ความเข้าใจในพระอภิธรรมมีประโยชน์อย่างยิ่งอย่างไรบ้างกับเพื่อนๆสมาชิกครับ

กระทู้สนทนา
ความมุ่งหมายในการตั้งกระทู้นี้ ก็เพื่ออธิบายว่า ผมเห็นประโยชน์ในการศึกษาทำความเข้าใจพระอภิธรรมอย่างไร
และ ก็อยากรู้ว่าท่านที่ศึกษาพระอภิธรรมและเข้าใจแล้ว ท่านเห็นประโยชน์กับตัวท่านอย่างไรบ้างครับ
-๑.พระที่สอนพระอภิธรรมมีน้อย คนที่เรียนพระอภิธรรมก็มีน้อย สถานที่ที่จะเรียนพระอภิธรรม ก็มีน้อย แต่โชคดีมียูตู๊บ จึงได้มีโอกาสได้เรียนพระอภิธรรมจนเข้าใจในระดับหนึ่ง ระดับการฟังให้เข้าใจ
-๒.เมื่อได้เรียนพระอภิธรรม ในยูตู๊บ กับ อ.อาณัติชัย เหลืองอมรชัย ตั้งแต่บทที่ ๑ ถึง บทที่ ๙ ในเที่ยวแรกก็เกิดความตั้งใจว่าจะต้องเรียนซ้ำในเที่ยวที่สองและจะต้องมีการบันทึกคำสอนและภาพที่อาจารย์ยกขึ้นมาบนกระดาน(ใกล้สำเร็จแล้ว) แต่ก็เกิดข้อสงสัยว่า หากอ้างว่า อาจารย์ อาณัติชัย เป็นอาจารย์ที่สอนเวลาไปแสดงความคิดเห็นเกิดมีคนถามแล้วไปอ้างชื่ออาจารย์เข้า มันคงจะไม่ดี เพราะหากเขาไปถามอาจารย์ว่าสอนผมหรือเปล่า แกก็คงงง ไม่รู้จัก และอีกอย่างหนึ่งหากมีคนคิดไม่ดีชอบแอบอ้างก็จะเป็นการรำคาญกายใจอาจารย์ จึงต้องมาแสดงไว้ให้ปรากฏว่าเป็นอย่างนี้นะครับ แต่ในความคิดเห็นของผม ท่านเป็นสหชาติ ท่านเป็นกัลยาณมิตร และเป็นความโชคดีของผมที่ได้มีโอกาสมาศึกษาในยูตู๊บสักครั้งหนึ่งในชีวิต
-๓.ประโยชน์ที่ได้จากการศึกษาพระอภิธรรมของผม
๓.๑ แรกเริ่ม ตั้งใจว่าอยากรู้เรื่องจิต พอเริ่มเรียนเรื่องจิตปรมัตถ์ จึงตกใจว่า เข้าใจผิดเรื่องจิตมาตลอดเลย และมาเข้าใจเรื่องจิตเมื่อมาเรียนพระอภิธรรม
๓.๒ คราวนี้ก็ไปเรื่อย จากเข้าใจเรื่องจิต ก็เข้าใจเรื่องเจตสิก เข้าใจเรื่องรูป เข้าใจบัญญัติ เข้าใจนิพพาน (เข้าใจตรงตามที่อาจารย์สอนในยุตู๊บ ซึ่งเป็นบันทึกการสอนมหาวิทยาลัยพระ) ซึ่งเป็นความเข้าใจที่ใหญ่หลวงยิ่งในความคิดของผมไม่เคยเจอะเจอมาก่อนในชีวิต
