ตอนที่ 1 ถึงแล้วววววววว โอกินาว่า มาแบบ งงๆๆๆๆๆๆ
สวัสดีครับพ่อแม่พี่น้องทุกท่านนะครับ โอกาสว่างๆ สบายๆๆๆๆๆๆ ก็จะมาเขียนเล่าการเดินทางท่องเที่ยวล่าสุด ซึ่งเป็นการเดินทางคนเดียวเที่ยวโคตรมันเหมือนเดิม ซึ่งคราวนี้เราจะไปลุย เกาะใต้สุดของญี่ปุ่น คือ โอกินาว่า ระหว่างวันที่ 13-20 ธันวาคม 2561 แต่ในทริป 8 วันนี้ ผมก็ได้ซื้อตั๋วเครื่องบินภายในบินไปเที่ยว ฟุกุโอกะ ด้วย ไหนๆก็มาแล้วจัดให้ยาวไป โปรแกรมการเดินทางคร่าวๆคือ
====================================
【ขาออก | MM990】- Simple Peach(WPROMO)
├ กรุงเทพมหานคร(ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ)
├ 2018/12/13 (วันพฤหัสบดี) 01:45
| ↓
├ Okinawa (Naha) LCC Terminal
└ 2018/12/13 (วันพฤหัสบดี) 08:05
เดินทางไปฟุกุโอกะ
【ขาออก | MM288】- Simple Peach(WPROMO)
├ Okinawa (Naha) LCC Terminal
├ 2018/12/15 (วันเสาร์) 18:50
| ↓
├ Fukuoka
└ 2018/12/15 (วันเสาร์) 20:35
【ขาเข้า | MM283】- Simple Peach(WPROMO)
├ Fukuoka
├ 2018/12/18 (วันอังคาร) 10:25
| ↓
├ Okinawa (Naha) LCC Terminal
└ 2018/12/18 (วันอังคาร) 12:20
กลับ กทม
【ขาเข้า | MM989】- Simple Peach(UHAPPY)
├ Okinawa (Naha) LCC Terminal
├ 2018/12/20 (วันพฤหัสบดี) 21:45
| ↓
├ กรุงเทพมหานคร(ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ)
└ 2018/12/21 (วันศุกร์) 00:35
ซึ่งเป็นการทดลองสายการบินที่เขาว่าชอบเท 55555 ลองดูสักครั้งว่าจะเทจริงไหม สรุปไม่เทครับ แถมเวลาในการบินดีเสียด้วย รีวิวสายการบินนี้หน่อยละกันนะครับ ไหนๆก็บินมาแล้ว คือ สายการบิน Peach Air เนี่ย เป็นสายการบิน แบบ Low cost และเป็นของญี่ปุ่น ซึ่งเน้นบินในประเทศนะครับ แต่ก็ดันมีบินตรงจากไทยไฟ โอกินาว่าด้วย ซึ่งรวมค่าเสียหายในการเดินทางทั้งหมดคือ 8,200 บาท ถามว่าถูกไหมก็ไม่ถูก แพงไหม ก็รับได้ เพราะได้เที่ยว 2 ภูมิภาคเลยทีเดียว ถ้าถามว่าพีชแอร์ เป็นไง สำหรับผมหรอครับก็ดีนะ โลคอส อ้ะจะได้อะไรมากมาย และที่สำคัญไม่ต้องวุ่นวายกับสนามบินใหญ่ เพราะ สายการบินนี้เช่า LCC ของสนามบินอีกที ซึ่งเป็นสนามบินขาเข้าที่เล็กที่สุดเท่าที่เดินทางมาเลย ก็ดีนะชิวๆดี พอผ่าน ตม ญี่ปุ่นมาก็เดินมาอาคารโดยสารซึ่งก็ประมาณ บขส บ้านเราอะนะ มีที่นั่งไม้อยู่ 3 4 แถว ก็ดีนะ ชิวเกิ๊น ขออภัยไม่มีรูปจริงๆ ลืมถ่าย 55555 พอถึงก็ออกมารอรสบัสไปอาคารผู้โดยสารหลักเพื่อเราจะนั่งรถราง รถไฟโมโนเรล ที่เชื่อมต่อจากอาคารผู้โดยสารเข้าไปในตัวเมือง หน้าตาแบบนี้ครับ

