มี 2 เรื่องที่คนมักไม่รู้เกี่ยวกับ ย.โย่ง เอกชัย นพจินดา
เรื่องแรก เขาไม่ได้ มีชื่อเล่นว่า โย่ง แต่ชื่อเล่นจริงๆที่พ่อแม่ตั้งให้ คือ "นิดหน่อย"
เอกชัย เป็นพี่คนโต มีชื่อนิดหน่อย ลูกสาวคนกลางชื่อนัยนา ชื่อเล่นน้อย และลูกชายคนเล็ก ธราวุธ ชื่อเล่นหนู
นิดหน่อย - น้อย - หนู สามพี่น้องแห่งตระกูลนพจินดา
ในครอบครัวเขาคือนิดหน่อย แต่พอเข้าโรงเรียนวชิราวุธวิทยาลัย ด้วยความที่เป็นคนหน้าตี๋ มีเชื้อคนจีน เพื่อนๆ เลยเรียกว่า ตี๋
เท่ากับว่า เอกชัย นพจินดา มี 3 ชื่อเล่นในคนเดียว
- "นิดหน่อย" สำหรับครอบครัว
- "ตี๋" สำหรับเพื่อนๆสมัยเรียน
- "ย.โย่ง" สำหรับคนทั่วไป
และเรื่องที่ 2 ที่คนมักไม่รู้ คือ ย.โย่ง แม้จะเป็นตำนานของวงการสื่อกีฬา แต่เขามีวุฒิ เพียงแค่มัธยมปลายเท่านั้น
ย.โย่ง เรียนไม่จบปริญญาตรี
คำถามคือ ทำไมแม้จะไม่มีวุฒิการศึกษาที่สูงพอ แต่ ย.โย่งกลับก้าวกระโดดกลายเป็น นักข่าวกีฬาเบอร์ 1 ได้สำเร็จ
น่าคิดนะครับ ว่าเขาพัฒนาตัวเองมาไกลขนาดนี้ได้อย่างไร
-------------------------------------------
เอกชัย เรียนจบ ม.ปลาย จากโรงเรียนวชิราวุธ ใน พ.ศ.2515 เขามีอายุ 19 ปีถ้วน
ในยุคนั้น การสอบเอ็นทรานซ์เข้ามหาวิทยาลัย จะเป็นการสอบแค่ครั้งเดียว พร้อมกันทั่วประเทศ โดยแต่ละคน จะมีสิทธิเลือกคณะที่ต้องการเอาไว้ 4-6 อันดับ
เอกชัย เลือกนิติศาสตร์ ธรรมศาสตร์ เป็นอันดับหนึ่ง ปรากฏเขาสอบไม่ติด
ในขณะที่เพื่อนๆแห่ไปเรียนรามคำแหง หรือมหาวิทยาลัยเอกชนดังๆ อย่างม.กรุงเทพ แต่เอกชัย อยากจะสอบเข้ามหา'ลัยรัฐให้ได้ ดังนั้นเขาจึงขอเวลา 1 ปี เพื่อเรียนพิเศษติวหนังสืออย่างเดียว
เอกชัยในชีวิตตอนนี้ คือเรียนพิเศษอย่างหนัก ควบคู่กับ ไปเรียนภาษาอังกฤษที่ AUA เพื่อพัฒนาสกิลด้านภาษาที่ 2
(AUA ย่อจาก American University Alumni Association หรือ สมาคมศิษย์เก่าอเมริกัน และเป็นโรงเรียนสอนภาษาอังกฤษแห่งแรกๆของประเทศไทย เมื่อก่อนตั้งอยู่ที่ถนนราชดำริ ก่อนถึงสวนลุมพินี แต่ปัจจุบันย้ายไปที่จามจุรีสแควร์แล้ว)
เอกชัยจริงจัง เพื่อเป้าหมายในการสอบเอ็นทรานซ์ให้ได้ ตลอด 1 ปีมานี้เขาเรียนหนักไม่แพ้ใคร
และการสอบเอ็นทรานซ์ครั้งที่ 2 ก็มาถึง ในปี พ.ศ.2516
ปรากฏว่าเขา เอ็นไม่ติดอีกครั้ง
เอกชัยซึมลงอย่างเห็นได้ชัด เขาพยายามมาตลอดปีแล้ว แต่ก็ยังไม่เพียงพอ การสอบเข้ามหาวิทยาลัยรัฐให้ได้มันเป็นเรื่องยากมากจริงๆ
เจ้าตัวลังเลอยู่ว่าจะเอาอย่างไรต่อดีกับชีวิต จะยอมแพ้ หรือจะสู้ต่อรอสอบปีที่ 3?
