สวัสดีค่ะ ..ปกติเราเป็นคนนึงที่ใช้งาน Pantip อยู่บ่อย ..แต่ก็ไม่ได้สมัคร account หรือตั้งกระทู้อะไร
จนสัปดาห์ที่แล้ว เราได้ไปเจอกับเหตุการณ์บางอย่าง จึงอยากเอามาแบ่งปันเพื่อเตือนสติให้กับหลาย ๆ คนโดยเฉพาะผู้หญิง
จริง ๆ จะเรียกว่าเป็นกระทู้ประจานความโง่ของตัวเองก็อาจจะได้ (แต่ความโง่นี้มันเกิดจากการเราไว้ใจในคนง่ายไป)
เรื่องมันมีอยู่ว่า เมื่อประมาณเกือบสองเดือนที่แล้ว เราเบื่อ ๆ ก็เลยโหลดแอพ Tinder มาเล่น
แต่เราไม่ใช่ประเภทอย่างว่านะคะ แค่บางทีเบื่อ ๆ อยากหาเพื่อนคุย และไม่นัดใครจากแอพนี้ไปไหนทั้งนั้น
เอาจริง ๆ เราคุยกับแต่ละคนได้ไม่กี่ประโยคก็เลิกคุยแล้วค่ะ ยิ่งเล่นแล้วไปเจอประเภทอย่างว่านี่ เราก็อันแมชไปเลย
เคยโหลด ๆ ลบ ๆ ไป 3 รอบแล้วค่ะ ..แต่ละรอบก็เล่นได้ไม่นาน .. 3 วันนี่มากสุดแล้วมั้งคะ
จนตอนนี้คงลบออกถาวรแล้วอะค่ะ ไม่คิดจะโหลดมาเล่นอีกแล้ว
วันนึงเราแมชกับรุ่นน้องคนนึง ซึ่งเป็นน้องที่เรียนสถาบันเดียวกับเราค่ะ
(สถาบันที่เราเรียนไม่ถือว่ากะโหลกกะลานะ อันดับต้น ๆ ของประเทศเหมือนกัน)
เราเป็นศิษย์เก่านะ เรียนจบมาปีกว่า ๆ แล้วค่ะ อายุก็เกือบ ๆ จะ 25 ปีแล้ว
แต่น้องคนนั้นเพิ่งอยู่ปีหนึ่งค่ะ อายุเกือบจะ 20 ปี ..ก็ห่างกับเราประมาณ 5 ปีค่ะ
หลังจากนั้นเราเป็นคนทักน้องไปก่อน ก็เลยได้คุยกันนิดหน่อย
ยอมรับค่ะ ว่าตอนนั้นเห็นน้องเขาน่ารักดี เราเองเลยลองไปค้นเฟสดู ก็เจอ ก็เป็นฝ่ายแอดไปหาน้องเขาเองค่ะ เพราะอยากรู้จัก
หลังจากน้องรับแอดแล้ว เราก็ทักไปหาน้องค่ะ ..แต่ก่อนหน้านั้นก็มีการไปส่องโปรไฟล์ของน้อง
ซึ่งปรากฏว่า เหมือนน้องจะเคยโดนคนอื่นเอารูปและข้อมูลไปแอบอ้างสร้าง Account ต่าง ๆ ปลอมขึ้นมา
เราเองก็เลยเริ่มไม่แน่ใจเหมือนกันว่า Tinder Account น้องจะเป็นของปลอมด้วยหรือเปล่า
ก็เลยทักไปถามน้องเป็นคำถามแรกเลยค่ะ ..แล้วก็ได้รับคำตอบว่า Tinder Account นั้น เป็นของน้องเขาจริง ๆ
หลังจากนั้นก็มีการพูดคุยกันอยู่บ่อย ๆ ค่ะ เกือบทุกวัน ..น้องเองค่อนข้างเป็นคนตอบแชทช้าค่ะ
และดูจะเซเลปอยู่ไม่น้อย รูปร่างหน้าตาก็อยู่ในเกณฑ์ดีค่ะ ..น่ารัก คุยเก่ง ง่าย ๆ เฟรนลี่ เป็นกันเอง บวกกับค่อนข้างขี้อ่อยหน่อย ๆ
แต่น้องก็ตอบตลอดนะคะ เหมือนจะเป็นคนที่ต่อบทสนทนาไม่ให้จบอยู่ตลอด ถึงจบแล้ว น้องก็จะทักมาใหม่
แต่บางทีถ้าน้องหายไป เราเองก็จะเป็นฝ่ายทักหาเองน้องเหมือนกัน
ครั้งแรกที่เราเจอน้องคือเรากลับมาจาก ตจว. ค่ะ ..ก่อนหน้านั้นเราก็ทักถามน้องว่าจะเอาขนมไหมไรงี้ค่ะ
ซึ่งเด็กมันก็อยากกินหนมอะนะคะ ..เราเลยซื้อไปฝาก ซึ่งวันนั้นที่เราเอาขนมไปให้น้อง เราก็ไปกับพ่อค่ะ
เพราะพ่อเราไปรับที่สนามบิน คิดว่าพ่อเราก็น่าจะได้เห็นน้องนะ เพราะเราก็ลงจากรถแล้วก็รีบเอาขนมให้น้อง ก็ตรงหน้ารถนี่แหละ
เพราะรีบ มีธุระต่อ ..น้องก็รู้ค่ะ ว่าเรามากับพ่อ ก็ไม่ได้คุยอะไรกันมากค่ะ -- น้องก็ทักมาขอบคุณทางเฟส ทางไอจี อีกทีนะคะ
แล้วน้องก็บอกว่าวันนั้นยังไม่ได้ไปนั่งกินเหล้าด้วยกันเลย ประมาณนี้ จะมาอีกเมื่อไหร่
