10 ปี ผ่านไป ทำไมประเทศไทยไร้วิกฤต... ไม่ตูม ซะที

กระทู้สนทนา
ยิ้ม
สวัสดีครับทุกท่าน
ประมาณ 2 ปีก่อน นักลงทุนจำนวนหนึ่งจะมักจะมาถามถึงการลงทุนในสหกรณ์
ซึ่งให้ผลตอบแทนเหมือนจะแน่นอน และให้ดอกเบี้ย 4-8% ซึ่งสูงกว่าพันธบัตร
ทำให้เงินออมในสหกรณ์ เพิ่มไปถึงเกือบ 2 ล้านล้าน ในช่วงนั้น
เริ่มมีการกู้เงินมาลงทุนในบางสหกรณ์
เกิดการกู้เงินระหว่างสหกรณ์ด้วยกัน
และสหกรณ์เริ่มเพิ่มความเสี่ยงในการลงทุน

ความโลภ การกู้เงิน ผลตอบแทนที่สูงเกินจริง
องค์ประกอบการเกิดวิกฤตครบ
ขายหุ้น ถือเงินสด รอวิกฤต
เทพ เซียน จุติแน่นอน...
เพี้ยนเฮงเฮง
แต่แล้ว ธปท ก็เข้ามาควบคุมการลงทุนในสหกรณ์
สุดท้ายวิกฤตก็ไม่เกิด

ต่อมาเมื่อปีก่อน
เริ่มมีการแนะนำการลงทุนในอสังหา
เป้าหมายคือต่างชาติ โดยเฉพาะชาวจีน
การกู้เงินได้เกินหลักประกัน ยอดขายคอนโดที่เพิ่มขึ้น
เริ่มมีการกู้เงินมาลงทุนในอสังหามากขึ้น

ความโลภ การกู้เงิน ผลตอบแทนที่สูงเกินจริง
อีกครั้งที่องค์ประกอบวิกฤตครบ
ขายหุ้น ถือเงินสด รอวิกฤต
เทพ เซียน กินเหลาแน่นอน...

แต่แล้ว ธปท ก็เข้ามาควบคุม LTV
จำกัดอัตราส่วนการการกู้ต่อมูลค่าหลักประกัน
การลงทุนสร้าง คอนโด ของบริษัทอสังหาจึงลดลง
สุดท้ายวิกฤตจึงไม่เกิด

ในขณะเดียวกัน
มีอีกวิกฤตที่ก่อตัวเมื่อปีที่แล้วเช่นกัน
นั่นคือ สินเชื่อทะเบียนรถ
ซึ่งทำให้หนี้ภาคครัวเรือนเพิ่มขึ้นสูง
ซึ่งในขณะนั้น สินเชื่อแบบนี้ ไม่มีการควบคุม
OPP day บริษัทนึง ถึงกับบอกว่า ทำกำไรได้มากกว่านี้อีกเยอะ

ถ้า ฐานมีปัญหา แน่นอน มันจะลามขึ้นมาข้างบนในที่สุด
โอกาสการเกิดวิกฤต มาอีกครั้ง
ขายหุ้น ถือเงินสด รอวิกฤต
เทพ เซียน ช่วยกันคิดชื่อสำนัก...

มาตามนัด ธปท มาเป็นเจ้าภาพ
จำกัดค่าธรรมเนียม ดอกเบี้ย สินเชื่อ
ล่าสุด ลงมาดู NPL กลุ่มนี้อีก
สุดท้ายวิกฤตก็ไม่เกิด

นี่ไม่นับรวม เงินดิจิตอล ค่าเงินบาท ดอกเบี้ย
ที่ธปท เข้ามาจัดการ
เพราะการจัดการวิกฤต แน่นอนมันทำให้ธุรกิจ กำไรลดลง
แต่สิ่งที่แลกได้มา คือ เสถียรภาพ และ ความเสี่ยงที่ลดลง

รอซื้อหลังวิกฤต?
รอเปลี่ยนผู้ว่าแบงค์ชาติง่ายกว่าครับ
คนนี้เก่งเกิน
อัศวินเดินทาง
ไม่ซื้อ... ไม่ขาดทุน
แก้ไขข้อความเมื่อ
แสดงความคิดเห็น
อ่านกระทู้อื่นที่พูดคุยเกี่ยวกับ  หุ้น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่