เรื่อง ที่จขกทจะเล่าต่อไปนี้ อาจจะเป็นเรื่องจริงหรือไม่จริงก็ได้ หรืออาจจะเป็นนิทานที่แต่งขึ้นมา....
ก็ขึ้นอยู่กับผู้อ่านละกันนะคะ
เป็นเรื่องเกี่ยวกับครอบครัว ที่มีตัวละคร พ่อ แม่ และมีลูกๆอีก 3 คน ครอบครัวนี้เป็นครอบครัวทั่วๆไป ในสังคมไทยเรา มีชีวิตมีค่านิยมทางสังคมมีวิถีชีวิตตามแบบตัวละครไทยที่จะมีได้ และนี้ก็เป็นนิทานเรื่องเล่าที่อยากจะเล่าให้ฟัง
เด็กหญิงคนหนึ่งเติบโตมาในครอบครัว ทหารทั้งครอบครัวของเธอรับราชการทหาร และข้าราชการมาเป็นเวลาช้านาน เด็กหญิงคนนี้มีทั้งพ่อทั้งแม่ พี่น้อง เธอเป็นเด็กหญิงที่เกิดเป็นลำดับที่ 2 ของครอบครัว ซึ่งนั่นก็คือคนกลาง ตอนเด็กก็ถูกปลูกฝังให้เป็นเด็กดี เป็นเด็กที่เชื่อฟังผู้ใหญ่ เธอก็เหมือนเด็กทั่วไปที่เติบโตมากับครอบครัว
แต่เรื่องมีอยู่ว่า ครอบครัว ที่คนภายนอกมองมานั่นไม่ได้เป็นอย่างที่คนอื่นคิด บ้านของเธอประสบปัญหา เนื่องจาก พ่อของเธอติดการพนันอย่างหนัก ทำให้ไม่มีเงินส่งเสียเลี้ยงดูลูกๆ พี่คนโต ต้องออกจากโรงเรียน เนื่องจากปัญหาทางการเงิน ส่วนเล็กต้องโดนส่งไปอยู่กับป้าพี่สาวของพ่อที่มีฐานะทางการเงินดี และเอ็นดูลูกๆของน้องชายตนเอง คนกลางอยู่กับพ่อแม่ ซึ่งตลอดเวลามาก็มีปัญหาทางการเงินตลอด เธอถูกสอนให้อดทน เป็นที่พึ่งของตนเอง และโตขึ้นเรียนให้จบเพื่อจะได้มีเงินเยอะๆ ซึ่งนั่นก็ทำให้เด็กหญิงคนกลางผลักดันตัวเอง ไม่ว่าจะมีปัญหาอะไรเธอก็ไม่เคยบอกกับใคร ทำให้เธอเก็บกด ด้วยการเลี้ยงดูของพ่อกับแม่อยากกดดันในทุกๆทาง จนเธออึดอัดทำให้เธอตัดสินใจ อยากมีชีวิตของตนเอง จะคิดว่าเธอเป็นเด็กไม่ดี อกตัญญูก็ได้ถ้าจะให้คนอื่นมอง เธอตัดสินใจ มาเรียนในเมืองหลวง ทั้งๆที่ทางบ้านเธอประสบปัญหาการเงินอย่างหนัก พ่อเธอยังเล่นการพนันอย่างหนัก แม่หยิบยืมเงินติดหนี้เพื่อมาจุ้นเจื่อครอบครัว พี่ชายเธอเองไม่เรียนแต่ก็คอยกินเหล้า เที่ยวเล่นไปตลอดเวลา น้องที่คิดถึงบ้านไม่ไหวย้ายกลับมาอยู่กับพ่อแม่อีกครั้ง นั่นทำให้ที่บ้านเธอประสบปัญหาการเงินไปอีก เธอก็คัดค้านคำหลายๆคนที่คอยแต่ถามว่าเธอไปที่เหล่านั่นทำไม? ใช่ เธอมันคนเห็นแก่ตัวทิ้งคนอื่น เพื่อความสบาย แต่ใครจะรู้ความรู้สึกเธอตอนนั่นแค่อยากจะออกมากจากความรู้สึกกัดดันเหล่านั่น อยากมีพื้นที่ให้หายใจ อยากจะหนีไปให้ไกลเท่าที่จะทำได้
