กระทู้แรกของเรา วันนี้จะมารีวิวการเที่ยวที่ Okinawa ฉบับอยากไปไหนก็ไป
จุดเริ่มต้นมันมาจาก โปรโมรชั่นตั๊วถูกมันล่อตาล่อใจเหลือเกิน กดดูไปดูมา อ้าว...มือลั่น กดจองไปซะแล้ว
วันที่เราเดินทางคือวันที่ 1-3 มีนาคม 2562 การเที่ยวของเราจะไม่มีแพลนอะไรมากมาย แค่แพลนว่าอยากไปไหนบ้าง ที่เหลือก็เปิดแมพเอาเลยจ้า ตามมีตามเกิด
สายการบินที่นั่งพีชแอร์ ขึ้นที่สุวรรณภูมิเค้าเตอร์เช็คอินเปิดก่อนเครื่องออก 2 ชั่วโมงและปิดก่อนเครื่องออก 1 ชั่วโมง ไม่สามารถเชคอินออนไลน์ได้ต้องมาเช็คอินที่เค้าเตอร์เท่านั้น สายการบินนี้เข้มงวดเรื่องน้ำหนักกระเป๋ามากถือขึ้นเครื่องได้ไม่เกิน 7 กิโลกรัม
ตอนจองจองช่วงโปรโมชั่นได้ราคาไปกลับประมาณ 4,500 บาทไม่รวมโหดลกระเป๋าแต่ถ้าใครจะซื้อเพิ่มก็เที่ยวละ 980 บาทโหลดได้ 20 กิโลกรัม
ที่นั่งเป็นแบบ 3 -3 ไม่มีเสริฟอาหารบนเครื่องอยากกินอะไรต้องซื้อเพิ่มเอาเอง ไม่รับเงินไทยรับแต่เงินเยน
เรามาถึงสนามบินตอนเที่ยงคืนมาถึงค่อนข้างเลทเค้าเตอร์เช็คอินคืนเค้าเตอร์ M แถวเช็คอินไม่มีคนเลยแอบแซวกันว่าสงสัยไม่มีคนไปแต่จริงๆแล้วเค้าเช็คอินกันไปหมดแล้ว

และสายการบินนี้ขึ้นชื่อเรื่องเครื่องดีเลย์มากซึ่งไฟล์ที่เราบินก็ดีเลย์ไป 15 นาทีจากปกติเครื่องออก 01.45 เปลี่ยนเวลาเป็น 02.00 ซึ่งก็ถือว่าเป็นเวลาที่รับได้ มาช้าดีกว่าไม่มานะจ๊ะ

หลังจากผ่านกระบวณการตรวจกระเป๋าและหนังสือเดินทางเรามีเวลาเหลือก่อนบอร์ดดิ้งประมาณ 1ชั่วโมง สำหรับผู้ที่มีบัตรคิงเพาว์เวอร์หรือบัตรร่วมสามารถเข้าเล้าจน์คิงเพาว์เวอร์ได้ฟรีพร้อมผู้ติดตาม 1คน เล้าจน์คิงเพาเวอร์มีทั้ง 2 ฝั่ง เราต้องไปขึ้นเครื่องเกต C9 หลังจากเดินมาถึงจุดนี้ ให้เลี้ยวไปทางซ้ายมือก็จะเจอ king power shop เดินเข้าไปเลยค่ะ เล้าจน์จะอยู่ด้านใน


ภายในเลาจ์น ก็จะมีเครื่องดื่ม อาหารร้อน แซนวิช สลัด และปลั๊กไฟ ให้บริการ แต่อย่านั่งเพลินนะคะ อาจจะตกเครื่องได้

พอได้เวลาสักเที่ยงคืนครึ่งเราก็เดินไปที่เกตกัน หลังจากเราเดินเข้าไปเกต เจ้าหน้าที่ก็ปิดเกตเลย เกือบตกเครื่องแล้วมั้ยล่ะเรา นั่งเพลินไปหน่อย
หลังจากเข้าเกตแล้ว ก็เดินขึ้นเครื่องได้เลย คนเต็มทุกที่นั่ง แอร์จะเป็นแอร์ของญี่ปุ่นค่ะ

ความกว้างของที่นั่ง สำหรับคนตัวเล็ก ก็พอนั่งได้อยู่ แต่สำหรับคนตัวใหญ่ เข่าก็จะชนหน่อย