แต่อยากบอกว่า ค่าโดยสารมันแพงอยู่ครับ เที่ยวนึงหลายบาทอยู่เหมือนกัน ซึ่งแพงกว่าภูมิภาคอื่นๆในญี่ปุ่นอยู่พอสมควร แต่ด้วยผมเลือกเดินทางแบบมาคนเดียว ก็เลยนั่งรถไฟฟ้ามั่ง รถบัสมั่งไปตามประสา ก่อนออกมาจากอาคารผู้โดยสาร ผมก็เอาชื่อที่พักพร้อมโลเคชั่นให้ประชาสัมพันธ์สาวสวยของของสนามบินดูก่อนครับว่า ต้องไปลงสถานีไหน ซึ่งจริงๆเราจะหาเองก็ไม่ยาก แต่การได้คุยกับสาวๆประชาสัมพันธ์ก็ดีไปอีกแบบ 55555 ก็ได้รับการช่วยเหลืออย่างดีตามประสาเจแปน ดีมากๆๆๆๆๆๆ ผมก็นั่งรถไฟฟ้าเข้ามาถึงสถานที่ต้องลงก็เดินออกมาพร้อมสัมภาระแบบง่ายๆ คือ เป้ใหญ่ กับกระเป๋ากล้องอีก 1 ใบ ซึ่งก่อนที่จะเดินหาที่พัก ความหิวมันก็มาเยือนอย่างมากเพราะยังไม่ได้กินข้าวเช้าเลย หาไรกินแถวนั้นไปก่อนละกันใต้ห้างมีเหมือนซุปเปอร์มาเก็ต ก็เดินไปแบบส่งเดชอะครับ ไม่ต้องไปซีเรียสอะไรกะมันมาก อาหารในญี่ปุ่นอร่อยทุกร้าน 555555 กินข้าวสาย เกือบ 11 โมง ก็จะเข้าที่พัก แต่ที่พักของเราสามารถเข้าพักได้ 14.00 ก็เลยฝากกระเป๋าเขาไว้ ซึ่งที่พักอยู่ไปไกลสถานีรถไฟฟ้าก็เดินประมาณ 800 เมตร สบายๆๆๆๆๆ หลังจากนั้นมีเวลาช่วงเที่ยงถึงเย็นก็เลยตัดสินใจไปเที่ยว สถานที่แรกที่ต้องไป เมื่อมาเยือน โอกินาว่าก็คือ ประสาทชูริ ที่ทุกคนไปกันเมื่อมาถึงผมก็ไปมั่งครับตามรอยเที่ยวแบบสบายๆๆๆ ซึ่งเดินทางง่ายมากเพราะสุดสายรถไฟคือสถานี ชูริ ลงไปเดินประมาณ 2 กิโลเมตรเดี๋ยวก็ถึง อยากบอกว่าช่วงเดือนธันวาคมที่ โอกินาว่า อากาศถือว่าดีมาก ผมว่าน่าจะดีที่สุดเลย คือ อากาศเย็นสบายไม่หนาว ไม่ร้อน และที่สำคัญ ฝนไม่ตก โชคดีมากๆไปทริปนี้ไม่เจอฝนตกหนักเลย ปรกติโอกินาว่า จะตกตลอดปี ผมถามคนแถวนั้นบอกเดือนธันวานี่น่าเที่ยวฝุดๆละ หลังจากถึงสถานีรถไฟโมโนเรล สถานีปราสาทชูริ
Shuri Castle ซึ่งวิธีการเดินทางนี้ง่ายสุดนะ ถ้านั่งรถบัสอาจจะ งง นิดหน่อย พอเดินลงมาก็เจอป้ายบอกตลอดทางครับ ซึ่งผมนี่ชอบมากเวลาได้เดินในญี่ปุ่น ถึงแม้ว่า ที่โอกินาว่าจะมีวัฒนธรรมของอาณาจักริวกิว คือ จีน เยอะมากๆ สถาปัตกรรม แบบจีนเลย รวมถึงปราสาทที่เรากำลังจะไปเที่ยวด้วย แต่แน่นอน ญี่ปุ่นก็คือ ญี่ปุ่น ความน่ารักขอบ้านเมือง ถนนหนทางมันก็น่าเดินน่ามองไปหมด