บ้านที่เราอยู่ กับ มหาลัยที่เราเรียนอยู่กันคนละอำเภอ คนละเขตกันค่ะ แต่ก็ไม่ได้ไกลกันมาก
คือก่อนจะไป ตจว. เราไปนั่งชิลกะเพื่อนที่ร้านแห่งหนึ่งค่ะ เราเองเป็นคนดื่มอยู่แล้ว น้องเองก็เหมือนกัน
แต่เราเป็นสายนั่งชิลนะ ก็ไปนั่งฟังเพลงค่ะ ไปนั่งกับเพื่อนฝูง และก็ไปก็ดื่มอย่างเดียวค่ะ
ไม่ได้ไปส่อง ไปหิ้วใคร หรือไปให้ใครหิ้ว จุดประสงค์คือไปดื่ม และฟังเพลง แค่นั้น
อันนี้เราเป็นตั้งแต่สมัยเรียนมหาลัยแล้วค่ะ
หลังจากนั้นก็ยังคุยกันอยู่ตามปกติ ก็ยอมรับว่ารู้สึกดีกับน้องนะคะ แต่ไม่ถึงกับความรู้สึกเชิงชู้สาว
เพราะสำหรับเราแล้ว 5 ปี เป็นอายุที่ค่อนข้างห่างกันเยอะค่ะ เราเองก็อยู่ในวัยทำงาน น้องเองก็เพิ่งเข้ามหาลัย
เรารู้สึกว่าทั้งทัศนคติ ความคิด ไลฟ์สไตล์ อะไรต่าง ๆ มันแตกต่างกันเยอะค่ะ ..ก็เลยได้แต่ปลื้ม ๆ เฉย ๆ
คือเราเองก็ไม่กล้าคิดอะไรไปไกลกว่านั้นค่ะ ถึงแม้จะอยากชอบน้องเขา
เราเองก็มีส่ง sms ไปหาน้องครั้งนึงค่ะ ก่อนน้องจะแข่งบาส ..น้องอยู่ปีหนึ่งอะเนาะ กิจกรรมก็เยอะค่ะ
เขาก็มีแข่งกีฬาภายในของคณะเขา ..ส่วนเบอร์เราเป็นคนขอเอง เพราะตอนนัดกันจะเอาขนมไปให้น้องตอนแรกนี่แหละค่ะ
ต่อมามันก็มีอยู่ช่วงนึงที่หนัง Friend Zone เพิ่งเข้าฉาย ..เราเองก็อยากดูค่ะ แต่เพื่อนหลายๆ คนก็ติดงาน และบางคนก็ไม่ดูหนังไทยเลย
จริง ๆ เราก็สามารถไปดูคนเดียวได้แหละค่ะ ..แต่ความที่อยากจะเจอกับน้องเขาด้วย ก็เลยตัดสินใจลองชวนน้องไปเป็นเพื่อน
เรานี่กะชวนเล่น ๆ เลย ..เพราะคิดว่าน้องคงไม่ไปแน่ๆ หรืออาจจะไม่ว่าง แต่ปรากฎว่าน้องก็ตกลงกับเราว่าจะไปเป็นเพื่อนค่ะ
(ก่อนหน้านั้นเราถามน้องนะคะ แบบแซวๆ เรื่องคนคุยอะไรอย่างงี้ค่ะ ..ตอนนั้นน้องยังไม่มีแฟน น้องก็ปฏิเสธตลอดว่าไม่มีใครทั้งนั้น
ไม่มีคนคุย ไม่ได้คุยกับใคร ..แต่เราเชื่อว่าจริง ๆ ก็มีแหละค่ะ แต่อันนี้ก็ถือว่าเป็นเรื่องส่วนตัวเขาอะนะ เราก็ไม่ได้ใส่ใจอะไร
ที่เราถามตอนแรก เพราะเราไม่อยากให้น้องเขามีปัญหาค่ะ เผื่อถ้าน้องเขามีคนคุยอะไรอย่างงี้ กลัวว่าจะมาผิดใจกันเพราะเรา)
แต่ก่อนวันที่จะไปดูหนังด้วยกัน น้องติดแข่งกีฬาค่ะ แล้วก็มีติดเรียนด้วย ก็ไม่ค่อยได้ออนเฟส
เราเองก็เลยไม่ค่อยมั่นใจเท่าไหร่ว่าน้องจะยังว่างไปดูหนังกับเราอีกไหม
แล้วความที่เราเป็นคนขี้เกียจรออะค่ะ เวลาจะนัดหรือคุยธุระอะไรกับใครจะชอบนัดให้เสร็จๆ จบๆ รู้เรื่องไปเลย ไม่ใช่มารอตอบแชทไปมา
เราก็เลยโทรไปถามน้อง ก็อะไรประมาณนี้ ..ก็คุยประมาณว่า " เนี้ย พอฉันจะนัดแก เดี๋ยวแกก็มา เดี๋ยวแกก็หาย คุยไม่เสร็จสักที
จะนัดกันรู้เรื่องไหมเนี้ย จะไปไหม"
น้องมันก็มีหยอด ๆ มาบ้าง ว่าแบบ " พี่ก็มีเบอร์ผมอยู่แล้ว คิดถึงก็โทรมาหาดิ " ไอเราก็บอกเดี๋ยวสายซ้อน ประมาณนี้
น้องก็บอกถ้าซ้อนก็ซ้อนกับแม่เขาประมาณนี้ เขาก็ไม่ได้คุยกับใคร -- ก่อนหน้านี้เราก็มีหยอด ๆ น้องบ้างแต่ไม่บ่อยนะคะ 5555
ก็เคยชมน้องว่าน่ารัก ประมาณนี้แหละ ..แต่ตลอดการพูดคุยกันก็ไม่ได้มีการบอกคิดถึง หรืออะไรแนวนี้นะคะ
