สวัสดีค่ะดิฉัน มีเรื่องแชร์จากประสบการณ์ ในวันที่ปัญหาทุกอย่างเริ่มคลี่คลายไปแล้ว เพื่อ อยากเตือนใจ และเป็นอุทธาหรณ์สำหรับวัยทำงานอย่างเราๆนะคะ หากมีคำใดผิดพลาดไป หรือเรียบเรียงไม่ดีก็ขออภัยไว้ ณ ที่นี้ด้วยค่ะ เพราะเหตุการณ์บางอันหลายปีแล้วจำไม่ค่อยได้
ปัจจุบันดิฉัน อายุ 30 ++ แล้ว แต่หนี้ที่ดิฉันเริ่มก่อ เริ่มในสมัยทำงานแรกๆ จบใหม่ๆจนถึงปัจจุบันที่สามารถสะสางสิ่งที่ก่อไว้ได้แล้ว จึงอยากแชร์เรื่องตัวเองให้เป็นอุทธาหรณ์ สอนใจวัยทำงาน ซึ่งถ้าหากดิฉันย้อนกลับเวลาไปได้ในสมับจบใหม่ จะอยากกลับไปเริ่มออมเงินมากกว่า ...เริ่มก่อหนี้
>วัยจบใหม่อะไรๆก็อยากซื้อ
ในวัยประมาณ ยี่สิบต้นๆ การที่เราเริ่มหาเงินได้ด้วยตัวเอง และสามารถมีบัตรเครดิตใช้เป็นใบแรก ในวงเงิน 60000 บาท เราก็เริ่มอยากซื้อ อยากกินอะไรที่เราอยากกินโดยไม่มีการวางแผน เริ่มผ่อนมือถือ มีชีวิตดี๊ ดีย์ หรูหรา ตามที่คนภายนอกเห็น จากเริ่ม ผ่อน 0% 10 เดือน จนกลายเป็นแค่เริ่มชำระขั้นต่ำ จนสุดท้ายเริ่มเต็มวงเงิน บัตรใบแรก
> ใบที่ 1 เต็ม ใบที่สองก็ตามมา
2-3 ปีถัดมา พอใบที่ 1 เต็ม ใบที่สอง ก็ตามมา ในวงเงินที่เพิ่มขึ้น เราเริ่มเบิกเงินสดจากบัตรใบที่สอง เพื่อไปจ่าย ใบที่ 1 Life Style สาวออฟฟิศในเมือง ที่ตามเพื่อนไปกินร้านดีดี แพงๆบ้างปะปนกันไป (นี่ขนาดไม่เที่ยวกลางคืน ไม่ใช้ของแบรนเนมนะ) เวลาผ่านไปจากการใช้เงินไม่รู้จักวางแผน ไม่รู้จักออม เรื่องก็กลับมาเหมือนเดิม วงเงินเริ่ม เกือบๆเต็ม
> บัตรเริ่มเต็มสองใบ ก็ต้องเข้าสู่วัฎจักร สินเชื่อส่วนบุคคล ครั้ง่ที่ 1
บัตรเริ่มเต็มวงเงิน เริ่มจ่ายขั้นต่ำ บัตรสองใบไม่ไหว เราก็ต้องหาทางออกอื่น สุดท้ายเราก็พบทางออกกับสินเชื่อส่วนบุคคล ใช่ค่ะ แรกๆได้มาปุ๊บ จ่ายค่าบัตรทั้งสองใบเรียบร้อย แต่.....ยังไม่ปิดบัตร อันนี้เป็นคำเตือนเลยนะ ถ้ารู้ว่าเราจะห้ามใจไม่ได้ ให้ปิดไปเลย จนกว่ าเราจะเก็บเงินได้ บริหารเงินเป็นค่อยมาใช้ใหม่ เพราะสุดท้าย คุณก็ใช้อยู่ดี แล้วก็จะวนมาวัฎจักรเดิม เพิ่มเติมคือหนี้ท่วมหัว
> เมื่อไม่ปิดบัตร บริหารเงินไม่เป็น ก็จะมีสินเชื่อส่วนบุคคลที่ 2 ผ่อนรถ และ สินเชื่อที่3