เราสายเดิน ก็เดินไปเรื่อยเปื่อย 5555 แล้วก็มาถึงปราสาทชูริ ซึ่งมีอาณาเขตกว้างใหญ่มาก แต่ตัวปราสาทไม่ใหญ่อย่างที่คิด หรือ เหมือนกับปราสาทในญี่ปุ่นทั่วๆไป ส่วนตัวแล้วชอลปราทสาทแนวญี่ปุ่นมากกว่าแนวนี้ ซึ่งในทริปนี้ เรามีเดินทางไป ฟุกุโอกะ ซึ่งเราไปเที่ยวปราสาทที่เล็กที่สุดในญี่ปุ่น แต่ผมกลับชอลมากกว่าที่นี่เสียอีก เอาภาพบรรยากาศปราสเล็กๆน้อยๆมาให้ชมนะครับ ซึ่งในวันนั้นพอมาถึงปราสาทเมฆครึ้มมาเลย เหมือนฝนจาตก ภาพเลยออกมาแบบนี้

หลังจากเดินชมปราสาทอยู่พักใหญ่ก็เดินย้อนกลับมาเพื่อกลับเข้าที่พัก แต่ยังมีเวลาเหลือเฟือในการเดินเล่นได้อีก ผมเลยเดินไปมั่วๆไปเรื่อยเปื่อย แบบไม่มีจุดหมาบนะครับ และวนกลับมาจะถึงสถานีรถโมโนเรล อีกรอบก็มาเจอกับร้านกาแฟ ซึ่งถูกใจมากๆๆๆๆๆๆๆ เพราะเป็นครชอบนั่งชิวร้านกาแฟอยู่แล้ว เห็นปุ๊บพุ่งตัวเข้าไปเลยครับ ไม่ดูราคาด้วย (แหม่ เหมือนรวย มีตังมานิดเดียว) แต่จังหวะนี้ อากาศหนาวๆ ต้องจัดกาแฟรอุ่นๆสักแก้ว และเติมพลังสักนิดเลยแวะเข้าร้านนี้ครับ ขอโทษจริงๆจำซื่อไม่ได้ แต่ร้านตั้งอยู่ริมถนนทางเดินที่จะไป ปร่สาทชูริ ไม่ห่างจากสถานีโมโนเรลเท่าไหร่ แต่ขาไป มองไม่เห็น ก็เฃยตรงเข้าไป พอเข้าไปปุ๊บ โอ้โห ร้านชิวมาก แต่ จะกินอะไรละครับพี่น้อง เพราะร้านนี้ไม่ได้มีเมนูปรกติธรรมดา แต่มีเมล็ดกาแฟเกือบทุกชาติทั่วโลกให้เราเลือกกินด้วย เนี่ย แบบนี้

เอาละสิ กินพันธ์ไหนดีละครับพี่น้อง ก็เลยคุยกับเจ้าของร้านว่า อะไรก็ได้ ขอเป็นลาเต้ร้อน คนชงเลยถามว่า เราชอบกินกาแฟแบบไหน รสชาตเข้มมากไหม เราก็เลยบอกไปว่า ไม่ชอบเปรี้ยว ชอบกลมกล่อม ไม่เข้มมาก จัดมาเลยแล้วแต่คุณ 5555 สั่งยังกะกินซูชิ แบบ โอมากาเสะ อันนี้เป็ร กาแฟโอมากาเสะ 5555555 สุดท้ายก็ได้มากินจำไม่ได้ว่าได้กินพันธ์อะไร แต่อร่อยเลยทีเดียว

หลังจากนั่งชิวพร้อมกับชาตแบตมือถือไปด้วย กาแฟแก้วเดียวกินไป 1 ชั่วโมง 5555555555 ก็ได้เวลากลับเข้าไปเพื่อเช็คอินให้เรียบร้อย ก็ได้เวลากินเย็นอีกแล้วครับพี่น้อง 5555 หลังจากอาบน้ำพักผ่อนนิดนึงก็ออกจากที่พักเดินเรื่อยตามประสาสายเดินกินลมชมเมืองอย่างผมก็เดินมาเจอกับถนนสายยาวที่สองข้างทางเต็มไปด้วยร้านอาหารมากมายจริงๆ มีทุกอย่างบอกเลย แต่ราคาก็ไม่ธรรมดาเช่นกัน ทริปนี้ผมมีเงินติดตัวมาน้อยมาก คือจะเที่ยวอบบประหยัดๆ เจอราคาหน้าร้านเข้าไปแต่ละร้านนี่อื้อหือ เฉลี่ย