คำตอบที่ได้รับเลือกจากเจ้าของกระทู้
ความคิดเห็นที่ 2
1 อาชีพทหารเป็นอาชีพที่หนักต้องฝึกร่างกายและยังต้องเสี่ยงภัยเสี่ยงชีวิต เอาแค่จุดนี้เงินเดือน 15,000+ ก็หายากแล้วครับที่จะมีคนโอเคหากไม่ใช่พวกที่ไม่มีความรู้อะไรเลย
2 ทหารสมัครมันมีการทำสัญญาและต่อสัญญาอยู่เรื่อยๆ เกิดพออายุซัก 50 ต่อสัญญาไม่ได้ต้องออกจากทหารนี่คือไปทำอะไรได้บ้างล่ะความรู้อื่นก็ไม่มี ความมั่นคงต่ำมาก
3 ถ้าเพิ่มเงินค่าตอบแทนให้พลทหารสมัคร ก็ต้องเพิ่มให้ชั้นประทวนและสัญญาบัตรด้วย ซึ่งงบกลาโหมในส่วนเงินเดือนต่างๆมีแต่เพิ่มไม่มีทางลดได้
4 ถ้าจะลดจำนวนทหารชั้นประทวนและสัญญาบัตรก็ต้องยื่นเงื่อนไขที่ดีมากๆแก่เขา ซึ่งก็ต้องใช้งบประมาณจำนวนมากอีก ยังไม่รวมว่าถ้าจะลดจำนวนโดยหลักต้องใช้การบังคับ ใช้วิธีสมัครใจมันก็ได้ผลไม่ต่างจากการ Early Retire ที่ข้าราชการไม่ได้สนใจอะไรเป็นพิเศษ
5 ถ้าลดจำนวนทหารก็ต้องแลกมาด้วยการจัดหาอาวุธที่คุณภาพดีขึ้นกว่าเดิม ซึ่งเป็นไปไม่ได้ที่จะลดงบกลาโหมลง
กำลังพลปัจจุบันเราต้องจัดวางกำลังไว้ตามพรมแดนด้านต่างๆด้วย อย่างด้านพม่าผมมองว่าควรจะมีกำลังพลประจำการไม่ต่ำกว่า 6-7 หมื่น ทางลาวกับเขมรต้องวางเผื่อกรณีเวียดนามไว้ด้วยที่ 7-8 หมื่น ทางมาเลเซียซึ่งมีปัญหาโจรใต้อยู่ไม่ควรต่ำกว่า 4-5 หมื่น นอกนั้นก็ต้องจัดวางไว้ที่ส่วนกลางเพื่อคงอัตรากำลังตามหลักยุทธศาสตร์อีก ยังไม่รวมว่าพรมแดนทางทะเลของไทยนี่ติดกันน่านน้ำต่างชาติถึง 6 ประเทศ อินเดีย อินโดนีเซีย พม่า เขมร เวียดนาม มาเลเซีย
2 ทหารสมัครมันมีการทำสัญญาและต่อสัญญาอยู่เรื่อยๆ เกิดพออายุซัก 50 ต่อสัญญาไม่ได้ต้องออกจากทหารนี่คือไปทำอะไรได้บ้างล่ะความรู้อื่นก็ไม่มี ความมั่นคงต่ำมาก
3 ถ้าเพิ่มเงินค่าตอบแทนให้พลทหารสมัคร ก็ต้องเพิ่มให้ชั้นประทวนและสัญญาบัตรด้วย ซึ่งงบกลาโหมในส่วนเงินเดือนต่างๆมีแต่เพิ่มไม่มีทางลดได้
4 ถ้าจะลดจำนวนทหารชั้นประทวนและสัญญาบัตรก็ต้องยื่นเงื่อนไขที่ดีมากๆแก่เขา ซึ่งก็ต้องใช้งบประมาณจำนวนมากอีก ยังไม่รวมว่าถ้าจะลดจำนวนโดยหลักต้องใช้การบังคับ ใช้วิธีสมัครใจมันก็ได้ผลไม่ต่างจากการ Early Retire ที่ข้าราชการไม่ได้สนใจอะไรเป็นพิเศษ
