ใครที่ยังไม่ได้เริ่มดู
The Fiery Priest แนะนำให้อ่านรีวิว ที่นี่ค่ะ >>
https://pantip.com/topic/38592116
กระทู้นี้ คือภาคผนวกของกระทู้รีวิว หลังจากได้รับชมซีรีส์เรื่องนี้ไปแล้ว 6 ตอน ที่ฉันเอง จขกท สังเกตเห็นหลายอย่างในงานโปรดักชั่นที่พิถีพิถันของทีมงานสร้าง อยากมาเล่าและแบ่งปันมุมมองกับแฟน ๆ ซีรีส์เรื่องนี้ท่านอื่น ๆ เผื่อว่าสิ่งที่ฉันสังเกตเห็นจากการสื่อสารในงานเรื่องนี้ของทีมงาน จะเพิ่มความสนุกในการรับชมให้กับผู้ชมท่านอื่นที่ผ่านมาอ่านกระทู้นี้
.
.
.
เมือง
กูดัม
มองเผินๆ อาจจะดูสงบเงียบ ทุกชีวิตในเมืองแห่งนี้ ดำเนินไปอย่างราบเรียบ ด้วยการจัดการของแม่เมืองแห่งสำนักสวัสดิการสังคม ภายใต้การร่วมมือของเจ้าหน้าที่บ้านเมือง ไม่ว่าจะเป็นตำรวจ อัยการ และพ่อค้า เจ้าของธุรกิจใหญ่ ล้วนเป็นผู้มีอำนาจอยู่ในกำมือ ทั้งอำนาจจากรัฐ และอำนาจจากการกุมธุรกิจสำคัญในเมืองแห่งนี้ โดยมีสายตาของประมุขแห่งโบสถ์คาธอลิคเล็กๆ แห่งเมืองกูดัม หลวงพ่ออี ผู้เป็นที่เคารพศรัทธาของชาวเมือง คอยเฝ้ามองอยู่ด้วยความห่วงใย และระแวดระวัง
ปัญหาใหญ่-ปัญหาเล็กถูกกลบฝัง เมื่อผู้มีอำนาจทุกฝ่ายร่วมมือกัน หลังฉากคือการฉ้อฉลโกงกิน เป็นขบวนการใหญ่ที่มีเครือข่ายโยงใย แทรกซึมไปในทุกหน่วยงานของรัฐ มีเจ้าหน้าที่ของรัฐและข้าราชการเกี่ยวข้องอยู่ในวังวนโสมมเน่าเฟะนี้ อย่างที่เรียกว่าแผ่ไปทุกหย่อมหญ้า
เมื่อความตายอย่างผิดธรรมชาติของหลวงพ่ออีมาถึงในค่ำคืนหนึ่ง พร้อมข้อกล่าวหาชั่วร้ายเลวทราม ที่ทำลายศัรทธาแห่งความดีงาม เมื่อผู้มีอำนาจแห่งรัฐทุกฝ่ายไม่ดูแลทุกข์ร้อนของประชาชน จำเป็นอย่างเร่งด่วนที่สุดที่ต้องมีใครสักคนก้าวเท้าออกมาเผชิญหน้า ต่อกรกับเหล่าคนบาปที่ครอบงำเมืองกูดัมแห่งนี้ด้วยความมืดมิดมาช้านาน
หรือเมือง
GooDam จะเป็นภาพซ้อนของ
Gotham City
