ฉีกลุกส์มาห่มสไบนุ่งโจงกระเบนรับบท
'ชบา' หญิงไทยสมัยปลายรัชกาลที่ 5 ในละครพีเรียดโรแมนติกคอมเมดี้เรื่อง
"ทองเอก หมอยา ท่าโฉลง" ทางช่อง 3 สำหรับนางเอกสาว
'คิม' คิมเบอร์ลี่ แอน เทียมศิริ จับคู่พระเอกคู่จิ้นคู่ใหม่
'โอ้' มาริโอ้ เมาเร่อ ที่รับบท
'ทองเอก' หมอยาโบราณ
วันนี้จังหวะดี ที่สาวคิมมาร่วมกิจกรรม
"ตามรอยละครทองเอก หมอ ท่าโฉลง" ณ เรือนไทยสายน้ำจามจุรี พระนครศรีอยุธยา เลยขอจับเข่าคุยถึงความฮอตของละคร
ตอนแรกที่รับเล่นละครเรื่องนี้ คิดไหมว่ากระแสจะดีขนาดนี้?
คิม - "ทุกเรื่อง คิมไม่ค่อยคาดหวัง แต่จะทำให้เต็มที่ในพาร์ตเรา และองค์ประกอบอื่นๆ ก็ต้องช่วยส่งเสริมด้วย อย่างเรื่องนี้ บทมาคิมรู้เลยว่าสนุก ตัวละครแต่ละตัวชัดมาก ตั้งแต่ในบทแล้ว แล้วเราชอบละครแนวนี้อยู่แล้ว"
เป็นลูกครึ่ง มาเล่นละครพีเรียดกังวลไหม?
คิม - "คิมก็ถามพี่ชุ (ชุดาภา) เหมือนกัน พี่ชุโทรมาเล่าเรื่องราวว่าเป็นคอมเมดี้ที่ฉีกแนว เพราะฉะนั้นมันไม่มีอะไร ก็ถามเขาว่าภาษายากมั้ย เพราะไม่เคยเล่นละครยุคนี้ เขาบอกไม่ซีเรียสเลย พูดแค่ข้ากับเอ็ง พอพี่ชุเล่าให้ฟัง มันอยากเล่นแล้วได้ร่วมงานกับพี่โอ้ด้วย พอได้มาดูเนื้อเรื่องจริงๆ มันดีน่าสนุก เต้นท่าโน้นท่านี้ใส่สไบ ฟันดาบ ห้าวๆ"
กังวลอะไรบ้างในเรื่องนี้?
คิม - "ไม่กังวล ทุกฉากสนุก อยากมากอง เราถ่ายแค่ 5 เดือนครึ่ง แต่สนิทกันมาก เพราะเราถ่ายกันอึดมาก ถ่ายกัน 20 กว่าฉากทุกวัน ทีมงานเขาจิกดี (หัวเราะ) เขาชื่อพี่กุ้ง แต่นักแสดงทุกคนเปลี่ยนให้ชื่อพี่ไก่ (หัวเราะ)"
เรื่องนี้ถือเป็นการเปลี่ยนลุกส์ของเรา?
คิม - "เปลี่ยนตรงเสื้อผ้า หน้าผม แต่การเล่นคอมเมดี้ ต้องมีความธรรมชาติ มันจึงต้องมีความเป็นตัวเราเข้าไปด้วย อย่างตัวที่พี่โอ้เล่น ถ้าเปลี่ยนเป็นคนอื่น คิมก็ว่าไม่ได้ พี่โอ้เป็นคนที่เก่งมาก เก็บรายละเอียดเก่ง ส่งอารมณ์ดีมาก บอกให้ทำอะไรทำหมด มีบ้างที่เขาเล่นนอกบท ทำให้เราหลุดขำ"
ถือว่ากับโอ้ตอนนี้เรียกคู่จิ้นได้ไหม?
คิม - "โอ้โห ถ้าแค่นี้เรียกคู่จิ้น ตอนหลังๆ ตายเลย จิกหมอนขาดแน่นอน (หัวเราะ)"
ชบาในเรื่องเป็นตัวคิมเลยไหม?
คิม - "ไม่ขนาดนั้น แต่ช่วงคอมเมดี้ก็ใช่แหละ (หัวเราะ) ส่วนเรื่องมุขสด เราเป็นคนสมองช้า คิดไม่ค่อยออก แต่คนที่เข้าฉากยากที่สุดคือพี่อ้น (ศรีพรรณ) เหนื่อยกับการเล่นกับนางมาก แต่เจอนางทุกเรื่องเลย (หัวเราะ) เขาจะทำให้เราหลุด เล่นหลังๆ คิมจะไม่มองหน้าแกเลย คือพี่อ้นสุดๆ"
กับการตอบรับที่ได้ยินมาปลื้มไหม?