-------------------------------------------
เอกชัย มีเพื่อนสนิทอยู่หนึ่งคน ที่ชื่อ ยอดชาย ขันธชวนะ ทั้งคู่เป็นบัดดี้กันตั้งแต่เรียนวชิราวุธ
หลังจากเรียนจบ ม.ปลาย เอกชัยเตรียมรอสอบ ส่วนยอดชาย ไปทำงานเป็นนักข่าวกีฬาฝึกหัดที่หนังสือพิมพ์บ้านเมือง
หนังสือพิมพ์บ้านเมืองตั้งอยู่ที่ถนนวิภาวดีรังสิต แต่บ้านของยอดชายอยู่ที่หัวลำโพง ซึ่งในยุคนั้นมันเดินทางยาก เขาจึงตัดสินใจ ขนข้าวของมาสิงสู่อยู่ที่บ้านของเอกชัย ที่สามเสนแทน ซึ่งใกล้โรงพิมพ์มากกว่า
หลังจากสอบเอ็นทรานซ์ไม่ติดเป็นปีที่ 2 เอกชัยยังตั้งใจจะสอบเป็นปีที่ 3 แต่ทว่า เขาเองก็รู้สึกแย่ ที่ทำให้พ่อต้องผิดหวังที่สอบไม่ติด ยอดชายเองที่อยู่ด้วยกัน ก็รู้สึกได้เลยว่า เอกชัย ไม่สดใสเหมือนที่เคย
ช่วงเวลาเดียวที่ เอกชัยจะมีความสุข คือการได้ดูรายการไฮไลท์ฟุตบอลอังกฤษตอนกลางคืน
"เอกชัยจะนั่งดูอย่างตั้งใจ เขาไม่สนใจคนพากย์เลย แต่จะคุยกับผมว่า ไอ้นั่นมันเป็นใคร ไอ้นั่นส่งให้ไอ้นี่" ยอดชายเล่า
"เขารู้เรื่องนักกีฬาพอๆกับผม ที่เป็นนักข่าว ทั้งๆที่เขาไม่ได้ทำงานอะไร เขาแค่ชอบ และรักฟุตบอลเท่านั้น"
ด้วยความที่เห็นเพื่อนมีความรู้ และความชอบในฟุตบอล รวมทั้งไม่อยากให้ต้องมาเศร้าหงอยแบบนี้ ยอดชายจึงเอ่ยปากขึ้นมาว่า
"ตี๋ ลองไปทำงานเป็นนักข่าวกีฬาไหม ที่บ้านเมืองเขาขาดอยู่ 1 คน ชอบฟุตบอล ทำได้แน่ ลองไปทำชั่วคราวดู"
"กูทำได้หรอ" เขายังลังเลใจ
"สบายมาก กูมั่นใจ ดูทีวีเห็นนักบอลแค่หัวไม้ขีดไฟ ยังจำได้ อีกตั้งนานกว่าจะเอ็นทรานซ์ปีหน้า ไปทำเล่นๆกันก็ได้ อย่ามาทำหน้าเซ็งแบบนี้ หาอะไรทำบ้างจะได้ไม่เซ็ง"
"ตกลง กูไป" เอกชัยตัดสินใจในที่สุด
-------------------------------------------
(เครดิต : เพจ วิเคราะห์บอลจริงจัง )
### แด่คัมภีร์ลูกหนัง...ด้วยดวงใจ (ย.โย่ง) ###
เรื่องแรก เขาไม่ได้ มีชื่อเล่นว่า โย่ง แต่ชื่อเล่นจริงๆที่พ่อแม่ตั้งให้ คือ "นิดหน่อย"
เอกชัย เป็นพี่คนโต มีชื่อนิดหน่อย ลูกสาวคนกลางชื่อนัยนา ชื่อเล่นน้อย และลูกชายคนเล็ก ธราวุธ ชื่อเล่นหนู
นิดหน่อย - น้อย - หนู สามพี่น้องแห่งตระกูลนพจินดา
