ทำยังไงถึงจะเลิกที่คิดอยากจะตายคะ?

เป็นปัญหาสะสมในใจตั้งแต่ตอนเด็กค่ะ เป็นเรื่องเกี่ยวกับครอบครัวค่ะ ตอนแรกก็คิดก็ไม่ได้มีอะไรมาก แต่จริงๆแล้วมันมีผลมากขึ้นเรื่อยๆ พอรู้ตัวอีกทีมันก็แย่มากแล้ว ด้วยความที่เราก็โตขึ้นทุก ก็ต้องรับภาระอื่นๆเข้ามามากขึ้น มันทำให้จิตใจตอนนี้แย่มากๆ คิดแต่ว่าอยากตายอย่างเดียว เพราะไม่รู้จะแก้ปํญญาทางใจที่เป็นอยู่ยังไงดี

ตอนนี้อายุ 21 ปีแล้ว ตอนนี้มีปัญหาเรื่องจิตใจที่ตอนนี้แย่มาก คิดฆ่าตัวตายตลอดเวลา แต่ยังไม่เคยลงมือทำจริงๆ แต่จะชอบทำให้ตัวเองเจ็บแบบไม่มีแผลนะคะ ให้รู้ว่ามันเจ็บเพื่อเตือนสติตัวเองไม่ให้คิดสั้นค่ะ

คือยายมีลูก 5 คน ชาย 2 หญิง 3 แม่เป็นที่ 2 แล้ว พ่อกับแม่หนูมีลูก 2 คน คือพี่สาวกับหนู  ซึ่งยายเป็นคนเลี้ยงพี่กับหนู  แม่กับพ่อมาทำงานที่สมุทรสาคร​ แล้วส่งเงินมาให้ บางช่วงก็จะพาหนูไปอยู่ด้วยกัน แล้วบ้านใกล้ๆกันกับยาย เป็นบ้านของลุงกับป้า แล้ว 2 คนนี้กินเหล้าทะเลาะตบตีกันเกือบทุกวันนี้ พอเห็นแบบนั้นบ่อยๆ ก็แอบคิดในใจค่ะ ว่าดีนะที่พ่อแม่เราไม่เคยทะเลาะหรือทำร้ายร่างกายกันให้เห็นเลย มีครั้งหนึ่งเคยเฉียดตาย ตอนนั้นลุงกับป้าทะเลาะกันอยู่ ลุงอยู่ในครัวแล้วป้าอยู่ข้างล่าง ตะโกนใส่กันแล้วก็หยุดไปพักหนึ่ง ตอนยายให้ไปกับข้าวที่บ้านลุง หนูก็ขึ้นไป เดินไปอีก  2 ก้าวจะถึงห้องครัว จู่ๆลุงก็ขว้างมีดออกมาจากครัว แรงมากไปโดนทีวีแตกเลยค่ะ (มีดที่เป็นเหล็กหนักๆ แล้วด้ามจับเป็นไม้) ตอนนั้นก็คิดว่าถ้าเดินเร็วกว่านั้นอีกนิดหนึ่ง คือตายแน่ค่ะ