หลังจากบอร์ดดิ้งคอมพลีท ก็ได้เวลาเทคออฟกันแล้ว ใช้เวลาบินประมาณ4ชั่วโมงออกจากไทยตี2ไปถึงโอกินาวาตอน 8 โมงเช้า
บนเครื่องรู้สึกร้อนมาก และนอนไม่ค่อยหลับ หลับๆตื่นๆตลอด ฟ้าเริ่มสว่างแล้ว ดีใจมากเพราะใกล้จะถึงแล้ว

ในที่สุดเราก็มาถึงกันสักที เทอร์มิมอลที่พีชแอร์มาลง จะแยกออกมาจากเทอร์มินอลหลัก คือ LCC Terminal จะมีสองสายการบินที่เทอร์มินอลนี้ คือพีชแอร์ และ วนิลาแอร์ (ตั้งแต่วันที่ 18 มีนาคม 2562 เปลี่ยนเค้าเตอร์เช็คอินเป็นอาคารผู้โดยสารหลัก ชั้น 3)


หลังจากลงเครื่องก็ต้องเดินเข้าเทอร์มินอล เดินไปไม่ใกล้ก็ถึง ด่านตรวจคนเข้าเมืองเลย บริเวณนี้ห้ามถ่ายรูป ผ่าม ตม. มาเรียบร้อย ก็ต้องมารับกระเป๋า เทอร์มินอลนี้ไม่มีสายพานนะคะ จะมีเจ้าหน้าที่เข็นกระเป๋ามาวางไว้ให้หลังจากรับกระเป๋าก็ไปตรวจกระเป๋าที่ศุลกากร เป็นอันเรียบร้อย เราต้องนั่งรถบัสไปยัง Domestic Terminal โดยจะมีรถบัสบริการฟรี สามารถขึ้นได้ที่ด้านหน้าของเทอรมินอลเลยค่ะ เนื่องจากของพะรุงพะรัง จึงไม่ได้ถ่ายรูปตรงที่รอรถไว้ มีแต่รูปหลังจากขึ้นมาแล้ว บนรถก็จะหน้าตาประมาณนี้

นั่งรถมาไม่นาน รถจะมาจอดที่ ป้าย หมายเลข 4 ให้เราลงที่นี่เลยค่ะ สามารถต่อรถเข้าเมืองได้ที่นี่เลย ส่วนเราเลือกเช่ารถขับ เราเช่ากับ klook ราคา 3 วัน ราคาประมาณ 3,500 บาท ราคาจะขึ้นอยู่กับคลาสของรถ รถที่ญี่ปุ่นขับพวงมาลัยด้านเดียวกับไทย แต่ที่นี่เข้มงวดเรื่องกฏจราจรมากๆ ยังไงควรศึกษาเรื่องกฏจราจรให้ดีด้วยนะคะ

การรับรถ เมื่อมาถึงให้สังเกตไปที่เกาะกลางถนน จะมีบริษัทเช่ารถมายืนรออยู่หลายเจ้า ถ้าเช่ากับ klook คือ บริษัท Times car สังเกตง่ายมาก เมื่อเจอเจ้าหน้าที่ ให้เราแจ้งชื่อที่จองไว้ เราจะได้รับคิว จะมีรถมารับไปยังบริษัทอีกทีนึง

หน้าตารถของ Times Car ก็จะเป็นแบบนี้

เมื่อนั่งรถไปถึงบริษัทฯ จะมีที่ให้เรานั่งรอเรียกคิว กว้างขวางมาก เมื่อถึงคิวต้องไปกรอกข้อมูลอ่านเงื่อนไขข้อกำหนดต่างๆ

อันนี้เป็นแบบฟอร์มข้อมูลที่ต้องกรอกเบื้องต้น

หลังจากเสร็จกระบวนการต่างๆ ก็ไปรับรถกันได้เลย

รถที่เราได้คือ มาสด้า 3ตามนี้เลยค่ะ เมื่อได้รถมาแล้วก็ลุยกันเลย เป้าหมายแรกของเรา หนีไม่พ้นของกิน แฮะๆๆ
เนื่องจากไปได้กินอะไรบนเครื่องและรู้สึกหิวมากกกแถวสนามบินมีบุฟเฟ่ต์หัวละ1,380 เยนอยู่ใกล้ถนนโคคุไซร้านเปิด11:00 – 23.00 น.ชื่อร้านBambohe Yakiniku Stationระยะเวลาในการกิน90 นาที
เราไปถึงตอนประมาณ 10:30 และร้านยังไ่ม่เปิด เลยไปเดินเล่นแถวถนนโคคุไซ เพื่อรอเวลา ของที่ขายก็จะเป็นพวกของฝาก มันม่วง สาหร่าย ผลไม้ แต่เรายังไม่ซื้อตอนนี้ เดี๋ยวค่อยมาซื้อวันกลับ ภายในตลาดก็จะประมาณนี้