Goo Dam >> God Damn เมืองที่ถูกสาป เมืองที่เต็มไปด้วย คนบาป เพราะกูดัม ไม่มี Batman กูดัม มีแต่ คุณพระหนุ่ม อดีตหน่วยรบพิเศษ จะบู๊จะบุ๊น คุณพระสามารถรอบด้าน และที่เก่งที่สุด คือ ความหัวร้อน (ด้วยปมปัญหาในใจ จากเหตุการณ์อันร้ายแรงในอดีตของเขา) แต่เมื่อไม่มียอดมนุษย์มาปราบเหล่าร้าย คุณพระ นี่ล่ะที่จะออกโรงมาค้นหาความจริง และถอนรากถอนโคนระบบอันชั่วช้าให้ย่อยยับไป
ซีรีส์ที่เปิดตัวเป็นแนวแอคชั่นคอมเมดี้ ตามสไตล์ซีรีส์เกาหลี เบื้องหลังเสียงฮาในความตลก เล่นใหญ่ของตัวละคร และการแสดงดีเด่น ของทีมนักแสดงทุกคน มีความดราม่าเสียดสีหลายประเด็นร้อน ๆ ในสังคม ที่เล่าเรื่องอย่างมีชั้นเชิงในการสื่อสารอย่างมีนัยยะกับคนดูซ่อนอยู่เบื้องหลังเสียงฮานั้น
นอกจากความสามารถของทีมนักแสดง โดยเฉพาะสามนักแสดงหลักที่จัดเต็มในความแก่นเซี้ยวเปรี้ยวซ่าส์ บ้าได้ ไม่ห่วงสวยหล่อ ยังมีงานโปรดักชั่นที่พิถีพิถัน จนอดที่จะไม่เอ่ยชื่นชมกันไม่ได้เลยจริง ๆ
เริ่มตั้งแต่ งานภาพที่สวยเป๊ะมาก ทั้งนอกสถานที่และในสถานที่ การวางมุมกล้องมีความเท่ องค์ประกอบภาพหลายฉากมีนัยยะแฝง การจัดแสง-จัดไฟ เนี้ยบเว่อร์
ในฉาก indoor ทั้งหมด สิ่งที่ฉันเห็นคือความประณีต ความคุมโทนภาพให้ออกมาตามแนวทางของเนื้อหาเรื่องราว
ทุกฉากในบาร์รัสเซีย ที่เหมือนออฟฟิสกลายๆ ของเหล่าคนโฉด ทั้งฉากที่มาพบปะกันเองหรือฉากที่ปะทะกันระหว่างฝั่งพระกับฝั่งมาร การจัดไฟจัดแสง มีความทึมทึบ แต่ก็ฉูดฉาด ด้วยการใช้สีที่ร้อนแรง สื่อถึงความวุ่นวาย เรื่องเยอะ ไม่สงบ และอันตราย การวางมุมกล้องที่สร้างบรรยากาศฮา ๆ โดยไม่ต้องอาศัยบทสนทนา ในบางจังหวะก็มักทิ้งอมยิ้มไว้บนหน้าของคนดูเสมอ
ฉาก outdoor ที่แฝงนัยยะ ทั้งสื่อสารและล้อเลียน สิ่งที่ฉันอยากปรบมือให้แรง ๆ ก็คือการ tribute งานของ ชาร์ลี แชปลิน นักแสดงอเมริกัน ตัวพ่อของตลกเจ็บตัวอย่างที่เรียกว่า หัวเราะร่าน้ำตาริน ที่ล้ออยู่กับเรื่องราวอันแสนเจ็บปวดกับชีวิตบัด_ซบ ของตัวละครสำคัญหลายตัวในเรื่องนี้ ไม่ว่าจะเป็นพี่สมศักดิ์, น้องโยฮัน, พี่นักสืบ หรือแม้แต่คุณพระ คนสำคัญของเรา ก็ต่างล้วนมีเรื่องราวเจ็บปวดในชีวิตที่ผ่านมาของพวกเขาทั้งนั้น