ก็ประมาณ 3000-4000 เยนทั้งนั้น โอ้โหโหด ก็เลยเดินไปเรื่อยๆจนไปถึงทางเข้าตลาดอันนึง ซึ่งผมจำได้ว่าข้างในมันมีตลาดสดอยู่ รีบเลยครับพี่น้อง เดินตรงเข้าไป ตามที่เคยอ่านมาสุดท้ายเจอตลาดสดจริงๆ ซึ่งเราสามารถเลือกซื้ออาหารทะเลสดๆแล้วเอาขึ้นไปให้ร้านอาหารด้านบนทำให้กินได้ในราคาไม่โหดนัก เขาเรียดตลาดมาคิชิ ถนนโคคุไซโดริ (ตลาดนี้มีชื่อเสียงอยู่นะ) ผมเดินเลือกอยู่พักหนึ่งก้ไปถูกใจกิบ กุ้งและหอยเซล อิอิ ของชอบ เลยจัดมาด้วยราคา โคตรถูก 1000 เยน (ประมาณ 300 บาท) ได้เจ้าสิ่งนี้มากินครับ

ซึ่งมานั่งร้านข้างบนเป็นโซนร้านอาหารก็เลยสั่งของกินที้รานเขามาด้วย เป็นเมนูท้องถิ่นของคนที่นี่ครับ หมูสามชั้นพะโล้นั่นเอง บวกด้วย เบียร์ โอกินาว่าของแท้ อร่อยเจงงงงงงงงงง มาอีก 1 แก้ว ราคา 500 เยน ข้าวกับหมู 650 เยน รวมมื้อนี้ โดนค่าเสียหายไป 2150 เยน หรือ ประมาณ 600 บาทไทย สบายพุงไปเลยครับพี่น้อง 5555555 ก็จบวันแรกสำหรับการเดินทางมาเที่ยว โอกินาว่า มาแบบ งงๆ เที่ยวคนเดียวสไตล์อานนท์ คนเดียวเที่ยวโคตรมัน เอาไว้มีเวลาจะมาเล่าวันที่เหลือต่อนะครับ ซึ่งก็สนุกมากๆๆ โดยเฉพาะช่วงที่ไป ฟุกุโอกะ ฟินจัดปลัดบอกกกเลยครับ ไว้เจอกันตอนที่ 2 นะคราบบบบบบ
โอกินาว่า - ฟุกุโอกะ คนเดียวเที่ยวโคตรมัน ........มาแบบ งงๆ
สวัสดีครับพ่อแม่พี่น้องทุกท่านนะครับ โอกาสว่างๆ สบายๆๆๆๆๆๆ ก็จะมาเขียนเล่าการเดินทางท่องเที่ยวล่าสุด ซึ่งเป็นการเดินทางคนเดียวเที่ยวโคตรมันเหมือนเดิม ซึ่งคราวนี้เราจะไปลุย เกาะใต้สุดของญี่ปุ่น คือ โอกินาว่า ระหว่างวันที่ 13-20 ธันวาคม 2561 แต่ในทริป 8 วันนี้ ผมก็ได้ซื้อตั๋วเครื่องบินภายในบินไปเที่ยว ฟุกุโอกะ ด้วย ไหนๆก็มาแล้วจัดให้ยาวไป โปรแกรมการเดินทางคร่าวๆคือ
====================================
【ขาออก | MM990】- Simple Peach(WPROMO)
├ กรุงเทพมหานคร(ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ)
├ 2018/12/13 (วันพฤหัสบดี) 01:45
| ↓
├ Okinawa (Naha) LCC Terminal
└ 2018/12/13 (วันพฤหัสบดี) 08:05
เดินทางไปฟุกุโอกะ
【ขาออก | MM288】- Simple Peach(WPROMO)
├ Okinawa (Naha) LCC Terminal
├ 2018/12/15 (วันเสาร์) 18:50
| ↓
├ Fukuoka
└ 2018/12/15 (วันเสาร์) 20:35
【ขาเข้า | MM283】- Simple Peach(WPROMO)
├ Fukuoka
├ 2018/12/18 (วันอังคาร) 10:25
| ↓
├ Okinawa (Naha) LCC Terminal