ตามหัวข้อเลยค่ะ ไม่สำนึกเลย แถมยังซื้อรถอีก สมัยนั้นมันมีได้แสนนึง ที่บ้านก็เลยอยากให้ออกรถ ตอนนั้นก็เริ่มหาเงินพิเศษบ้างขายของบ้าง เสาร์อาทิตย์ไม่เว้น แต่ก็ไม่พอส่งหนี้สินที่มี จนต้องมีสินเชื่อที่2 และ 3 (สินเชื่อที่ 3 ทำให้ ปิดบัตรเครดิตไปใบนึง แล้วหักทิ้งเลย) แต่สุดท้ายปิดรถได้ ในระยะเวลา ผ่อน ห้าปี บางเดือน ก็มีขาดส่งบ้าง แต่ก็ได้รถเป็นของตัวเองแบบหืดขึ้นคอ จนถึงตอนนี้ หนี้ ดิฉัน ศิริรวม แล้วจะร่วมๆสี่แสน ช่างแสนสาหัสยิ่งนัก
> ไม่ไหวแล้ว ก็เริ่มหยุดส่ง
ใช่ค่ะ ร่วมๆสี่แสน เงินเดือนตอนนั้นสามหมื่น ไม่ไหวอยู่แล้ว แล้วก็ต้องมีค่าใช้จ่ายส่วนตัวต่างๆ อีกทั้งส่งเงินให้แม่ไม่เคยขาด แต่เรื่องที่เกิดขึ้นไม่เคยบอกใคร ตอนนั้นเราเริ่มพยายามหาทางออก เริ่มนอนไม่หลับทั้งคืน เป็นไมเกรน จนเจอพวกเพจวิธีแก้หนี้ เริ่มขาดส่ง จนรอให้ฟ้อง เริ่มเก็บเงินไว้ต่อรอง กับสถาบันการเงิน เริ่มได้รับสายทวงหนี้ โทรกระหน่ำ แต่ยังพูดจาดีอยู่ เริ่มโหลดแอพ ที่กรองสายที่เป็นทวงหนี้ แทบจะเป็นบ้า ไม่เป็นตัวของตัวเอง เวลานี้เป็นช่วงทุกข์ทรมานมาก จำไว้นะคะ เค้าให้สะสมเงินไม่ใช่สะสมหนี้ มิฉะนั้นอาจเป็นเช่นนี้
> หมายศาลมาแล้ววว ยอมรับความจริงให้แม่รู้
มันเป็นช่วงเวลาที่ดีและร้ายปะปนกัน เป็นช่วงเวลาที่ได้งานใหม่ เงินเดือนเยอะขึ้น แต่....จากการที่เราเริ่มหยุดส่งหมายศาลใบแรก ก็ร่อนไปแปะที่บ้าน (เจ้านี้ไม่ค่อยโทรมาทวงเลย มาอีกทีก็เป็นหมายศาลก่อนชาวบ้าน) มันทำให้ปิดแม่ไม่อยู่แล้ว เราก็ต้องกลั้นใจบอกความจริงที่เกิดขึ้น ยอมรับความจริง และรับปากว่าจะแก้ไขมัน เวลานั้รู้สึกเกลียดตัวเองมาก ที่ทำแม่เสียใจผิดหวัง ความพยายามเฮือกสุดท้ายในการปลดหนี้ ก้อเกิดขึ้น มีเท่าไหร่ เทให้หมด ของมีค่าอะไรที่มีก้อต้องขาย อะไรrefinance ทัน ก็ทำไปก่อน (บางอย่างก็ไม่ใช่วิธีที่เพจปลดหนี้เค้าทำกัน แต่จุดประสงค์คือจะไม่อยากให้แม่ เห็นหมายศาลอันอื่นตามมา เดี๋ยวช๊อคตายพอดี) จนเหลือไว้ขึ้นศาลอันนึง
> ประสบการณ์ขึ้นศาล Life Style ที่เปลี่ยนไป