คิม - "ปลื้มค่ะ แค่กระแสดีก็ปลื้มแล้ว เป็นรางวัลให้กับทีมงาน ผู้กำกับฯ ทุกคนก็แฮปปี้แล้ว ไม่ได้ไปดูตรงเรตติ้ง ถามว่ากดดันมั้ย เพราะเรื่องนี้เปิดเรื่องมาดีมาก ก็มีบางครั้งที่นอยด์นิดนึง แต่ทั้งหมดเราทำดีที่สุดแล้ว ตอนนี้ขึ้นอยู่กับว่าคนดูชอบหรือไม่ชอบ คิมว่าเรื่องนี้เป็นเรื่องที่แปลกใหม่ ในประวัติศาสตร์ละครไทย ไม่เคยมี"
หวังไหมว่าจะดังเหมือน "บุพเพสันนิวาส"?
คิม - "อันนั้นเป็นปรากฏการณ์ที่มาในจังหวะที่ดีและเรื่องสนุก แต่ไม่ได้เอามาเปรียบเทียบเพราะคนละเรื่อง ไม่สามารถเอามาเปรียบเทียบได้ นักแสดงก็คนละคน แต่หัวใจหลักของคนทำละครคืออยากให้คนดูสนุก นั่นคือสิ่งเดียวที่เหมือนกัน"
เรื่องนี้มีเรื่องแพทย์แผนไทยเข้ามาเกี่ยวข้อง มองว่ามันใกล้ไกลกับตัวเราแค่ไหน?
คิม - "พูดตรงๆ ว่าก่อนที่คิมมาเล่นเรื่องนี้ ลุงคิมเขาหันมารักษากับแพทย์ทางเลือก เพราะเคสพ่อคิม เราทำทุกวิถีทาง เรารู้ว่าการใช้ยามีเอฟเฟกต์ เลยหันมาใส่ใจยาแผนโบราณที่ไม่มีเอฟเฟกต์ แต่เป็นบางอย่าง ต้องดูตามโอกาส ก็เป็นเรื่องที่ดี ประกอบกับช่วงที่คิมเล่นเรื่องนี้ด้วย คิมก็บอกว่ามันดีนะ ลุงก็ยังไปหาแพทย์ทางเลือกอยู่ เพราะฉะนั้นมันเป็นเรื่องใกล้ตัว บ้านคิมก็ไปหายาแผนไทยกิน"
ตอนนี้มีละครกี่เรื่อง?
คิม - "มีถ่ายเรื่อง ดั่งดวงหฤทัย ถ่ายก่อนเรื่องนี้อีก เดือนหน้าก็ต้องไปถ่ายที่ญี่ปุ่นอีกรอบ ไปเอาหิมะ ตอนแรกเหมือนไม่ต้องไปถ่ายเพิ่มแล้ว แต่ก็ต้องไปถ่ายอีกอาทิตย์หนึ่งค่ะ ตอนนี้เพิ่งถ่ายไป 20 เปอร์เซ็นต์เองค่ะ แต่ก็เริ่มอัดถ่ายแล้ว"
เรื่อง "ดั่งดวงหฤทัย" ชุดนี่แน่นมาก?
คิม - "ค่ะ แต่อยู่ที่ต่างประเทศไม่พอนะมันหนาวมาก ต้องใส่ฮีทเทค 3 ชั้น ที่เห็นไม่ได้อ้วนนะคะ แค่บวม (หัวเราะ) อยู่เมืองไทยก็จะตัวเบา ฝากบอกพันทิปด้วยว่าห้ามติ (หัวเราะ) ตอนนี้บทมาครบแล้ว แต่ก็รอคิวถ่าย ต้องรอให้รวบรวมกลับมาให้ครบก่อน"
เล่นคู่กับ 'ติ๊ก-เจษฎาภรณ์' เป็นอย่างไรบ้าง?