เดินไปสักพักนึงก็จะเจอตลาดสด ชื่อว่า First Makishi Public Market อยู่ด้านขวามือ ไม่รอช้าเข้าไปสำรวจกันเลย
ด้านในจะขายจำพวกของสด อาหารทะเลต่างๆ มากมาย

หลังจากสำรวจตลาดเสร็จแล้ว ได้เวลาร้านบุฟเฟต์เปิด เราก็รีบมูฟไปยังร้านบุฟเฟ่ทันทีด้วยความหิวระดับสิบ
มาถึงกันแล้ว อันนี้เป็นบริเวณหน้าร้าน สังเกตง่ายมาก ไม่ต้องกลัวหาไม่เจอ

ในส่วนของราคาจะแบ่งเป็น 2 ช่วง คือ 11.00-17.00 น. ราคาบุฟเฟ่ต์ หัวละ 1,380 เยน หลังจาก 17.00-23.00 น. ราคาบุฟเฟ่ต์หัวละ 1,960 เยน

ส่วนของบาร์ด้านใน

มีทั้งเนื้อหมู เนื้อวัว และผักต่างๆ

ส่วนของสลัดบาร์

ส่วนของบาร์น้ำ

น่ากินมากๆๆๆ

สิ่งที่ขาดไม่ได้คือน้ำจิ้มสุกกี้ พกมาเองเลยค่ะ ทำให้เรากินได้เยอะกว่าเดิม 555

สุดท้ายตบด้วยไอศครีม บอกเลยว่าอิ่มสุดๆ

เดินทางไปยังที่พักกันเลยระยะเวลาจากสนามบินไปที่พักประมาณ1ชั่วโมงระยะทาง 60 กิโล
แต่โรงแรมเปิดให้เชคอินบ่ายสามโมง เราเลยต้องหาที่แวะกันก่อน เราตัดสินใจไปกันที่ Cape Manzomo แหลมนี้มีคนมาดำน้ำเยอะมาก ซึ่งเราจะไปดำน้ำกันในวันพรุ่งนี้
มาถึงแล้วก็ไม่มีอะไรมาก เหมือนเป็นจุดชมวิวจุดนึง ส่วนตัวคิดว่าไม่ว๊าววเท่าไหร่

หลังจากจบจากจุดชมวิว เราอ่านเจอรีวิวมาว่าแถวนี้มีร้านแพนเค้ก อร่อยๆอยู่ สายหวานอย่างเราต้องไปลอง เปิดMap ไปเลยค่ะ ชื่อร้าน Hawaiian Pancakes House Paanilani
ระหว่างทางวิวสวยมากจริงๆ

ตอนเราไปถึงขับเลยร้านค่ะ คือร้านอยู่ตรงโค้งพอดี และป้ายร้านเป็นสีเขียว ซึ่งมันเป็นสีเดียวกับป้ายทาง เราจึงไม่ทันสังเกต เราเลยต้องขับย้อนมาใหม่ ลานจอดรถจะอยู่ฝั่งตรงข้ามร้าน ต้องจอดรถแล้วข้ามถนนมานะคะ

เราสั่งเซตนี้มาค่ะ ปกติไม่มีไอศครีม เราสั่งเพิ่มมา น่ากินขึ้นเยอะ แต่ราคาค่อนข้างแพง จานนี้รวมน้ำ 2 แก้ว ราคาประมาณ 2,000 เยน แต่อร่อยค่ะ

หลังจากทานแพนเค้กเสร็จ ก็ได้เวลาไปห้องพัก
ที่พักเราเลือกพักโรงแรมติดหาดโคกิบีชโรงแรมเบสต์เวสเทิร์นโอกินาวาโคกิบีช(Best Western Okinawa Kouki Beach)ราคาพัก2 คืนประมาณ26,000เยนด้านล่างโรงแรมมีแฟมมิลี่ และมีที่จอดรถบริการฟรี
ภาพนี้เราถ่ายจากด้านหลังโรงแรม