จนวันที่นัดกันดูหนัง ..น้องนัดเราตอนเที่ยงค่ะ ที่หอเขา แค่กะจะเอารถไปจอดทิ้งไว้เฉย ๆ ค่ะ เพราะว่าขี้เกียจขี่รถแยกกันไปคนละคัน
เพราะยังไงก็ต้องกลับมาแถวๆ หอน้องเขาอยู่แล้ว พอดีวันนั้นเรากะจะไปค้างบ้านเพื่อนผู้หญิงค่ะ เพราะว่าช่วงค่ำเรานัดกับกลุ่มเพื่อนของเราเอาไว้
ว่าจะไปหาอะไรกิน แล้วก็จะไปนั่งชิลกัน ..วันนั้นที่นัดกับเพื่อนค่ำ เพราะเป็นวันศุกร์ค่ะ กลางวันเพื่อนติดงาน ก็ต้องรอมันเลิกงาน
กลับมาที่เรื่องน้องนะคะ ..ช่วงเช้าเขามีธุระที่ต้องไปทำค่ะ ซึ่งระยะทางค่อนข้างไกลกับหอน้องเขาพอสมควร
น้องก็เลยรีบไปแต่เช้า เพราะกลัวจะมานัดเราไม่ทัน น้ำท่าก็ไม่ได้อาบ
..กลับมาก็เลทนัดเราไปสักพักแล้วค่ะ เราก็ไม่ได้ถือสาอะไร เพราะตอนมหาลัยเราก็เคยนัดกับเพื่อน
แล้วมีเลทบ้าง ก็เข้าใจเขาค่ะ ..ก็มองว่าเขาเด็กกว่าเราอะนะ เรื่องการรักษาคำพูด หรือเวลา สำหรับบางคนด้วยวัยนี้เขาก็ยังทำได้ไม่ดี
ซึ่งพอทีนี้ เราเลยต้องเป็นฝ่ายรอน้องจัดการธุระส่วนตัว อาบน้ำให้เสร็จไรงี้อะค่ะ ซึ่งใต้หอน้องเขาก็ไม่ได้มีที่นั่งให้นั่งรอเลย
แล้วมันก็เที่ยงกว่า ๆ ค่ะ อากาศคือร้อนมากกกกก ..น้องก็เลยถามไปนั่งรอเขาที่ห้องก่อนไหม
เราก็ไม่ได้ถืออะไร ส่วนตัวเราเองก็จบจากคณะที่ผู้ชายเป็นประชากรส่วนใหญ่ในคณะอยู่แล้วค่ะ
ก็ไม่ค่อยได้ถืออะไรมากมายกับการไปห้องผู้ชายเท่าไหร่ เพราะตอนที่ไปก็ห้องเพื่อนอะค่ะ ไปนั่งเล่น อ่านหนังสือ
ไม่ได้ขึ้นไปทำอะไรที่ไม่ดี
พอไปถึงน้องเขาก็เปิดพัดลม เปิดทีวี ไว้ให้ แล้วก็รีบไปอาบน้ำ น้องก็หอบผ้าหอบผ่อนไปเปลี่ยนในห้องน้ำค่ะ
ไม่ได้เดินออกมาหวิว ๆ อะไรนะ ..แล้วดูน้องค่อนข้างจะเกรงใจเราด้วยซ้ำค่ะ ดูพูดน้อยกว่าปกติ แลดูเกร็ง ๆ 555
แต่ก่อนที่จะขึ้นไปห้องน้องเขา เราก็ลังเลอยู่ค่ะ ก็ถามว่าน้องอยู่กับเมทหรือเปล่า อะไรงี้ค่ะ ไม่งั้นเราก็กะจะรอน้องอยู่ข้างใต้หอ
น้องก็บอกอยู่คนเดียวค่ะ ไม่ได้อยู่กับใคร ..แต่ตอนเข้าไปเราก็สังเกตไปเห็นมาสคาร่านะ แต่ก็คิดว่าอาจจะเป็นของน้อง 5555
เพราะน้องค่อนข้างสำอางค่ะ มีฉีดน้ำหอม ใส่เครื่องประดับ แหวน สร้อยข้อมือ นาฬิกา
ในห้องก็ตุ๊กตาปาไปครึ่งเตียงละค่ะ ห้องก็มีการจัดนั่นนู้นนี่ติดพนัง มี Dream Catcher บนเพดาน
แต่เราก็ได้แต่ดูแต่ตานะคะ ไม่ได้ไปหยิบจับอะไรในห้องเขา เพราะไม่อยากเสียมารยาท
หลังจากนั้นก็ไปดูหนังค่ะ เราก็นั่งซ้อนท้ายมอเตอร์ไซค์เขาไป เขาก็ขี่ดี ๆ นะ ไม่ได้เบรคให้กระแทกอะไรอย่างงี้
ตอนอยู่ในโรงหนัง เราก็นั่งกอดอกค่ะ และด้วยเป็นคนตัวเล็กอยู่แล้ว แขนมันก็ไม่ได้ไปค้ำที่รองแขนของเก้าอี้
เราเองก็นั่งดูหนังอย่างตั้งใจค่ะ 555555 ..เพราะจุดประสงค์ต้องการที่จะดูหนัง ไม่ได้ซื้ออะไรเข้าไปกิน
น้องเองก็นั่งของเขาตามปกติค่ะ มือไม้ก็ไม่ได้มาลามปาม ไม่ได้เลื้อยมาหาเรานะ ต่างคนก็ต่างดู
จนหนังจบ ..ก่อนหน้านี้เรากับน้องก็ยังไม่ได้ทานข้าวเที่ยงทั้งคู่ค่ะ ด้วยเวลามันกระชั้นชิด ก็เลยซื้อชานมไข่มุกกินกัน
เราก็จ่ายหมดอะนะ ..น้องก็จะจ่ายเองนั่นแหละค่ะ แต่เราก็ถือว่าไม่เป็นไร น้องยังเรียนอยู่ ส่วนเราพอมีรายได้แล้ว