เธอได้มุ่งหน้าเข้าสู่รั่วมหาวิทยาลัย ในเมืองหลวงเมื่อมาที่นี้เธอได้เจอโลกใบใหม่ที่เธอต้องเผชิญด้วยตัวเองใช้แรกๆก็หนักอยู่เหมือนกัน กับการใช้ชีวิตคนเดียวแต่เธอรู้สึกดีมากกว่า การที่เธออยู่กับครอบครัว เธอรู้สึกเป็นตัวของตัวเอง ไม่ต้องเครียดจากคำถากถางเปรียบเทียบ จากพ่อแม่ที่คอยแต่จะเปรียบเทียบกับลูกบ้านอื่น ไม่ต้องคอยฟังปัญหาทางการเงินที่เรารู้ว่าต้นเหตุมากจากไหนและมาจากใคร ซึ่งก็เป็นปัญหาแต่ก็ไม่เคยได้รับการแก้ไข ทั้งๆที่เธอรู้ว่าปัญหาทุกอย่างเกิดขึ้นมาจากอะไร แต่พอเธอพูดเรื่องนี้คนอื่นๆก็จะบอกว่า ไม่สิเธอจะว่าของพ่อแม่เธอแบบนี้ไม่ได้นะ ยังไงเขาก็คือคนในกำเนิดเธอมา เธอมีหน้าที่ลูกก็ต้องคอยดูแลพวกเขา เธอจะไปสั่งสอนเขาไม่ได้เธอจะต้องกลายเป็นคนอกตัญญูขึ้นมาทันที ใช่แล้ว นี้คือสิ่งที่เด็กหญิงได้รับมาตลอดชีวิตของเธอ เธอยังคงรับหน้าที่เป็นแค่ลูกของพวกเขาที่ต้องเชื่อฟัง เธอเองก็รู้ว่าทางบ้านประสบปัญหาทางการเงิน เธอก็พยายามหาค่าใช้จ่ายด้วยตัวเองเพราะรู้ดีว่าลำพังขึ้นทางบ้านที่ส่งมาให้เธอไม่เพียงพอ ต่อการดำรงชีวิตอยู่ เธอก็ทำงานไปด้วยเรียนไปด้วย รับจ้างทำงานพาร์ททามทุกอย่างเท่าที่เด็กหญิงคนหนึ่งจะทำเพื่อส่งเสียตัวเองได้ นอกจากค่าหอที่ผู้เป็นแม่หามาให้ ค่าใช้จ่ายจิปาถะเธอก็หาด้วยตัวเอง ส่วนค่าเทอม เธอได้ย่าและอาสาวที่เห็นเหตุการณ์ในบ้านของเธอมานาน ก็คอยส่งเสียค่าเทอมทุกเทอมให้เธอได้เรียนจนจบ โดยที่อาได้ทำข้อตกลงกับพ่อของเด็กสาวว่าค่าเทอมที่ออกไปให้เมื่อเบิกจะต้องได้คืนแต่เงินเหล่านั่นก็ไม่เคยกลับไปคืนอาสาวของเธอเลย เพราะพ่อของเธอติดการพนันอย่างหนักและทางบ้านก็ประสบปัญหาทางการเงิน น้องของเธอก็ไม่ได้เรียนปริญญาต่อแล้วด้วยเงินไม่เพียงพอ แต่น้องก็ยังทำงานเพื่อดำรงชีวิตให้รอด เด็กสาวที่เห็นเหตุการณ์ทุกอย่างในบ้านก็พยายามทำงานไปด้วยเรียนไปด้วยจนเธอเรียนจนจบ และรีบหางานทำเพราะไม่อยากเป็นภาระของพ่อแม่
เมื่อเรียนจบเธอได้สมัครงานทันที จนได้ทำงานและมีเงินเก็บ และมีเงินส่วนหนึ่งเธอก็แบ่งไปยังครอบครัวของเธอ เธอทำทุกอย่างตามความต้องการของผู้เป็นพ่อกับแม่ ที่ต้องการต่างๆ ไม่ว่าจะอะไรก็ตาม แล้วเหตุการณ์ก็เป็นเหมือนวนลูป เธอต้องหาเงินมาให้ทางบ้านของเธอ ต่อมาพ่อของเธอได้ทำให้เธอต้องเสียค่าใช้จ่าย ขนาดใหญ่ ถึงหลายบาท ทำให้เธอได้ไปกู้ทนาคารมาเพื่อจ่ายค่าใช้จ่ายหนี้ส่วนนี้ เธอเริ่มประสบปัญหาทางด้านงาน ทางบ้านและการเงินทำให้เธอ กลายเป็นโรคนอนไม่หลับ ใช่แล้ว ภายนอกเธอดูเป็นเด็กสาวที่ไม่เครียด ยิ้มรับกับปัญหาที่ต้องเจอ แต่ในทุกค่ำคืนเธอไม่สามารถนอนหลับลงได้ง่ายๆแม้แต่น้อย เธอกลายเป็นโรคนอนไม่หลับ ต้องใช้ยานอนหลับ เข่าช่วยในสองปีแรกนานๆเข้าเธอก็รู้สึกเบื่อกับชีวิต และอยากจบชีวิตลงเพราะเหนื่อยเกินไป เธอเริ่มปรึกษาหมอ และนั่นทำให้เธอรู้ว่าแท้จริงแล้วเธอเป็นโรคซึมเศร้า นั่นเอง ไม่มีใครรู้ยกเว้น ลูกชายของอาที่เธอเล่าให้ฟัง เธอไม่กล้าแม้แต่จะบอกใครเลยก็ตาม เพราะกลัวคนข้างตัวประนามหาว่าเธอเรียกร้องความสนใจ จนในวันหนึ่ง เธอได้เจอ ผู้ชายคนหนึ่ง จากโปรแกรมแชท เธอเล่าปัญหาชีวิตของเธอให้เขาฟัง จนเกิดความสัมพันธ์ดีๆให้กัน จนกลายเป็นคนรัก คนๆนี้เข้าใจเธอ เขาคอยช่วยเหลือ และให้กำลังใจเธอทุกครั้ง ที่เจอปัญหา ไม่ใช่ว่าก่อนหน้านี้เธอจะไม่มีแฟน เธอมีมาเยอะแต่ไม่มีใครเข้าใจเธอได้มากเท่ากับเขา ถึงแม้ว่าผู้ชายคนนี้จะไม่หล่อ หรือรวยเท่ากับผู้ชายที่ผ่านมาของเธอ แต่เขาเป็นคนที่ทัศนคติดี ขยันทำงาน นิสัยใจคอก็เข้าใจเธอ คอยอยู่เคียงข้างคอยให้กำลังใจเธอมากกว่าบรรดาแฟนเก่าที่เธอเคยคบมาก่อน รู้เรื่องปัญหาทางการเงินที่เธอเป็นหนี้ รับรู้สภาพครอบครัวของเธอ และรับรู้ว่าเธอต้องเผชิญโรคซึมเศร้าว่าเป็นเช่นไร เธอเลยตัดสินใจพาคนๆนี้ๆไปให้พ่อแม่ได้รู้จัก พ่อแม่ของเธอไม่ชอบคนๆนี้บอกว่าท่าทางเหมือนคนติดยา บ้านของคนนี้ไม่รวย แต่งงานไปจะไม่มีอนาคต ถึงแต่งงานไปก็ไม่ต้องจดทะเบียนกันหรอก เรียกร้องให้ฝ่ายชายจัดงานแต่งงาน เรียกสิ้นสอดค่าเลี้ยงดู คิดว่าเธอคนนี้จะทำไงดี จะยอมเชื่อฟังพ่อแม่ หรือจะเลือกคนรักของเธอที่เข้าใจเธอรับรู้ปัญหาเธอทุกอย่างเอง ถ้าเธอไม่เชื่อคำที่พ่อแม่บอก เธอจะเป็นลูกที่ไม่ดีไหม เธอจะอกตัญญูอีกไหม ?
นี้เป็นนิทานที่แค่อยากแชร์ให้คนได้อ่านกันเฉยๆ ว่าบางทีคนในครอบครัวที่เราคิดว่า รักเรามากที่สุด ครอบครัวที่ว่ารักเรามากอยากให้เราได้ดี อยากให้เรามีชีวิตที่ดี แท้จริงแล้ว ครอบครัวหวังดีกับเราจริงๆใช่ไหม อยากให้เราสบายหรือ ครอบครัวสบายกันแน่? ความรักที่เราเชื่อว่าคนรักกันฟันผ่าอุปสรรคไปก็ไม่มีทางได้อยู่เคียงข้างกันเหรอ? คนที่เข้าใจเรารักเรา เข้าจะเข้าใจเราจริงๆใช่ไหมกับเรื่องๆนี้ ถ้าหากเป็นพวกคุณหากเกิดเหตุการณ์แบบนี้จะ ทำเช่นไร? เลือกครอบครัวที่หวังดีกับเรา? หรือ คนที่เรารักและเข้าใจเรา?