ส่วนของล็อบบี้ มีอินเทอร์เนตและปริ้นเต้องให้บริการ
[CR] โอกินาวา 3 วัน 2 คืน ก็เที่ยวได้
จุดเริ่มต้นมันมาจาก โปรโมรชั่นตั๊วถูกมันล่อตาล่อใจเหลือเกิน กดดูไปดูมา อ้าว...มือลั่น กดจองไปซะแล้ว
วันที่เราเดินทางคือวันที่ 1-3 มีนาคม 2562 การเที่ยวของเราจะไม่มีแพลนอะไรมากมาย แค่แพลนว่าอยากไปไหนบ้าง ที่เหลือก็เปิดแมพเอาเลยจ้า ตามมีตามเกิด
สายการบินที่นั่งพีชแอร์ ขึ้นที่สุวรรณภูมิเค้าเตอร์เช็คอินเปิดก่อนเครื่องออก 2 ชั่วโมงและปิดก่อนเครื่องออก 1 ชั่วโมง ไม่สามารถเชคอินออนไลน์ได้ต้องมาเช็คอินที่เค้าเตอร์เท่านั้น สายการบินนี้เข้มงวดเรื่องน้ำหนักกระเป๋ามากถือขึ้นเครื่องได้ไม่เกิน 7 กิโลกรัม
ตอนจองจองช่วงโปรโมชั่นได้ราคาไปกลับประมาณ 4,500 บาทไม่รวมโหดลกระเป๋าแต่ถ้าใครจะซื้อเพิ่มก็เที่ยวละ 980 บาทโหลดได้ 20 กิโลกรัม
ที่นั่งเป็นแบบ 3 -3 ไม่มีเสริฟอาหารบนเครื่องอยากกินอะไรต้องซื้อเพิ่มเอาเอง ไม่รับเงินไทยรับแต่เงินเยน
เรามาถึงสนามบินตอนเที่ยงคืนมาถึงค่อนข้างเลทเค้าเตอร์เช็คอินคืนเค้าเตอร์ M แถวเช็คอินไม่มีคนเลยแอบแซวกันว่าสงสัยไม่มีคนไปแต่จริงๆแล้วเค้าเช็คอินกันไปหมดแล้ว
และสายการบินนี้ขึ้นชื่อเรื่องเครื่องดีเลย์มากซึ่งไฟล์ที่เราบินก็ดีเลย์ไป 15 นาทีจากปกติเครื่องออก 01.45 เปลี่ยนเวลาเป็น 02.00 ซึ่งก็ถือว่าเป็นเวลาที่รับได้ มาช้าดีกว่าไม่มานะจ๊ะ
หลังจากผ่านกระบวณการตรวจกระเป๋าและหนังสือเดินทางเรามีเวลาเหลือก่อนบอร์ดดิ้งประมาณ 1ชั่วโมง สำหรับผู้ที่มีบัตรคิงเพาว์เวอร์หรือบัตรร่วมสามารถเข้าเล้าจน์คิงเพาว์เวอร์ได้ฟรีพร้อมผู้ติดตาม 1คน เล้าจน์คิงเพาเวอร์มีทั้ง 2 ฝั่ง เราต้องไปขึ้นเครื่องเกต C9 หลังจากเดินมาถึงจุดนี้ ให้เลี้ยวไปทางซ้ายมือก็จะเจอ king power shop เดินเข้าไปเลยค่ะ เล้าจน์จะอยู่ด้านใน
ภายในเลาจ์น ก็จะมีเครื่องดื่ม อาหารร้อน แซนวิช สลัด และปลั๊กไฟ ให้บริการ แต่อย่านั่งเพลินนะคะ อาจจะตกเครื่องได้
พอได้เวลาสักเที่ยงคืนครึ่งเราก็เดินไปที่เกตกัน หลังจากเราเดินเข้าไปเกต เจ้าหน้าที่ก็ปิดเกตเลย เกือบตกเครื่องแล้วมั้ยล่ะเรา นั่งเพลินไปหน่อย
หลังจากเข้าเกตแล้ว ก็เดินขึ้นเครื่องได้เลย คนเต็มทุกที่นั่ง แอร์จะเป็นแอร์ของญี่ปุ่นค่ะ
ความกว้างของที่นั่ง สำหรับคนตัวเล็ก ก็พอนั่งได้อยู่ แต่สำหรับคนตัวใหญ่ เข่าก็จะชนหน่อย
หลังจากบอร์ดดิ้งคอมพลีท ก็ได้เวลาเทคออฟกันแล้ว ใช้เวลาบินประมาณ4ชั่วโมงออกจากไทยตี2ไปถึงโอกินาวาตอน 8 โมงเช้า
