'ชัชชาติ' แนะ 'บิ๊กตู่' อย่ากลัวดีเบต ถ้าเก่ง-มีความสามารถ ควรแสดงให้ปชช.เห็น
https://www.matichon.co.th/politics/news_1378320
ชัชชาติ ย้ำ แคนดิเดตนายกฯควรมาร่วมดีเบตแสดงวิสัยทัศน์ให้ปชช.ตัดสินใจ
เมื่อเวลา 16.00 น. วันที่ 24 กุมภาพันธ์ ที่ย่านดอนเมือง นาย
ชัชชาติ สิทธิพันธุ์ แคนดิเดตนายกฯ พรรคเพื่อไทย ลงพื้นที่ช่วยนาย
การุณ โหสกุล ผู้สมัครเขตดอนเมือง พรรคพท. โดยนาย
ชัชชาติ ตอบคำถามผู้สื่อข่าว เมื่อถามว่า แคนดิเดตนายกฯของทุกพรรคการเมืองควรร่วมดีเบตแสดงวิสัยทัศน์หรือไม่ นาย
ชัชชาติ กล่าวว่า ทุกพรรคควรส่งคนที่เกี่ยวข้อง และมีความเชี่ยวชาญกับประเด็นนั้นๆไปแสดงวิสัยทัศน์ แต่เรื่องสำคัญแคนดิเดตนายกฯก็ควรมาเพื่อแสดงให้เห็นถึงความเก่ง และความน่าเชื่อถือในประชาชนเกิดความไว้ใจ ประกอบการตัดสินใจ หากไม่มาร่วมเวทีดีเบตก็ควรออกมาชี้แจงเรื่องต่างๆให้ประชาชนรับทราบ ทั้งนี้ หากจะอ้างว่าไม่ใช่สมาชิกพรรค ตนมองว่าแคนดิเดตนายกฯก็พูดได้ เพราะการเลือกตั้งครั้งนี้ประชาชนจะเลือกทั้งส.ส.เขต ส.ส.บัญชีรายชื่อ และนายกฯ การแสดงวิสัยทัศน์ของพล.อ.
ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกฯ ตนมองว่าเป็นคนละบริบทกับการเป็นแคนดิเดตนายกฯในการเลือกตั้ง เพราะปัจจุบันรัฐบาลไม่ได้มาจากการเลือกตั้ง อำนาจต่างๆที่มีอยู่จึงไม่เหมือนรัฐบาลที่มาจากประชาธิปไตย จะอ้างผลงานของรัฐบาลที่มาจากการปฏิวัติมาเทียบกับรัฐบาลในอนาคตไม่ได้ เพราะท่านมีทั้งกฎหมายพิเศษ และสภาพิเศษ
เมื่อถามว่า การที่นายกฯออกรายการทุกคืนวันศุกร์ถือว่าเป็นการสร้างความได้เปรียบพรรคการเมืองอื่นหรือไม่ นาย
ชัชชาติ กล่าวว่า การจะได้เปรียบหรือไม่ขึ้นอยู่กับว่าประชาชนจะดูมากแค่ไหน แต่ตนคิดว่าการออกรายการทุกคืนวันศุกร์อาจจะไม่เป็นประโยชน์ต่อท่านมากนัก ตนคิดว่าประชาชนยิ่งมีข้อมูลเยอะ ยิ่งตัดสินใจได้ง่าย ถ้าท่านไม่มาดีเบตอาจจะทำให้ท่านเสียเปรียบด้วยซ้ำ เพราะหากท่านเก่ง และมีความสามารถท่านก็น่าจะมาแสดงให้คนเห็น ทั้งนี้ รายการคืนวันศุกร์ตนไม่รู้ว่ามีคนดูมากหรือน้อย เพราะตนไม่เคยดู เนื่องจากอาจจะออกบ่อยเกินไป หากออกมาพูดเฉพาะประเด็นคนอาจจะสนใจมากขึ้นก็ได้ และการดีเบตก็ไม่ต้องกลัว ทุกคนไม่ใช่ศัตรู แต่เป็นการแข่งขันเพื่อสร้างอนาคต ซึ่งหากนโยบายของใครดี ในอนาคตคนอื่นก็อาจนำมาปรับใช้ก็ได้
สนช.ขีดเส้น ต้นมี.ค.หยุดผ่านกฎหมาย – จับตากม.เนื้อหาน่าห่วงอีกหลายฉบับจ่อผ่าน
https://www.matichon.co.th/politics/news_1378081
เผยขีดเส้นต้น มี.ค.หยุดผ่านกฎหมาย
เมื่อวันที่ 24 กุมภาพันธ์ นพ.
