รีวิวอัลบั้มใหม่ ONE OK ROCK - Eye of the Storm (2019)

รีวิว ONE OK ROCK - Eye of the Storm

หลังจาก 4 หนุ่ม ONE OK ROCK ได้ปล่อยอัลบั้ม Ambitions ที่เป็นแนว Pop-Rock ออกมาเมื่อต้นปี 2017 มาถึงต้นปีนี้ วงก็ได้คลอดอัลบั้มใหม่ Eye of the Storm เป็นที่เรียบร้อยแล้ว ต้องบอกว่านี่เป็นอีกหนึ่งจุดเปลี่ยนใหญ่ของวงเลยก็ว่าได้ เพราะวงได้หันเหเส้นทางมาทำอัลบั้มนี้ที่เต็มไปด้วยเพลงป็อปคุณภาพดีแน่นทั้งอัลบั้ม พร้อมบุกตลาดโลกอย่างเต็มตัว ( ให้ฟิลคนละแบบกับ Ambitions ที่ยังมีความร็อคอยู่พอสมควรเลยล่ะ ) ซึ่งทางวงเองก็ได้บอกไว้แต่แรกแล้วว่าอัลบั้มนี้จะคล้ายๆกับทุเรียน ( อันนี้ผมเปรียบเอง 55555 ) คือจะไม่ค่อยมีคนรู้สึกกับมันแบบครึ่งๆกลางๆ ชอบคือชอบไปเลย เกลียดก็ร้องยี้เลย แต่วงก็ยอมรับว่าการบุกตลาดโลกในยุคนี้ ถึงจะฝีมือดียังไง แต่แค่เพลงร็อกอย่างเดียวคงไปไม่ถึง ( ยิ่งเทียบกับกระแสหลักอย่างฮิพฮ็อพยิ่งตีตลาดยาก ) และทางวงมีความฝันอยากให้วงเป็นที่รู้จักของคนทั่วโลก และอยากลองทำสิ่งใหม่ๆ คำตอบจึงออกมาเป็นงานเพลงป็อปหลากหลายสไตล์ที่ผมกำลังจะรีวิวต่อไปนี้นั่นแหละครับ

ในส่วนของเนื้อหายังเป็นการให้กำลังใจซะเกือบทั้งอัลบั้ม ( ทากะเคยบอกไว้ว่าอยากทำเพลงให้กำลังใจเพื่อช่วยคน ) มีทั้งหมด 13 แทร็ค 2 เวอร์ชั่น ( ผมจะรีวิวให้ทั้งคู่ แต่จะเน้นที่ Eng Ver. นะครับ ) ให้เสพกันอย่างเต็มอิ่มตลอด 42 นาที เดี๋ยวผมจะร่ายให้อ่านกันทีละเพลงไปเลยครับ

1.) Eye of the Storm - เพลงนี้ชื่อเดียวกับอัลบั้มซึ่งได้โปรดิวเซอร์มือดี "Dan Lancaster" ที่เคยมาช่วยทำเพลง Taking Off ในอัลบั้ม Ambitions มาช่วยทำเพลงนี้ด้วย เห็นได้ชัดว่าเพลงนี้ได้สไตล์มาจากเขาเยอะมากๆ เป็นเพลงที่ดนตรีจะขับเคลื่อนไปด้วยซาวด์อิเล็กทรอนิกส์เป็นหลักก่อนที่จะมาระเบิดแผดเสียงขึ้นมาในช่วงท่อนฮุคพร้อมทั้งเครื่องดนตรีชิ้นอื่นๆที่ตามมาอย่างห่างๆ ที่พีคคือช่วงท้ายเพลงที่ทากะจะโชว์พลังเสียงลูกเอื้อน หยอด อ้อน บอกเลยว่าเพลงนี้จัดเต็ม และจะได้ยินเสียงโทรุโซโล่กีต้าร์เบาๆ ( แต่เผ็ดใช้ได้เลยล่ะ ) เนื้อหาก็แนวให้กำลังใจ ให้อารมณ์ประมาณว่า "ชีวิตยังมีพรุ่งนี้เสมอ" ( ยืมคำพี่ตูนมาใช้หน่อยนะครับ 555555 ) ชีวิตไม่หมดหวัง ยังมีแรงใจให้สู้ต่อ ยังไงซะก่อนที่ฟ้าจะสว่าง มันก็เคยอยู่ในจุดที่มืดมิดที่สุด ในตาของพายุ มีการเล่นคำใช้สำนวนอยู่เยอะพอตัว โยกหัวได้สนุกๆ เปิดอัลบั้มได้ดีทีเดียว