ไอเราก็เลยเลี้ยงน้องเขาไปค่ะ ..น้องจ่ายเฉพาะค่าน้ำมันรถ
ตอนแรกที่ไปดูหนัง เลทนิดหน่อยค่ะ หนังเข้าไปหลายนาที น้องก็ถามทำไมไม่ดูรอบเย็นหรือค่ำ
เราก็บอกว่าพอดีตอนเย็นเรามีนัดกับเพื่อน แล้วก็กะจะไปนั่งชิลต่อ ..น้องเองเขาก็ดื่มอยู่แล้ว + ครั้งที่แล้วที่น้องบอกยังไม่ได้ไปนั่งกินเหล้าด้วยกันเลย
เราเองก็เลยชวนค่ะ ว่าถ้าจะมาก็มาได้นะ .. เขาเองก็ดูท่าทางอยากจะไปด้วยค่ะ แต่ก็ยังไม่แน่ใจ เพราะเขามีซ้อมแสตนเชียร์
เลิกดึก ...(ปีหนึ่ง กิจกรรมมันเยอะะะะะะ อะนะ)
หลังจากนั้นเขาก็กลับไปส่งเราที่ใต้หอเขา น้องเองก็เข้ามหาลัยต่อค่ะ เพราะมีเรียน มีซ้อมแสตน
ส่วนเราเองก็ไปบ้านเพื่อนค่ะ
จนเย็นเราก็ออกไปพบเพื่อนตามนัด ..ต่อไปจนร้านนั่งชิลค่ะ
เราก็ไปนั่งดื่มกะเพื่อนสนิทเรา ซึ่งเป็นเพื่อนผู้ชายนะคะ ก็ไปนั่งกันสองคน แต่เพื่อนคนนี้ไว้ใจได้ค่ะ
คบกันมานาน พ่อเราเองก็รู้จัก มีอะไรเดือดร้อนก็ช่วยเหลือกันตลอด มันค่อนข้างจะสุภาพบุรุษอยู่ค่ะ
คือปกติเราแทบจะไม่ค่อยได้นั่งชิลกับเพื่อนผู้หญิงอยู่แล้วค่ะ เพราะคณะ และสาขาที่เราเรียน มีแต่ผู้ชายทั้งนั้น
อัตราส่วนโดยประมาณในภาควิชาที่เราเรียน ผู้หญิงต่อผู้ชาย คือ 1 : 9 .. ตัวเราเองก็ค่อนข้างจะคอแข็ง
ดื่มก็ไม่ค่อยเมาเท่าไหร่ ปกติก็มีมึน ๆ กรึ่ม ๆ บ้าง เข้าห้องน้ำ ล้างหน้าล้างตา หนัก ๆ หน่อย อ้วกบ้าง ก็สร่างแล้วค่ะ
ประสบการณ์นอนกอดชักโครกยังไม่เคยมีนะ ..เป็นแนวสายแทงค์และสามารถดูแลตัวเองและเพื่อนได้ด้วย
สมัยเรียนก็กลับถึงหอตลอดค่ะ ไม่เคยภาพตัด ไม่เคยไปกับใครต่อ ..แล้วก็เคยออกไปนั่งดื่มคนเดียวมาแล้วแบบนับครั้งไม่ถ้วน
ที่ผ่านมาก็ผ่านมาได้ด้วยดีค่ะ แทบไม่เคยมีปัญหา
จนช่วงประมาณเที่ยงคืนค่ะ น้องที่เราไปดูหนังด้วยก็เพิ่งมาค่ะ เพราะเพิ่งซ้อมแสตนเชียร์เสร็จ
เพื่อนสนิทเราเองก็ต้องรีบกลับแล้วค่ะ เพราะเพื่อนมีงานเช้า ต้องขี่รถกลับเป็นระยะไกล แล้วต้องไปรับแฟนเขาด้วยค่ะ
แต่เนื่องจากน้องเพิ่งมา ทีนี้ก็เลยนั่งกินกันสามคนค่ะ จนประมาณตีหนึ่ง เพื่อนเราก็กลับก่อน
เราเองก็เป็นห่วงเพื่อนค่ะ เพื่อนเองก็เป็นห่วงเรา ..เราก็บอกมันว่าให้ทักมาตอนถึงหอแล้ว
มันเองก็ตัดสินใจกลับไป ..จริงๆ มันเองก็ไม่ได้อยากจะทิ้งเราไว้กับน้องหรอกค่ะ แต่ด้วยธุระและหน้าที่
และมันเองก็มั่นใจว่าเราเองสามารถดูแลตัวเองได้ เราเองก็มั่นใจในตัวเองพอสมควร ก็เลยตัดสินใจนั่งดื่มกับน้องต่อค่ะ
พอเพื่อนถึงหอมันก็ทักมาค่ะ มันก็ถามเรากลับยังไรงี้ค่ะ คือมันก็เป็นห่วง เราก็ไม่ได้อะไรค่ะ เพราะยังไหวอยู่
ได้แต่บอกมันว่า " มันมอมG* " แล้วก็ถ่ายรูปน้องส่งไป เพราะไอน้องนี่ให้เราชนหมดแก้วอย่างเดียวเลยค่ะ 55555
แต่เราก็หมดอะนะ เพราะรู้ลิมิตตัวเองว่ายังไหว
..แต่จริง ๆ แล้วถ้าสังเกตพฤติกรรมดีๆ จะเห็นว่าตอนกลางคืนน้องเปลี่ยนพฤติกรรมจากตอนกลางวันไปเยอะเหมือนกันค่ะ
กล้าพูด กล้าคุยมากขึ้น ..ทั้ง ๆ ที่ตอนนั้นยังไม่เริ่มดื่มเลยนะคะ แต่ไอเราเองก็ไม่ได้เอะใจค่ะ
(มีต่อ)
เจ๋งแค่ไหน ก็อย่าไว้ใจผู้ชายเด็ดขาด !!