เจตน์ ศิรธรานนท์ โฆษกคณะกรรมาธิการวิสามัญกิจการสภานิติบัญญัติแห่งชาติ (วิป สนช.) ตอบคำถามผู้สื่อข่าว เมื่อถามว่า มีข้อท้วงติงให้ สนช.ยุติการพิจารณากฎหมาย เพราะใกล้เลือกตั้งวันที่ 24 มีนาคมนั้น นพ.
เจตน์กล่าวว่า ขณะนี้เหลือกฎหมายที่จะเข้าสู่การพิจารณาของ สนช.ในวาระ 2-3 อีก 22 ฉบับ ซึ่งเป็นกฎหมายเก่าที่เสนอมายัง สนช.นานแล้ว ส่วนกฎหมายใหม่ สนช.ไม่ได้มีการพิจารณาอีก สนช.รับฟังทุกเสียงท้วงติง และยืนยันว่า การพิจารณานั้นเป็นไปอย่างละเอียดรอบคอบ ไม่ได้มีการเร่งรีบอย่างที่กล่าวหา เช่น เมื่อวันที่ 22 กุมภาพันธ์ที่ผ่านมา ที่ประชุมถกเถียงอภิปราย ร่าง พ.ร.บ.การจราจรทางบก และร่าง พ.ร.บ.โรงงาน ทั้งวันได้เพียง 2 ฉบับ จึงอยากชี้แจงทำความเข้าใจว่า สนช.รับฟังทุกข้อท้วงติงจากภายนอก ไม่ได้ปล่อยผ่านง่ายๆ ซึ่งนาย
พรเพชร วิชิตชลชัย ประธาน สนช.ก็มีนโยบาย ให้การพิจารณากฎหมายจบภายในสิ้นเดือนกุมภาพันธ์นี้ ทั้งนี้ ก็อาจมีบางฉบับตกค้าง แต่เชื่อว่าการพิจารณาไม่น่าเกินเดือนมีนาคมนี้
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า สำหรับกำหนดการนัดประชุมของ สนช.สัปดาห์นี้มีทั้งสิ้น 4 วัน ระหว่างวันที่ 26 กุมภาพันธ์ – 1 มีนาคม มีวาระการพิจารณากฎหมาย วาระ 2-3 รวม 14 ฉบับ มีกฎหมายที่น่าจับตา เช่น ร่างพ.ร.บ.ข้าว ที่พรรคการเมืองคัดค้านอย่างหนัก มีเนื้อหาก่อให้เกิดการผูกขาดเมล็ดพันธ์ข้าว การจัดโซนเพาะปลูก จนชาวนาได้รับผลกระทบอย่างมาก ชุดกฎหมายความมั่นคงไซเบอร์ อย่างร่าง พ.ร.บ.การรักษาความมั่นคงปลอดภัยไซเบอร์ ร่าง พ.ร.บ.คุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล ร่าง พ.ร.บ.การบริหารงานและการให้บริการภาครัฐผ่านระบบดิจิทัล ที่มีเนื้อหาอาจก่อให้เกิดการละเมิดสิทธิและเสรีภาพส่วนบุคคล ผ่านระบบอิเล็กทรอนิกส์ และชุดกฎหมายที่คณะกรรมการประสานงานองค์กรเอกชนพัฒนาชนบท หรือเอ็นจีโอชาติ ท้วงติงให้ยุติการพิจารณาทันที เพราะเป็นร่างกฎหมายที่ถูกผลักดันจาก ครม.แต่ละเลยร่างกฎหมายที่ภาคประชาชนเสนอ ซึ่งจะส่งผลกระทบต่อชุมชนและการเข้าถึงทรัพยากรของชาวบ้านอย่างกว้างขวาง คือ ร่างพ.ร.บ.อุทยานแห่งชาติ และร่าง พ.ร.บ.สงวนและคุ้มครองสัตว์ป่า
JJNY : 4in1 ชัชชาติแนะบิ๊กตู่อย่ากลัวดีเบต/สนช.ต้นมี.ค.หยุดผ่านกม./อ.จุฬาฯชี้ปลดล็อกท้องถิ่น/คาดส่งออกไตรมาสแรกติดลบหนัก