๓.๓ จากการเรียน ก็เข้าใจ เรื่องกัมมัสสกตา เรื่องวิถีจิต เข้าใจเรื่องอริยสัจจะ ๔ เข้าใจเรื่องปฏิจจสมุปบาท เข้าใจเรื่อง สมถกัมมัฏฐาน เข้าใจเรื่องวิปัสสนากัมมัฏฐาน เข้าใจเรื่องคัมภีร์มหาปัฏฐาน (เข้าใจตรงที่สอนและตรงตามที่อาจารย์สอนในยูตู๊บที่สอนในมหาวิทยาลัยจุฬาฯ)ส่วนที่ยังไม่ได้รับการสอนจะยังไม่รู้ซึ่งก็รู้ว่ายังมีอีกมากมายที่ยังไม่รู้ไม่ได้เรียน เพราะอาจารย์ที่สอนกล่าวว่า ที่เรียนเพียงแค่นิดเดียวในกุสลาธรรมา
๓.๔ ความเข้าใจในพระอภิธรรม และอาจารย์ยกตัวอย่างพระสูตร มาแถมท้าย ทำให้เกิดปิติโดยเฉพาะตอนพระนางสิริมหามายา สำเร็จอรหัตถผล แล้วมากราบทูลลาพระพุทธเจ้าก่อนนิพพาน และอีกมากมายที่อาจารย์เล่าให้ฟังประกอบการสอน ล้วนแล้วแต่ทำให้เกิดปิติ
๓.๕ การเปลี่ยนแปลงทางความคิดเห็นและทัศนคติ
๓.๕.๑ เมื่อเข้าใจเรื่องจุติจิต ปฏิสนธิจิต ซึ่งเกิดสืบต่อไม่มีระหว่างขั้น(การสอนในพระอภิธรรมจะยกวิถีจิตมาแสดงให้ผู้เรียนเข้าใจ)ทำให้เข้าใจเรื่องผีชัดเจนและเข้าใจเพิ่มได้ว่ามีแต่ภพภูมิ ๓๑ภูมิ
๓.๕.๒ เมื่อเข้าใจ สังขารเป็นปัจจัยให้เกิดวิญญาน(การเรียนปฏิจจสมุปบาท ทำให้เข้าใจ อดีตเหตุ ปัจจุบันผล ปัจจุบันเหตุ อนาคตผล) ในอบาย ในกามสุคติภูมิ ในรูปภูมิ ในอรูปภูมิ และในโลกุตตรจิต เข้าใจปัจจุบันก็เป็นนามรูป อย่างนี้ อดีตก็แบบนี้ อนาคตก็แบบนี้ และเข้าใจว่าสิ่งที่สอนนั้นก็เพื่อให้เข้าใจว่าสัตว์บุคคลนั้นไม่มีมีแต่ นาม รูป เท่านั้น
๓.๕.๓ เมื่อเรียนมาระดับหนึ่ง ด้วยความศรัทธาในการสร้างกุศล ด้วยการเข้าวัดทำบุญ เมื่อก่อนจะทำโดยการบริจาคตังค์ บางวัดก็หมดกระเป๋า ส่วนมากตั้งใจเอาไปเท่าไหร่ก็หมดเท่านั้น แต่ต่อมาภายหลัง ก็พิจารณาทำบุญถวายเงินเช่น ช่วยค่าดอกไม้ ใช้หนี้สงฆ์ เพื่อการศึกษา ร่วมทำบุญกับคนอื่นๆสร้างพระไตรปิฎกถวายวัดที่ไม่มี เป็นต้น ส่วนการฟังธรรมจากพระสงฆ์ก็นั่งพิจารณาสิ่งที่พระเทศน์สอน และมีความรู้สึกว่า อยากมีส่วนร่วมในวันพระกับท่านอื่นๆ ในวันพระ
๓.๕.๔ ชาตินี้เกิดเป็นคนไทย ชาติหน้าหากโชคดีอย่างยิ่งยวดได้เกิดเป็นคน แต่หากเกิดเป็นพม่า คือเข้าใจว่าไม่มีใครเลือกเกิดได้ แต่หากเกิดมาเป็นคนพม่าหละ ดังนั้นความเมตตากรุณามุทิตาอุเบกขา จึงเกิดทันที ลบความเข้าใจผิดเดิมๆที่ถูกสั่งสอนเดิมๆจนหมดสิ้น ก็เหมือนกัน หากภรรยา พ่อแม่คนที่เราเคยรักทั้งนั้นเกิดเป็นสัตว์เดรัจฉาน หรือคนที่เราเคยเกียจมากๆแล้วกลับมาเกิดเป็นลูกของเราล่ะ เราก็ไม่รู้ มีแต่พระพุทธเจ้าที่สามารถทรงพยากรณ์ได้เพียงพระองค์เดียว