คิม - "ดีค่ะ ตอนแรกกลัวว่าเขาติสต์ๆ แต่ไม่ติสต์เลย แล้วเป็นกันเองมาก ขี้เล่น และชอบแกล้ง บทนี้ก็เป็นแค่พี่ติ๊กคนเดียวนะที่เล่นได้ นิ่งๆ เป็นเจ้าชายมาดเข้ม เราก็เป็นเจ้าหญิงสูงศักดิ์มาก เล่นเรื่องนี้ยังขุดตัวเองไม่ได้เลยว่าจะเล่นยังไง และภาษายากมาก พูดเป็นหน้าเลย บางทีก็มีติด ในเรื่องต้องพูดหม่อมฉัน มีบางทีพูดข้าเลย (หัวเราะ) เพราะมันติดจากเรื่องทองเอกฯ คือตอนนี้เราต้องอ่านบทใหม่ทั้งหมด เพราะก่อนหน้านี้เราก็อ่านไปแล้ว แต่มันเว้นช่วงถ่ายไปนาน"
"ดั่งดวงหฤทัย" ถ่ายมาหลายเวอร์ชั่นแล้ว?
คิม - "ค่ะ เวอร์ชั่นเก่าคิมยังไม่ได้ดูเลย แล้วคิมไม่ดู เพราะถ้าคิมเล่นละครรีเมก จะไม่ดูอันเก่า ถ้าดูแล้วกลัวติด แต่เรื่องนี้ยุคสมัยนี้คงไม่เหมือนเวอร์ชั่นก่อนๆ เวอร์ชั่นก่อนจะออกแขกๆ หน่อย แต่เวอร์ชั่นนี้จะเป็นแบบฝรั่ง ก็อยากจะฝากให้กำลังใจคิมด้วยนะคะ ส่วนเรื่องอื่นให้รอลุ้นกันดูค่ะ เพราะตอนนี้เหลือคิว จันทร์-พุธ จริงๆ ก็พักผ่อนก่อนได้ค่ะ ตอนนี้ก็มีคุยกันอยู่ แต่ยังไม่คอนเฟิร์มสักเรื่อง"
เป็นนางเอกที่ใช้พระเอกเปลืองเหมือนกัน?
คิม - "ซ้ำนะ คิมเล่นกับพี่หมาก (ปริญ) เยอะสุด แต่ก็ยังไม่ได้เล่นกับใครอีกหลายคนเลยนะ อยากเล่นคู่กับพี่เคน-ธีรเดช จริงๆ เล่นได้กับทุกคน ขึ้นอยู่กับว่าช่องจะเลือกให้เล่นคู่กับใคร"
มีบทแบบไหนที่อยากเล่นอีก?
คิม - "อยากเล่นเป็นคนบ้า เล่นเป็นนางเอกที่ร้ายๆ เคยแต่เป็นคุณหนูเอาแต่ใจ แต่คราวนี้อยากเล่นเป็นนางเอกที่ร้ายบ้าง แล้วก็หนังก็ยังไม่เคยเล่น อยู่ที่บทด้วย ก่อนหน้านี้เคยติดต่อมาให้เล่นเป็นหนังผี แต่ตอนนั้นยังไม่พร้อม เพราะติดละครหลายเรื่อง ตอนนี้พร้อมแล้ว ติดต่อกันมาได้ค่ะ แต่ปรากฏว่าตอนนี่ไม่มีใครติดต่อแล้ว เพราะเราปฏิเสธไปหลายเรื่อง (หัวเราะ)"
กับงานในวงการ วางแผนไว้อย่างไรบ้าง
คิม - "อยากเป็นนักแสดงเรื่อยๆ เพราะความฝันของคิมอยากเป็นนักแสดงตั้งแต่เด็ก ยังอยากแสดงอยู่เรื่อยๆ แต่คงเลือกมากขึ้น มีเวลาให้กับตัวเองมากขึ้นด้วย"
นักแสดงหลายคน พอมีวุฒิภาวะระดับหนึ่งแล้วก็เลือกที่จะเป็นนักแสดงอิสระ?
