"ขอขอบคุณเพจประวัติศาสตร์การปืนอย่างสูงครับ"
https://www.facebook.com/FirearmsHistory/

แน่นอนว่า หลายๆคนคงเคยชินกับ M16 ที่เป็นเหมือนกับหนึ่งในสัญลักษณ์แห่งการเข้าร่วมในความขัดแย้งและการต่อสู้ของอเมริกาในสงครามเวียดนาม และเกิดข้อสงสัยว่าทำไมถึงอเมริกานั้นยังคงใช้แม็กกาซีนเเบบ 20 นัดเป็นมาตรฐานอยู่ทั้งๆที่อาวุธหลายๆอย่างของศัตรูที่ต้องสู้ด้วยนั้น กลับมีแม็กกาซีนที่ความจุสูงกว่าอย่างเช่น AK47 และ Type 56 ที่แม็กกาซีนนั้นสามารถบรรจุกระสุนได้มากกว่าโดยใช้แม็กกาซีนแบบ 30 นัดทำให้ยิ่งต้องตั้งคำถามต่อไปว่าทำไมสหรัฐฯในช่วงนี้ถึงยังไม่ได้ทำแม็กกาซีน 30 นัด ออกมาซะที

ซึ่งอันที่จริงแล้วสหรัฐฯโดยกลาโหมก็ไม่ได้นิ่งนอนใจและรู้ถึงขีดจำกัดเรื่องนี้ตั้งแต่ช่วงต้นสงครามเวียดนามในเดือนมกราคมปี 1966 และก็ได้มีข้อกำหนดเป็นคุณลักษณะความต้องการขั้นพื้นฐานในโครงการของ CDC (Combat Developments Command) ว่าจะต้องมีการออกแบบแม็กกาซีน 30 นัดสำหรับใช้งานใน M16 ทุกชนิดที่กองทัพมีผู้ที่ได้รับมอบหมายงานนี้ไปทำก็คือ Colt เจ้าเดิมในตำนานนั้นเอง โดยตามกำหนดการแล้วจะต้องทำเสร็จสิ้นพร้อมกับปืนที่จะเข้าประจำการใหม่อย่าง Colt CAR-15 Commando หรือ XM177 นั้นเอง ซึ่งโดยแต่แรกเริ่มเดิมทีนั้น Eugene Stoner เองไม่ได้มีความตั้งใจที่จะทำแม็กกาซีนแบบ 30 นัดเลย เพราะกังวลและกลัวเรื่องความยาวของแม็กกาซีนที่ต้องบรรจุกระสุนแบบ 30 นัดว่ามันจะทำให้เกิดแม็กกาซีนที่ยืดยาวโค้งลงไปทิ่มดินตามลักษณะทางกายภาพของปลอกกระสุนที่ไม่ได้ทำมุมเรียบตรงเสมอ(เรียกว่า Taper ของกระสุน) นี่คือ สาเหตุว่าทำไม AR15 ตอนแรกถึงได้ออกแบบแค่แม็กกาซีนแท่งตรงแบบ 25 นัด และตอนหลังลดลงมาเหลือ 20 นัดนั้นเองและเนื่องจากว่าได้ออกแบบให้ใช้แม็กกาซีนแบบแท่งตรงตั้งแต่แรก ทำให้ปัญหาเรื่องบ่อแม็กกาซีนที่ทำแบบตัดตรงลงมาเลยไม่ได้มีการทำส่วนขยายเพื่อรองรับแม็กกาซีนแบบโค้งขึ้นถูกมองข้ามไป และนี่ก็จะเป็นปัญหาที่ขัดขวางเรื่องการใช้แม็กกาซีน 30 นัดในภายหลัง