2.) Stand Out Fit In - เป็นซิงเกิ้ลเปิดตัวอัลบั้ม ดนตรีเพลงนี้ฟังสบายๆ จะมีเสียงกีต้าร์โปร่งโทรุเป็น BG อยู่ทั้งเพลง จังหวะปานกลางสนุกๆฟังเพลินมาก เป็นอีกเพลงที่ให้กำลังใจคนไปสู้ชีวิตต่อ จงอยู่อย่างเป็นตัวของตัวเองและเข้ากับทุกคนให้ได้ ตัวเอ็มวีจะสื่อถึงการเหยียดชนชาติของชาวตะวันตก รวมทั้งตัวเนื้อเพลงก็อาจจะมีฟิลนั้นปนมาด้วยบ้าง ความหมายดี น่าจะถูกใจหลายๆคน
3.) Head High - เปิดมาให้ความรู้สึกแบบเพลงของ Maroon 5 พอสมควรเลย เป็นอีกเพลงที่ฟังสบาย ขับเคลื่อนด้วยซาวด์อิเล็กทรอนิกส์เกือบทั้งเพลง มีซาวด์กีต้าร์ของโทรุปนมาพอเป็นสีสัน เนื้อเพลงก็เป็นแนวให้กำลังใจอีกเช่นเคย จงอย่ากลัวที่จะทำอะไร เชื่อมั่นในตัวเองให้ถึงที่สุด เป็นอีกเพลงที่ค่อนข้างเพราะเลย
4.) Grow Old Die Young - ฟังแล้วนึกถึงเพลงไม่แก่ตายของบอดี้สแลมที่เพิ่งจะปล่อยมาพร้อมอัลบั้มวิชาตัวเบาเลย ประมาณว่าอายุเป็นแค่เศษเลขบนหน้ากระดาษ มันช่วงชิงความสดของพวกเราไปไม่ได้หรอกน่า!! จนกว่าร่างจะแหลก ใจจะสลาย ก็จะทำสิ่งที่ต้องการต่อไป เราจงมาแก่ลงและตายอย่างเยาว์วัยกันเถอะ! น่าจะเป็นเพลงที่เบาที่สุดในอัลบั้ม จังหวะช้า ดนตรีแทบไม่มี เรียกได้ว่าให้เสียงของทากะเด่นขึ้นมาชัดเจนเลย ความพีคคือท่อนที่ร้องว่า " I want the cause of my death to be amazing sex and I'll laugh with my last breathe" ถ้าแปลเป็นไทยก็ "อยากให้สาเหตุการตายของฉันคือการมีเซ็กส์ที่สุโค่ย แล้วฉันจะขำกับลมหายใจสุดท้ายของตัวเอง" คือสไตล์การพูดแบบนี้มันตะวันตกจ๋าเลย 555555555 แต่ก็แบบ เออ เข้าใจเปรียบดีนะ เห็นภาพ Grow Old Die Young ชัดเจนอยู่เหมือนกัน ก็เป็นเพลงที่เบาที่สุดในอัลบั้ม แต่ผมอยากให้เพลงนี้มันเป็นเพลงจังหวะสนุกกว่านี้นะ อยากให้ใีลูกเล่นดนตรีมากกว่านี้อีกหน่อยก็คงดี
5.) Push Back - .......ครับ เพลงนี้หลายคนฟังก็คงจะหน้าหงาย และหลายคนที่ว่านั่นก็รวมผมด้วยครับ 55555 คือแบบ เฮ้ย เดี๋ยวก่อน เดี๋ยวนะ อันนี้ใช่เพลงวันโอจริงมั้ยหว่า? ไม่ใช่ผมว่าตัวเพลงไม่ดีหรืออะไรนะ แต่ไม่คุ้นกับสไตล์นี้ของวันโอเลยล่ะ แต่ว่าค่อนข้างเป็นอีกเพลงที่บีทสนุกมาก เอาจริงผมชอบเพลงนี้แหละ เนื้อเพลงอันนี้ใช้คำว่าปลุกใจละกัน