└ 2018/12/18 (วันอังคาร) 12:20
กลับ กทม
【ขาเข้า | MM989】- Simple Peach(UHAPPY)
├ Okinawa (Naha) LCC Terminal
├ 2018/12/20 (วันพฤหัสบดี) 21:45
| ↓
├ กรุงเทพมหานคร(ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ)
└ 2018/12/21 (วันศุกร์) 00:35
ซึ่งเป็นการทดลองสายการบินที่เขาว่าชอบเท 55555 ลองดูสักครั้งว่าจะเทจริงไหม สรุปไม่เทครับ แถมเวลาในการบินดีเสียด้วย รีวิวสายการบินนี้หน่อยละกันนะครับ ไหนๆก็บินมาแล้ว คือ สายการบิน Peach Air เนี่ย เป็นสายการบิน แบบ Low cost และเป็นของญี่ปุ่น ซึ่งเน้นบินในประเทศนะครับ แต่ก็ดันมีบินตรงจากไทยไฟ โอกินาว่าด้วย ซึ่งรวมค่าเสียหายในการเดินทางทั้งหมดคือ 8,200 บาท ถามว่าถูกไหมก็ไม่ถูก แพงไหม ก็รับได้ เพราะได้เที่ยว 2 ภูมิภาคเลยทีเดียว ถ้าถามว่าพีชแอร์ เป็นไง สำหรับผมหรอครับก็ดีนะ โลคอส อ้ะจะได้อะไรมากมาย และที่สำคัญไม่ต้องวุ่นวายกับสนามบินใหญ่ เพราะ สายการบินนี้เช่า LCC ของสนามบินอีกที ซึ่งเป็นสนามบินขาเข้าที่เล็กที่สุดเท่าที่เดินทางมาเลย ก็ดีนะชิวๆดี พอผ่าน ตม ญี่ปุ่นมาก็เดินมาอาคารโดยสารซึ่งก็ประมาณ บขส บ้านเราอะนะ มีที่นั่งไม้อยู่ 3 4 แถว ก็ดีนะ ชิวเกิ๊น ขออภัยไม่มีรูปจริงๆ ลืมถ่าย 55555 พอถึงก็ออกมารอรสบัสไปอาคารผู้โดยสารหลักเพื่อเราจะนั่งรถราง รถไฟโมโนเรล ที่เชื่อมต่อจากอาคารผู้โดยสารเข้าไปในตัวเมือง หน้าตาแบบนี้ครับ
แต่อยากบอกว่า ค่าโดยสารมันแพงอยู่ครับ เที่ยวนึงหลายบาทอยู่เหมือนกัน ซึ่งแพงกว่าภูมิภาคอื่นๆในญี่ปุ่นอยู่พอสมควร แต่ด้วยผมเลือกเดินทางแบบมาคนเดียว ก็เลยนั่งรถไฟฟ้ามั่ง รถบัสมั่งไปตามประสา ก่อนออกมาจากอาคารผู้โดยสาร ผมก็เอาชื่อที่พักพร้อมโลเคชั่นให้ประชาสัมพันธ์สาวสวยของของสนามบินดูก่อนครับว่า ต้องไปลงสถานีไหน ซึ่งจริงๆเราจะหาเองก็ไม่ยาก แต่การได้คุยกับสาวๆประชาสัมพันธ์ก็ดีไปอีกแบบ 55555 ก็ได้รับการช่วยเหลืออย่างดีตามประสาเจแปน ดีมากๆๆๆๆๆๆ ผมก็นั่งรถไฟฟ้าเข้ามาถึงสถานที่ต้องลงก็เดินออกมาพร้อมสัมภาระแบบง่ายๆ คือ เป้ใหญ่ กับกระเป๋ากล้องอีก 1 ใบ ซึ่งก่อนที่จะเดินหาที่พัก ความหิวมันก็มาเยือนอย่างมากเพราะยังไม่ได้กินข้าวเช้าเลย หาไรกินแถวนั้นไปก่อนละกันใต้ห้างมีเหมือนซุปเปอร์มาเก็ต ก็เดินไปแบบส่งเดชอะครับ ไม่ต้องไปซีเรียสอะไรกะมันมาก อาหารในญี่ปุ่นอร่อยทุกร้าน 555555 กินข้าวสาย เกือบ 11 โมง