ในครอบครัวเขาคือนิดหน่อย แต่พอเข้าโรงเรียนวชิราวุธวิทยาลัย ด้วยความที่เป็นคนหน้าตี๋ มีเชื้อคนจีน เพื่อนๆ เลยเรียกว่า ตี๋
เท่ากับว่า เอกชัย นพจินดา มี 3 ชื่อเล่นในคนเดียว
- "นิดหน่อย" สำหรับครอบครัว
- "ตี๋" สำหรับเพื่อนๆสมัยเรียน
- "ย.โย่ง" สำหรับคนทั่วไป
และเรื่องที่ 2 ที่คนมักไม่รู้ คือ ย.โย่ง แม้จะเป็นตำนานของวงการสื่อกีฬา แต่เขามีวุฒิ เพียงแค่มัธยมปลายเท่านั้น
ย.โย่ง เรียนไม่จบปริญญาตรี
คำถามคือ ทำไมแม้จะไม่มีวุฒิการศึกษาที่สูงพอ แต่ ย.โย่งกลับก้าวกระโดดกลายเป็น นักข่าวกีฬาเบอร์ 1 ได้สำเร็จ
น่าคิดนะครับ ว่าเขาพัฒนาตัวเองมาไกลขนาดนี้ได้อย่างไร
-------------------------------------------
เอกชัย เรียนจบ ม.ปลาย จากโรงเรียนวชิราวุธ ใน พ.ศ.2515 เขามีอายุ 19 ปีถ้วน
ในยุคนั้น การสอบเอ็นทรานซ์เข้ามหาวิทยาลัย จะเป็นการสอบแค่ครั้งเดียว พร้อมกันทั่วประเทศ โดยแต่ละคน จะมีสิทธิเลือกคณะที่ต้องการเอาไว้ 4-6 อันดับ
เอกชัย เลือกนิติศาสตร์ ธรรมศาสตร์ เป็นอันดับหนึ่ง ปรากฏเขาสอบไม่ติด
ในขณะที่เพื่อนๆแห่ไปเรียนรามคำแหง หรือมหาวิทยาลัยเอกชนดังๆ อย่างม.กรุงเทพ แต่เอกชัย อยากจะสอบเข้ามหา'ลัยรัฐให้ได้ ดังนั้นเขาจึงขอเวลา 1 ปี เพื่อเรียนพิเศษติวหนังสืออย่างเดียว
เอกชัยในชีวิตตอนนี้ คือเรียนพิเศษอย่างหนัก ควบคู่กับ ไปเรียนภาษาอังกฤษที่ AUA เพื่อพัฒนาสกิลด้านภาษาที่ 2
(AUA ย่อจาก American University Alumni Association หรือ สมาคมศิษย์เก่าอเมริกัน และเป็นโรงเรียนสอนภาษาอังกฤษแห่งแรกๆของประเทศไทย เมื่อก่อนตั้งอยู่ที่ถนนราชดำริ ก่อนถึงสวนลุมพินี แต่ปัจจุบันย้ายไปที่จามจุรีสแควร์แล้ว)
เอกชัยจริงจัง เพื่อเป้าหมายในการสอบเอ็นทรานซ์ให้ได้ ตลอด 1 ปีมานี้เขาเรียนหนักไม่แพ้ใคร
และการสอบเอ็นทรานซ์ครั้งที่ 2 ก็มาถึง ในปี พ.ศ.2516
ปรากฏว่าเขา เอ็นไม่ติดอีกครั้ง
เอกชัยซึมลงอย่างเห็นได้ชัด เขาพยายามมาตลอดปีแล้ว แต่ก็ยังไม่เพียงพอ การสอบเข้ามหาวิทยาลัยรัฐให้ได้มันเป็นเรื่องยากมากจริงๆ
เจ้าตัวลังเลอยู่ว่าจะเอาอย่างไรต่อดีกับชีวิต จะยอมแพ้ หรือจะสู้ต่อรอสอบปีที่ 3?