จนสัปดาห์ที่แล้ว เราได้ไปเจอกับเหตุการณ์บางอย่าง จึงอยากเอามาแบ่งปันเพื่อเตือนสติให้กับหลาย ๆ คนโดยเฉพาะผู้หญิง
จริง ๆ จะเรียกว่าเป็นกระทู้ประจานความโง่ของตัวเองก็อาจจะได้ (แต่ความโง่นี้มันเกิดจากการเราไว้ใจในคนง่ายไป)
เรื่องมันมีอยู่ว่า เมื่อประมาณเกือบสองเดือนที่แล้ว เราเบื่อ ๆ ก็เลยโหลดแอพ Tinder มาเล่น
แต่เราไม่ใช่ประเภทอย่างว่านะคะ แค่บางทีเบื่อ ๆ อยากหาเพื่อนคุย และไม่นัดใครจากแอพนี้ไปไหนทั้งนั้น
เอาจริง ๆ เราคุยกับแต่ละคนได้ไม่กี่ประโยคก็เลิกคุยแล้วค่ะ ยิ่งเล่นแล้วไปเจอประเภทอย่างว่านี่ เราก็อันแมชไปเลย
เคยโหลด ๆ ลบ ๆ ไป 3 รอบแล้วค่ะ ..แต่ละรอบก็เล่นได้ไม่นาน .. 3 วันนี่มากสุดแล้วมั้งคะ
จนตอนนี้คงลบออกถาวรแล้วอะค่ะ ไม่คิดจะโหลดมาเล่นอีกแล้ว
วันนึงเราแมชกับรุ่นน้องคนนึง ซึ่งเป็นน้องที่เรียนสถาบันเดียวกับเราค่ะ
(สถาบันที่เราเรียนไม่ถือว่ากะโหลกกะลานะ อันดับต้น ๆ ของประเทศเหมือนกัน)
เราเป็นศิษย์เก่านะ เรียนจบมาปีกว่า ๆ แล้วค่ะ อายุก็เกือบ ๆ จะ 25 ปีแล้ว
แต่น้องคนนั้นเพิ่งอยู่ปีหนึ่งค่ะ อายุเกือบจะ 20 ปี ..ก็ห่างกับเราประมาณ 5 ปีค่ะ
หลังจากนั้นเราเป็นคนทักน้องไปก่อน ก็เลยได้คุยกันนิดหน่อย
ยอมรับค่ะ ว่าตอนนั้นเห็นน้องเขาน่ารักดี เราเองเลยลองไปค้นเฟสดู ก็เจอ ก็เป็นฝ่ายแอดไปหาน้องเขาเองค่ะ เพราะอยากรู้จัก
หลังจากน้องรับแอดแล้ว เราก็ทักไปหาน้องค่ะ ..แต่ก่อนหน้านั้นก็มีการไปส่องโปรไฟล์ของน้อง
ซึ่งปรากฏว่า เหมือนน้องจะเคยโดนคนอื่นเอารูปและข้อมูลไปแอบอ้างสร้าง Account ต่าง ๆ ปลอมขึ้นมา
เราเองก็เลยเริ่มไม่แน่ใจเหมือนกันว่า Tinder Account น้องจะเป็นของปลอมด้วยหรือเปล่า
ก็เลยทักไปถามน้องเป็นคำถามแรกเลยค่ะ ..แล้วก็ได้รับคำตอบว่า Tinder Account นั้น เป็นของน้องเขาจริง ๆ
หลังจากนั้นก็มีการพูดคุยกันอยู่บ่อย ๆ ค่ะ เกือบทุกวัน ..น้องเองค่อนข้างเป็นคนตอบแชทช้าค่ะ
และดูจะเซเลปอยู่ไม่น้อย รูปร่างหน้าตาก็อยู่ในเกณฑ์ดีค่ะ ..น่ารัก คุยเก่ง ง่าย ๆ เฟรนลี่ เป็นกันเอง บวกกับค่อนข้างขี้อ่อยหน่อย ๆ
แต่น้องก็ตอบตลอดนะคะ เหมือนจะเป็นคนที่ต่อบทสนทนาไม่ให้จบอยู่ตลอด ถึงจบแล้ว น้องก็จะทักมาใหม่
แต่บางทีถ้าน้องหายไป เราเองก็จะเป็นฝ่ายทักหาเองน้องเหมือนกัน
ครั้งแรกที่เราเจอน้องคือเรากลับมาจาก ตจว. ค่ะ ..ก่อนหน้านั้นเราก็ทักถามน้องว่าจะเอาขนมไหมไรงี้ค่ะ
ซึ่งเด็กมันก็อยากกินหนมอะนะคะ ..เราเลยซื้อไปฝาก ซึ่งวันนั้นที่เราเอาขนมไปให้น้อง เราก็ไปกับพ่อค่ะ
เพราะพ่อเราไปรับที่สนามบิน คิดว่าพ่อเราก็น่าจะได้เห็นน้องนะ เพราะเราก็ลงจากรถแล้วก็รีบเอาขนมให้น้อง ก็ตรงหน้ารถนี่แหละ
เพราะรีบ มีธุระต่อ ..น้องก็รู้ค่ะ ว่าเรามากับพ่อ ก็ไม่ได้คุยอะไรกันมากค่ะ -- น้องก็ทักมาขอบคุณทางเฟส ทางไอจี อีกทีนะคะ
แล้วน้องก็บอกว่าวันนั้นยังไม่ได้ไปนั่งกินเหล้าด้วยกันเลย ประมาณนี้ จะมาอีกเมื่อไหร่
บ้านที่เราอยู่ กับ มหาลัยที่เราเรียนอยู่กันคนละอำเภอ คนละเขตกันค่ะ แต่ก็ไม่ได้ไกลกันมาก