จนในที่สุดก็ถึงวันขึ้นศาล กลัวมาก ตื่นเต้นมาก วันนั้นบอกกับตัวเองไว้ว่า ให้จำวันนั้นไว้แล้วจะไม่เกิดเหตุการณ์แบบนี้อีก ในที่ทำงานใหม่ ไม่ได้อยู่ในเมืองมากนัก ค่าข้าว ก็ถูก เลยทำให้ต่อวันใช้เงินน้อยลง ไม่ค่อยเดินห้าง เครื่องสำอางค์ก็ซื้อเซเว่นเป็นส่วนใหญ่ จะซื้ออะไรก็ถามตัวเองซ้ำๆว่าจำเป็นมั้ย ของประเภทเดียวกันก้อรอให้หมดก่อนค่อยซื้อ เสื้อผ้า ก็ซื้อแบบเรียบๆ ใส่ได้นานๆ จนเริ่มเก็บเงินได้มากขึ้น มีเท่าไหร่ รีบโปะให้หมด และใช้น้อยลง
> สถานการณ์ คลี่คลาย จำไปจนตาย
จนวันนี้ ไม่ค้างอะไรอีกต่อไปแล้ว ไม่มีใครโทรมาทวงหนี้แล้ว รับสายได้ทุกสาย เริ่มบันทึกรายรับรายจ่าย ไม่ใช้บัตรเครดิต รูดแต่เดบิต เริ่มเก็บตังแต่มันจะดีกว่านี้ ถ้าเราได้เริ่มเก็บตังตั้งแต่เริ่มทำงาน ไม่ใช่เพิ่งมาเก็บตอนนี้
อยากฝากวัยทำงาน หรือน้องๆที่เพิ่งเริ่มทำงานหาเงินได้เองนะคะ เรื่องนี้อยากให้เป็นอุทธาหรณ์ ว่าอย่าใช้เงินอนาคตเพื่อชีวิต ดี๊ดี ถ้าเราวางแผนการใช้เงินไม่เป็น เริ่มเก็บออม แล้วใช้เงินที่เราออมได้ ไปซื้อของ กิน เที่ยว ดีกว่าค่ะ การโดนทวงหนี้ ขึ้นศาล แล้วแม่มาเจอหมายศาล มันเครียดมากจริงๆ
เตือนใจ น้องๆวัยเริ่มทำงาน แชร์ประสบการณ์ความเป็นหนี้ในวัย 30++
ปัจจุบันดิฉัน อายุ 30 ++ แล้ว แต่หนี้ที่ดิฉันเริ่มก่อ เริ่มในสมัยทำงานแรกๆ จบใหม่ๆจนถึงปัจจุบันที่สามารถสะสางสิ่งที่ก่อไว้ได้แล้ว จึงอยากแชร์เรื่องตัวเองให้เป็นอุทธาหรณ์ สอนใจวัยทำงาน ซึ่งถ้าหากดิฉันย้อนกลับเวลาไปได้ในสมับจบใหม่ จะอยากกลับไปเริ่มออมเงินมากกว่า ...เริ่มก่อหนี้
>วัยจบใหม่อะไรๆก็อยากซื้อ
ในวัยประมาณ ยี่สิบต้นๆ การที่เราเริ่มหาเงินได้ด้วยตัวเอง และสามารถมีบัตรเครดิตใช้เป็นใบแรก ในวงเงิน 60000 บาท เราก็เริ่มอยากซื้อ อยากกินอะไรที่เราอยากกินโดยไม่มีการวางแผน เริ่มผ่อนมือถือ มีชีวิตดี๊ ดีย์ หรูหรา ตามที่คนภายนอกเห็น จากเริ่ม ผ่อน 0% 10 เดือน จนกลายเป็นแค่เริ่มชำระขั้นต่ำ จนสุดท้ายเริ่มเต็มวงเงิน บัตรใบแรก
> ใบที่ 1 เต็ม ใบที่สองก็ตามมา