แล้วก็มีปหนึ่งที่ได้ย้ายมาอยู่กับพ่อแม่ ตอนป.3  ช่วงนั้นก็มีความสุขมากค่ะ แต่ปัญหามันเริ่มตอนที่จบป. 3 ที่มีปิดเทอมใหญ่ ยายก็มาเยี่ยม หนูเริ่มสังเกตเห็นอะไรบางอย่างที่ผิดปกติ ช่วงนั้นพ่อกับแม่ออกไปคุยเงียบๆกัน 2 คนทุกวันเลย แล้วมีคืนหนึ่ง ยายก็พูดชื่อคนๆหนึ่ง บอกว่าเกลียดมาก พูดซ้ำๆ จนหนูรู้สึกรำคาญ ก็ไปบอกพ่อกับแม่ ยายก็หยุดพูด พอตอนยายกลับก็มีแม่กับน้าสาวไปส่งหนูไปด้วย แต่พ่อไม่ได้ไปด้วย ก็สงสัยว่าทำไมไม่ไปด้วยกัน เพราะพอกลับจากส่งยาย พ่อก็พาหนูไปเที่ยวที่บ้านยายอีก ประมาณ 2-3 วัน จู่ๆ พ่อก็พูดขึ้นว่าแม่หนีไปแล้ว ตอนแรกก็งง แต่กลับมาถึงสมุทรสาคร น้าสาวอีกคนก็บอกว่าแม่หนีไปกับผู้ชายอีกคนแล้ว ตอนนั้นก็นึกออกเลยค่ะ ว่าชื่อที่ยายพูดคือชื่อผู้ชายคนนั้น วันนั้นเหมือนฝันสลาย หนูร้องไห้ทั้งคืน แล้วหนูก็เห็นสมุดที่แม่เขียนไว้ให้พี่ แต่พ่อฉีกทิ้งหมด ตอนหลังหนูมารู้ว่าไม่ใช่แค่แม่ที่มีคนใหม่ แต่พ่อก็มีคนใหม่เหมือนกัน คิดว่าตอนที่แม่หนีไป พ่อกับแม่คงวางแผนกันไว้แล้ว หลังจากนั้นประมาณ 1 เดือน พ่อกับแม่ก็กลับมาอยู่ด้วยกันอีก แต่เหมือนไปกันไม่ได้ ก็เลิกกันอีก แล้วให้หนูกลับไปอยู่กับยาย แล้วมีตอนหนึ่งที่พ่อขับรถอยู่หนูก็พูดขึ้นมาว่า "สัญญาได้มั้ยว่าอีก 2 ปี ค่อยแต่งงาน" พ่อก็ถามว่ทำไม แต่หนูก็พูดซ้ำอีกครั้ง พ่อก็ตกลง แต่พอผ่านไปประมาณครึ่งปี แม่โทรมาบอกว่าพ่อแต่งงานใหม่แล้ว ความรู้สึกหนูเหมือนทุกอย่างมันพังหมด มันแย่ยิ่งกว่าตอนที่พ่อกับแม่เลิกกันอีก แต่หนูก็ไม่ได้ถามพ่อว่าจริงมั้ย

พอผ่านไปสักพักก็ไม่ได้คิดอะไร พ่อก็โทรมาชวนให้ไปอยู่ด้วยกันตอบป.6 หนูตกลงไป แต่แม่ไม่ให้ไป หนูก็เลื่อนพ่อไปเป็นจบ ม.3 พอจบป.6 ก็ไม่ได้ไป แล้วตอนนั้นเริ่มติดนิยาย แล้วเรื่องพ่อกับแม่ ก็เริ่มมีอิทธิพล​กับหนูมากขึ้นเรื่อยๆ พอจบม.3 ก็ยังไม่ได้ไป พ่อก็คงรู้ว่าหนูคงไม่อยากไป เพราะก็มีลูกกับภรรยาใหม่แล้ว แต่ก็ยังช่วยส่งเรื่องค่าเทอม ค่าชุด ค่าหนังสือ แล้วก็มีที่ของเพิ่มต่างหากแต่ก้ไม่เยอะ ก็ไม่ได้พูดขึ้นมาอีกตอนนั้นก็ตัดสินใจที่จะเรียนสายอาชีพ แม่ก็เลยให้ไปอยู่กับแม่ที่พัทยา ซึ่งตลอดที่อยู่กับยาย ก็เห็นลุงกับป้าทะเลาะกันตลอด แล้วหนูซึมซับมันมาด้วยโดยที่ไม่รู้ตัว ช่วงปวช. นี่ก็หนักกว่าเดิมทั้งติดนิยายแล้วก็การ์ตูน ถึงไม่ได้ส่งผลกับการเรียน แต่ก็ส่งผลต่อการใช้ชีวิตมากค่ะ หนูกลายเป็นคนไม่ค่อยพูด ไม่ออกไปไหน อยู่แต่ในห้อง ทำอะไรก็ช้า พอแม่ให้ทำอะไร ชอบบอกว่าเอาไว้ก่อน ค่อยไปทำ ทีนี้แม่ก็จะโมโหแล้วด่า ไม่ได้พูดคำหยาบนะคะ แต่จะเป็นคำพูดที่ทำร้ายจิตใจเรามากเรื่อยๆ แต่หนูก็เงียบไม่ได้ตอบโต้อะไร เพราะหนูผิดเอง