๓.๕.๕ ยังมีความเห็นผิดอีกมากที่ยังไม่รู้ตัว ยังมีความทุกข์เกิดอย่างสม่ำเสมอ แต่ก็เริ่ม นำความรู้ที่ได้มาพิจารณาความทุกข์ที่เกิดขึ้นกับตน เช่น พิจารณาเวทนา นี่เอง จึงมีตัณหา มีอุปทาน และความกระเพื่อนหวั่นไหวจึงได้เกิดเจตนากรรมเป็นกัมมภวะ , นอกจากนี้ ยังตามรู้ อกุศลที่เกิด จากเดิมที่พยายามหาวิธีไม่ให้โกรธ แต่ปัจจุบัน ตามรู้อกุศล และ กุศลที่เกิด
๓.๕.๖ มีอีกมากมายครับ ยกตัวอย่าง ปัญหาในใจที่เคยสงสัยหมดไปเยอะจากการเรียนพระอภิธรรม และพระสูตรในพระไตรปิฎก ยกตัวอย่างเกิดปิติเกิดสุขใจเรื่อยๆในการประกอบกุศลในการศึกษาพระอภิธรรม อีกอันหนึ่งก็คือ สามารถฟังธรรมขั้นสูงได้เข้าใจเช่น พอจ.สมบัติ นันทิโก สอนเรื่องปฏิสัมภิทามรรค และมิลินทปัญหา อย่างมีความสุข และมีปิติ
๔.เป็นโชคหรือเป็นวาสนาหรือเป็นบารมีที่สร้างสมอะไรไว้ก็ตามทำให้ได้มาเรียนพระอภิธรรม และสามารถเรียนพระอภิธรรมจนจบได้ และสามารถพระอภิธรรมจนเข้าใจในระดับหนึ่งได้(รู้เท่าที่อาจารย์สอนนะครับ)นับเป็นความสุขความพึงพอใจอย่างยิ่งในการเกิดมาเป็นมนุษย์ในชาตินี้อย่างสูงสุด มากกว่าความสุขใดๆ หรือมากกว่าผลงานที่น่าภาคภูมิใจใดๆมาก่อนในอดีต
๕.สรุป ได้รับความสุขอย่างยิ่ง ครับ เพราะมีแนวทางให้เห็นอย่างชัดเจนในการเดินทางไปสู่พระนิพพาน แต่ด้วย กิเลส ที่ยังทำอะไรกะมันไม่ได้ ก็เจตนาหลงออกนอกทางบ่อยๆ ด้วยยังเห็นสุข แต่ลืมคำสอนของพระพุทธเจ้าไปว่า สุขจริงๆแล้วก็ไม่ใช่สุข ครับ ก็ยังเป็นปุถุชนธรรมดาเหมือนเดิมแต่ดีนิดหน่อยก็คือฉลาดขึ้นครับเล็กน้อย
--กราบ/นมัสการขอบพระคุณทุกความคิดเห็น แม้แต่เพียงอ่านครับ กระทู้นี้ไม่มีเจตนาแอบแฝงใดๆ ไม่ต้องการให้คนอ่านเกิด อกุศลจิต ใดๆเกิดขึ้น แต่ต้องการให้ทุกท่านเกิดมหากุศลจิต ๘ ทุกท่านครับผม
แก้ไขข้อความเมื่อ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่