ฉากที่โดดเด่นเห็นภาพชัดเจนที่สุดคือการใส่ภาพชาร์ลี แชปลิน ไว้เหนือกำแพงด้านตรงข้ามร้านสะดวกซื้อที่ทำงานของโยฮัน อันเป็นจุดที่โยฮันและพี่สมศักดิ์ มานั่งปรับทุกข์, แบ่งของกินที่โละจากร้านเพราะกำลังจะหมดอายุ และทั้งคู่อยู่ในสายตาของปู่ชาร์ลีทุกค่ำคืน
กับฉากวิ่งหนีวิ่งไล่หน้าโบสถ์ ของคุณพระและพี่นักสืบ ที่ทำเอาฉันขำกลิ้ง ยิ่งกว่าลิงกับหมา ฉากนี้ล่ะค่ะที่เรียกว่าเป็นการยกย่องงานหนังและการแสดงของปู่ชาร์ลี แชปลิน อย่างสมเกีรยติสมภาคภูมิจริง ๆ หากใครไม่รู้จักปู่ชาร์ลี แชปลิน ขอให้ไปหาหนังทุกเรื่องของปู่แกดูค่ะ แล้วจะเข้าใจความฮาในฉากนี้ ทั้งการวิ่งไล่กันไปมา การตัดต่อจังหวะภาพ และดนตรีประกอบที่เลือกมาใส่ในฉากนี้ คือการยกย่องปู่อย่างดีงามที่สุดค่ะ
พูดถึงดนตรีประกอบในฉากไล่จับที่ว่า ก็ขอพูดถึงดนตรีประกอบต่อไปเลย ดนตรรีประกอบที่เลือกสรรมาใส่ในแต่ละฉากได้อย่างสื่อความหมายชัดเจน โดยไม่ต้องอาศัยบทสนทนาแม้แต่คำเดียว โดยเฉพาะฉากปะทะกันของพี่นักสืบและคุณพระ คือฮาทุกฉาก ดนตรีจัดเต็มแบบพร้อมไฝว้ (fight) คือชอบมากกกกกกค่ะ ทั้งดนตรี trot (เพลงลูกทุ่งเกาหลี) และเพลง cowboy ตะวันตก ที่มีความพร้อมดวลพร้อมชักปืนออกมายิงใส่กัน
งาน costume เสื้อผ้าก็เป็นอีกอย่างที่ไม่พูดถึงไม่ได้ค่ะ ดีงามไปทุกตัวละคร ดีงามในที่นี้คือ เหมาะสมลงตัว ทุกตัวละคร ไม่มีตัวละครตัวไหนที่โดดเด้งออกมาอยู่คนเดียวแบบไม่เข้าพวกเข้าเหล่า ไม่ว่าจะเป็นบรรดานักสืบบนโรงพัก, นักเลง หัวหน้านักเลง, มาเฟียรัสเซีย, บาทหลวง, แม่ชี, เจ้าลัทธิ, คุณอัยการ มันเหมาะเจาะลงตัวไปหมดแบบพอดีพอดี ยิ่งชุดเจ้าลัทธิคืองานดีมากทุกชุด
และคนนี้ค่ะ คุณพระช่วย ! เอ้อ คุณพระ ! เสื้อคุลมตัวยาวสีดำสนิททุกตัวของท่าน คือ ใช่มาก มันใช่ค่ะ ! ทุกจังหวะสโลว์ ชายเสื้อปลิวสะบัด เหมือนคุณพระเดินอยู่บนแคทวอล์ค ! โอยย เท่ไม่บันยะบันยัง เท่ไม่ปรึกษาชี เท่วัวตายควายล้ม ๕๕๕๕