แล้วช่วงนนั้นแม่ก็ไปทำงานทิ้งให้อยู่คนเดียว  แล้วทิ้งเงินไว้ให้ ซึ่งบางทีก็ไม่พอ กลับมาตอนก็ดึกๆ บางทีก็ 2-3 วันกลับ บางทีก็เป็นอาทิตย์ แม่จะชอบถามว่ากินข้าวยัง แต่ไม่เคยถามว่ามีเงินกินข้าวมั้ย ตอนนั้นก็ซื้อนิยายด้วย เดือนละ 1เล่ม แล้วก็จะมีค่าใช้จ่ายอื่นๆที่เรียนเพิ่มมาด้วย บางครั้งเงินก็ไม่พอใช้ เวลาซื้อกับข้าวมาก็จะแบ่งกิน 2-3 มื้อ ก็ไม่ได้ทำงานด้วยเพราะอายุไม่ถึง เรื่องคิดอยากตายก็เริ่มมาในช่วงนี้ ความรู้กับแม่คืออยู่ใกล้กันแต่เหมือนมันไกลมากแล้วตอนใกล้จบปวช. (เลือกดูการ์ตูนแล้ว แต่ยังติดนิยายอยู่) มันก็มีปัญหามาอีกเพราะพ่อพูดเรื่องอยากให้ไปอยู่ด้วยอีก พ่อมีลูกคนที่ 2 กับคนใหม่แล้ว คิดว่าพ่อคงคุยกับแม่บ้างแล้ว เพราะเวลาแม่โมโหทีก็จะชอบไล่ให้ไปอยู่กับพ่อทุกครั้ง มันเจ็บมาก มันแย่ไปหมด อยากตายมากเลยตอนนั้น สุดท้ายก็ทนไมได้ก็ตัดสินใจที่จะไปเรียนต่อ ปวส.กับพ่อ ตอนไปสมัครเรียน(ยังไม่ได้ไปอยู่จริงๆ เพราะตอบกลับมารับวุฒิ) ที่ไปอยู่ตรงนั้นก็คิดว่าอะไรมันจะดีขึ้น แต่มันกลับแย่ลงเพราะเวลาน้องโกรธก็จะชอบูดไล่หนู บอกว่าบ้านนี้เป็นของหนู พ่อก็เป็นของหนู พี่ออกไปเลยนะ มันตอกย้ำสิ่งที่อยู่ใจหนูมาก เพราะคิดว่าพ่อก็มีครอบครัวใหม่แล้วไปอยู่ตรงนั้นมันก็เหมือนหนูเป็นส่วนเกิน ถึงไม่ยอมไปอยู่กับพ่อสักทีตอนที่พ่อชวน สุดท้ายก็ไม่ได้ไป ตอนพ่อบอกว่าไม่ได้ไปเรียนที่นั่นแล้วเพราะมีปัญหาบางอย่าง ตอนนั้นดีใจมากแต่ก็แกล้งทำเป็นเสียใจนิดหน่อย ทั้งตอนที่พ่อโทรมาก็จะทำเป็นถามหาน้อง ทั้งที่ไม่อยากจะพูดถึงเลยด้วยซ้ำ แต่ก็ต้องพูดเพราะไม่อยากให้พ่อไม่สบายใจ ที่จริงกับน้องหนูทั้งรักทั้งเกลียดแต่ก็เกลียดมากกว่า