https://www.matichon.co.th/politics/news_1378320
ชัชชาติ ย้ำ แคนดิเดตนายกฯควรมาร่วมดีเบตแสดงวิสัยทัศน์ให้ปชช.ตัดสินใจ
เมื่อเวลา 16.00 น. วันที่ 24 กุมภาพันธ์ ที่ย่านดอนเมือง นายชัชชาติ สิทธิพันธุ์ แคนดิเดตนายกฯ พรรคเพื่อไทย ลงพื้นที่ช่วยนายการุณ โหสกุล ผู้สมัครเขตดอนเมือง พรรคพท. โดยนายชัชชาติ ตอบคำถามผู้สื่อข่าว เมื่อถามว่า แคนดิเดตนายกฯของทุกพรรคการเมืองควรร่วมดีเบตแสดงวิสัยทัศน์หรือไม่ นายชัชชาติ กล่าวว่า ทุกพรรคควรส่งคนที่เกี่ยวข้อง และมีความเชี่ยวชาญกับประเด็นนั้นๆไปแสดงวิสัยทัศน์ แต่เรื่องสำคัญแคนดิเดตนายกฯก็ควรมาเพื่อแสดงให้เห็นถึงความเก่ง และความน่าเชื่อถือในประชาชนเกิดความไว้ใจ ประกอบการตัดสินใจ หากไม่มาร่วมเวทีดีเบตก็ควรออกมาชี้แจงเรื่องต่างๆให้ประชาชนรับทราบ ทั้งนี้ หากจะอ้างว่าไม่ใช่สมาชิกพรรค ตนมองว่าแคนดิเดตนายกฯก็พูดได้ เพราะการเลือกตั้งครั้งนี้ประชาชนจะเลือกทั้งส.ส.เขต ส.ส.บัญชีรายชื่อ และนายกฯ การแสดงวิสัยทัศน์ของพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกฯ ตนมองว่าเป็นคนละบริบทกับการเป็นแคนดิเดตนายกฯในการเลือกตั้ง เพราะปัจจุบันรัฐบาลไม่ได้มาจากการเลือกตั้ง อำนาจต่างๆที่มีอยู่จึงไม่เหมือนรัฐบาลที่มาจากประชาธิปไตย จะอ้างผลงานของรัฐบาลที่มาจากการปฏิวัติมาเทียบกับรัฐบาลในอนาคตไม่ได้ เพราะท่านมีทั้งกฎหมายพิเศษ และสภาพิเศษ
เมื่อถามว่า การที่นายกฯออกรายการทุกคืนวันศุกร์ถือว่าเป็นการสร้างความได้เปรียบพรรคการเมืองอื่นหรือไม่ นายชัชชาติ กล่าวว่า การจะได้เปรียบหรือไม่ขึ้นอยู่กับว่าประชาชนจะดูมากแค่ไหน แต่ตนคิดว่าการออกรายการทุกคืนวันศุกร์อาจจะไม่เป็นประโยชน์ต่อท่านมากนัก ตนคิดว่าประชาชนยิ่งมีข้อมูลเยอะ ยิ่งตัดสินใจได้ง่าย ถ้าท่านไม่มาดีเบตอาจจะทำให้ท่านเสียเปรียบด้วยซ้ำ เพราะหากท่านเก่ง และมีความสามารถท่านก็น่าจะมาแสดงให้คนเห็น ทั้งนี้ รายการคืนวันศุกร์ตนไม่รู้ว่ามีคนดูมากหรือน้อย เพราะตนไม่เคยดู เนื่องจากอาจจะออกบ่อยเกินไป หากออกมาพูดเฉพาะประเด็นคนอาจจะสนใจมากขึ้นก็ได้ และการดีเบตก็ไม่ต้องกลัว ทุกคนไม่ใช่ศัตรู แต่เป็นการแข่งขันเพื่อสร้างอนาคต ซึ่งหากนโยบายของใครดี ในอนาคตคนอื่นก็อาจนำมาปรับใช้ก็ได้
สนช.ขีดเส้น ต้นมี.ค.หยุดผ่านกฎหมาย – จับตากม.เนื้อหาน่าห่วงอีกหลายฉบับจ่อผ่าน