นิทานเรื่อง ครอบครัวของฉัน
ก็ขึ้นอยู่กับผู้อ่านละกันนะคะ
เป็นเรื่องเกี่ยวกับครอบครัว ที่มีตัวละคร พ่อ แม่ และมีลูกๆอีก 3 คน ครอบครัวนี้เป็นครอบครัวทั่วๆไป ในสังคมไทยเรา มีชีวิตมีค่านิยมทางสังคมมีวิถีชีวิตตามแบบตัวละครไทยที่จะมีได้ และนี้ก็เป็นนิทานเรื่องเล่าที่อยากจะเล่าให้ฟัง
เด็กหญิงคนหนึ่งเติบโตมาในครอบครัว ทหารทั้งครอบครัวของเธอรับราชการทหาร และข้าราชการมาเป็นเวลาช้านาน เด็กหญิงคนนี้มีทั้งพ่อทั้งแม่ พี่น้อง เธอเป็นเด็กหญิงที่เกิดเป็นลำดับที่ 2 ของครอบครัว ซึ่งนั่นก็คือคนกลาง ตอนเด็กก็ถูกปลูกฝังให้เป็นเด็กดี เป็นเด็กที่เชื่อฟังผู้ใหญ่ เธอก็เหมือนเด็กทั่วไปที่เติบโตมากับครอบครัว
แต่เรื่องมีอยู่ว่า ครอบครัว ที่คนภายนอกมองมานั่นไม่ได้เป็นอย่างที่คนอื่นคิด บ้านของเธอประสบปัญหา เนื่องจาก พ่อของเธอติดการพนันอย่างหนัก ทำให้ไม่มีเงินส่งเสียเลี้ยงดูลูกๆ พี่คนโต ต้องออกจากโรงเรียน เนื่องจากปัญหาทางการเงิน ส่วนเล็กต้องโดนส่งไปอยู่กับป้าพี่สาวของพ่อที่มีฐานะทางการเงินดี และเอ็นดูลูกๆของน้องชายตนเอง คนกลางอยู่กับพ่อแม่ ซึ่งตลอดเวลามาก็มีปัญหาทางการเงินตลอด เธอถูกสอนให้อดทน เป็นที่พึ่งของตนเอง และโตขึ้นเรียนให้จบเพื่อจะได้มีเงินเยอะๆ ซึ่งนั่นก็ทำให้เด็กหญิงคนกลางผลักดันตัวเอง ไม่ว่าจะมีปัญหาอะไรเธอก็ไม่เคยบอกกับใคร ทำให้เธอเก็บกด ด้วยการเลี้ยงดูของพ่อกับแม่อยากกดดันในทุกๆทาง จนเธออึดอัดทำให้เธอตัดสินใจ อยากมีชีวิตของตนเอง จะคิดว่าเธอเป็นเด็กไม่ดี อกตัญญูก็ได้ถ้าจะให้คนอื่นมอง เธอตัดสินใจ มาเรียนในเมืองหลวง ทั้งๆที่ทางบ้านเธอประสบปัญหาการเงินอย่างหนัก พ่อเธอยังเล่นการพนันอย่างหนัก แม่หยิบยืมเงินติดหนี้เพื่อมาจุ้นเจื่อครอบครัว พี่ชายเธอเองไม่เรียนแต่ก็คอยกินเหล้า เที่ยวเล่นไปตลอดเวลา น้องที่คิดถึงบ้านไม่ไหวย้ายกลับมาอยู่กับพ่อแม่อีกครั้ง นั่นทำให้ที่บ้านเธอประสบปัญหาการเงินไปอีก เธอก็คัดค้านคำหลายๆคนที่คอยแต่ถามว่าเธอไปที่เหล่านั่นทำไม? ใช่ เธอมันคนเห็นแก่ตัวทิ้งคนอื่น เพื่อความสบาย แต่ใครจะรู้ความรู้สึกเธอตอนนั่นแค่อยากจะออกมากจากความรู้สึกกัดดันเหล่านั่น อยากมีพื้นที่ให้หายใจ อยากจะหนีไปให้ไกลเท่าที่จะทำได้