คิม - "สำหรับคิมแฮปปี้ที่จะอยู่ตรงนี้ อยู่กับช่อง 3 คงไม่ได้ไปไหน เพราะคิมคุยกับผู้ใหญ่ได้แล้ว เขาเปิดใจ และน่ารักมาก เหมือนเป็นครอบครัว เหมือนเป็นอีกบ้านของเราไปแล้ว มันแฮปปี้ค่ะ"
รัก 5 ปีต่างเรียนรู้ - สะท้อนชีวิตของกันและกัน
คบกับพระเอกหนุ่ม
'หมาก' ปริญ สุภารัตน์ มา 5 ปี ทุกอย่างลงล็อก ชัดเจน และนิ่งขึ้น โดยนางเอกสาว
'คิม-คิมเบอร์ลี่' เผยว่า
"สำหรับความรักก็เรื่อยๆ คิมว่าปีที่ผ่านมาเราต่างคนต่างทำงาน มีเวลาก็ไปกินข้าวด้วยกัน มันเรียบๆ ไม่ได้หวือหวา เวลาผ่านไปยิ่งสนิทกัน ผ่านอะไรมาด้วยกันเยอะมาก และความคิดของแต่ละคนก็เริ่มโตเป็นผู้ใหญ่ ไม่ค่อยทะเลาะกัน จะนิ่งๆ ต่างคนต่างทำงาน และแบ่งเวลากันได้ถูกต้อง คือแบ่งเวลาให้กันครอบครัว แบ่งเวลาให้งาน ทุกอย่างมันลงล็อกมากขึ้น ถึงได้บอกว่ามันเรียบๆ"
เพื่อนๆ มีแซวไหม หลังจากหมากบอกว่าเริ่มคิดเรื่องแต่งงานแล้ว คิมกล่าวว่า
"เรามีการคุยกันจริงๆ แต่ไม่ได้คุยกันลักษณะจะมาขอ หรือมาคุยกับทางผู้ใหญ่บ้านเรา ไม่ได้คุยกับแบบนั้น คือแน่นอนว่าคนที่อยู่ด้วยกันมาสักพัก มันก็ต้องคุยกันว่าอนาคตเราจะไปด้วยกัน เรามีมุมมองอย่างไรในอนาคต เรามองเห็นตัวเองอีก 10 ปีข้างหน้าเป็นอย่างไร แค่นั้น"
เราคบกันกี่ปีแล้ว
"5 ปี แล้วค่ะ"
เปลี่ยนแปลงอย่างไรกันไปบ้าง
"โอ้โห (หัวเราะ) เยอะอยู่ค่ะ เขาเป็นผู้ชายคนนึง เป็นผู้ชายแท้ เมื่อก่อนเขาไม่ได้มุ้งมิ้ง ไม่มีความหวาน คิดอะไรก็พูด บางทีก็ไม่พูด ซึ่งคิมว่าเหตุการณ์ต่างๆ ที่เราผ่านด้วยกันมาทุกปี มันทำให้เขาเปิดมากขึ้น แล้วเราก็แชร์กันมากขึ้น จนเขาเห็นชีวิตเรา มันสะท้อนกันเองว่าอะไรดี อะไรไม่ดี"
"อย่างง่ายๆ คือเรื่องของพ่อคิม เขาได้รับเอฟเฟกต์จากเรื่องนี้เยอะมาก เพราะเขาอยู่เคียงข้างเราตลอดตั้งแต่วันแรก มันทำให้เขาคิดว่าเขาต้องดูแลครอบครัวเขามากขึ้น ไม่ใช่ทำงานอย่างเดียวและให้เวลากับชีวิตมากขึ้น เราต้องไม่ทิ้งการใช้ชีวิต ไม่ใช่ทำงานอย่างเดียวตั้งแต่ 7 โมงเช้าถึง 4 ทุ่ม กลับเข้าบ้านก็นอน แทบไม่ได้ใช้เวลาอยู่บ้านเลย พอเราโตขึ้น เรารู้สึกว่าเราอยากอยู่บ้าน มีเวลาได้ดูแลคนในบ้าน"
หมากมีความอ่อนโยนขึ้นด้วยไหม
"อ่อนโยนขึ้น ใจเย็นขึ้น คิดว่ามันสะท้อนกันเอง ตัวคิมก็โตขึ้น เราเป็นน้องคนสุดท้อง บางทีก็มีงอแงเอาแต่ใจ เพราะพี่ๆ เขาตามใจเรามาตลอด แต่พี่หมากเขาเป็นคนที่ทำให้เรารู้ว่าเราไม่ได้ทุกอย่างในชีวิตหรอกนะ (หัวเราะ) เขาไม่ใช่คนดุ แต่เขาปล่อยเฉยจนเรารู้สึกเองได้ (หัวเราะ) จนเรามาคิดว่าบางทีเราก็คิดมากไปเอง มันก็ทำให้เราคิดได้ว่าเราก็ไม่ควรคิดมาก"
เวลาเรางอนเขาง้อไหม
"อย่าเรียกว่าง้อเลย (หัวเราะ) ง้อแบบผู้ชายที่ไม่มุ้งมิ้ง ตัวคิมก็ไม่ได้คาดหวังอะไรแล้ว ทุกวันนี้ไม่ค่อยทะเลาะกันแล้ว เพราะว่าไม่ค่อยมีเวลา ถ้าว่างถึงจะทะเลาะ (หัวเราะ)"
มองอนาคตกับความรักครั้งนี้ยังไงบ้าง
"ทำทุกวันให้มันดี เอาให้มันรอดไปทุกวันก็พอแล้ว อันนี้จริงๆ นะ เพราะอนาคตเราไม่รู้ว่าจะเกิดอะไรขึ้น เหมือนอย่างที่คิมเคยบอกว่า ถึงแม้ว่าสุดท้ายแล้ว เขาจะไม่ใช่คนนั้น คิมก็อยากคบเขาไปตลอด ดังนั้น ต้องบาลานซ์ให้ดีค่ะ"
แหล่งที่มา : บทสัมภาษณ์โดยคุณอนงค์ จันทร จากหนังสือพิมพ์ข่าวสด ฉบับวันอาทิตย์ที่ 24 กุมภาพันธ์ พ.ศ.2562
'คิมเบอร์ลี่' ฉีกลุกส์เปรี้ยงใส่ตัวตนถ่ายทอดบทคอมเมดี้
วันนี้จังหวะดี ที่สาวคิมมาร่วมกิจกรรม "ตามรอยละครทองเอก หมอ ท่าโฉลง" ณ เรือนไทยสายน้ำจามจุรี พระนครศรีอยุธยา เลยขอจับเข่าคุยถึงความฮอตของละคร
คิม - "ทุกเรื่อง คิมไม่ค่อยคาดหวัง แต่จะทำให้เต็มที่ในพาร์ตเรา และองค์ประกอบอื่นๆ ก็ต้องช่วยส่งเสริมด้วย อย่างเรื่องนี้ บทมาคิมรู้เลยว่าสนุก ตัวละครแต่ละตัวชัดมาก ตั้งแต่ในบทแล้ว แล้วเราชอบละครแนวนี้อยู่แล้ว"
เป็นลูกครึ่ง มาเล่นละครพีเรียดกังวลไหม?
คิม - "คิมก็ถามพี่ชุ (ชุดาภา) เหมือนกัน พี่ชุโทรมาเล่าเรื่องราวว่าเป็นคอมเมดี้ที่ฉีกแนว เพราะฉะนั้นมันไม่มีอะไร ก็ถามเขาว่าภาษายากมั้ย เพราะไม่เคยเล่นละครยุคนี้ เขาบอกไม่ซีเรียสเลย พูดแค่ข้ากับเอ็ง พอพี่ชุเล่าให้ฟัง มันอยากเล่นแล้วได้ร่วมงานกับพี่โอ้ด้วย พอได้มาดูเนื้อเรื่องจริงๆ มันดีน่าสนุก เต้นท่าโน้นท่านี้ใส่สไบ ฟันดาบ ห้าวๆ"
คิม - "ไม่กังวล ทุกฉากสนุก อยากมากอง เราถ่ายแค่ 5 เดือนครึ่ง แต่สนิทกันมาก เพราะเราถ่ายกันอึดมาก ถ่ายกัน 20 กว่าฉากทุกวัน ทีมงานเขาจิกดี (หัวเราะ) เขาชื่อพี่กุ้ง แต่นักแสดงทุกคนเปลี่ยนให้ชื่อพี่ไก่ (หัวเราะ)"
เรื่องนี้ถือเป็นการเปลี่ยนลุกส์ของเรา?
คิม - "เปลี่ยนตรงเสื้อผ้า หน้าผม แต่การเล่นคอมเมดี้ ต้องมีความธรรมชาติ มันจึงต้องมีความเป็นตัวเราเข้าไปด้วย อย่างตัวที่พี่โอ้เล่น ถ้าเปลี่ยนเป็นคนอื่น คิมก็ว่าไม่ได้ พี่โอ้เป็นคนที่เก่งมาก เก็บรายละเอียดเก่ง ส่งอารมณ์ดีมาก บอกให้ทำอะไรทำหมด มีบ้างที่เขาเล่นนอกบท ทำให้เราหลุดขำ"
ถือว่ากับโอ้ตอนนี้เรียกคู่จิ้นได้ไหม?
คิม - "โอ้โห ถ้าแค่นี้เรียกคู่จิ้น ตอนหลังๆ ตายเลย จิกหมอนขาดแน่นอน (หัวเราะ)"
คิม - "ไม่ขนาดนั้น แต่ช่วงคอมเมดี้ก็ใช่แหละ (หัวเราะ) ส่วนเรื่องมุขสด เราเป็นคนสมองช้า คิดไม่ค่อยออก แต่คนที่เข้าฉากยากที่สุดคือพี่อ้น (ศรีพรรณ) เหนื่อยกับการเล่นกับนางมาก แต่เจอนางทุกเรื่องเลย (หัวเราะ) เขาจะทำให้เราหลุด เล่นหลังๆ คิมจะไม่มองหน้าแกเลย คือพี่อ้นสุดๆ"
กับการตอบรับที่ได้ยินมาปลื้มไหม?
