ได้มีโอกาส คุยกับเด็กๆมหาวิทยาลัย
ลองคุยกับเด็กๆ ที่เรียน มหาวิทยาลัย หลายๆคนเรียนคณะ บริหารธุรกิจ นิเนศน์ เศรษฐศาสตร์ วิทยาศาสตร์
พอถาม : จบมาจะทำงานอะไร?
ตอบ : ก้ออออออออ ... ไม่รู้สิคะ ไม่รู้เหมือนกันคับ แฮ่ ...
ถาม : แล้วถ้าหางานทำไม่ได้ทำไง?
ตอบ : ก้อออ ... ขอเงินที่บ้าน เรียน ป.โท
สิ่งที่เค้าคิดคือ เค้าจะพึ่งที่บ้านให้สุดชีวิต ก่อน ... แล้วไปหวังว่า ปริญญา โท อีกใบ จะหาคำตอบให้เค้าได้ จะอธิบายสังคมได้ว่า
เออ จะจ้างเค้าเพราะอะไร? จะ "จ่ายคืนทุกอย่างที่ทางบ้านลงทุนให้ได้"
ตัวผมเองติดกับดักนี้เหมือนกันครัว เพราะยุคผมคือ ยุคแรกๆที่เห่อเรียน MBA ผ่านมา 20 ปี .... ปริญญา MBA ก็ยังคงขายได้ และคนเรียนจบมาเยอะมาก
แล้วก็ ตกงานเยอะมากด้วย (- -)
เด็กไทย จะถูกบ่มเพาะ โดยพ่อแม่ ครอบครัวว่า ถ้าไม่มีปริญญา ก็จะเสียเปรียบ จะหมดโอกาสทำงาน ไม่เป็นเจ้าคนนายคน
อาจจะยังมีการเสี้ยมสอน กรอกหูเด็กแบบนั้นอยู่ เพราะดูจากความคิด ความอ่าน เด็กส่วนใหญ่ จะยังคงไปแนว ทำตามๆกัน ไม่เดินไปตามบางสิ่งที่
ทำให้ตัวเองมีความสุข สิ่งที่ทำแล้วสนุกจริงๆ ....
หลายคนที่บ้าน ทำการค้าด้วยซ้ำ เค้าเลือกเรียน บริหารธุรกิจด้วย แต่พอถามว่า ทำการค้าที่บ้าน เค้าทำอะไร ทำยังไง? เด็กน้อยก็ตอบไม่ได้เลย
แต่ที่แน่ๆ .... ขอเงินพ่อแม่ ไปเรียนต่อ ป.โท .....
ปัจจุบันผมทำการค้าขายส่งของทั่วๆไป สัมผัส พ่อค้าแม่ค้า รุ่น 50 กว่า 60 กว่า ถึงได้รู้ว่า ปริญญา มันเป็นแค่เกณฑ์ที่สังคมกลุ่มนึงเค้าขีดขึ้นมา
เพื่อสร้างภาพลักษณ์ให้ กิจการตัวเองดูมีมาตรฐาน มีแต่ลุกจ้างปริญญา มาทำงานให้ ... ในขณะที่ค่าจ้างนั้น ทำใช้หนี้ การศึกษาอีกไม่รู้กี่ปี กว่าจะใช้หมด
ซึ่งนั่นก็คือ เงินพ่อแม่ "ที่ไม่เคยต้องมีปริญญาสักใบ"
ทุกวันนี้ รายล้อมไปด้วย เถ้าแก่ เถ้าแก่เนี้ย ที่ทำการค้าร่ำรวย มาจากความอดทน การสังเกต ความหวังที่ไม่เคยหมด ความขยันที่ไม่มีวันหยุด เสาร์ อาทิตย์
ความไม่มีอัตตา ไม่มี certificate อะไรทั้งนั้น มาทำให้เค้าทำงานบางอย่างไม่ได้ ต้องอยู่ห้องแอร์ หรือ อะไรที่ติดความสบาย
ซึ่ง MBA ไม่เคยสอนเรื่องพวกนี้เลย มีแต่ว่า มาถึง เราก็เป็น เจ้าคนนายคนละ เป็น Manager CEO ละ ... จะบริหารลุกน้องอย่างไร?
