#หญิงปริศนากับกลิ่นกาสะลอง
ติดตามได้อีกหนึ่งช่องทางในเพจ มุมมืดยามรัตติกาลนะครับ
ในค่ำคืนที่เย็นยะเยือกซึ่งเป็นปกติของบรรยากาศทางภาคเหนือ ผู้คนต่างเดินทางกลับจากฉลองปีใหม่กับครอบครัวซึ่งนักศึกษาส่วนมากก็ต้องเดินทางในช่วงนี้เช่นกัน
ข้างทางรายล้อมไปด้วยต้นไม้และหุบเหวลึก บ่งบอกถึงความเป็นเอกลักษณ์แห่งถนนทางภาคเหนือ รถทัวร์คันหนึ่งวิ่งอยู่บนถนนอย่างโดดเดี่ยว ถึงแม้จะเป็นช่วงหลังปีใหม่เพียงไม่กี่วันแต่เวลาตี 3 กว่าเช่นนี้ นานๆทีถึงจะเจอรถวิ่งสวนมาสักคัน
รถวิ่งไปข้างหน้าด้วยความเร็วไม่มากนักจนกระทั่งบริเวณข้างทางปรากฏภาพของผู้หญิงคนหนึ่ง เธอผมยาวประบ่า สวมชุดคล้ายๆชุดพื้นเมืองของทางภาคเหนือ ในอ้อมแขนของเธออุ้มห่อผ้าอยู่อย่างทะนุถนอม
ด้วยความที่คนขับรถซึ่งเป็นคนรุ่นใหม่ที่ทำงานนี้ได้เพียงไม่นาน ชายหนุ่มจอดรถทันทีพร้อมกับเสียงตะโกนของเด็กรถซึ่งดังขึ้นอย่างตกใจปลุกให้ผู้โดยสารบางคนตื่นขึ้นด้วยความงัวเงีย
"พี่! จอดทำไม ออกรถไปเลย!"
"เอ็งไม่เห็นรึไง นั่นคนกำลังโบกรถอยู่ ลูกเขายังเล็กมากนะเว้ย เอ็งไม่สงสารเขาหรอ"
"พี่ ออกรถเถอะ เชื่อผม ในป่ากลางเขาอย่างนี้จะมีคนที่ไหนมายืนโบกรถ!" เสียงของเด็กรถเอ่ยอย่างลนลาน
หลังจากที่คนขับส่ายหน้าพร้อมกับถอนหายใจเบาๆ ประตูรถโดยสารก็เปิดออกพร้อมกับสีหน้าที่ตื่นตระหนกของเด็กรถ
หญิงสาวก้าวขึ้นรถอย่างเชื่องช้าพร้อมกับไอเย็นจากนอกรถที่ตีขึ้นมาทำเอาผู้ที่นั่งอยู่ใกล้กับหน้าประตูถึงกับขนลุกซู่ อาจเป็นเพราะช่วงนี้เป็นหน้าหนาว อากาศนอกรถจึงเย็นเยียบได้ถึงเพียงนี้
หญิงสาวเดินไปที่เบาะว่างพร้อมกับนั่งลงโดยประคองห่อผ้าไว้ในมือราวกับกลัวว่ามันจะหายไปไหน กลิ่นหอมเย็นอ่อนๆคล้ายกับดอกไม้พื้นเมืองบางชนิดลอยมาตามแอร์ของรถทัวร์ มันคือกลิ่นของดอกกาสะลอง จากนั้นรถจึงวิ่งออกไปพร้อมกับเด็กรถที่หันมามองที่ด้านหลังอยู่บ่อยครั้งด้วยสีหน้าประหลาด
ครึ่งชั่วโมงต่อมาหญิงสาวได้เอ่ยขึ้นด้วยน้ำเสียงที่แผ่วเบาแต่ก็พอจะฟังออกว่าเธอต้องการจะลงตรงแยกข้างหน้านี้ "ตรงนี้แหละจ๊ะ..."
เมื่อได้ยินเสียงบอกให้จอดคนขับรถจึงจอดตามที่ๆเธอบอก ด้านซ้ายมือปรากฏถนนเล็กๆสายหนึ่งซึ่งเป็นทางลูกรังทอดออกไปไกลลิบจนไม่สามารถมองเห็นปลายทางได้
หญิงสาวก้าวลงจากรถพร้อมกับหันมากล่าวคำขอบคุณให้กับคนขับรถ รอยยิ้มของเธอบ่งบอกได้ว่าเธอสวยในแบบที่แม่หญิงภาคเหนือควรจะเป็น เธอหันกลับไปพร้อมกับเดินตรงเข้าไปในซอยที่มืดสนิทนั้น
หลังจากที่ประตูรถปิดลงพร้อมกับที่รถออกตัวเด็กรถคนนั้นถึงกับล้มลงอย่างคนที่เกิดอาการเข่าอ่อนกระทันหันและนั่นทำให้คนขับถามขึ้นมาว่า "เห้ย เองเป็นอะไรวะ"
"พี่ไม่เห็นหรอ"
"เห็นอะไรวะ"
"ก็ในห่อผ้าไง"
"ในห่อผ้าทำไมวะ ลูกเค้ายิ้มให้เรอะ"
"ยิ้มบ้าอะไรหละ ในห่อผ้านั้นเป็นท่อนไม้!