บนเครื่องรู้สึกร้อนมาก และนอนไม่ค่อยหลับ หลับๆตื่นๆตลอด ฟ้าเริ่มสว่างแล้ว ดีใจมากเพราะใกล้จะถึงแล้ว
ในที่สุดเราก็มาถึงกันสักที เทอร์มิมอลที่พีชแอร์มาลง จะแยกออกมาจากเทอร์มินอลหลัก คือ LCC Terminal จะมีสองสายการบินที่เทอร์มินอลนี้ คือพีชแอร์ และ วนิลาแอร์ (ตั้งแต่วันที่ 18 มีนาคม 2562 เปลี่ยนเค้าเตอร์เช็คอินเป็นอาคารผู้โดยสารหลัก ชั้น 3)
หลังจากลงเครื่องก็ต้องเดินเข้าเทอร์มินอล เดินไปไม่ใกล้ก็ถึง ด่านตรวจคนเข้าเมืองเลย บริเวณนี้ห้ามถ่ายรูป ผ่าม ตม. มาเรียบร้อย ก็ต้องมารับกระเป๋า เทอร์มินอลนี้ไม่มีสายพานนะคะ จะมีเจ้าหน้าที่เข็นกระเป๋ามาวางไว้ให้หลังจากรับกระเป๋าก็ไปตรวจกระเป๋าที่ศุลกากร เป็นอันเรียบร้อย เราต้องนั่งรถบัสไปยัง Domestic Terminal โดยจะมีรถบัสบริการฟรี สามารถขึ้นได้ที่ด้านหน้าของเทอรมินอลเลยค่ะ เนื่องจากของพะรุงพะรัง จึงไม่ได้ถ่ายรูปตรงที่รอรถไว้ มีแต่รูปหลังจากขึ้นมาแล้ว บนรถก็จะหน้าตาประมาณนี้
นั่งรถมาไม่นาน รถจะมาจอดที่ ป้าย หมายเลข 4 ให้เราลงที่นี่เลยค่ะ สามารถต่อรถเข้าเมืองได้ที่นี่เลย ส่วนเราเลือกเช่ารถขับ เราเช่ากับ klook ราคา 3 วัน ราคาประมาณ 3,500 บาท ราคาจะขึ้นอยู่กับคลาสของรถ รถที่ญี่ปุ่นขับพวงมาลัยด้านเดียวกับไทย แต่ที่นี่เข้มงวดเรื่องกฏจราจรมากๆ ยังไงควรศึกษาเรื่องกฏจราจรให้ดีด้วยนะคะ
การรับรถ เมื่อมาถึงให้สังเกตไปที่เกาะกลางถนน จะมีบริษัทเช่ารถมายืนรออยู่หลายเจ้า ถ้าเช่ากับ klook คือ บริษัท Times car สังเกตง่ายมาก เมื่อเจอเจ้าหน้าที่ ให้เราแจ้งชื่อที่จองไว้ เราจะได้รับคิว จะมีรถมารับไปยังบริษัทอีกทีนึง
หน้าตารถของ Times Car ก็จะเป็นแบบนี้
เมื่อนั่งรถไปถึงบริษัทฯ จะมีที่ให้เรานั่งรอเรียกคิว กว้างขวางมาก เมื่อถึงคิวต้องไปกรอกข้อมูลอ่านเงื่อนไขข้อกำหนดต่างๆ
อันนี้เป็นแบบฟอร์มข้อมูลที่ต้องกรอกเบื้องต้น
หลังจากเสร็จกระบวนการต่างๆ ก็ไปรับรถกันได้เลย
รถที่เราได้คือ มาสด้า 3ตามนี้เลยค่ะ เมื่อได้รถมาแล้วก็ลุยกันเลย เป้าหมายแรกของเรา หนีไม่พ้นของกิน แฮะๆๆ
เนื่องจากไปได้กินอะไรบนเครื่องและรู้สึกหิวมากกกแถวสนามบินมีบุฟเฟ่ต์หัวละ1,380 เยนอยู่ใกล้ถนนโคคุไซร้านเปิด11:00 – 23.00 น.ชื่อร้านBambohe Yakiniku Stationระยะเวลาในการกิน90 นาที