คิม - "ปลื้มค่ะ แค่กระแสดีก็ปลื้มแล้ว เป็นรางวัลให้กับทีมงาน ผู้กำกับฯ ทุกคนก็แฮปปี้แล้ว ไม่ได้ไปดูตรงเรตติ้ง ถามว่ากดดันมั้ย เพราะเรื่องนี้เปิดเรื่องมาดีมาก ก็มีบางครั้งที่นอยด์นิดนึง แต่ทั้งหมดเราทำดีที่สุดแล้ว ตอนนี้ขึ้นอยู่กับว่าคนดูชอบหรือไม่ชอบ คิมว่าเรื่องนี้เป็นเรื่องที่แปลกใหม่ ในประวัติศาสตร์ละครไทย ไม่เคยมี"
หวังไหมว่าจะดังเหมือน "บุพเพสันนิวาส"?
คิม - "อันนั้นเป็นปรากฏการณ์ที่มาในจังหวะที่ดีและเรื่องสนุก แต่ไม่ได้เอามาเปรียบเทียบเพราะคนละเรื่อง ไม่สามารถเอามาเปรียบเทียบได้ นักแสดงก็คนละคน แต่หัวใจหลักของคนทำละครคืออยากให้คนดูสนุก นั่นคือสิ่งเดียวที่เหมือนกัน"
เรื่องนี้มีเรื่องแพทย์แผนไทยเข้ามาเกี่ยวข้อง มองว่ามันใกล้ไกลกับตัวเราแค่ไหน?
คิม - "พูดตรงๆ ว่าก่อนที่คิมมาเล่นเรื่องนี้ ลุงคิมเขาหันมารักษากับแพทย์ทางเลือก เพราะเคสพ่อคิม เราทำทุกวิถีทาง เรารู้ว่าการใช้ยามีเอฟเฟกต์ เลยหันมาใส่ใจยาแผนโบราณที่ไม่มีเอฟเฟกต์ แต่เป็นบางอย่าง ต้องดูตามโอกาส ก็เป็นเรื่องที่ดี ประกอบกับช่วงที่คิมเล่นเรื่องนี้ด้วย คิมก็บอกว่ามันดีนะ ลุงก็ยังไปหาแพทย์ทางเลือกอยู่ เพราะฉะนั้นมันเป็นเรื่องใกล้ตัว บ้านคิมก็ไปหายาแผนไทยกิน"
ตอนนี้มีละครกี่เรื่อง?
คิม - "มีถ่ายเรื่อง ดั่งดวงหฤทัย ถ่ายก่อนเรื่องนี้อีก เดือนหน้าก็ต้องไปถ่ายที่ญี่ปุ่นอีกรอบ ไปเอาหิมะ ตอนแรกเหมือนไม่ต้องไปถ่ายเพิ่มแล้ว แต่ก็ต้องไปถ่ายอีกอาทิตย์หนึ่งค่ะ ตอนนี้เพิ่งถ่ายไป 20 เปอร์เซ็นต์เองค่ะ แต่ก็เริ่มอัดถ่ายแล้ว"
คิม - "ค่ะ แต่อยู่ที่ต่างประเทศไม่พอนะมันหนาวมาก ต้องใส่ฮีทเทค 3 ชั้น ที่เห็นไม่ได้อ้วนนะคะ แค่บวม (หัวเราะ) อยู่เมืองไทยก็จะตัวเบา ฝากบอกพันทิปด้วยว่าห้ามติ (หัวเราะ) ตอนนี้บทมาครบแล้ว แต่ก็รอคิวถ่าย ต้องรอให้รวบรวมกลับมาให้ครบก่อน"
เล่นคู่กับ 'ติ๊ก-เจษฎาภรณ์' เป็นอย่างไรบ้าง?
คิม - "ดีค่ะ ตอนแรกกลัวว่าเขาติสต์ๆ แต่ไม่ติสต์เลย แล้วเป็นกันเองมาก ขี้เล่น และชอบแกล้ง บทนี้ก็เป็นแค่พี่ติ๊กคนเดียวนะที่เล่นได้ นิ่งๆ เป็นเจ้าชายมาดเข้ม เราก็เป็นเจ้าหญิงสูงศักดิ์มาก เล่นเรื่องนี้ยังขุดตัวเองไม่ได้เลยว่าจะเล่นยังไง และภาษายากมาก พูดเป็นหน้าเลย บางทีก็มีติด ในเรื่องต้องพูดหม่อมฉัน มีบางทีพูดข้าเลย (หัวเราะ) เพราะมันติดจากเรื่องทองเอกฯ คือตอนนี้เราต้องอ่านบทใหม่ทั้งหมด เพราะก่อนหน้านี้เราก็อ่านไปแล้ว แต่มันเว้นช่วงถ่ายไปนาน"
"ดั่งดวงหฤทัย" ถ่ายมาหลายเวอร์ชั่นแล้ว?