2-3 ปีถัดมา พอใบที่ 1 เต็ม ใบที่สอง ก็ตามมา ในวงเงินที่เพิ่มขึ้น เราเริ่มเบิกเงินสดจากบัตรใบที่สอง เพื่อไปจ่าย ใบที่ 1 Life Style สาวออฟฟิศในเมือง ที่ตามเพื่อนไปกินร้านดีดี แพงๆบ้างปะปนกันไป (นี่ขนาดไม่เที่ยวกลางคืน ไม่ใช้ของแบรนเนมนะ) เวลาผ่านไปจากการใช้เงินไม่รู้จักวางแผน ไม่รู้จักออม เรื่องก็กลับมาเหมือนเดิม วงเงินเริ่ม เกือบๆเต็ม
> บัตรเริ่มเต็มสองใบ ก็ต้องเข้าสู่วัฎจักร สินเชื่อส่วนบุคคล ครั้ง่ที่ 1
บัตรเริ่มเต็มวงเงิน เริ่มจ่ายขั้นต่ำ บัตรสองใบไม่ไหว เราก็ต้องหาทางออกอื่น สุดท้ายเราก็พบทางออกกับสินเชื่อส่วนบุคคล ใช่ค่ะ แรกๆได้มาปุ๊บ จ่ายค่าบัตรทั้งสองใบเรียบร้อย แต่.....ยังไม่ปิดบัตร อันนี้เป็นคำเตือนเลยนะ ถ้ารู้ว่าเราจะห้ามใจไม่ได้ ให้ปิดไปเลย จนกว่ าเราจะเก็บเงินได้ บริหารเงินเป็นค่อยมาใช้ใหม่ เพราะสุดท้าย คุณก็ใช้อยู่ดี แล้วก็จะวนมาวัฎจักรเดิม เพิ่มเติมคือหนี้ท่วมหัว
> เมื่อไม่ปิดบัตร บริหารเงินไม่เป็น ก็จะมีสินเชื่อส่วนบุคคลที่ 2 ผ่อนรถ และ สินเชื่อที่3
ตามหัวข้อเลยค่ะ ไม่สำนึกเลย แถมยังซื้อรถอีก สมัยนั้นมันมีได้แสนนึง ที่บ้านก็เลยอยากให้ออกรถ ตอนนั้นก็เริ่มหาเงินพิเศษบ้างขายของบ้าง เสาร์อาทิตย์ไม่เว้น แต่ก็ไม่พอส่งหนี้สินที่มี จนต้องมีสินเชื่อที่2 และ 3 (สินเชื่อที่ 3 ทำให้ ปิดบัตรเครดิตไปใบนึง แล้วหักทิ้งเลย) แต่สุดท้ายปิดรถได้ ในระยะเวลา ผ่อน ห้าปี บางเดือน ก็มีขาดส่งบ้าง แต่ก็ได้รถเป็นของตัวเองแบบหืดขึ้นคอ จนถึงตอนนี้ หนี้ ดิฉัน ศิริรวม แล้วจะร่วมๆสี่แสน ช่างแสนสาหัสยิ่งนัก
> ไม่ไหวแล้ว ก็เริ่มหยุดส่ง
ใช่ค่ะ ร่วมๆสี่แสน เงินเดือนตอนนั้นสามหมื่น ไม่ไหวอยู่แล้ว แล้วก็ต้องมีค่าใช้จ่ายส่วนตัวต่างๆ อีกทั้งส่งเงินให้แม่ไม่เคยขาด แต่เรื่องที่เกิดขึ้นไม่เคยบอกใคร ตอนนั้นเราเริ่มพยายามหาทางออก เริ่มนอนไม่หลับทั้งคืน เป็นไมเกรน จนเจอพวกเพจวิธีแก้หนี้ เริ่มขาดส่ง จนรอให้ฟ้อง เริ่มเก็บเงินไว้ต่อรอง กับสถาบันการเงิน เริ่มได้รับสายทวงหนี้ โทรกระหน่ำ แต่ยังพูดจาดีอยู่ เริ่มโหลดแอพ ที่กรองสายที่เป็นทวงหนี้ แทบจะเป็นบ้า ไม่เป็นตัวของตัวเอง เวลานี้เป็นช่วงทุกข์ทรมานมาก จำไว้นะคะ เค้าให้สะสมเงินไม่ใช่สะสมหนี้ มิฉะนั้นอาจเป็นเช่นนี้