ซีรีส์สืบสวนสอบสวนที่ฉาบหน้าไปด้วยเสียงหัวเราะของอารมณ์ขันแสบ ๆ คัน ๆ ที่มีความตลกร้าย อย่างที่เรียกว่า black comedy แต่พล็อตที่ดูดราม่า มีความ dark หม่น ๆ เทา ๆ เรื่องนี้ ก็ไม่ได้จับแต่ความฮาจนละเลยความเป็นดราม่าในส่วนหลักของเรื่องราว หลายครั้งที่คนดูกำลังหัวเราะจนน้ำมูกน้ำตาไหล เรื่องราวก็พลิกกลับมาเป็นซึ้งทันทีในฉากต่อไป จนบางทีเราก็ไม่แน่ใจว่าน้ำตาที่ไหลอยู่นั้น มันเป็นน้ำตาจากฉากที่หัวเราะก้าก ๆ ก่อนหน้า หรือเพราะความซึ้งในฉากต่อมากันแน่
ความโดดเด่นไม่ใช่เพียงแต่ภาพ ดนตรีประกอบ เสื้อผ้า หรือการแสดง ด้วยประเด็นเนื้อหาที่มีความดราม่าเสียดสีสังคมที่เราเคยดูกันมามากมาย ซีรีส์บางเรื่องอาจมาในโทนหม่นทึมเทา มีความ dark ในวิธีการเล่าเรื่อง แต่ The Fiery Priest เลือกใช้ความตลกร้าย มาฉาบหน้าความ dark ในเนื้อหาของคนที่เหมือนอยู่นอกสายตา พวกนอกสังคม เมื่อมองทะลุความฮาและเสียงหัวเราะ เราจะเห็นความโศกตรมในชีวิต
หม่นเทาของพวกเขา
The Fiery Priest ซีรีส์ที่เป็นส่วนผสมระหว่าง แอ็คชั่น-ดราม่า ที่เลี้ยงอารมณ์คนดูด้วยความคอมเมดี้แสบ ๆ คัน ๆ ที่บันเทิงที่สุดในเวลานี้ ด้วยเรตติ้งสวยหรูเลขสองหลัก ที่กำลังลุ้นจะแตะเลข 20 อยู่เร็ววันนี้ ฉันบอกได้เพียงว่า คุ้มค่าที่สุดที่จะสละเวลาให้จริง ๆ ค่ะ
เ
ป็นกำลังใจให้คุณพระ ช่วยให้เมือง GooDam ไม่กลายเป็นเมือง GodDamn กันค่ะ
ติดตามกันต่อในตอนหน้าค่ะ ว่าความสัมพันธ์ของ คุณพระ และ พี่นักสืบ จะคืบหน้าไปทิศทางไหน ตอนล่าสุดนี่ พี่นักสืบงอนคุณพระหนักมาก ถึงกับปากสั่น ๕๕๕๕๕๕๕๕
[The Fiery Priest] เบื้องหลังเสียงหัวเราะ คือคราบน้ำตา ในเมืองบาป
ใครที่ยังไม่ได้เริ่มดู The Fiery Priest แนะนำให้อ่านรีวิว ที่นี่ค่ะ >> https://pantip.com/topic/38592116
กระทู้นี้ คือภาคผนวกของกระทู้รีวิว หลังจากได้รับชมซีรีส์เรื่องนี้ไปแล้ว 6 ตอน ที่ฉันเอง จขกท สังเกตเห็นหลายอย่างในงานโปรดักชั่นที่พิถีพิถันของทีมงานสร้าง อยากมาเล่าและแบ่งปันมุมมองกับแฟน ๆ ซีรีส์เรื่องนี้ท่านอื่น ๆ เผื่อว่าสิ่งที่ฉันสังเกตเห็นจากการสื่อสารในงานเรื่องนี้ของทีมงาน จะเพิ่มความสนุกในการรับชมให้กับผู้ชมท่านอื่นที่ผ่านมาอ่านกระทู้นี้
.
.
.