คือก่อนจะไป ตจว. เราไปนั่งชิลกะเพื่อนที่ร้านแห่งหนึ่งค่ะ เราเองเป็นคนดื่มอยู่แล้ว น้องเองก็เหมือนกัน
แต่เราเป็นสายนั่งชิลนะ ก็ไปนั่งฟังเพลงค่ะ ไปนั่งกับเพื่อนฝูง และก็ไปก็ดื่มอย่างเดียวค่ะ
ไม่ได้ไปส่อง ไปหิ้วใคร หรือไปให้ใครหิ้ว จุดประสงค์คือไปดื่ม และฟังเพลง แค่นั้น
อันนี้เราเป็นตั้งแต่สมัยเรียนมหาลัยแล้วค่ะ
หลังจากนั้นก็ยังคุยกันอยู่ตามปกติ ก็ยอมรับว่ารู้สึกดีกับน้องนะคะ แต่ไม่ถึงกับความรู้สึกเชิงชู้สาว
เพราะสำหรับเราแล้ว 5 ปี เป็นอายุที่ค่อนข้างห่างกันเยอะค่ะ เราเองก็อยู่ในวัยทำงาน น้องเองก็เพิ่งเข้ามหาลัย
เรารู้สึกว่าทั้งทัศนคติ ความคิด ไลฟ์สไตล์ อะไรต่าง ๆ มันแตกต่างกันเยอะค่ะ ..ก็เลยได้แต่ปลื้ม ๆ เฉย ๆ
คือเราเองก็ไม่กล้าคิดอะไรไปไกลกว่านั้นค่ะ ถึงแม้จะอยากชอบน้องเขา
เราเองก็มีส่ง sms ไปหาน้องครั้งนึงค่ะ ก่อนน้องจะแข่งบาส ..น้องอยู่ปีหนึ่งอะเนาะ กิจกรรมก็เยอะค่ะ
เขาก็มีแข่งกีฬาภายในของคณะเขา ..ส่วนเบอร์เราเป็นคนขอเอง เพราะตอนนัดกันจะเอาขนมไปให้น้องตอนแรกนี่แหละค่ะ
ต่อมามันก็มีอยู่ช่วงนึงที่หนัง Friend Zone เพิ่งเข้าฉาย ..เราเองก็อยากดูค่ะ แต่เพื่อนหลายๆ คนก็ติดงาน และบางคนก็ไม่ดูหนังไทยเลย
จริง ๆ เราก็สามารถไปดูคนเดียวได้แหละค่ะ ..แต่ความที่อยากจะเจอกับน้องเขาด้วย ก็เลยตัดสินใจลองชวนน้องไปเป็นเพื่อน
เรานี่กะชวนเล่น ๆ เลย ..เพราะคิดว่าน้องคงไม่ไปแน่ๆ หรืออาจจะไม่ว่าง แต่ปรากฎว่าน้องก็ตกลงกับเราว่าจะไปเป็นเพื่อนค่ะ
(ก่อนหน้านั้นเราถามน้องนะคะ แบบแซวๆ เรื่องคนคุยอะไรอย่างงี้ค่ะ ..ตอนนั้นน้องยังไม่มีแฟน น้องก็ปฏิเสธตลอดว่าไม่มีใครทั้งนั้น
ไม่มีคนคุย ไม่ได้คุยกับใคร ..แต่เราเชื่อว่าจริง ๆ ก็มีแหละค่ะ แต่อันนี้ก็ถือว่าเป็นเรื่องส่วนตัวเขาอะนะ เราก็ไม่ได้ใส่ใจอะไร
ที่เราถามตอนแรก เพราะเราไม่อยากให้น้องเขามีปัญหาค่ะ เผื่อถ้าน้องเขามีคนคุยอะไรอย่างงี้ กลัวว่าจะมาผิดใจกันเพราะเรา)
แต่ก่อนวันที่จะไปดูหนังด้วยกัน น้องติดแข่งกีฬาค่ะ แล้วก็มีติดเรียนด้วย ก็ไม่ค่อยได้ออนเฟส
เราเองก็เลยไม่ค่อยมั่นใจเท่าไหร่ว่าน้องจะยังว่างไปดูหนังกับเราอีกไหม
แล้วความที่เราเป็นคนขี้เกียจรออะค่ะ เวลาจะนัดหรือคุยธุระอะไรกับใครจะชอบนัดให้เสร็จๆ จบๆ รู้เรื่องไปเลย ไม่ใช่มารอตอบแชทไปมา
เราก็เลยโทรไปถามน้อง ก็อะไรประมาณนี้ ..ก็คุยประมาณว่า " เนี้ย พอฉันจะนัดแก เดี๋ยวแกก็มา เดี๋ยวแกก็หาย คุยไม่เสร็จสักที
จะนัดกันรู้เรื่องไหมเนี้ย จะไปไหม"
น้องมันก็มีหยอด ๆ มาบ้าง ว่าแบบ " พี่ก็มีเบอร์ผมอยู่แล้ว คิดถึงก็โทรมาหาดิ " ไอเราก็บอกเดี๋ยวสายซ้อน ประมาณนี้
น้องก็บอกถ้าซ้อนก็ซ้อนกับแม่เขาประมาณนี้ เขาก็ไม่ได้คุยกับใคร -- ก่อนหน้านี้เราก็มีหยอด ๆ น้องบ้างแต่ไม่บ่อยนะคะ 5555
ก็เคยชมน้องว่าน่ารัก ประมาณนี้แหละ ..แต่ตลอดการพูดคุยกันก็ไม่ได้มีการบอกคิดถึง หรืออะไรแนวนี้นะคะ
จนวันที่นัดกันดูหนัง ..น้องนัดเราตอนเที่ยงค่ะ ที่หอเขา แค่กะจะเอารถไปจอดทิ้งไว้เฉย ๆ ค่ะ เพราะว่าขี้เกียจขี่รถแยกกันไปคนละคัน
