คำตอบที่ได้รับเลือกจากเจ้าของกระทู้
ความคิดเห็นที่ 1
1. ฉ้อโกง ไม่ใช่ ช่อดอกไม้
การกู้ยืมเงินต้องมีหนังสือสัญญา หากไม่มีหนังสือสัญญา แล้วพ่อยังพยายามคืนเงินให้กับผู้ให็ยืมเงิน เรียกว่า เป็นคนดีรักษาสัญญาใจ
แต่พฤติกรรมของเพื่อนคนนั้นดูเหมือนจะไม่ซื่อแล้ว
รัฐบาลและกฏหมาย ยึดถือความถูกต้องตามเอกสารหลักฐาน การที่พ่อแม่เอาที่ดินไปขายได้ นั่นหมายความว่า ที่เอกสารที่ดินนั้นเป็นกรรมสิทธิ์ของพ่อ ไม่ใช่ของบุคคลอื่น ดังนั้นบุคคลอื่นใดจึงไม่สามารถมาเรียกเงินหรือฟ้องใดๆได้
เว้นแต่มีหลักฐานแสดงการกู้ยืมเงินอย่างชัดเจน
จากประวัติที่เล่ามาหากไม่มีการบิดเบือนใดๆ ถือว่าพ่อได้ชำระหนี้ไปแล้วบางส่วน 150000 บาท
แต่จริงๆ มีเรื่องภาวะดอกเบี้ยอะไรอีกจิปาถะ
การกู้ยืมเงินต้องมีหนังสือสัญญา หากไม่มีหนังสือสัญญา แล้วพ่อยังพยายามคืนเงินให้กับผู้ให็ยืมเงิน เรียกว่า เป็นคนดีรักษาสัญญาใจ
แต่พฤติกรรมของเพื่อนคนนั้นดูเหมือนจะไม่ซื่อแล้ว
รัฐบาลและกฏหมาย ยึดถือความถูกต้องตามเอกสารหลักฐาน การที่พ่อแม่เอาที่ดินไปขายได้ นั่นหมายความว่า ที่เอกสารที่ดินนั้นเป็นกรรมสิทธิ์ของพ่อ ไม่ใช่ของบุคคลอื่น ดังนั้นบุคคลอื่นใดจึงไม่สามารถมาเรียกเงินหรือฟ้องใดๆได้
เว้นแต่มีหลักฐานแสดงการกู้ยืมเงินอย่างชัดเจน
จากประวัติที่เล่ามาหากไม่มีการบิดเบือนใดๆ ถือว่าพ่อได้ชำระหนี้ไปแล้วบางส่วน 150000 บาท
แต่จริงๆ มีเรื่องภาวะดอกเบี้ยอะไรอีกจิปาถะ
แสดงความคิดเห็น
ขอคำแนะนำเรื่องกฏหมายหน่อยครับ พ่อของผมโดนเพื่อนตัวเองฟ้อง ในข้อหาช่อโกง
เรื่องก็เหมือนจะจบลงง่ายๆครับ แต่เค้ากับไม่ยอมโอนให้เป็นชื่อของตัวเอง แต่กลับขอให้พ่อของผมเอาที่ดินผืนนี้ ไปยื่นกู้กับธนาคาร ธกส. ซึ่งพ่อของผมเป็นสมาชิกอยู่ โดยที่ยอดเงินในการกู้ครั้งนี้อยู่ที่ประมาณ 150,000 บาท ซึ่งแม่ของผมก็เป็นคนเอาเงินไปให้เค้าเองกับมือ แต่เมื่อเวลาผ่านไป ปรากฏว่าเค้าไม่ใช้หนี้กับทางธนาคารเลยแม้แต่สตางค์เดียว พ่อกับแม่ของผมถูกทางธนาคารส่งจดหมายมาทวงถามหนี้สินที่ยืมไป จ่ายค่าปรับไปอีกหลายครั้ง ครั้งละ 6,000-7,000 บาท พ่อของผมติดเครดิตบูโรไปโดยปริยาย ส่วนแม่ของผมที่รับราชการก็ถูกเรียกไปอบรมเรื่องหนี้เสีย แต่เมื่อทวงถามกับทางเค้าไป กลับได้คำตอบเดิมๆ นั้นคือ "เดี๋ยวผมจัดการให้ ไม่ต้องห่วง"
เวลาก็ล่วงเลยผ่านไปครับ จนกระทั่งพ่อกับแม่ของผมถูกทางธนาคารบีบให้ต้องขายที่ดินเพื่อเอามาใช้หนี้ ก็เลยติดต่อเค้าไปอีกครั้งนึง ซึ่งเค้าก็ตอบกลับมาว่า "ไม่ต้องขาย เดี๋ยวผมจัดการเอง ไม่ต้องห่วง" แต่ก็ไม่เคยได้รับการจัดการใดๆ จนในที่สุดพ่อกับแม่ของผมก็ประกาศขายที่ ใช้เวลา 1 เดือน ก็มีคนมาซื้อในราคา 500,000 บาท ผ่านทางนายหน้า 2-3 คน ค่านายหน้าที่ต้องจ่ายคือ 5% ค่าโอนอีก 40,000 บาท แล้วนำเงินที่เหลือไปใช้หนี้กับทางธนาคาร ซึ่งในตอนนี้เมื่อรวมดอกเบี้ยอะไรแล้ว จากเงินต้น 150,000 บาท กลายเป็น 260,000 บาท เพราะฉะนั้นเงินค่าที่ดินที่ขายได้ก็จะเหลืออยู่ที่ 175,000 บาท พ่อกับแม่ของผมก็ได้นำไปใช้จ่ายในส่วนหนี้สินอื่นๆจนหมด
เมื่อเค้าทราบเรื่องที่พ่อแม่ของผมขายที่ไป ก็ได้โทรมาต่อว่าพ่อผมและขู่ว่าจะฟ้อง เนื่องจากที่ดินที่ขายไปนั้นเป็นที่ดินของเค้า เงินที่เหลือจากการใช้หนี้ทั้งหมดต้องเป็นของเค้า ถ้าไม่หาเงินที่เหลือมาเค้าก็จะฟ้อง ทั้งๆที่พ่อกับแม่ของผมก็ได้อธิบายไปแล้วว่า พ่อกับแม่ของผมต้องเสียอะไรไปบ้าง พ่อของผมติดเครดิตบูโร แม่ของผมที่รับราชการก็เกิดความอับอายที่ต้องถูกเรียกไปอบรมเรื่องหนี้เสีย เงินก้อนแรกที่ยืมเค้ามา เราก็ไปกู้ให้ แถมยังใช้หนี้ให้เค้าอีก รวมแล้วก็เกินกับที่ไปยืมเค้ามาตั้งเยอะแล้ว จะเอาอะไรกับเราอีก? เค้าก็ไม่ฟังครับ จนวันนี้ก็ได้ไปที่ ที่ว่าการอำเภอที่ผมอยู่ แล้วเข้าแจ้งความกับพ่อของผมในข้อหาฉ้อโกง
ผมเลยอยากจะขอคำแนะนำว่า ในกรณีนี้ เค้าสามารถฟ้องพ่อกับแม่ของผมได้มั้ยครับ? แล้วครอบครัวผมต้องทำยังไงต่อดีครับ? มีโอกาสจะฟ้องเค้ากลับได้รึเปล่า? รบกวนขอคำชี้แนะด้วยนะครับ