https://www.matichon.co.th/politics/news_1378081
เผยขีดเส้นต้น มี.ค.หยุดผ่านกฎหมาย
เมื่อวันที่ 24 กุมภาพันธ์ นพ.เจตน์ ศิรธรานนท์ โฆษกคณะกรรมาธิการวิสามัญกิจการสภานิติบัญญัติแห่งชาติ (วิป สนช.) ตอบคำถามผู้สื่อข่าว เมื่อถามว่า มีข้อท้วงติงให้ สนช.ยุติการพิจารณากฎหมาย เพราะใกล้เลือกตั้งวันที่ 24 มีนาคมนั้น นพ.เจตน์กล่าวว่า ขณะนี้เหลือกฎหมายที่จะเข้าสู่การพิจารณาของ สนช.ในวาระ 2-3 อีก 22 ฉบับ ซึ่งเป็นกฎหมายเก่าที่เสนอมายัง สนช.นานแล้ว ส่วนกฎหมายใหม่ สนช.ไม่ได้มีการพิจารณาอีก สนช.รับฟังทุกเสียงท้วงติง และยืนยันว่า การพิจารณานั้นเป็นไปอย่างละเอียดรอบคอบ ไม่ได้มีการเร่งรีบอย่างที่กล่าวหา เช่น เมื่อวันที่ 22 กุมภาพันธ์ที่ผ่านมา ที่ประชุมถกเถียงอภิปราย ร่าง พ.ร.บ.การจราจรทางบก และร่าง พ.ร.บ.โรงงาน ทั้งวันได้เพียง 2 ฉบับ จึงอยากชี้แจงทำความเข้าใจว่า สนช.รับฟังทุกข้อท้วงติงจากภายนอก ไม่ได้ปล่อยผ่านง่ายๆ ซึ่งนายพรเพชร วิชิตชลชัย ประธาน สนช.ก็มีนโยบาย ให้การพิจารณากฎหมายจบภายในสิ้นเดือนกุมภาพันธ์นี้ ทั้งนี้ ก็อาจมีบางฉบับตกค้าง แต่เชื่อว่าการพิจารณาไม่น่าเกินเดือนมีนาคมนี้
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า สำหรับกำหนดการนัดประชุมของ สนช.สัปดาห์นี้มีทั้งสิ้น 4 วัน ระหว่างวันที่ 26 กุมภาพันธ์ – 1 มีนาคม มีวาระการพิจารณากฎหมาย วาระ 2-3 รวม 14 ฉบับ มีกฎหมายที่น่าจับตา เช่น ร่างพ.ร.บ.ข้าว ที่พรรคการเมืองคัดค้านอย่างหนัก มีเนื้อหาก่อให้เกิดการผูกขาดเมล็ดพันธ์ข้าว การจัดโซนเพาะปลูก จนชาวนาได้รับผลกระทบอย่างมาก ชุดกฎหมายความมั่นคงไซเบอร์ อย่างร่าง พ.ร.บ.การรักษาความมั่นคงปลอดภัยไซเบอร์ ร่าง พ.ร.บ.คุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล ร่าง พ.ร.บ.การบริหารงานและการให้บริการภาครัฐผ่านระบบดิจิทัล ที่มีเนื้อหาอาจก่อให้เกิดการละเมิดสิทธิและเสรีภาพส่วนบุคคล ผ่านระบบอิเล็กทรอนิกส์ และชุดกฎหมายที่คณะกรรมการประสานงานองค์กรเอกชนพัฒนาชนบท หรือเอ็นจีโอชาติ ท้วงติงให้ยุติการพิจารณาทันที เพราะเป็นร่างกฎหมายที่ถูกผลักดันจาก ครม.แต่ละเลยร่างกฎหมายที่ภาคประชาชนเสนอ ซึ่งจะส่งผลกระทบต่อชุมชนและการเข้าถึงทรัพยากรของชาวบ้านอย่างกว้างขวาง คือ ร่างพ.ร.บ.อุทยานแห่งชาติ และร่าง พ.ร.บ.สงวนและคุ้มครองสัตว์ป่า