เพราะยังไงก็ต้องกลับมาแถวๆ หอน้องเขาอยู่แล้ว พอดีวันนั้นเรากะจะไปค้างบ้านเพื่อนผู้หญิงค่ะ เพราะว่าช่วงค่ำเรานัดกับกลุ่มเพื่อนของเราเอาไว้
ว่าจะไปหาอะไรกิน แล้วก็จะไปนั่งชิลกัน ..วันนั้นที่นัดกับเพื่อนค่ำ เพราะเป็นวันศุกร์ค่ะ กลางวันเพื่อนติดงาน ก็ต้องรอมันเลิกงาน
กลับมาที่เรื่องน้องนะคะ ..ช่วงเช้าเขามีธุระที่ต้องไปทำค่ะ ซึ่งระยะทางค่อนข้างไกลกับหอน้องเขาพอสมควร
น้องก็เลยรีบไปแต่เช้า เพราะกลัวจะมานัดเราไม่ทัน น้ำท่าก็ไม่ได้อาบ
..กลับมาก็เลทนัดเราไปสักพักแล้วค่ะ เราก็ไม่ได้ถือสาอะไร เพราะตอนมหาลัยเราก็เคยนัดกับเพื่อน
แล้วมีเลทบ้าง ก็เข้าใจเขาค่ะ ..ก็มองว่าเขาเด็กกว่าเราอะนะ เรื่องการรักษาคำพูด หรือเวลา สำหรับบางคนด้วยวัยนี้เขาก็ยังทำได้ไม่ดี
ซึ่งพอทีนี้ เราเลยต้องเป็นฝ่ายรอน้องจัดการธุระส่วนตัว อาบน้ำให้เสร็จไรงี้อะค่ะ ซึ่งใต้หอน้องเขาก็ไม่ได้มีที่นั่งให้นั่งรอเลย
แล้วมันก็เที่ยงกว่า ๆ ค่ะ อากาศคือร้อนมากกกกก ..น้องก็เลยถามไปนั่งรอเขาที่ห้องก่อนไหม
เราก็ไม่ได้ถืออะไร ส่วนตัวเราเองก็จบจากคณะที่ผู้ชายเป็นประชากรส่วนใหญ่ในคณะอยู่แล้วค่ะ
ก็ไม่ค่อยได้ถืออะไรมากมายกับการไปห้องผู้ชายเท่าไหร่ เพราะตอนที่ไปก็ห้องเพื่อนอะค่ะ ไปนั่งเล่น อ่านหนังสือ
ไม่ได้ขึ้นไปทำอะไรที่ไม่ดี
พอไปถึงน้องเขาก็เปิดพัดลม เปิดทีวี ไว้ให้ แล้วก็รีบไปอาบน้ำ น้องก็หอบผ้าหอบผ่อนไปเปลี่ยนในห้องน้ำค่ะ
ไม่ได้เดินออกมาหวิว ๆ อะไรนะ ..แล้วดูน้องค่อนข้างจะเกรงใจเราด้วยซ้ำค่ะ ดูพูดน้อยกว่าปกติ แลดูเกร็ง ๆ 555
แต่ก่อนที่จะขึ้นไปห้องน้องเขา เราก็ลังเลอยู่ค่ะ ก็ถามว่าน้องอยู่กับเมทหรือเปล่า อะไรงี้ค่ะ ไม่งั้นเราก็กะจะรอน้องอยู่ข้างใต้หอ
น้องก็บอกอยู่คนเดียวค่ะ ไม่ได้อยู่กับใคร ..แต่ตอนเข้าไปเราก็สังเกตไปเห็นมาสคาร่านะ แต่ก็คิดว่าอาจจะเป็นของน้อง 5555
เพราะน้องค่อนข้างสำอางค่ะ มีฉีดน้ำหอม ใส่เครื่องประดับ แหวน สร้อยข้อมือ นาฬิกา
ในห้องก็ตุ๊กตาปาไปครึ่งเตียงละค่ะ ห้องก็มีการจัดนั่นนู้นนี่ติดพนัง มี Dream Catcher บนเพดาน
แต่เราก็ได้แต่ดูแต่ตานะคะ ไม่ได้ไปหยิบจับอะไรในห้องเขา เพราะไม่อยากเสียมารยาท
หลังจากนั้นก็ไปดูหนังค่ะ เราก็นั่งซ้อนท้ายมอเตอร์ไซค์เขาไป เขาก็ขี่ดี ๆ นะ ไม่ได้เบรคให้กระแทกอะไรอย่างงี้
ตอนอยู่ในโรงหนัง เราก็นั่งกอดอกค่ะ และด้วยเป็นคนตัวเล็กอยู่แล้ว แขนมันก็ไม่ได้ไปค้ำที่รองแขนของเก้าอี้
เราเองก็นั่งดูหนังอย่างตั้งใจค่ะ 555555 ..เพราะจุดประสงค์ต้องการที่จะดูหนัง ไม่ได้ซื้ออะไรเข้าไปกิน
น้องเองก็นั่งของเขาตามปกติค่ะ มือไม้ก็ไม่ได้มาลามปาม ไม่ได้เลื้อยมาหาเรานะ ต่างคนก็ต่างดู
จนหนังจบ ..ก่อนหน้านี้เรากับน้องก็ยังไม่ได้ทานข้าวเที่ยงทั้งคู่ค่ะ ด้วยเวลามันกระชั้นชิด ก็เลยซื้อชานมไข่มุกกินกัน
เราก็จ่ายหมดอะนะ ..น้องก็จะจ่ายเองนั่นแหละค่ะ แต่เราก็ถือว่าไม่เป็นไร น้องยังเรียนอยู่ ส่วนเราพอมีรายได้แล้ว