ขณะที่ทั้งคู่กำลังเถียงกันไปมา เสียงทั้งหมดที่เล็ดลอดมาจากด้านหน้ารถนั้นผู้โดยสารได้ยินกันทั้งคัน เพียงไม่นานเด็กสาวคนหนึ่งก็ยืนขึ้นแล้วเดินไปด้านหน้ารถด้วยท่าทางกล้าๆกลัวๆ
"เป็นท่อนไม้จริงๆพี่ เมื่อกี้ตอนที่เขานั่งข้างหนู หนูได้ยินเขาร้องเพลงกล่อมลูก หนูเห็นว่ามันเพราะดีเลยหันไปดู แต่สิ่งที่หนูเห็นในห่อผ้าไม่ใช่เด็ก แต่เป็นท่อนไม้! เท่านั้นแหละหนูหลับตาแล้วนึกถึงพ่อแม่ตลอดทางเลย... พูดแล้วยังขนลุกไม่หาย"
หลังจากสิ้นสุดคำของเด็กสาวนั่นทำเอาคนทั้งรถขนลุกซู่พร้อมกันโดยที่ไม่ได้นัดหมาย
หญิงสาวชุดพื้นเมืองที่มากับกลิ่นหอมเย็นๆของดอกไม้คนนั้นเป็นใคร?
ทำไมเธอถึงมายืนโบกรถในหุบเขาที่ไม่มีบ้านเรือนของผู้คนเช่นนี้?
นี่ทำให้ตลอดเส้นทางที่รถทัวร์วิ่งหลังจากนั้นไม่มีเสียงพูดคุยกันอีกเลย พร้อมๆกับแสงไฟที่สว่างไปทั่วทั้งคันรถเพราะคนขับได้เปิดมันเอาไว้จนกระทั่งถึงตอนเช้าที่แสงจากดวงอาทิตย์โผล่พ้นขอบฟ้า รถทัวร์วิ่งออกจากหุบเขาที่คดเคี้ยวเข้าสู่ตัวเมืองเล็กๆแห่งหนึ่งของทางภาคเหนือพร้อมด้วยประสบการณ์ที่เขย่าขวัญคนหลายสิบบนเส้นทางที่เปลี่ยวเหงาในคือหลังวันสิ้นปี.........
หญิงปริศนากับกลิ่นกาสะลอง
ติดตามได้อีกหนึ่งช่องทางในเพจ มุมมืดยามรัตติกาลนะครับ
ในค่ำคืนที่เย็นยะเยือกซึ่งเป็นปกติของบรรยากาศทางภาคเหนือ ผู้คนต่างเดินทางกลับจากฉลองปีใหม่กับครอบครัวซึ่งนักศึกษาส่วนมากก็ต้องเดินทางในช่วงนี้เช่นกัน
ข้างทางรายล้อมไปด้วยต้นไม้และหุบเหวลึก บ่งบอกถึงความเป็นเอกลักษณ์แห่งถนนทางภาคเหนือ รถทัวร์คันหนึ่งวิ่งอยู่บนถนนอย่างโดดเดี่ยว ถึงแม้จะเป็นช่วงหลังปีใหม่เพียงไม่กี่วันแต่เวลาตี 3 กว่าเช่นนี้ นานๆทีถึงจะเจอรถวิ่งสวนมาสักคัน
รถวิ่งไปข้างหน้าด้วยความเร็วไม่มากนักจนกระทั่งบริเวณข้างทางปรากฏภาพของผู้หญิงคนหนึ่ง เธอผมยาวประบ่า สวมชุดคล้ายๆชุดพื้นเมืองของทางภาคเหนือ ในอ้อมแขนของเธออุ้มห่อผ้าอยู่อย่างทะนุถนอม
ด้วยความที่คนขับรถซึ่งเป็นคนรุ่นใหม่ที่ทำงานนี้ได้เพียงไม่นาน ชายหนุ่มจอดรถทันทีพร้อมกับเสียงตะโกนของเด็กรถซึ่งดังขึ้นอย่างตกใจปลุกให้ผู้โดยสารบางคนตื่นขึ้นด้วยความงัวเงีย
"พี่! จอดทำไม ออกรถไปเลย!"