เมื่อถึงเดือนมีนาคม 1966 ในระหว่างโครงการทดสอบก็ได้มีรายงานว่าแม็กกาซีนแบบ 30 นัดใหม่นี้ไม่สามารถที่จะใช้ได้กับ AR15/M16 หลายๆชนิดที่กองทัพมีทำให้ทั้ง AR15/M16 รวมไปถึงปืนใหม่อย่าง XM177 จะยังคงต้องใช้แม็กกาซีนแบบ 20 นัดไปก่อน และให้กลับไปแก้ไขใหม่ ซึ่งช่วงเวลานี้ดันมาตรงกับช่วงที่มีรายงานปัญหาหนักๆของ AR15/M16 ในเวียดนามพอดีทำให้โครงการถูกมองข้ามไม่ได้รับความสนใจ จนกระทั้งในอีก 1 ปี ครึ่งให้หลังจึงกลับมาทำการแก้ปัญหาต่อ แต่ก็เป็นอีกครั้งที่ Colt ไม่ได้ใส่ใจในรายละเอียดและถูกส่งกลับมาให้ทำการแก้ไขใหม่อีกรอบหลังจากถูกรายงานว่าแม็กกาซีนก็ยังไม่ได้เรื่องเหมือนเดิมจนกระทั้งได้รู้ว่า มีปัญหากับบ่อแม็กเข้าแล้ว จึงส่งเรื่องและขอกำหนดการส่งแม็กกาซีนที่แก้ไขแล้วใหม่โดยแม็กกาซีนใหม่นี้ได้ยึดหลักการออกแบบแม็กกาซีนของ M1/M2 Carbine มาใช้ที่มีการทำโค้งหักมุม แต่นี่นี่ก็ปาเข้าไปจนถึงปี 1969 แล้วกว่าที่ทุกอย่างจะเสร็จและถูกส่งแม็กกาซีน 1,000 ชุดแรกไปลงสนามใช้งานจริงเพื่อทดสอบ และกว่าจะมีกำหนดการประกาศผลก็ให้เป็นแม็กกาซีนมาตรฐานก็ปลายสงครามเวียดนามช่วงหลังปี 1971-1972 ไปแล้วในที่สุด นี่คือสาเหตุว่าทำไมเราถึงไม่ค่อยได้เห็นแม็กกาซีนแบบ 30 นัดสำหรับ M16 ในช่วงสงครามเวียดนามมากเท่าไหร่

"สวัสดีครับ"
สารานุกรมปืนตอนที่ 259 ***M16 ยุคสงครามเวียดนามกับข้อสงสัยเรื่องแม็กกาซีนแบบ 30 นัด***
https://www.facebook.com/FirearmsHistory/
แน่นอนว่า หลายๆคนคงเคยชินกับ M16 ที่เป็นเหมือนกับหนึ่งในสัญลักษณ์แห่งการเข้าร่วมในความขัดแย้งและการต่อสู้ของอเมริกาในสงครามเวียดนาม และเกิดข้อสงสัยว่าทำไมถึงอเมริกานั้นยังคงใช้แม็กกาซีนเเบบ 20 นัดเป็นมาตรฐานอยู่ทั้งๆที่อาวุธหลายๆอย่างของศัตรูที่ต้องสู้ด้วยนั้น กลับมีแม็กกาซีนที่ความจุสูงกว่าอย่างเช่น AK47 และ Type 56 ที่แม็กกาซีนนั้นสามารถบรรจุกระสุนได้มากกว่าโดยใช้แม็กกาซีนแบบ 30 นัดทำให้ยิ่งต้องตั้งคำถามต่อไปว่าทำไมสหรัฐฯในช่วงนี้ถึงยังไม่ได้ทำแม็กกาซีน 30 นัด ออกมาซะที
ซึ่งอันที่จริงแล้วสหรัฐฯโดยกลาโหมก็ไม่ได้นิ่งนอนใจและรู้ถึงขีดจำกัดเรื่องนี้ตั้งแต่ช่วงต้นสงครามเวียดนามในเดือนมกราคมปี 1966 และก็ได้มีข้อกำหนดเป็นคุณลักษณะความต้องการขั้นพื้นฐานในโครงการของ CDC (Combat Developments Command) ว่าจะต้องมีการออกแบบแม็กกาซีน 30 นัดสำหรับใช้งานใน M16 ทุกชนิดที่กองทัพมีผู้ที่ได้รับมอบหมายงานนี้ไปทำก็คือ Colt