เมืองกูดัม
มองเผินๆ อาจจะดูสงบเงียบ ทุกชีวิตในเมืองแห่งนี้ ดำเนินไปอย่างราบเรียบ ด้วยการจัดการของแม่เมืองแห่งสำนักสวัสดิการสังคม ภายใต้การร่วมมือของเจ้าหน้าที่บ้านเมือง ไม่ว่าจะเป็นตำรวจ อัยการ และพ่อค้า เจ้าของธุรกิจใหญ่ ล้วนเป็นผู้มีอำนาจอยู่ในกำมือ ทั้งอำนาจจากรัฐ และอำนาจจากการกุมธุรกิจสำคัญในเมืองแห่งนี้ โดยมีสายตาของประมุขแห่งโบสถ์คาธอลิคเล็กๆ แห่งเมืองกูดัม หลวงพ่ออี ผู้เป็นที่เคารพศรัทธาของชาวเมือง คอยเฝ้ามองอยู่ด้วยความห่วงใย และระแวดระวัง
ปัญหาใหญ่-ปัญหาเล็กถูกกลบฝัง เมื่อผู้มีอำนาจทุกฝ่ายร่วมมือกัน หลังฉากคือการฉ้อฉลโกงกิน เป็นขบวนการใหญ่ที่มีเครือข่ายโยงใย แทรกซึมไปในทุกหน่วยงานของรัฐ มีเจ้าหน้าที่ของรัฐและข้าราชการเกี่ยวข้องอยู่ในวังวนโสมมเน่าเฟะนี้ อย่างที่เรียกว่าแผ่ไปทุกหย่อมหญ้า
เมื่อความตายอย่างผิดธรรมชาติของหลวงพ่ออีมาถึงในค่ำคืนหนึ่ง พร้อมข้อกล่าวหาชั่วร้ายเลวทราม ที่ทำลายศัรทธาแห่งความดีงาม เมื่อผู้มีอำนาจแห่งรัฐทุกฝ่ายไม่ดูแลทุกข์ร้อนของประชาชน จำเป็นอย่างเร่งด่วนที่สุดที่ต้องมีใครสักคนก้าวเท้าออกมาเผชิญหน้า ต่อกรกับเหล่าคนบาปที่ครอบงำเมืองกูดัมแห่งนี้ด้วยความมืดมิดมาช้านาน
หรือเมือง GooDam จะเป็นภาพซ้อนของ Gotham City
Goo Dam >> God Damn เมืองที่ถูกสาป เมืองที่เต็มไปด้วย คนบาป เพราะกูดัม ไม่มี Batman กูดัม มีแต่ คุณพระหนุ่ม อดีตหน่วยรบพิเศษ จะบู๊จะบุ๊น คุณพระสามารถรอบด้าน และที่เก่งที่สุด คือ ความหัวร้อน (ด้วยปมปัญหาในใจ จากเหตุการณ์อันร้ายแรงในอดีตของเขา) แต่เมื่อไม่มียอดมนุษย์มาปราบเหล่าร้าย คุณพระ นี่ล่ะที่จะออกโรงมาค้นหาความจริง และถอนรากถอนโคนระบบอันชั่วช้าให้ย่อยยับไป
ซีรีส์ที่เปิดตัวเป็นแนวแอคชั่นคอมเมดี้ ตามสไตล์ซีรีส์เกาหลี เบื้องหลังเสียงฮาในความตลก เล่นใหญ่ของตัวละคร และการแสดงดีเด่น ของทีมนักแสดงทุกคน มีความดราม่าเสียดสีหลายประเด็นร้อน ๆ ในสังคม ที่เล่าเรื่องอย่างมีชั้นเชิงในการสื่อสารอย่างมีนัยยะกับคนดูซ่อนอยู่เบื้องหลังเสียงฮานั้น
นอกจากความสามารถของทีมนักแสดง โดยเฉพาะสามนักแสดงหลักที่จัดเต็มในความแก่นเซี้ยวเปรี้ยวซ่าส์ บ้าได้ ไม่ห่วงสวยหล่อ ยังมีงานโปรดักชั่นที่พิถีพิถัน จนอดที่จะไม่เอ่ยชื่นชมกันไม่ได้เลยจริง ๆ