ความเป็นจริงคือ คุณเข้าทำงานวันแรก มันใช้เวลาไม่รู้กี่ปี คุณจะได้ไปถึงตรงนั้น รับเงินเดือนแค่พออยู่รอดไปเดือนๆนึง มันไม่ได้มีอะไรสวนหรูเลย
นอกจาก ตึกทำงานที่ เจ้าของรวยกว่าคุณ พันล้านเท่า ที่หล่อเกินตัวเราหลายเท่า เท่านั้นเองรายล้อมคุณอยู่
ทำการค้ามาถึงทุกวันนี้ นึกขำตัวเอง มองย้อนไป 20 ปี ... มันช่างเป็นเวลาที่น่าเสียดายแท้ๆ หมดเปลืองเวลาไปร่ำเรียน ทำคะแนน ดิ้นรนอยู่บน ทางที่
นายทุนการศึกษาเค้าโฆษณา กล่อมสมองเรา จนเราต้องควักเงินจ่าย และเข้าไปนั่งปวดหัว ร่ำเรียนในสิ่งที่ เอามาทำจริงในชีวิตจริง เพียงแค่เสี้ยวเล็กๆ
เท่านั้น ....
กระทู้นี้ เขียนขึ้น ก็เพียงเพราะความจริงที่เกิดกับตัวเองอยู่ทุกวันนี้ และยังเห็น เด็กๆอีกหลายคนร่ำเรียน ตำราเดิมๆที่ผมเคยอ่าน 20 ปีที่แล้ว
นั่งทำรายงาน หลับๆตื่นๆ ตาม McDonald's ฟาสฟู้ด ... ภาพนั้นทำให้ผมรู้สึกเสียดาย เวลาแทนพวกเค้ามาก แต่คงไม่ใช่เรื่องที่จะไปบอกอะไรเค้าได้
คนทำการค้าที่ ประสบความสำเร็จมากมาย เริ่มจากการลองทำเลย เจ็บมาก่อน ล้มมาก่อน ทั้งนั้น ... คนที่จะทำอะไนสักอย่างสำเร็จ จะไม่เสียเวลาไปกับ
การอยู่แต่ในสนามซ้อม แต่จะหาข้อมูลสำคัญบางอย่าง แล้วทำเลย ... วาดภาพง่ายๆว่า อยากได้เงินสักเทา่ไหร่เดือนๆนึง แล้วลองจับการค้าอะไรง่ายๆ
ทำดู ... เมื่อไปลงสนามจริงๆ คนรอบๆข้าง ทั้งเจ้าของที่ supplier ลูกค้า คนขับรถ กรรมกรแบกของ เจ้าของโกดัง ยาม คนทำกับข้าว ตำรวจเจ้าถิ่น เหล่านี้ล่ะ คือ ตำราในชีวิตจริง ที่ห้องเรียนห้องไหน "มันก็ไม่เคยให้เราได้สัมผัสได้จริง"
นักเรียนบริหารธุรกิจ แต่ไร้ความฝันทางธุรกิจ เฝ้าแต่จะถือปริญญาบัตร แต่ไร้เป้าหมายใดๆ เพราะอะไร?
ลองคุยกับเด็กๆ ที่เรียน มหาวิทยาลัย หลายๆคนเรียนคณะ บริหารธุรกิจ นิเนศน์ เศรษฐศาสตร์ วิทยาศาสตร์
พอถาม : จบมาจะทำงานอะไร?
ตอบ : ก้ออออออออ ... ไม่รู้สิคะ ไม่รู้เหมือนกันคับ แฮ่ ...
ถาม : แล้วถ้าหางานทำไม่ได้ทำไง?
ตอบ : ก้อออ ... ขอเงินที่บ้าน เรียน ป.โท
สิ่งที่เค้าคิดคือ เค้าจะพึ่งที่บ้านให้สุดชีวิต ก่อน ... แล้วไปหวังว่า ปริญญา โท อีกใบ จะหาคำตอบให้เค้าได้ จะอธิบายสังคมได้ว่า
เออ จะจ้างเค้าเพราะอะไร? จะ "จ่ายคืนทุกอย่างที่ทางบ้านลงทุนให้ได้"
ตัวผมเองติดกับดักนี้เหมือนกันครัว เพราะยุคผมคือ ยุคแรกๆที่เห่อเรียน MBA ผ่านมา 20 ปี .... ปริญญา MBA ก็ยังคงขายได้ และคนเรียนจบมาเยอะมาก
แล้วก็ ตกงานเยอะมากด้วย (- -)
เด็กไทย จะถูกบ่มเพาะ โดยพ่อแม่ ครอบครัวว่า ถ้าไม่มีปริญญา ก็จะเสียเปรียบ จะหมดโอกาสทำงาน ไม่เป็นเจ้าคนนายคน
อาจจะยังมีการเสี้ยมสอน กรอกหูเด็กแบบนั้นอยู่ เพราะดูจากความคิด ความอ่าน เด็กส่วนใหญ่ จะยังคงไปแนว ทำตามๆกัน ไม่เดินไปตามบางสิ่งที่
ทำให้ตัวเองมีความสุข สิ่งที่ทำแล้วสนุกจริงๆ ....