"เอ็งไม่เห็นรึไง นั่นคนกำลังโบกรถอยู่ ลูกเขายังเล็กมากนะเว้ย เอ็งไม่สงสารเขาหรอ"
"พี่ ออกรถเถอะ เชื่อผม ในป่ากลางเขาอย่างนี้จะมีคนที่ไหนมายืนโบกรถ!" เสียงของเด็กรถเอ่ยอย่างลนลาน
หลังจากที่คนขับส่ายหน้าพร้อมกับถอนหายใจเบาๆ ประตูรถโดยสารก็เปิดออกพร้อมกับสีหน้าที่ตื่นตระหนกของเด็กรถ
หญิงสาวก้าวขึ้นรถอย่างเชื่องช้าพร้อมกับไอเย็นจากนอกรถที่ตีขึ้นมาทำเอาผู้ที่นั่งอยู่ใกล้กับหน้าประตูถึงกับขนลุกซู่ อาจเป็นเพราะช่วงนี้เป็นหน้าหนาว อากาศนอกรถจึงเย็นเยียบได้ถึงเพียงนี้
หญิงสาวเดินไปที่เบาะว่างพร้อมกับนั่งลงโดยประคองห่อผ้าไว้ในมือราวกับกลัวว่ามันจะหายไปไหน กลิ่นหอมเย็นอ่อนๆคล้ายกับดอกไม้พื้นเมืองบางชนิดลอยมาตามแอร์ของรถทัวร์ มันคือกลิ่นของดอกกาสะลอง จากนั้นรถจึงวิ่งออกไปพร้อมกับเด็กรถที่หันมามองที่ด้านหลังอยู่บ่อยครั้งด้วยสีหน้าประหลาด
ครึ่งชั่วโมงต่อมาหญิงสาวได้เอ่ยขึ้นด้วยน้ำเสียงที่แผ่วเบาแต่ก็พอจะฟังออกว่าเธอต้องการจะลงตรงแยกข้างหน้านี้ "ตรงนี้แหละจ๊ะ..."
เมื่อได้ยินเสียงบอกให้จอดคนขับรถจึงจอดตามที่ๆเธอบอก ด้านซ้ายมือปรากฏถนนเล็กๆสายหนึ่งซึ่งเป็นทางลูกรังทอดออกไปไกลลิบจนไม่สามารถมองเห็นปลายทางได้
หญิงสาวก้าวลงจากรถพร้อมกับหันมากล่าวคำขอบคุณให้กับคนขับรถ รอยยิ้มของเธอบ่งบอกได้ว่าเธอสวยในแบบที่แม่หญิงภาคเหนือควรจะเป็น เธอหันกลับไปพร้อมกับเดินตรงเข้าไปในซอยที่มืดสนิทนั้น
หลังจากที่ประตูรถปิดลงพร้อมกับที่รถออกตัวเด็กรถคนนั้นถึงกับล้มลงอย่างคนที่เกิดอาการเข่าอ่อนกระทันหันและนั่นทำให้คนขับถามขึ้นมาว่า "เห้ย เองเป็นอะไรวะ"
"พี่ไม่เห็นหรอ"
"เห็นอะไรวะ"
"ก็ในห่อผ้าไง"
"ในห่อผ้าทำไมวะ ลูกเค้ายิ้มให้เรอะ"
"ยิ้มบ้าอะไรหละ ในห่อผ้านั้นเป็นท่อนไม้!
ขณะที่ทั้งคู่กำลังเถียงกันไปมา เสียงทั้งหมดที่เล็ดลอดมาจากด้านหน้ารถนั้นผู้โดยสารได้ยินกันทั้งคัน เพียงไม่นานเด็กสาวคนหนึ่งก็ยืนขึ้นแล้วเดินไปด้านหน้ารถด้วยท่าทางกล้าๆกลัวๆ
"เป็นท่อนไม้จริงๆพี่ เมื่อกี้ตอนที่เขานั่งข้างหนู หนูได้ยินเขาร้องเพลงกล่อมลูก หนูเห็นว่ามันเพราะดีเลยหันไปดู แต่สิ่งที่หนูเห็นในห่อผ้าไม่ใช่เด็ก แต่เป็นท่อนไม้! เท่านั้นแหละหนูหลับตาแล้วนึกถึงพ่อแม่ตลอดทางเลย... พูดแล้วยังขนลุกไม่หาย"
หลังจากสิ้นสุดคำของเด็กสาวนั่นทำเอาคนทั้งรถขนลุกซู่พร้อมกันโดยที่ไม่ได้นัดหมาย
หญิงสาวชุดพื้นเมืองที่มากับกลิ่นหอมเย็นๆของดอกไม้คนนั้นเป็นใคร?
ทำไมเธอถึงมายืนโบกรถในหุบเขาที่ไม่มีบ้านเรือนของผู้คนเช่นนี้?
นี่ทำให้ตลอดเส้นทางที่รถทัวร์วิ่งหลังจากนั้นไม่มีเสียงพูดคุยกันอีกเลย พร้อมๆกับแสงไฟที่สว่างไปทั่วทั้งคันรถเพราะคนขับได้เปิดมันเอาไว้จนกระทั่งถึงตอนเช้าที่แสงจากดวงอาทิตย์โผล่พ้นขอบฟ้า รถทัวร์วิ่งออกจากหุบเขาที่คดเคี้ยวเข้าสู่ตัวเมืองเล็กๆแห่งหนึ่งของทางภาคเหนือพร้อมด้วยประสบการณ์ที่เขย่าขวัญคนหลายสิบบนเส้นทางที่เปลี่ยวเหงาในคือหลังวันสิ้นปี.........