-------------------------------------------
เอกชัย มีเพื่อนสนิทอยู่หนึ่งคน ที่ชื่อ ยอดชาย ขันธชวนะ ทั้งคู่เป็นบัดดี้กันตั้งแต่เรียนวชิราวุธ
หลังจากเรียนจบ ม.ปลาย เอกชัยเตรียมรอสอบ ส่วนยอดชาย ไปทำงานเป็นนักข่าวกีฬาฝึกหัดที่หนังสือพิมพ์บ้านเมือง
หนังสือพิมพ์บ้านเมืองตั้งอยู่ที่ถนนวิภาวดีรังสิต แต่บ้านของยอดชายอยู่ที่หัวลำโพง ซึ่งในยุคนั้นมันเดินทางยาก เขาจึงตัดสินใจ ขนข้าวของมาสิงสู่อยู่ที่บ้านของเอกชัย ที่สามเสนแทน ซึ่งใกล้โรงพิมพ์มากกว่า
หลังจากสอบเอ็นทรานซ์ไม่ติดเป็นปีที่ 2 เอกชัยยังตั้งใจจะสอบเป็นปีที่ 3 แต่ทว่า เขาเองก็รู้สึกแย่ ที่ทำให้พ่อต้องผิดหวังที่สอบไม่ติด ยอดชายเองที่อยู่ด้วยกัน ก็รู้สึกได้เลยว่า เอกชัย ไม่สดใสเหมือนที่เคย
ช่วงเวลาเดียวที่ เอกชัยจะมีความสุข คือการได้ดูรายการไฮไลท์ฟุตบอลอังกฤษตอนกลางคืน
"เอกชัยจะนั่งดูอย่างตั้งใจ เขาไม่สนใจคนพากย์เลย แต่จะคุยกับผมว่า ไอ้นั่นมันเป็นใคร ไอ้นั่นส่งให้ไอ้นี่" ยอดชายเล่า
"เขารู้เรื่องนักกีฬาพอๆกับผม ที่เป็นนักข่าว ทั้งๆที่เขาไม่ได้ทำงานอะไร เขาแค่ชอบ และรักฟุตบอลเท่านั้น"
ด้วยความที่เห็นเพื่อนมีความรู้ และความชอบในฟุตบอล รวมทั้งไม่อยากให้ต้องมาเศร้าหงอยแบบนี้ ยอดชายจึงเอ่ยปากขึ้นมาว่า
"ตี๋ ลองไปทำงานเป็นนักข่าวกีฬาไหม ที่บ้านเมืองเขาขาดอยู่ 1 คน ชอบฟุตบอล ทำได้แน่ ลองไปทำชั่วคราวดู"
"กูทำได้หรอ" เขายังลังเลใจ
"สบายมาก กูมั่นใจ ดูทีวีเห็นนักบอลแค่หัวไม้ขีดไฟ ยังจำได้ อีกตั้งนานกว่าจะเอ็นทรานซ์ปีหน้า ไปทำเล่นๆกันก็ได้ อย่ามาทำหน้าเซ็งแบบนี้ หาอะไรทำบ้างจะได้ไม่เซ็ง"
"ตกลง กูไป" เอกชัยตัดสินใจในที่สุด
-------------------------------------------
(เครดิต : เพจ วิเคราะห์บอลจริงจัง )