5 ถ้าลดจำนวนทหารก็ต้องแลกมาด้วยการจัดหาอาวุธที่คุณภาพดีขึ้นกว่าเดิม ซึ่งเป็นไปไม่ได้ที่จะลดงบกลาโหมลง
กำลังพลปัจจุบันเราต้องจัดวางกำลังไว้ตามพรมแดนด้านต่างๆด้วย อย่างด้านพม่าผมมองว่าควรจะมีกำลังพลประจำการไม่ต่ำกว่า 6-7 หมื่น ทางลาวกับเขมรต้องวางเผื่อกรณีเวียดนามไว้ด้วยที่ 7-8 หมื่น ทางมาเลเซียซึ่งมีปัญหาโจรใต้อยู่ไม่ควรต่ำกว่า 4-5 หมื่น นอกนั้นก็ต้องจัดวางไว้ที่ส่วนกลางเพื่อคงอัตรากำลังตามหลักยุทธศาสตร์อีก ยังไม่รวมว่าพรมแดนทางทะเลของไทยนี่ติดกันน่านน้ำต่างชาติถึง 6 ประเทศ อินเดีย อินโดนีเซีย พม่า เขมร เวียดนาม มาเลเซีย
แสดงความคิดเห็น
ถ้ายกเลิกการเกณฑ์ทหาร จริงๆแล้วงบประมาณจะเพิ่มหรือจะลดกันแน่
โดยมีนโยบายที่สำคัญๆ ที่กลายเป็นกระแสสังคมสองสามข้อ
1. ลดงบประมาณกระทรวงกลาโหม
2. ยกเลิกการเกณฑ์ทหาร
3. นำงบซื้ออาวุธไปทำอย่างอื่น
ผมเลยมีข้อสงสัยว่าการยกเลิกการเกณฑ์ทหารและการลดงบประมาณมันจะขัดแย้งกันหรือป่าว
เพราะที่ยังมีการเกณฑ์ทหารกันอยู่ ตามหลักการก็เพราะว่า ต้องการกำลังพลจำนวนมาก แต่ไม่มีคนมาสมัครอย่างเพียงพอ
และงบประมาณที่จัดสรรเป็นค่าตอบแทนก็ไม่เยอะพอที่จะจูงใจด้านเศรษฐกิจให้คนหันมาเป็นทหาร
ในกรณีที่เราเปลี่ยนมาใช้การรับสมัครแทน แน่นอนค่าตอบแทนต้องมากพอที่จะจูงใจให้คนตัดสินใจสมัคร(โดยconcept ทหารเป็นอาชีพที่ลำบากและ เสี่ยงตาย) ซึ่งต้องมากกว่าค่าตอบแทนมาตรฐานอยู่แล้ว จึงเกิดเป็นข้อสงสัยว่า
ถ้าสมมุติเราใช้วิธีรับสมัครแทน
1. กำลังพลที่จำเป็นจริงๆควรมีเท่าไรกันแน่ สำหรับรักษาความมั่นคงในปัจจุบัน (ชายแดน ยาเสพติด สามจว.ภาคใต้ + กำลังผลหมุนเวียนผลัดเปลี่ยน + )
2. เมื่อได้จำนวนมาแล้ว x ค่าตอบแทน มันจะทำให้งบประมาณเพิ่มขึ้นหรือลดลงกันแน่
3. การซื้ออาวุธที่ทันสมัย แทนการใช้คนเยอะๆ ซึ่งงบประมาณตามปกติของเรามันพอหรือ แล้วการลดงบประมาณมันจะทำให้เราสามารถจัดหาอาวุธที่ทันสมัย ได้จริงๆหรือ
ผมเลยเห็นว่า นโยบายมันขัดแย้งกันอยู่
ผมไม่มีข้อมูลเชิงตัวเลขมาอธิบายนะครับ เพียงแต่คิดในเชิงหลักการและเหตุผลเท่านั้น
ถ้าท่านใดมีตัวเลขมาอธิบาย แล้วแสดงให้เห็นว่ามันสามารถเป็นจริงได้ ก็ยินดีครับ...
ขอ tag แค่นี้ ไม่ขอ tag ห้องการเมืองนะครับ
ขอบคุณครับ