เริ่มตั้งแต่ งานภาพที่สวยเป๊ะมาก ทั้งนอกสถานที่และในสถานที่ การวางมุมกล้องมีความเท่ องค์ประกอบภาพหลายฉากมีนัยยะแฝง การจัดแสง-จัดไฟ เนี้ยบเว่อร์
ในฉาก indoor ทั้งหมด สิ่งที่ฉันเห็นคือความประณีต ความคุมโทนภาพให้ออกมาตามแนวทางของเนื้อหาเรื่องราว
ทุกฉากในบาร์รัสเซีย ที่เหมือนออฟฟิสกลายๆ ของเหล่าคนโฉด ทั้งฉากที่มาพบปะกันเองหรือฉากที่ปะทะกันระหว่างฝั่งพระกับฝั่งมาร การจัดไฟจัดแสง มีความทึมทึบ แต่ก็ฉูดฉาด ด้วยการใช้สีที่ร้อนแรง สื่อถึงความวุ่นวาย เรื่องเยอะ ไม่สงบ และอันตราย การวางมุมกล้องที่สร้างบรรยากาศฮา ๆ โดยไม่ต้องอาศัยบทสนทนา ในบางจังหวะก็มักทิ้งอมยิ้มไว้บนหน้าของคนดูเสมอ
ฉาก outdoor ที่แฝงนัยยะ ทั้งสื่อสารและล้อเลียน สิ่งที่ฉันอยากปรบมือให้แรง ๆ ก็คือการ tribute งานของ ชาร์ลี แชปลิน นักแสดงอเมริกัน ตัวพ่อของตลกเจ็บตัวอย่างที่เรียกว่า หัวเราะร่าน้ำตาริน ที่ล้ออยู่กับเรื่องราวอันแสนเจ็บปวดกับชีวิตบัด_ซบ ของตัวละครสำคัญหลายตัวในเรื่องนี้ ไม่ว่าจะเป็นพี่สมศักดิ์, น้องโยฮัน, พี่นักสืบ หรือแม้แต่คุณพระ คนสำคัญของเรา ก็ต่างล้วนมีเรื่องราวเจ็บปวดในชีวิตที่ผ่านมาของพวกเขาทั้งนั้น
ฉากที่โดดเด่นเห็นภาพชัดเจนที่สุดคือการใส่ภาพชาร์ลี แชปลิน ไว้เหนือกำแพงด้านตรงข้ามร้านสะดวกซื้อที่ทำงานของโยฮัน อันเป็นจุดที่โยฮันและพี่สมศักดิ์ มานั่งปรับทุกข์, แบ่งของกินที่โละจากร้านเพราะกำลังจะหมดอายุ และทั้งคู่อยู่ในสายตาของปู่ชาร์ลีทุกค่ำคืน
กับฉากวิ่งหนีวิ่งไล่หน้าโบสถ์ ของคุณพระและพี่นักสืบ ที่ทำเอาฉันขำกลิ้ง ยิ่งกว่าลิงกับหมา ฉากนี้ล่ะค่ะที่เรียกว่าเป็นการยกย่องงานหนังและการแสดงของปู่ชาร์ลี แชปลิน อย่างสมเกีรยติสมภาคภูมิจริง ๆ หากใครไม่รู้จักปู่ชาร์ลี แชปลิน ขอให้ไปหาหนังทุกเรื่องของปู่แกดูค่ะ แล้วจะเข้าใจความฮาในฉากนี้ ทั้งการวิ่งไล่กันไปมา การตัดต่อจังหวะภาพ และดนตรีประกอบที่เลือกมาใส่ในฉากนี้ คือการยกย่องปู่อย่างดีงามที่สุดค่ะ
พูดถึงดนตรีประกอบในฉากไล่จับที่ว่า ก็ขอพูดถึงดนตรีประกอบต่อไปเลย ดนตรรีประกอบที่เลือกสรรมาใส่ในแต่ละฉากได้อย่างสื่อความหมายชัดเจน โดยไม่ต้องอาศัยบทสนทนาแม้แต่คำเดียว โดยเฉพาะฉากปะทะกันของพี่นักสืบและคุณพระ คือฮาทุกฉาก ดนตรีจัดเต็มแบบพร้อมไฝว้ (fight) คือชอบมากกกกกกค่ะ ทั้งดนตรี trot (เพลงลูกทุ่งเกาหลี) และเพลง cowboy ตะวันตก ที่มีความพร้อมดวลพร้อมชักปืนออกมายิงใส่กัน
งาน costume เสื้อผ้าก็เป็นอีกอย่างที่ไม่พูดถึงไม่ได้ค่ะ ดีงามไปทุกตัวละคร ดีงามในที่นี้คือ เหมาะสมลงตัว ทุกตัวละคร ไม่มีตัวละครตัวไหนที่โดดเด้งออกมาอยู่คนเดียวแบบไม่เข้าพวกเข้าเหล่า ไม่ว่าจะเป็นบรรดานักสืบบนโรงพัก, นักเลง หัวหน้านักเลง, มาเฟียรัสเซีย, บาทหลวง, แม่ชี, เจ้าลัทธิ, คุณอัยการ มันเหมาะเจาะลงตัวไปหมดแบบพอดีพอดี ยิ่งชุดเจ้าลัทธิคืองานดีมากทุกชุด
และคนนี้ค่ะ คุณพระช่วย ! เอ้อ คุณพระ ! เสื้อคุลมตัวยาวสีดำสนิททุกตัวของท่าน คือ ใช่มาก มันใช่ค่ะ ! ทุกจังหวะสโลว์ ชายเสื้อปลิวสะบัด เหมือนคุณพระเดินอยู่บนแคทวอล์ค ! โอยย เท่ไม่บันยะบันยัง เท่ไม่ปรึกษาชี เท่วัวตายควายล้ม ๕๕๕๕
ซีรีส์สืบสวนสอบสวนที่ฉาบหน้าไปด้วยเสียงหัวเราะของอารมณ์ขันแสบ ๆ คัน ๆ ที่มีความตลกร้าย อย่างที่เรียกว่า black comedy แต่พล็อตที่ดูดราม่า มีความ dark หม่น ๆ เทา ๆ เรื่องนี้ ก็ไม่ได้จับแต่ความฮาจนละเลยความเป็นดราม่าในส่วนหลักของเรื่องราว หลายครั้งที่คนดูกำลังหัวเราะจนน้ำมูกน้ำตาไหล เรื่องราวก็พลิกกลับมาเป็นซึ้งทันทีในฉากต่อไป จนบางทีเราก็ไม่แน่ใจว่าน้ำตาที่ไหลอยู่นั้น มันเป็นน้ำตาจากฉากที่หัวเราะก้าก ๆ ก่อนหน้า หรือเพราะความซึ้งในฉากต่อมากันแน่
ความโดดเด่นไม่ใช่เพียงแต่ภาพ ดนตรีประกอบ เสื้อผ้า หรือการแสดง ด้วยประเด็นเนื้อหาที่มีความดราม่าเสียดสีสังคมที่เราเคยดูกันมามากมาย ซีรีส์บางเรื่องอาจมาในโทนหม่นทึมเทา มีความ dark ในวิธีการเล่าเรื่อง แต่ The Fiery Priest เลือกใช้ความตลกร้าย มาฉาบหน้าความ dark ในเนื้อหาของคนที่เหมือนอยู่นอกสายตา พวกนอกสังคม เมื่อมองทะลุความฮาและเสียงหัวเราะ เราจะเห็นความโศกตรมในชีวิต
หม่นเทาของพวกเขา
The Fiery Priest ซีรีส์ที่เป็นส่วนผสมระหว่าง แอ็คชั่น-ดราม่า ที่เลี้ยงอารมณ์คนดูด้วยความคอมเมดี้แสบ ๆ คัน ๆ ที่บันเทิงที่สุดในเวลานี้ ด้วยเรตติ้งสวยหรูเลขสองหลัก ที่กำลังลุ้นจะแตะเลข 20 อยู่เร็ววันนี้ ฉันบอกได้เพียงว่า คุ้มค่าที่สุดที่จะสละเวลาให้จริง ๆ ค่ะ
เป็นกำลังใจให้คุณพระ ช่วยให้เมือง GooDam ไม่กลายเป็นเมือง GodDamn กันค่ะ
ติดตามกันต่อในตอนหน้าค่ะ ว่าความสัมพันธ์ของ คุณพระ และ พี่นักสืบ จะคืบหน้าไปทิศทางไหน ตอนล่าสุดนี่ พี่นักสืบงอนคุณพระหนักมาก ถึงกับปากสั่น ๕๕๕๕๕๕๕๕