คิม - "ค่ะ เวอร์ชั่นเก่าคิมยังไม่ได้ดูเลย แล้วคิมไม่ดู เพราะถ้าคิมเล่นละครรีเมก จะไม่ดูอันเก่า ถ้าดูแล้วกลัวติด แต่เรื่องนี้ยุคสมัยนี้คงไม่เหมือนเวอร์ชั่นก่อนๆ เวอร์ชั่นก่อนจะออกแขกๆ หน่อย แต่เวอร์ชั่นนี้จะเป็นแบบฝรั่ง ก็อยากจะฝากให้กำลังใจคิมด้วยนะคะ ส่วนเรื่องอื่นให้รอลุ้นกันดูค่ะ เพราะตอนนี้เหลือคิว จันทร์-พุธ จริงๆ ก็พักผ่อนก่อนได้ค่ะ ตอนนี้ก็มีคุยกันอยู่ แต่ยังไม่คอนเฟิร์มสักเรื่อง"
เป็นนางเอกที่ใช้พระเอกเปลืองเหมือนกัน?
คิม - "ซ้ำนะ คิมเล่นกับพี่หมาก (ปริญ) เยอะสุด แต่ก็ยังไม่ได้เล่นกับใครอีกหลายคนเลยนะ อยากเล่นคู่กับพี่เคน-ธีรเดช จริงๆ เล่นได้กับทุกคน ขึ้นอยู่กับว่าช่องจะเลือกให้เล่นคู่กับใคร"
คิม - "อยากเล่นเป็นคนบ้า เล่นเป็นนางเอกที่ร้ายๆ เคยแต่เป็นคุณหนูเอาแต่ใจ แต่คราวนี้อยากเล่นเป็นนางเอกที่ร้ายบ้าง แล้วก็หนังก็ยังไม่เคยเล่น อยู่ที่บทด้วย ก่อนหน้านี้เคยติดต่อมาให้เล่นเป็นหนังผี แต่ตอนนั้นยังไม่พร้อม เพราะติดละครหลายเรื่อง ตอนนี้พร้อมแล้ว ติดต่อกันมาได้ค่ะ แต่ปรากฏว่าตอนนี่ไม่มีใครติดต่อแล้ว เพราะเราปฏิเสธไปหลายเรื่อง (หัวเราะ)"
กับงานในวงการ วางแผนไว้อย่างไรบ้าง
คิม - "อยากเป็นนักแสดงเรื่อยๆ เพราะความฝันของคิมอยากเป็นนักแสดงตั้งแต่เด็ก ยังอยากแสดงอยู่เรื่อยๆ แต่คงเลือกมากขึ้น มีเวลาให้กับตัวเองมากขึ้นด้วย"
นักแสดงหลายคน พอมีวุฒิภาวะระดับหนึ่งแล้วก็เลือกที่จะเป็นนักแสดงอิสระ?