หลายคนที่บ้าน ทำการค้าด้วยซ้ำ เค้าเลือกเรียน บริหารธุรกิจด้วย แต่พอถามว่า ทำการค้าที่บ้าน เค้าทำอะไร ทำยังไง? เด็กน้อยก็ตอบไม่ได้เลย
แต่ที่แน่ๆ .... ขอเงินพ่อแม่ ไปเรียนต่อ ป.โท .....
ปัจจุบันผมทำการค้าขายส่งของทั่วๆไป สัมผัส พ่อค้าแม่ค้า รุ่น 50 กว่า 60 กว่า ถึงได้รู้ว่า ปริญญา มันเป็นแค่เกณฑ์ที่สังคมกลุ่มนึงเค้าขีดขึ้นมา
เพื่อสร้างภาพลักษณ์ให้ กิจการตัวเองดูมีมาตรฐาน มีแต่ลุกจ้างปริญญา มาทำงานให้ ... ในขณะที่ค่าจ้างนั้น ทำใช้หนี้ การศึกษาอีกไม่รู้กี่ปี กว่าจะใช้หมด
ซึ่งนั่นก็คือ เงินพ่อแม่ "ที่ไม่เคยต้องมีปริญญาสักใบ"
ทุกวันนี้ รายล้อมไปด้วย เถ้าแก่ เถ้าแก่เนี้ย ที่ทำการค้าร่ำรวย มาจากความอดทน การสังเกต ความหวังที่ไม่เคยหมด ความขยันที่ไม่มีวันหยุด เสาร์ อาทิตย์
ความไม่มีอัตตา ไม่มี certificate อะไรทั้งนั้น มาทำให้เค้าทำงานบางอย่างไม่ได้ ต้องอยู่ห้องแอร์ หรือ อะไรที่ติดความสบาย
ซึ่ง MBA ไม่เคยสอนเรื่องพวกนี้เลย มีแต่ว่า มาถึง เราก็เป็น เจ้าคนนายคนละ เป็น Manager CEO ละ ... จะบริหารลุกน้องอย่างไร?
ความเป็นจริงคือ คุณเข้าทำงานวันแรก มันใช้เวลาไม่รู้กี่ปี คุณจะได้ไปถึงตรงนั้น รับเงินเดือนแค่พออยู่รอดไปเดือนๆนึง มันไม่ได้มีอะไรสวนหรูเลย
นอกจาก ตึกทำงานที่ เจ้าของรวยกว่าคุณ พันล้านเท่า ที่หล่อเกินตัวเราหลายเท่า เท่านั้นเองรายล้อมคุณอยู่
ทำการค้ามาถึงทุกวันนี้ นึกขำตัวเอง มองย้อนไป 20 ปี ... มันช่างเป็นเวลาที่น่าเสียดายแท้ๆ หมดเปลืองเวลาไปร่ำเรียน ทำคะแนน ดิ้นรนอยู่บน ทางที่
นายทุนการศึกษาเค้าโฆษณา กล่อมสมองเรา จนเราต้องควักเงินจ่าย และเข้าไปนั่งปวดหัว ร่ำเรียนในสิ่งที่ เอามาทำจริงในชีวิตจริง เพียงแค่เสี้ยวเล็กๆ
เท่านั้น ....
กระทู้นี้ เขียนขึ้น ก็เพียงเพราะความจริงที่เกิดกับตัวเองอยู่ทุกวันนี้ และยังเห็น เด็กๆอีกหลายคนร่ำเรียน ตำราเดิมๆที่ผมเคยอ่าน 20 ปีที่แล้ว
นั่งทำรายงาน หลับๆตื่นๆ ตาม McDonald's ฟาสฟู้ด ... ภาพนั้นทำให้ผมรู้สึกเสียดาย เวลาแทนพวกเค้ามาก แต่คงไม่ใช่เรื่องที่จะไปบอกอะไรเค้าได้
คนทำการค้าที่ ประสบความสำเร็จมากมาย เริ่มจากการลองทำเลย เจ็บมาก่อน ล้มมาก่อน ทั้งนั้น ... คนที่จะทำอะไนสักอย่างสำเร็จ จะไม่เสียเวลาไปกับ
การอยู่แต่ในสนามซ้อม แต่จะหาข้อมูลสำคัญบางอย่าง แล้วทำเลย ... วาดภาพง่ายๆว่า อยากได้เงินสักเทา่ไหร่เดือนๆนึง แล้วลองจับการค้าอะไรง่ายๆ
ทำดู ... เมื่อไปลงสนามจริงๆ คนรอบๆข้าง ทั้งเจ้าของที่ supplier ลูกค้า คนขับรถ กรรมกรแบกของ เจ้าของโกดัง ยาม คนทำกับข้าว ตำรวจเจ้าถิ่น เหล่านี้ล่ะ คือ ตำราในชีวิตจริง ที่ห้องเรียนห้องไหน "มันก็ไม่เคยให้เราได้สัมผัสได้จริง"