เธอได้มุ่งหน้าเข้าสู่รั่วมหาวิทยาลัย ในเมืองหลวงเมื่อมาที่นี้เธอได้เจอโลกใบใหม่ที่เธอต้องเผชิญด้วยตัวเองใช้แรกๆก็หนักอยู่เหมือนกัน กับการใช้ชีวิตคนเดียวแต่เธอรู้สึกดีมากกว่า การที่เธออยู่กับครอบครัว เธอรู้สึกเป็นตัวของตัวเอง ไม่ต้องเครียดจากคำถากถางเปรียบเทียบ จากพ่อแม่ที่คอยแต่จะเปรียบเทียบกับลูกบ้านอื่น ไม่ต้องคอยฟังปัญหาทางการเงินที่เรารู้ว่าต้นเหตุมากจากไหนและมาจากใคร ซึ่งก็เป็นปัญหาแต่ก็ไม่เคยได้รับการแก้ไข ทั้งๆที่เธอรู้ว่าปัญหาทุกอย่างเกิดขึ้นมาจากอะไร แต่พอเธอพูดเรื่องนี้คนอื่นๆก็จะบอกว่า ไม่สิเธอจะว่าของพ่อแม่เธอแบบนี้ไม่ได้นะ ยังไงเขาก็คือคนในกำเนิดเธอมา เธอมีหน้าที่ลูกก็ต้องคอยดูแลพวกเขา เธอจะไปสั่งสอนเขาไม่ได้เธอจะต้องกลายเป็นคนอกตัญญูขึ้นมาทันที ใช่แล้ว นี้คือสิ่งที่เด็กหญิงได้รับมาตลอดชีวิตของเธอ เธอยังคงรับหน้าที่เป็นแค่ลูกของพวกเขาที่ต้องเชื่อฟัง เธอเองก็รู้ว่าทางบ้านประสบปัญหาทางการเงิน เธอก็พยายามหาค่าใช้จ่ายด้วยตัวเองเพราะรู้ดีว่าลำพังขึ้นทางบ้านที่ส่งมาให้เธอไม่เพียงพอ ต่อการดำรงชีวิตอยู่ เธอก็ทำงานไปด้วยเรียนไปด้วย รับจ้างทำงานพาร์ททามทุกอย่างเท่าที่เด็กหญิงคนหนึ่งจะทำเพื่อส่งเสียตัวเองได้ นอกจากค่าหอที่ผู้เป็นแม่หามาให้ ค่าใช้จ่ายจิปาถะเธอก็หาด้วยตัวเอง ส่วนค่าเทอม เธอได้ย่าและอาสาวที่เห็นเหตุการณ์ในบ้านของเธอมานาน ก็คอยส่งเสียค่าเทอมทุกเทอมให้เธอได้เรียนจนจบ โดยที่อาได้ทำข้อตกลงกับพ่อของเด็กสาวว่าค่าเทอมที่ออกไปให้เมื่อเบิกจะต้องได้คืนแต่เงินเหล่านั่นก็ไม่เคยกลับไปคืนอาสาวของเธอเลย เพราะพ่อของเธอติดการพนันอย่างหนักและทางบ้านก็ประสบปัญหาทางการเงิน น้องของเธอก็ไม่ได้เรียนปริญญาต่อแล้วด้วยเงินไม่เพียงพอ แต่น้องก็ยังทำงานเพื่อดำรงชีวิตให้รอด เด็กสาวที่เห็นเหตุการณ์ทุกอย่างในบ้านก็พยายามทำงานไปด้วยเรียนไปด้วยจนเธอเรียนจนจบ และรีบหางานทำเพราะไม่อยากเป็นภาระของพ่อแม่
เมื่อเรียนจบเธอได้สมัครงานทันที จนได้ทำงานและมีเงินเก็บ และมีเงินส่วนหนึ่งเธอก็แบ่งไปยังครอบครัวของเธอ เธอทำทุกอย่างตามความต้องการของผู้เป็นพ่อกับแม่ ที่ต้องการต่างๆ ไม่ว่าจะอะไรก็ตาม แล้วเหตุการณ์ก็เป็นเหมือนวนลูป เธอต้องหาเงินมาให้ทางบ้านของเธอ ต่อมาพ่อของเธอได้ทำให้เธอต้องเสียค่าใช้จ่าย ขนาดใหญ่ ถึงหลายบาท ทำให้เธอได้ไปกู้ทนาคารมาเพื่อจ่ายค่าใช้จ่ายหนี้ส่วนนี้ เธอเริ่มประสบปัญหาทางด้านงาน ทางบ้านและการเงินทำให้เธอ กลายเป็นโรคนอนไม่หลับ ใช่แล้ว ภายนอกเธอดูเป็นเด็กสาวที่ไม่เครียด ยิ้มรับกับปัญหาที่ต้องเจอ แต่ในทุกค่ำคืนเธอไม่สามารถนอนหลับลงได้ง่ายๆแม้แต่น้อย เธอกลายเป็นโรคนอนไม่หลับ ต้องใช้ยานอนหลับ เข่าช่วยในสองปีแรกนานๆเข้าเธอก็รู้สึกเบื่อกับชีวิต และอยากจบชีวิตลงเพราะเหนื่อยเกินไป เธอเริ่มปรึกษาหมอ และนั่นทำให้เธอรู้ว่าแท้จริงแล้วเธอเป็นโรคซึมเศร้า นั่นเอง ไม่มีใครรู้ยกเว้น ลูกชายของอาที่เธอเล่าให้ฟัง เธอไม่กล้าแม้แต่จะบอกใครเลยก็ตาม เพราะกลัวคนข้างตัวประนามหาว่าเธอเรียกร้องความสนใจ จนในวันหนึ่ง เธอได้เจอ ผู้ชายคนหนึ่ง จากโปรแกรมแชท เธอเล่าปัญหาชีวิตของเธอให้เขาฟัง จนเกิดความสัมพันธ์ดีๆให้กัน จนกลายเป็นคนรัก คนๆนี้เข้าใจเธอ เขาคอยช่วยเหลือ และให้กำลังใจเธอทุกครั้ง ที่เจอปัญหา ไม่ใช่ว่าก่อนหน้านี้เธอจะไม่มีแฟน เธอมีมาเยอะแต่ไม่มีใครเข้าใจเธอได้มากเท่ากับเขา ถึงแม้ว่าผู้ชายคนนี้จะไม่หล่อ หรือรวยเท่ากับผู้ชายที่ผ่านมาของเธอ แต่เขาเป็นคนที่ทัศนคติดี ขยันทำงาน นิสัยใจคอก็เข้าใจเธอ คอยอยู่เคียงข้างคอยให้กำลังใจเธอมากกว่าบรรดาแฟนเก่าที่เธอเคยคบมาก่อน รู้เรื่องปัญหาทางการเงินที่เธอเป็นหนี้ รับรู้สภาพครอบครัวของเธอ และรับรู้ว่าเธอต้องเผชิญโรคซึมเศร้าว่าเป็นเช่นไร เธอเลยตัดสินใจพาคนๆนี้ๆไปให้พ่อแม่ได้รู้จัก พ่อแม่ของเธอไม่ชอบคนๆนี้บอกว่าท่าทางเหมือนคนติดยา บ้านของคนนี้ไม่รวย แต่งงานไปจะไม่มีอนาคต ถึงแต่งงานไปก็ไม่ต้องจดทะเบียนกันหรอก เรียกร้องให้ฝ่ายชายจัดงานแต่งงาน เรียกสิ้นสอดค่าเลี้ยงดู คิดว่าเธอคนนี้จะทำไงดี จะยอมเชื่อฟังพ่อแม่ หรือจะเลือกคนรักของเธอที่เข้าใจเธอรับรู้ปัญหาเธอทุกอย่างเอง ถ้าเธอไม่เชื่อคำที่พ่อแม่บอก เธอจะเป็นลูกที่ไม่ดีไหม เธอจะอกตัญญูอีกไหม ?
นี้เป็นนิทานที่แค่อยากแชร์ให้คนได้อ่านกันเฉยๆ ว่าบางทีคนในครอบครัวที่เราคิดว่า รักเรามากที่สุด ครอบครัวที่ว่ารักเรามากอยากให้เราได้ดี อยากให้เรามีชีวิตที่ดี แท้จริงแล้ว ครอบครัวหวังดีกับเราจริงๆใช่ไหม อยากให้เราสบายหรือ ครอบครัวสบายกันแน่? ความรักที่เราเชื่อว่าคนรักกันฟันผ่าอุปสรรคไปก็ไม่มีทางได้อยู่เคียงข้างกันเหรอ? คนที่เข้าใจเรารักเรา เข้าจะเข้าใจเราจริงๆใช่ไหมกับเรื่องๆนี้ ถ้าหากเป็นพวกคุณหากเกิดเหตุการณ์แบบนี้จะ ทำเช่นไร? เลือกครอบครัวที่หวังดีกับเรา? หรือ คนที่เรารักและเข้าใจเรา?