหมางระหว่าง 2 ประเทศมีมาตั้งแต่สมัยสงครามโลกครั้งที่ 2 จนถึงเรื่องปัญหาหมู่เกาะทางทะเลที่คาบเกี่ยวกับหลายประเทศ ทำให้เกิดความตึงเครียดระหว่างประเทศขึ้น

จนทำให้เกิด MOU on Japan-China Private Economic Cooperation in Third  Countries (ความร่วมมือในการลงทุนในประเทศที่สาม) เริ่มจากภาคเอกชนของทั้งสองประเทศเข้าไปลงทุนในประเทศที่สาม สู่ความร่วมมือกันอย่างเป็นทางการระหว่างภาครัฐ (นายกรัฐมนตรีญี่ปุ่น (อาเบะ) ไปเยือนนายกรัฐมนตรีจีน (สีจิ้นผิง) ที่ปักกิ่ง) ยิ่งทำให้เห็นภาพในมุมมองที่ใหญ่ขึ้นได้ว่า "ความร่วมมือในครั้งนี้จะเป็นประวัติศาสตร์สำคัญที่จะพลิกผันประวัติศาสตร์การเมืองโลก โดยมีประเทศไทยเป็นตัวกลางเพื่อขับเคลื่อนเศรษฐกิจโลก"

ที่สำคัญ ประเทศไทยมีประวัติศาสตร์อันยาวนานที่ดีกับทั้งประเทศญี่ปุ่น และประเทศจีน
ทำให้วันนี้ประเทศไทยเราได้รับโอกาสใหญ่ โอกาสสำคัญ ซึ่งถือได้ว่าเป็นโอกาสอันดีที่ไทยเราสามารถเป็นตัวกลางเชื่อมโยงมหาอำนาจทั้งสองให้สามารถก้าวผ่านรอยร้าว และมาร่วมมือกันทำเพื่อภูมิภาคเอเซีย รวมทั้งประเทศไทยเอง ก็จะได้รับประโยชน์อย่างมหาศาลจากความร่วมมือครั้งนี้

..... ถึงเวลาแล้วหรือยังที่ประเทศไทยจะเดินหน้าทำเรื่องนี้อย่างจริงจัง เพื่อก้าวผ่านไปยังประเทศที่พัฒนาแล้ว .....
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่