แปลเป็นไทยก็คงประมาณว่า "เค้าบอกว่ามันคือการปฏิวัติ แต่ก็ไม่เห็นจะมีอะไรเปลี่ยนแปลง บอกว่าเหมือนเป็นยารักษาเยียวยาพวกเรา แต่พวกเราก็ยังทนทุกข์อยู่กับความเจ็บปวด ไอ้ชื่อเสียงเรียงนามของคุณน่ะมันกำลังถูกทำลายลงไปนะ ความจริงที่คุณเคยเล่ามาน่ะ แท้จริงแล้วมันก็มีแต่ความลวงทั้งนั้นแหละ พวกเรายืนอยู่ตรงนี้ ขึ้นสังเวียนสู้แล้วจะไม่ถอยกลับ แต่มันเหมือนกับเราโดนปืนจ่อหัวและยัดเยียดความคิดให้ว่าควรคิดยังไง ตอนนี้พวกเราจนมุม ก็ลองผลักเราอีกสิ เราจะลุกแล้วผลักสวนกลับไป!!" หลายคนฟังก็คงจะนึกถึง..............อันนี้ผมไม่เกี่ยวนะ แค่แปลมาอีกที 555555555 ให้อารมณ์แบบ ก็มาดิครับ! ก็ไม่มีอะไรมาก ส่วนตัวชอบ JP Ver. มากกว่าสำหรับเพลงนี้ ชอบเพราะท่อนพรีฮุคมันเร้าอารมณ์แบบสุดยอดมากๆ ในคอนเองก็น่าจะสนุกสุดๆไปเลย
6.) Wasted Nights - เป็นซิงเกิ้ลสุดท้ายที่ปล่อยออกมาก่อนอัลบั้มเต็ม เป็นเพลงให้กำลังใจที่เนื้อหาดีมากกก เพลงเพราะมากกกก คนชอบเพลงนี้เยอะมากกกกกก ผมเองก็ชอบมากกกกกกกกกก เพลงนี้มันดีงามจริงๆนะ ดนตรีให้ความรู้สึกแบบเพลงสากลสมัยก่อนหน่อยๆ ซาวด์สังเคราะห์ไม่เยอะมาก ได้ยินเสียงกีต้าร์โทรุกับกลองของโทโมยะอยู่เนืองๆอารมณ์ประมาณว่าทุกนาทีมีค่า ใช้มันซะ ทำเรื่องของวันนี้ให้ดีที่สุด จะไม่ปล่อยค่ำคืนไปอย่างสูญเปล่าอีกแล้ว เพลงนี้เป็นอีกไฮไลท์ของอัลบั้มนี้เลย
7.) Change - ซิงเกิ้ลแรกสุดของอัลบั้ม ปล่อยตั้งแต่ก.พ.ปีที่แล้ว ก่อนจะประกาศอัลบั้มใหม่ซะอีก เพลงนี้ใช้ซาวด์อิเล็กทรอนิกส์แทบจะทั้งเพลงเลย จังหวะสนุกๆ มันส์ดีนะ ซาวด์ดี เสียงทากะก็ดี เพลงนี้ก็ให้กำลังใจ ประมาณว่าถ้าเราไม่ก้าวไปข้างหน้า แล้วเราจะเก้าไปเพื่ออะไร มันยังไม่สายเกินไปนะที่จะเปลี่ยนแปลงตัวเอง ปลุกใจใช้ได้
8.) Letting Go - ใฟ้ฟิลดนตรีสดเปิดมาแล้ววุ้ยยยย เปิดด้วยการเกากีต้าร์อันนุ่มนวลของพ่อหนุ่มโทรุ กับเสียงทากะที่ร้องแบบสบายๆ ฟังง่ายมาก เนื้อหาก็คงประมาณว่ายังรักแต่อยู่ด้วยกันไม่ได้ก็คงต้องปล่อยมือกันไป รู้ว่าเรารักกัน แต่อดีตมันก็คืออดีต ต้องยอมรับความจริงว่าตอนนี้มันไม่ใช่ ชีวิตยังคงต้องเดินต่อไป เป็นการให้กำลังใจด้านความรัก ถือซะว่าเพลงรักก็ได้แหละ เป็นเพลงแรกในอัลบั้มที่สื่อถึงความรัก เป็นอีกเพลงที่หลายคนน่าจะชอบ