คิม - "สำหรับคิมแฮปปี้ที่จะอยู่ตรงนี้ อยู่กับช่อง 3 คงไม่ได้ไปไหน เพราะคิมคุยกับผู้ใหญ่ได้แล้ว เขาเปิดใจ และน่ารักมาก เหมือนเป็นครอบครัว เหมือนเป็นอีกบ้านของเราไปแล้ว มันแฮปปี้ค่ะ"
รัก 5 ปีต่างเรียนรู้ - สะท้อนชีวิตของกันและกัน
คบกับพระเอกหนุ่ม 'หมาก' ปริญ สุภารัตน์ มา 5 ปี ทุกอย่างลงล็อก ชัดเจน และนิ่งขึ้น โดยนางเอกสาว 'คิม-คิมเบอร์ลี่' เผยว่า
"สำหรับความรักก็เรื่อยๆ คิมว่าปีที่ผ่านมาเราต่างคนต่างทำงาน มีเวลาก็ไปกินข้าวด้วยกัน มันเรียบๆ ไม่ได้หวือหวา เวลาผ่านไปยิ่งสนิทกัน ผ่านอะไรมาด้วยกันเยอะมาก และความคิดของแต่ละคนก็เริ่มโตเป็นผู้ใหญ่ ไม่ค่อยทะเลาะกัน จะนิ่งๆ ต่างคนต่างทำงาน และแบ่งเวลากันได้ถูกต้อง คือแบ่งเวลาให้กันครอบครัว แบ่งเวลาให้งาน ทุกอย่างมันลงล็อกมากขึ้น ถึงได้บอกว่ามันเรียบๆ"
เพื่อนๆ มีแซวไหม หลังจากหมากบอกว่าเริ่มคิดเรื่องแต่งงานแล้ว คิมกล่าวว่า
"เรามีการคุยกันจริงๆ แต่ไม่ได้คุยกันลักษณะจะมาขอ หรือมาคุยกับทางผู้ใหญ่บ้านเรา ไม่ได้คุยกับแบบนั้น คือแน่นอนว่าคนที่อยู่ด้วยกันมาสักพัก มันก็ต้องคุยกันว่าอนาคตเราจะไปด้วยกัน เรามีมุมมองอย่างไรในอนาคต เรามองเห็นตัวเองอีก 10 ปีข้างหน้าเป็นอย่างไร แค่นั้น"
เราคบกันกี่ปีแล้ว
"5 ปี แล้วค่ะ"
เปลี่ยนแปลงอย่างไรกันไปบ้าง
"โอ้โห (หัวเราะ) เยอะอยู่ค่ะ เขาเป็นผู้ชายคนนึง เป็นผู้ชายแท้ เมื่อก่อนเขาไม่ได้มุ้งมิ้ง ไม่มีความหวาน คิดอะไรก็พูด บางทีก็ไม่พูด ซึ่งคิมว่าเหตุการณ์ต่างๆ ที่เราผ่านด้วยกันมาทุกปี มันทำให้เขาเปิดมากขึ้น แล้วเราก็แชร์กันมากขึ้น จนเขาเห็นชีวิตเรา มันสะท้อนกันเองว่าอะไรดี อะไรไม่ดี"
"อย่างง่ายๆ คือเรื่องของพ่อคิม เขาได้รับเอฟเฟกต์จากเรื่องนี้เยอะมาก เพราะเขาอยู่เคียงข้างเราตลอดตั้งแต่วันแรก มันทำให้เขาคิดว่าเขาต้องดูแลครอบครัวเขามากขึ้น ไม่ใช่ทำงานอย่างเดียวและให้เวลากับชีวิตมากขึ้น เราต้องไม่ทิ้งการใช้ชีวิต ไม่ใช่ทำงานอย่างเดียวตั้งแต่ 7 โมงเช้าถึง 4 ทุ่ม กลับเข้าบ้านก็นอน แทบไม่ได้ใช้เวลาอยู่บ้านเลย พอเราโตขึ้น เรารู้สึกว่าเราอยากอยู่บ้าน มีเวลาได้ดูแลคนในบ้าน"
"อ่อนโยนขึ้น ใจเย็นขึ้น คิดว่ามันสะท้อนกันเอง ตัวคิมก็โตขึ้น เราเป็นน้องคนสุดท้อง บางทีก็มีงอแงเอาแต่ใจ เพราะพี่ๆ เขาตามใจเรามาตลอด แต่พี่หมากเขาเป็นคนที่ทำให้เรารู้ว่าเราไม่ได้ทุกอย่างในชีวิตหรอกนะ (หัวเราะ) เขาไม่ใช่คนดุ แต่เขาปล่อยเฉยจนเรารู้สึกเองได้ (หัวเราะ) จนเรามาคิดว่าบางทีเราก็คิดมากไปเอง มันก็ทำให้เราคิดได้ว่าเราก็ไม่ควรคิดมาก"
เวลาเรางอนเขาง้อไหม
"อย่าเรียกว่าง้อเลย (หัวเราะ) ง้อแบบผู้ชายที่ไม่มุ้งมิ้ง ตัวคิมก็ไม่ได้คาดหวังอะไรแล้ว ทุกวันนี้ไม่ค่อยทะเลาะกันแล้ว เพราะว่าไม่ค่อยมีเวลา ถ้าว่างถึงจะทะเลาะ (หัวเราะ)"
มองอนาคตกับความรักครั้งนี้ยังไงบ้าง
"ทำทุกวันให้มันดี เอาให้มันรอดไปทุกวันก็พอแล้ว อันนี้จริงๆ นะ เพราะอนาคตเราไม่รู้ว่าจะเกิดอะไรขึ้น เหมือนอย่างที่คิมเคยบอกว่า ถึงแม้ว่าสุดท้ายแล้ว เขาจะไม่ใช่คนนั้น คิมก็อยากคบเขาไปตลอด ดังนั้น ต้องบาลานซ์ให้ดีค่ะ"