เจ้าเดิมในตำนานนั้นเอง โดยตามกำหนดการแล้วจะต้องทำเสร็จสิ้นพร้อมกับปืนที่จะเข้าประจำการใหม่อย่าง Colt CAR-15 Commando หรือ XM177 นั้นเอง ซึ่งโดยแต่แรกเริ่มเดิมทีนั้น Eugene Stoner เองไม่ได้มีความตั้งใจที่จะทำแม็กกาซีนแบบ 30 นัดเลย เพราะกังวลและกลัวเรื่องความยาวของแม็กกาซีนที่ต้องบรรจุกระสุนแบบ 30 นัดว่ามันจะทำให้เกิดแม็กกาซีนที่ยืดยาวโค้งลงไปทิ่มดินตามลักษณะทางกายภาพของปลอกกระสุนที่ไม่ได้ทำมุมเรียบตรงเสมอ(เรียกว่า Taper ของกระสุน) นี่คือ สาเหตุว่าทำไม AR15 ตอนแรกถึงได้ออกแบบแค่แม็กกาซีนแท่งตรงแบบ 25 นัด และตอนหลังลดลงมาเหลือ 20 นัดนั้นเองและเนื่องจากว่าได้ออกแบบให้ใช้แม็กกาซีนแบบแท่งตรงตั้งแต่แรก ทำให้ปัญหาเรื่องบ่อแม็กกาซีนที่ทำแบบตัดตรงลงมาเลยไม่ได้มีการทำส่วนขยายเพื่อรองรับแม็กกาซีนแบบโค้งขึ้นถูกมองข้ามไป และนี่ก็จะเป็นปัญหาที่ขัดขวางเรื่องการใช้แม็กกาซีน 30 นัดในภายหลัง
เมื่อถึงเดือนมีนาคม 1966 ในระหว่างโครงการทดสอบก็ได้มีรายงานว่าแม็กกาซีนแบบ 30 นัดใหม่นี้ไม่สามารถที่จะใช้ได้กับ AR15/M16 หลายๆชนิดที่กองทัพมีทำให้ทั้ง AR15/M16 รวมไปถึงปืนใหม่อย่าง XM177 จะยังคงต้องใช้แม็กกาซีนแบบ 20 นัดไปก่อน และให้กลับไปแก้ไขใหม่ ซึ่งช่วงเวลานี้ดันมาตรงกับช่วงที่มีรายงานปัญหาหนักๆของ AR15/M16 ในเวียดนามพอดีทำให้โครงการถูกมองข้ามไม่ได้รับความสนใจ จนกระทั้งในอีก 1 ปี ครึ่งให้หลังจึงกลับมาทำการแก้ปัญหาต่อ แต่ก็เป็นอีกครั้งที่ Colt ไม่ได้ใส่ใจในรายละเอียดและถูกส่งกลับมาให้ทำการแก้ไขใหม่อีกรอบหลังจากถูกรายงานว่าแม็กกาซีนก็ยังไม่ได้เรื่องเหมือนเดิมจนกระทั้งได้รู้ว่า มีปัญหากับบ่อแม็กเข้าแล้ว จึงส่งเรื่องและขอกำหนดการส่งแม็กกาซีนที่แก้ไขแล้วใหม่โดยแม็กกาซีนใหม่นี้ได้ยึดหลักการออกแบบแม็กกาซีนของ M1/M2 Carbine มาใช้ที่มีการทำโค้งหักมุม แต่นี่นี่ก็ปาเข้าไปจนถึงปี 1969 แล้วกว่าที่ทุกอย่างจะเสร็จและถูกส่งแม็กกาซีน 1,000 ชุดแรกไปลงสนามใช้งานจริงเพื่อทดสอบ และกว่าจะมีกำหนดการประกาศผลก็ให้เป็นแม็กกาซีนมาตรฐานก็ปลายสงครามเวียดนามช่วงหลังปี 1971-1972 ไปแล้วในที่สุด นี่คือสาเหตุว่าทำไมเราถึงไม่ค่อยได้เห็นแม็กกาซีนแบบ 30 นัดสำหรับ M16 ในช่วงสงครามเวียดนามมากเท่าไหร่