9.) Worst In Me - เพลงนี้เด่นที่เนื้อหาจิกเจ็บมากๆ แซะหญิงได้แบบว่า ถ้าเราคือแฟนทากะแล้วโดนทากะร้องเพลงนี้อัดหน้านี่คือเอามีดปาดคอตัวเองได้เลย "เคยคิดว่าเธอคือของฉัน แต่รู้แล้วว่าทั้งหมดมันก็แค่เรื่องปลิ้นปล้อนหลอกลวง เธอมันคือความอัปยศที่สุดในชีวิตฉัน" ดนตรีจะมีซาวด์กีต้าร์ตามมาห่างๆ มีซาวด์กลองอยู่บ้าง ดนตรีสบายๆ แต่เนื้อหานี่เหมือนโดนสาดน้ำกรดใส่
10.) In The Stars ( feat. Kiiara ) - อีกหนึ่งเพลงที่หลายคนน่าจะชอบกัน และคงได้ฟังกันคร่าวๆตั้งแต่ Teaser หนังเรื่อง Fortuna No Hitomi กันแล้วคงชอบตั้งแต่ตอนนั้น ส่วนตัวผมว่าเป็นเพลงที่เพราะมากๆอีกเพลงนึง แล้วผมก็รักเพลงนี้มากๆด้วย ร้องคู่กับสาวเสียงหวาน Kiiara ที่เคยร้องกับ Chester Bennington แห่ง Linkin Park ในเพลง Heavy จากอัลบั้ม One More Light เมื่อปี 2017 คงามประทับใจอยู่ที่หญิงสาว Kiiara คนนี้เธอร้องท่อนที่เป็นเนื้อญี่ปุ่นคู่กับทากะใน JP Ver. ด้วย โดยที่เธอลงทุนไปเรียนภาษาญี่ปุ่นมาเพื่อให้ออกเสียงใกล้เคียงอีกด้วย เป็นเพลงที่ดำเนินด้วยซาวด์คีย์บอร์ด มีกลองกับกีต้าร์มาคุมให้เข้าที่เข้าทาง ค่อนข้างติดหูใช้ได้ เพราะมาก
11.) Giants - ท่อนฮุคคอรัสอันสุดแสนจะติดหูคือไฮไลท์หนึ่งของเพลงนี้ มีเสียงปรบมือเป็นจังหวะ มีเสียงกีต้าร์โปร่งมาคุมหลังเบาๆ จังหวะสนุกๆ เพลงสนุก มีท่อนให้ทากะแผดเสียง หลายคนก็น่าจะชอบ และผมก็ชอบเช่นกัน
12.) Unforgettable ( Eng Ver. ) - เปิดด้วยเสียงผิวปากที่ชวนให้นึกถึงเพลง Walk Away ของ Dia Frampton แต่ดนตรีกับจังหวะเพลงไม่ใช่นะ เป็นเพลงที่พูดถึงตัววงตอนนี้นั่นแหละ ว่าต้องการเพียงแค่ไม่เป็นที่ถูกลืมก็พอ ไม่ว่าเราจะทำอะไรยังไง ดนตรีฟังสบาย ยังคงเต็มไปด้วยซาวด์อิเล็กทรอนิกส์เฉกเช่นเพลงอื่นๆ แต่ก็ได้ยินซาวด์กีต้าร์นะ เป็นอีกเพลงที่ค่อนข้างเพราะเลยล่ะ
12.) Can't Wait ( JP Ver. ) - เปิดเพลงเฉพาะเวอร์ชั่นญี่ปุ่นเท่านั้น เพลงนี้ต้องบอกเลยว่า "โคตรเท่" จังหวะ ดนตรี เสียงร้อง ทุกอย่างมันยำรวมได้ลงตัวไปหมด ถ้าเป็นอาหารคือระดับ Fine Dyning เลย เชฟเอียนร้องว้าว ป้าป้อมโอ้โห หม่อมอิ๊งค์ยกนิ้วโป้งรัวๆ กลายเป็นจานที่ดีที่สุดไปเลย ( เดี๋ยวๆๆ 555555 ) ดนตรีมันส์ ได้ซาวด์ดนตรีสดค่อนข้างชัดเจนเลยนะ ผสมกับซาวด์อิเล็กทรอนิกส์ได้ดี เนื้อเพลงประมาณว่า "ฉันอยู่ตรงนี้ต่อไปไม่ได้แล้ว ขอโทษนะ ต้องไปแล้ว รอไม่ได้แล้ว" ในไลฟ์น่าจะเป็นอีกเพลงที่ชวดเฮดแบงก์แน่ๆ เอาคะแนนเต็มไป