เราไปถึงตอนประมาณ 10:30 และร้านยังไ่ม่เปิด เลยไปเดินเล่นแถวถนนโคคุไซ เพื่อรอเวลา ของที่ขายก็จะเป็นพวกของฝาก มันม่วง สาหร่าย ผลไม้ แต่เรายังไม่ซื้อตอนนี้ เดี๋ยวค่อยมาซื้อวันกลับ ภายในตลาดก็จะประมาณนี้
เดินไปสักพักนึงก็จะเจอตลาดสด ชื่อว่า First Makishi Public Market อยู่ด้านขวามือ ไม่รอช้าเข้าไปสำรวจกันเลย
ด้านในจะขายจำพวกของสด อาหารทะเลต่างๆ มากมาย
หลังจากสำรวจตลาดเสร็จแล้ว ได้เวลาร้านบุฟเฟต์เปิด เราก็รีบมูฟไปยังร้านบุฟเฟ่ทันทีด้วยความหิวระดับสิบ
มาถึงกันแล้ว อันนี้เป็นบริเวณหน้าร้าน สังเกตง่ายมาก ไม่ต้องกลัวหาไม่เจอ
ในส่วนของราคาจะแบ่งเป็น 2 ช่วง คือ 11.00-17.00 น. ราคาบุฟเฟ่ต์ หัวละ 1,380 เยน หลังจาก 17.00-23.00 น. ราคาบุฟเฟ่ต์หัวละ 1,960 เยน
ส่วนของบาร์ด้านใน
มีทั้งเนื้อหมู เนื้อวัว และผักต่างๆ
ส่วนของสลัดบาร์
ส่วนของบาร์น้ำ
น่ากินมากๆๆๆ
สิ่งที่ขาดไม่ได้คือน้ำจิ้มสุกกี้ พกมาเองเลยค่ะ ทำให้เรากินได้เยอะกว่าเดิม 555
สุดท้ายตบด้วยไอศครีม บอกเลยว่าอิ่มสุดๆ
เดินทางไปยังที่พักกันเลยระยะเวลาจากสนามบินไปที่พักประมาณ1ชั่วโมงระยะทาง 60 กิโล
แต่โรงแรมเปิดให้เชคอินบ่ายสามโมง เราเลยต้องหาที่แวะกันก่อน เราตัดสินใจไปกันที่ Cape Manzomo แหลมนี้มีคนมาดำน้ำเยอะมาก ซึ่งเราจะไปดำน้ำกันในวันพรุ่งนี้
มาถึงแล้วก็ไม่มีอะไรมาก เหมือนเป็นจุดชมวิวจุดนึง ส่วนตัวคิดว่าไม่ว๊าววเท่าไหร่
หลังจากจบจากจุดชมวิว เราอ่านเจอรีวิวมาว่าแถวนี้มีร้านแพนเค้ก อร่อยๆอยู่ สายหวานอย่างเราต้องไปลอง เปิดMap ไปเลยค่ะ ชื่อร้าน Hawaiian Pancakes House Paanilani
ระหว่างทางวิวสวยมากจริงๆ
ตอนเราไปถึงขับเลยร้านค่ะ คือร้านอยู่ตรงโค้งพอดี และป้ายร้านเป็นสีเขียว ซึ่งมันเป็นสีเดียวกับป้ายทาง เราจึงไม่ทันสังเกต เราเลยต้องขับย้อนมาใหม่ ลานจอดรถจะอยู่ฝั่งตรงข้ามร้าน ต้องจอดรถแล้วข้ามถนนมานะคะ
เราสั่งเซตนี้มาค่ะ ปกติไม่มีไอศครีม เราสั่งเพิ่มมา น่ากินขึ้นเยอะ แต่ราคาค่อนข้างแพง จานนี้รวมน้ำ 2 แก้ว ราคาประมาณ 2,000 เยน แต่อร่อยค่ะ
หลังจากทานแพนเค้กเสร็จ ก็ได้เวลาไปห้องพัก
ที่พักเราเลือกพักโรงแรมติดหาดโคกิบีชโรงแรมเบสต์เวสเทิร์นโอกินาวาโคกิบีช(Best Western Okinawa Kouki Beach)ราคาพัก2 คืนประมาณ26,000เยนด้านล่างโรงแรมมีแฟมมิลี่ และมีที่จอดรถบริการฟรี
ภาพนี้เราถ่ายจากด้านหลังโรงแรม
ส่วนของล็อบบี้ มีอินเทอร์เนตและปริ้นเต้องให้บริการ
CR - Consumer Review : กระทู้รีวิวนี้เป็นกระทู้ CR โดยที่เจ้าของกระทู้