ก็จะเข้าที่พัก แต่ที่พักของเราสามารถเข้าพักได้ 14.00 ก็เลยฝากกระเป๋าเขาไว้ ซึ่งที่พักอยู่ไปไกลสถานีรถไฟฟ้าก็เดินประมาณ 800 เมตร สบายๆๆๆๆๆ หลังจากนั้นมีเวลาช่วงเที่ยงถึงเย็นก็เลยตัดสินใจไปเที่ยว สถานที่แรกที่ต้องไป เมื่อมาเยือน โอกินาว่าก็คือ ประสาทชูริ ที่ทุกคนไปกันเมื่อมาถึงผมก็ไปมั่งครับตามรอยเที่ยวแบบสบายๆๆๆ ซึ่งเดินทางง่ายมากเพราะสุดสายรถไฟคือสถานี ชูริ ลงไปเดินประมาณ 2 กิโลเมตรเดี๋ยวก็ถึง อยากบอกว่าช่วงเดือนธันวาคมที่ โอกินาว่า อากาศถือว่าดีมาก ผมว่าน่าจะดีที่สุดเลย คือ อากาศเย็นสบายไม่หนาว ไม่ร้อน และที่สำคัญ ฝนไม่ตก โชคดีมากๆไปทริปนี้ไม่เจอฝนตกหนักเลย ปรกติโอกินาว่า จะตกตลอดปี ผมถามคนแถวนั้นบอกเดือนธันวานี่น่าเที่ยวฝุดๆละ หลังจากถึงสถานีรถไฟโมโนเรล สถานีปราสาทชูริ Shuri Castle ซึ่งวิธีการเดินทางนี้ง่ายสุดนะ ถ้านั่งรถบัสอาจจะ งง นิดหน่อย พอเดินลงมาก็เจอป้ายบอกตลอดทางครับ ซึ่งผมนี่ชอบมากเวลาได้เดินในญี่ปุ่น ถึงแม้ว่า ที่โอกินาว่าจะมีวัฒนธรรมของอาณาจักริวกิว คือ จีน เยอะมากๆ สถาปัตกรรม แบบจีนเลย รวมถึงปราสาทที่เรากำลังจะไปเที่ยวด้วย แต่แน่นอน ญี่ปุ่นก็คือ ญี่ปุ่น ความน่ารักขอบ้านเมือง ถนนหนทางมันก็น่าเดินน่ามองไปหมด
หลังจากนั่งชิวพร้อมกับชาตแบตมือถือไปด้วย กาแฟแก้วเดียวกินไป 1 ชั่วโมง 5555555555 ก็ได้เวลากลับเข้าไปเพื่อเช็คอินให้เรียบร้อย ก็ได้เวลากินเย็นอีกแล้วครับพี่น้อง 5555 หลังจากอาบน้ำพักผ่อนนิดนึงก็ออกจากที่พักเดินเรื่อยตามประสาสายเดินกินลมชมเมืองอย่างผมก็เดินมาเจอกับถนนสายยาวที่สองข้างทางเต็มไปด้วยร้านอาหารมากมายจริงๆ มีทุกอย่างบอกเลย แต่ราคาก็ไม่ธรรมดาเช่นกัน ทริปนี้ผมมีเงินติดตัวมาน้อยมาก คือจะเที่ยวอบบประหยัดๆ เจอราคาหน้าร้านเข้าไปแต่ละร้านนี่อื้อหือ เฉลี่ย ก็ประมาณ 3000-4000 เยนทั้งนั้น โอ้โหโหด ก็เลยเดินไปเรื่อยๆจนไปถึงทางเข้าตลาดอันนึง ซึ่งผมจำได้ว่าข้างในมันมีตลาดสดอยู่ รีบเลยครับพี่น้อง เดินตรงเข้าไป ตามที่เคยอ่านมาสุดท้ายเจอตลาดสดจริงๆ ซึ่งเราสามารถเลือกซื้ออาหารทะเลสดๆแล้วเอาขึ้นไปให้ร้านอาหารด้านบนทำให้กินได้ในราคาไม่โหดนัก เขาเรียดตลาดมาคิชิ ถนนโคคุไซโดริ (ตลาดนี้มีชื่อเสียงอยู่นะ) ผมเดินเลือกอยู่พักหนึ่งก้ไปถูกใจกิบ กุ้งและหอยเซล อิอิ ของชอบ เลยจัดมาด้วยราคา โคตรถูก 1000 เยน (ประมาณ 300 บาท) ได้เจ้าสิ่งนี้มากินครับ