ไอเราก็เลยเลี้ยงน้องเขาไปค่ะ ..น้องจ่ายเฉพาะค่าน้ำมันรถ
ตอนแรกที่ไปดูหนัง เลทนิดหน่อยค่ะ หนังเข้าไปหลายนาที น้องก็ถามทำไมไม่ดูรอบเย็นหรือค่ำ
เราก็บอกว่าพอดีตอนเย็นเรามีนัดกับเพื่อน แล้วก็กะจะไปนั่งชิลต่อ ..น้องเองเขาก็ดื่มอยู่แล้ว + ครั้งที่แล้วที่น้องบอกยังไม่ได้ไปนั่งกินเหล้าด้วยกันเลย
เราเองก็เลยชวนค่ะ ว่าถ้าจะมาก็มาได้นะ .. เขาเองก็ดูท่าทางอยากจะไปด้วยค่ะ แต่ก็ยังไม่แน่ใจ เพราะเขามีซ้อมแสตนเชียร์
เลิกดึก ...(ปีหนึ่ง กิจกรรมมันเยอะะะะะะ อะนะ)
หลังจากนั้นเขาก็กลับไปส่งเราที่ใต้หอเขา น้องเองก็เข้ามหาลัยต่อค่ะ เพราะมีเรียน มีซ้อมแสตน
ส่วนเราเองก็ไปบ้านเพื่อนค่ะ
จนเย็นเราก็ออกไปพบเพื่อนตามนัด ..ต่อไปจนร้านนั่งชิลค่ะ
เราก็ไปนั่งดื่มกะเพื่อนสนิทเรา ซึ่งเป็นเพื่อนผู้ชายนะคะ ก็ไปนั่งกันสองคน แต่เพื่อนคนนี้ไว้ใจได้ค่ะ
คบกันมานาน พ่อเราเองก็รู้จัก มีอะไรเดือดร้อนก็ช่วยเหลือกันตลอด มันค่อนข้างจะสุภาพบุรุษอยู่ค่ะ
คือปกติเราแทบจะไม่ค่อยได้นั่งชิลกับเพื่อนผู้หญิงอยู่แล้วค่ะ เพราะคณะ และสาขาที่เราเรียน มีแต่ผู้ชายทั้งนั้น
อัตราส่วนโดยประมาณในภาควิชาที่เราเรียน ผู้หญิงต่อผู้ชาย คือ 1 : 9 .. ตัวเราเองก็ค่อนข้างจะคอแข็ง
ดื่มก็ไม่ค่อยเมาเท่าไหร่ ปกติก็มีมึน ๆ กรึ่ม ๆ บ้าง เข้าห้องน้ำ ล้างหน้าล้างตา หนัก ๆ หน่อย อ้วกบ้าง ก็สร่างแล้วค่ะ
ประสบการณ์นอนกอดชักโครกยังไม่เคยมีนะ ..เป็นแนวสายแทงค์และสามารถดูแลตัวเองและเพื่อนได้ด้วย
สมัยเรียนก็กลับถึงหอตลอดค่ะ ไม่เคยภาพตัด ไม่เคยไปกับใครต่อ ..แล้วก็เคยออกไปนั่งดื่มคนเดียวมาแล้วแบบนับครั้งไม่ถ้วน
ที่ผ่านมาก็ผ่านมาได้ด้วยดีค่ะ แทบไม่เคยมีปัญหา
จนช่วงประมาณเที่ยงคืนค่ะ น้องที่เราไปดูหนังด้วยก็เพิ่งมาค่ะ เพราะเพิ่งซ้อมแสตนเชียร์เสร็จ
เพื่อนสนิทเราเองก็ต้องรีบกลับแล้วค่ะ เพราะเพื่อนมีงานเช้า ต้องขี่รถกลับเป็นระยะไกล แล้วต้องไปรับแฟนเขาด้วยค่ะ
แต่เนื่องจากน้องเพิ่งมา ทีนี้ก็เลยนั่งกินกันสามคนค่ะ จนประมาณตีหนึ่ง เพื่อนเราก็กลับก่อน
เราเองก็เป็นห่วงเพื่อนค่ะ เพื่อนเองก็เป็นห่วงเรา ..เราก็บอกมันว่าให้ทักมาตอนถึงหอแล้ว
มันเองก็ตัดสินใจกลับไป ..จริงๆ มันเองก็ไม่ได้อยากจะทิ้งเราไว้กับน้องหรอกค่ะ แต่ด้วยธุระและหน้าที่
และมันเองก็มั่นใจว่าเราเองสามารถดูแลตัวเองได้ เราเองก็มั่นใจในตัวเองพอสมควร ก็เลยตัดสินใจนั่งดื่มกับน้องต่อค่ะ
พอเพื่อนถึงหอมันก็ทักมาค่ะ มันก็ถามเรากลับยังไรงี้ค่ะ คือมันก็เป็นห่วง เราก็ไม่ได้อะไรค่ะ เพราะยังไหวอยู่
ได้แต่บอกมันว่า " มันมอมG* " แล้วก็ถ่ายรูปน้องส่งไป เพราะไอน้องนี่ให้เราชนหมดแก้วอย่างเดียวเลยค่ะ 55555
แต่เราก็หมดอะนะ เพราะรู้ลิมิตตัวเองว่ายังไหว
..แต่จริง ๆ แล้วถ้าสังเกตพฤติกรรมดีๆ จะเห็นว่าตอนกลางคืนน้องเปลี่ยนพฤติกรรมจากตอนกลางวันไปเยอะเหมือนกันค่ะ
กล้าพูด กล้าคุยมากขึ้น ..ทั้ง ๆ ที่ตอนนั้นยังไม่เริ่มดื่มเลยนะคะ แต่ไอเราเองก็ไม่ได้เอะใจค่ะ
(มีต่อ)