แล้วมันก็มีปัญหาเล็กใหญ่ทีมันเข้ามาเรื่อยๆ ก็ไปหนูกลายเป็นคนเงียบ ไม่ค่อยพูด พูดไม่เก่ง บางทีก็พูดอะไรแปลกที่เพื่อนไม่เข้าใจสิ่งที่จะสื่อสาร ก็กลัวที่จะเข้าสังคม กลัวโลกภายนอก แล้วหนูก็เก็บมันไว้ไม่รู้จะปรึกษาใคร ตอนนั้นเคยปรึษาแม่หลังจบปวส. ว่าจะเรียนต่อป.ตรี กรุงเทพ อยากลองไปใช้ชีวิตด้วยตัวเอง อยากรู้ว่ามันดีหรือไม่ดี แต่แม่ก็ตอบว่าไม่ แล้วบอกว่าไม่ต้องพูดถึงเรื่องนี้อีก มันทำให้หนูยิ่งไม่กล้าที่จะปรึกษากับแม่อีก (ยิ่งทุกวันนี้ก็ไม่ค่อยได้คุยกันถ้าไม่มีเรื่องอะไร หนูรู้ว่าแม่กับหนูเริ่มห่างไกลกันมากขึ้นเรื่อยๆ บางครั้งก็มองไม่ออกว่าแม่ห่วงหรือไม่ห่วงกันแน่ ตอนหนูขอไปเที่ยวเกาะกับเพื่อนก็ไม่ให้ไปเพราะช่วงนั้นฝนตกแต่ไม่ใช่หน้าฝนนะคะ แต่ก็ไม่ห่วงที่จะให้หนูเดินคนเดีนวที่เปลี่ยวๆตอนกลางคืน ถึงแม้ระยะทางจะไม่ไกล) ก็้เลยไปคุยกับอาจารย์ที่ปรึกษา เขาก็อธิบายให้เข้าใจว่ามันเป็นยังไง สุดท้ายก็ตัดสินใจที่จะเรียนต่อในชลบุรี มันก็เหมือนจะดีนะคะ  แต่ตอนจะทำอะไร อ. จะพูดถึงเรื่องที่เคยไปคุยด้วย เช่น อยากลองใช้ชีวิตเองไม่ใช่เหรอ ลองทำเรื่องนี้ก่อนสิ ตอนนั้นเพื่อนก็อยู่ด้วย ก็ไม่เข้าใจว่าทำไมถึงพูดแบบนั้น ซึ่งหนูไม่ชอบเลย แต่ตอนนั้นใกล้จบแล้ว เหลือแค่สอบปลายภาค ก็ไม่ได้บอกออกไป

ก็เลยไม่รู้จะไปปรึกษาปัญหากับใครเลยตอนนี้ ยิ่งตอนนี้ต้องหางานทำ(เรียนเสาร์-อาทิตย์) ก็ยิ่งรู้ว่าตัวเองมีปัญหามากว่าที่คิด ทั้งการพูด มนูษย์พันธ์ การเข้าสังคม ควาผิดหวังกลัวไปทุกหมดอย่าง ความสามารถในการใช้ชีวิตหนูคือ 0 หนูรู้สึกท้อกับตัวเองมาก ไม่รู้จะทำยังดี คิดแต่อยากจะตายอย่างเดียว คิดว่าตัวเองตอนนี้ไม่เป็นโรคเครียดก็โรคซึมเศร้า

มีคนพูดว่า อ่อนแอก็แพ้ไป หนูเป็นคนอ่อนแอ แต่หนูไม่อยากยอมแพ้ พยายามที่จะให้กำลังใจตัวเองให้ผ่านไปได้ในแต่ละวัน ถึงตอนนี้มันเริ่มจะไม่ไหวแล้วก็ตาม ก็เลยอยากคำปรึกษาว่าควรจะทำยังดี ที่แก้ปัญหานี้ได้ แล้วเลิกคิดที่อยากตาย

ป.ล.1 หนูเลี้ยงแมวด้วยค่ะ เค้าเป็นสิ่งให้กำลังใจหนูได้มากเลย และขอยืนยันว่า ทุกอย่างที่เล่าเป็นเรื่องจริงค่ะ ถ้าจะว่าอะไรขอใช้คำเบาๆนะคะ ตอนนี้จิตใจมันแย่มากจริงๆ กลัวว่าจะรับไม่ไหว ขอบคุณล่วงหน้านะคะ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่