> หมายศาลมาแล้ววว ยอมรับความจริงให้แม่รู้
มันเป็นช่วงเวลาที่ดีและร้ายปะปนกัน เป็นช่วงเวลาที่ได้งานใหม่ เงินเดือนเยอะขึ้น แต่....จากการที่เราเริ่มหยุดส่งหมายศาลใบแรก ก็ร่อนไปแปะที่บ้าน (เจ้านี้ไม่ค่อยโทรมาทวงเลย มาอีกทีก็เป็นหมายศาลก่อนชาวบ้าน) มันทำให้ปิดแม่ไม่อยู่แล้ว เราก็ต้องกลั้นใจบอกความจริงที่เกิดขึ้น ยอมรับความจริง และรับปากว่าจะแก้ไขมัน เวลานั้รู้สึกเกลียดตัวเองมาก ที่ทำแม่เสียใจผิดหวัง ความพยายามเฮือกสุดท้ายในการปลดหนี้ ก้อเกิดขึ้น มีเท่าไหร่ เทให้หมด ของมีค่าอะไรที่มีก้อต้องขาย อะไรrefinance ทัน ก็ทำไปก่อน (บางอย่างก็ไม่ใช่วิธีที่เพจปลดหนี้เค้าทำกัน แต่จุดประสงค์คือจะไม่อยากให้แม่ เห็นหมายศาลอันอื่นตามมา เดี๋ยวช๊อคตายพอดี) จนเหลือไว้ขึ้นศาลอันนึง
> ประสบการณ์ขึ้นศาล Life Style ที่เปลี่ยนไป
จนในที่สุดก็ถึงวันขึ้นศาล กลัวมาก ตื่นเต้นมาก วันนั้นบอกกับตัวเองไว้ว่า ให้จำวันนั้นไว้แล้วจะไม่เกิดเหตุการณ์แบบนี้อีก ในที่ทำงานใหม่ ไม่ได้อยู่ในเมืองมากนัก ค่าข้าว ก็ถูก เลยทำให้ต่อวันใช้เงินน้อยลง ไม่ค่อยเดินห้าง เครื่องสำอางค์ก็ซื้อเซเว่นเป็นส่วนใหญ่ จะซื้ออะไรก็ถามตัวเองซ้ำๆว่าจำเป็นมั้ย ของประเภทเดียวกันก้อรอให้หมดก่อนค่อยซื้อ เสื้อผ้า ก็ซื้อแบบเรียบๆ ใส่ได้นานๆ จนเริ่มเก็บเงินได้มากขึ้น มีเท่าไหร่ รีบโปะให้หมด และใช้น้อยลง
> สถานการณ์ คลี่คลาย จำไปจนตาย
จนวันนี้ ไม่ค้างอะไรอีกต่อไปแล้ว ไม่มีใครโทรมาทวงหนี้แล้ว รับสายได้ทุกสาย เริ่มบันทึกรายรับรายจ่าย ไม่ใช้บัตรเครดิต รูดแต่เดบิต เริ่มเก็บตังแต่มันจะดีกว่านี้ ถ้าเราได้เริ่มเก็บตังตั้งแต่เริ่มทำงาน ไม่ใช่เพิ่งมาเก็บตอนนี้
อยากฝากวัยทำงาน หรือน้องๆที่เพิ่งเริ่มทำงานหาเงินได้เองนะคะ เรื่องนี้อยากให้เป็นอุทธาหรณ์ ว่าอย่าใช้เงินอนาคตเพื่อชีวิต ดี๊ดี ถ้าเราวางแผนการใช้เงินไม่เป็น เริ่มเก็บออม แล้วใช้เงินที่เราออมได้ ไปซื้อของ กิน เที่ยว ดีกว่าค่ะ การโดนทวงหนี้ ขึ้นศาล แล้วแม่มาเจอหมายศาล มันเครียดมากจริงๆ