13.) The Last Time - เพลงปิดอัลบั้มที่ต้องบอกว่า เป็นเพลงที่ร็อกที่สุดในอัลบั้ม ได้กลิ่นอายของ Ambitions โชยมาเตะจมูกเต็มๆ ท่อนฮุคทำลายล้าง เพลงนี้มาเต็ม กีต้าร์โทรุแผดเสียงแตกเต็มที่ กลองโทโมยะเร้าใจมาก เบสเรียวตะดุ่มๆคุมจังหวะได้ดี ดิบอยู่บ้างแหละนะ ความพีคคือท่อนโชว์พลังเสียงสูงของทากะได้โชว์ได้สุดยอดจริงๆ เป็นเสียงที่สูงที่สุดของทากะนับตั้งแต่ทำ ONE OK ROCK มาเลย ปิดอัลบั้มได้สวยงามและอลังการสุดๆ

อันนี้คือ Track by Track และความรู้สึกต่อแต่ละเพลงของผม ภาพรวมของอัลบั้ม Eye of the Storm คืออัลบั้มเพลงป็อปตะวันตกยอดเยี่ยมแห่งปีที่ประกอบไปด้วยเพลงป็อปหลากหลายสไตล์ ทั้งอคูสติกชิวๆแบบ Letting Go บีทสนุกคล้ายๆ Imagine Dragons อย่าง Push Back ให้อารมณ์ยุค 90s อย่าง Wasted Nights ให้อารมณ์คล้ายๆ Maroon 5 อย่าง Head High ให้ซาวด์แบบเจ๋งๆดึ่มๆอย่าง Eye of the Storm มีความร็อกหัวโยกอย่าง The Last Time ด่าแซะแฟนเจ็บๆอย่าง Worst In Me เพลงหวานๆอย่าง In The Stars หรือเก๋าเกมอย่าง Can't Wait อัลบั้มนี้รวมเอาไว้หมดแล้ว ฟังได้แบบเพลินๆไม่เบื่อ มีรายละเอียดให้เก็บอยู่เรื่อยๆ แต่ถ้าใครต้องการฟังอัลบั้มเพลงร็อกมันส์ๆแบบ 35xxxv, Jinsei X Boku = หรือความเจร็อกอย่าง Kanjou Effect, Niche Syndrome หรือ Zankyou Referrence อัลบั้มนี้จะไม่ตอบโจทย์เป็นอย่างยิ่ง แต่ถ้าลองเปิดใจฟังดีๆ เชื่อว่าจะได้อะไรดีๆกลับไปมากมายเลยนะ โดยเฉพาะเนื้อหาที่พยายามจะสอนคน แน่นอนว่าขาดเสน่ห์ของวงที่เด่นเรื่องดนตรีสดไปมาก แต่วงเองก็ต้องการเข้าหาสิ่งใหม่ๆที่ไม่เคยทำมาก่อนเหมือนกัน การทำเพลงร็อกมันอาจจะง่ายไปแล้วสำหรับวงตอนนี้ อาจจะง่ายกว่าการนั่งครีเอทซาวด์ฟุ้งๆดีๆแบบอัลบั้มล่าสุดที่เราได้ฟังกันก็ได้ เอาเป็นว่าไม่ว่าจะคิดยังไงกับอัลบั้มนี้ จุดเด่นของวงก็คือการเล่นสดที่ไม่เคยทำให้เราผิดหวังนั่นแหละครับ แต่ละเพลงต้องถูกปรับใหม่จนมันส์สุดๆแน่นอน อย่าพลาดนะครับ มาไทยครั้งหน้าผมก็จะไปแน่นอน ก็มาดิครับ รอกดบัครแล้ว!
ขอบคุณที่อ่านรีวิวนี้จนจบนะครับ คิดเห็นยังไงมาแบ่งปันกันได้ ขอบคุณ ONE OK ROCK สำหรับบทเพลงที่ดี
แก้ไขข้อความเมื่อ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่